อะไรคือตัววัดการเขียนเก่งและไม่เก่งค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
12 ความคิดเห็น
แต่ละคนนิยาม "ความเก่ง" ไว้ไม่เหมือนกันนะครับ บางคนก็ว่าเก่งหมายถึงได้ตีพิมพ์ มีชื่อเสียงโด่งดัง บางคนก็อาจเป็นแค่ความสามารถในการสื่อให้ใครก็ตามที่อ่านงานของเราแล้วหัวเราะ,ร้องไห้ หรือซาบซึ้งใจไปกับงานเขียนได้
เหมือนกับความหวัง และความคาดหวัง ที่แต่ละคนก็มีไม่เท่ากัน จะวัดจากรสนิยมของแต่ละคนก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะไม่มีใครชอบหรือไม่ชอบอะไรเหมือนกันไปหมด บางคนอาจอ่านนิยายปลายแถวแล้วสนุกกว่านิยายติดอันดับก็มีเยอะแยะไปนะครับ
ทีนี้มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ถ้าถามผมว่าเขียนเก่งในความคิดผมคืออะไร?
"สำหรับผมแล้วคนที่เขียนเก่งคือคนที่สร้างผลงานออกมาได้น่าประทับใจ อ่านแล้วหยุดอ่านไม่ได้ งานนั้นให้ประโยชน์ต่อผู้อ่าน มีทั้งความสนุก สาระ และข้อคิด-คติสอนใจแฝง มอบความรู้คู่ความบันเทิงผสานกันไปได้อย่างแนบเนียน ไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าถูกยัดเยียด มีความสมเหตุสมผลในเนื้อหา ไม่ชักนำผู้อ่านสู่อบาย ทั้งเรื่องความรุนแรง เพศ และภาษา สร้างผลงานได้ต่อเนื่องไม่ทิ้งงาน มีวินัยในการแต่งนำเสนอเรื่องราวได้จนถึงตอนจบ"
เนี่ยล่ะครับคำว่าเขียนเก่งของผมล่ะ
โอย ความคาดหวังสูง
พี่ทำผมรุ้สึกเป็นคนเลวไปเลย .___.
1-1 # ซะงั้น
ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่สิ่งที่เน้นที่สุดคงเป็นการทำให้คนอ่าน "สนุกจนอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ และยอมลงทุนอ่านซ้ำไปซ้ำมาได้อีกหลายๆรอบไม่รู้เบื่อ" ถ้าทำไม่ได้ผมก็ยังไม่เก่งครับ55
ส่วนตัวรู้สึกว่านักเขียนที่เก่งคือนักเขียนที่สร้างงานละเอียดค่ะ
อธิบายยากอยู่ "งานละเอียด" เป็นคนละเรื่องกับการบรรยายลงรายละเอียดนะคะ ง่ายๆ ก็คือ ทุกการกระทำของตัวละคร ทุกฉากทุกเหตุการณ์ ทุกบทสนทนา ไม่เว้นแม้แต่มุมมองที่ใช้เขียน ทุกอย่างนั้นล้วนมีความหมาย ล้วนผ่านกระบวนการคิดจากคนเขียนมาแล้ว
"งานละเอียด" จึงเป็นงานที่กว้างขวางมาก คำอธิบายที่นึกได้ตอนนี้คือ หยิบมาอ่านกี่ครั้งก็เห็นอะไรใหม่ๆ ตลอด จะอายุเปลี่ยนไปแค่ไหนก็เหมือนเห็นสิ่งที่อยู่ในงานเขียนชิ้นนี้ได้ไม่หมดสักที ประมาณนี้น่ะค่ะ
สำหรับเรา นักเขียนที่เก่ง ไม่จำเป็นต้องเขียนงานที่เราชอบ บางเรื่องแทบจะชีวิตบัดซบตามตัวละคร แต่เราก็ยังยอมรับว่าเขาเขียนเก่ง ในทางกลับกัน คนเขียนที่เขียนเรื่องสนุก เรายอมรับว่าเขามีความสามารถที่เขียนได้แบบนี้ แต่ในความสนุกนั้น เราอ่านแค่ครั้งเดียวแล้ววาง ไม่คิดจะหยิบมาอ่านอีกเพราะมันไม่มีอะไร ตีหัวเข้าบ้านจบ สำหรับเราเลยไม่ได้มองว่าเก่งน่ะค่ะ
คำนิยามแต่ละคนไม่เหมือนกันเนาะ :)
"งานละเอียด" ผมเข้าใจว่าเป็น "ความเอาใจใส่" ของคนเขียนคงไม่ผิดใช่ไหมครับ
ถ้าใช่ ผมเห็นด้วยทุกประการเลยครับ จะเขียนฉากบางฉากได้ผมเคยต้องหาข้อมูลจนเต็มแฟลชไดร์ฟ แต่บอกตามตรงครับเมื่อเขียนฉากนั้นออกมาแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเป็นคนเขียนเอง ถึงจะเสียเวลาไปมาก แต่ไม่รู้สึกเสียดายเลย
ความเอาใจใส่เป็นส่วนหนึ่งค่ะ แต่คำว่าละเอียดสำหรับเราความหมายมากกว่านี้ เพราะเรามองว่าเรื่องความเอาใจใส่ในผลงานตนเอง คนเขียนทุกคนเอาใจใส่อยู่แล้ว นั่นคือ สิ่งพื้นฐานที่นักเขียนแต่ละคนพึงมี
ความละเอียดคือความลุ่มลึกที่มาจากการวางหมากหลายซับหลายซ้อน โดยเฉพาะการแสดงถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละคร และคนเขียนก็มีทักษะมากพอที่จะแสดงความคิดของตัวเองออกมาเป็น story โดยที่ไม่ทำให้สูญสารที่ต้องการสื่อไป
ความซับซ้อนก็คือ คนที่อ่านได้ระกดับผิวก็อ่านได้ด้วยความรู้สึกโอเค คนที่มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นก็สามารถโอเคกับสารระดับกลาง และคนอ่านปรมาจารย์ หรือคนอ่านที่มีประสบการณ์ชีวิตลึกซึ้งก็สามารถอ่านได้โอเคกับสารระดับลุ่มลึก ทั้งที่หยิบหนังสือเล่มเดียวกัน
คนเขียนที่สร้างงานประเภทนี้มักมีประสบการณ์การเขียน ประสบการณ์ชีวิตที่มองคน มองโลกมาไม่น้อย เป็นประสบการณ์ที่บางครั้งนักเขียนรุ่นเยาว์ไม่สามารถทำได้เพราะขาดประสบการณ์ชีวิต แต่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีความสามารถนะคะ เพียงแค่สำหรับเรา พวกเขายังไม่อยู่ในจำพวก "เก่ง" ในความรู้สึกของเรา แต่พวกเขาเป็นคน "เก่ง" เมื่อเทียบกับอายุน่ะค่ะ
จะว่าไป เราก็เคยอ่านงานของนักเขียนเก่งที่อายุไม่มากนะคะ ประเด็นคือ คนเขียนเป็นคนช่างสังเกต ความคิดละเอียดอ่อนมากจนสามารถจับบางสิ่งบางอย่างที่คนทั่วไปมองข้าม แบบนี้ก็มีเหมือนกัน
เป็นการอธิบายความคิดของตัวเองที่ยากอยู่เพราะมันนามธรรมมากๆ บางคนอาจถามว่าแล้วอะไรคือความลุ่มลึกที่เราหมายถึง เราก็บอกไม่ได้ชัดเจนอีกแต่เรารู้ว่ามันมีน่ะค่ะ
สุดท้ายก็เป็นเพียงความคิดเห็นของเราเอง ไม่ได้มีหลักการอะไรมารองรับเพราะไม่มีใครสร้างตัวชี้วัดความเก่งขึ้นมาจริงๆ ความเก่งในความคิดเรามันก็แค่ลอยอยู่ตรงนั้น ไม่ขึ้นอยู่กับอายุคนเขียน ไม่ขึ้นอยู่กับชาติพันธุ์หรือภาษาไหน (แต่เราชอบอ่านเวอร์ชั่นออรินจินะ ถ้าแปล สารของคนเขียนจะหายไปบางส่วน) แค่เอื้อมถึงเส้นที่เราตั้งไว้ เราก็จะนับถือว่าเขาเป็นนักเขียนที่เก่งน่ะค่ะ
อ่านสิ่งที่คุณอธิบายแล้วทำให้มองเห็นอย่างหนึ่งครับ
ถึงทุกคนจะมีนิยามคำว่า "เขียนเก่ง" ต่างกัน
แต่ตัวชี้วัดที่ทุกคนใช้ร่วมกันมีอย่างเดียว "คนอ่าน"
ทุกความเห็นจากคำตอบของทุกคนทั้งกระทู้มารวมอยู่ที่จุดเดียว "คุณค่าที่คนอ่านมองเห็นในงานเขียนชิ้นนั้น" ถ้ามองมุมกลับแล้วบอกว่า "คนเขียนเก่ง...คือคนที่สามารถสร้างผลงานซึ่งมีคุณค่า" ก็คงไม่ผิดนัก
เล่าง่ายๆ
เข้าใจง่ายๆ
------ แค่นี้ก็เก่งแล้ว
เขียนสนุก
เขียนตื่นเต้น
เขียนเร้าอารมณ์
------- เก่งมาก
พล็อต โค-ตะ-ระ แปลก แถมยังน่าติดตามอีกต่างหากๆ + ความสามารถของข้อบนๆ
------- โค-ตะ-ระ เก่ง จนอยากจะไปถามว่ากินอะไรเป็นอาหาร (อัจฉริยะ)
มันวัดกันไม่ได้หรอกครับ[เขียนเก่ง]น่ะ เพราะมันจับต้องไม่ได้ เพราะงั้นสิ่งที่เรียกว่า[เขียนเก่ง]ของเเต่ละคนจึงไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
บางคนอาจคิดว่าเขียนเก่งหมายถึง[ภาษาดี สื่อความหมายได้ยอดเยี่ยม เข้าใจง่าย]
อีกคนก็อาจบอกว่า [เนื้อเรื่องเทพ เห็นภาพ เเละเร้าใจ]
เเต่สำหรับผมเขียนเก่งหมายถึง
นักเขียนที่ใช้ภาษาได้ถูกต้อง เขียนให้เราติดหนึบไปกับมันอยู่ตลอดเวลา เเละมีเนื้อหาที่ลึกซึ้ง สุดยอด ครับผม
'คนเขียนเก่ง' เราต้องไปอ่านงานเขาครับ แต่ถ้า 'คนอวดเก่ง' ต่อให้เราอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาก็จะมาแสดงความเก่งกาจของเขาให้เราดูเองครับผม
--- Louis Forest 2017
ผมชอบทั้ง "คนอวดเก่ง" และ "คนเขียนเก่ง" เลยครับ
เพราะไม่ว่าจะเจอคนแบบไหน ก็คงเข้าไปอ่านงานพวกเขาแล้วขโมยเทคนิคมาให้ได้ ถึงบางครั้งจะน่าหมั้นไส้เล็กน้อยถึงมากที่สุดก็ตาม55
แต่
"คนที่ทำเหมือนเก่ง" คนจำพวกนี้จะไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ บวกด้วยความน่ารำคาญสุดๆ
นักเขียนทุกคน "อยากเก่ง" แต่คงเหมือนนักวิทยาศาสตร์ไม่ว่าจะมีเทคนิคแค่ไหนก็คงไม่มีใครยกยอตัวเองว่า "เก่งแล้ว" ได้
อีกอย่างผมชอบ "คนอวดเก่ง" จริงๆนะครับ เพราะพวกเขาจะยอมหงายไพ่ทุกใบที่มีอยู่เพื่อทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาเก่งจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยความมีน้ำใจหรือต้องการอวดตัวก็ตาม
ผมเห็นด้วยครับ ขอแต่งกลอนหน่อย //หยิบกู่ฉิน
อันว่าทำเหมือนเก่ง...จะเที่ยวอวดเบ่งว่าข้า
ปมด้อยเจ้าแต่ใดมา...ทำไหมหนาต้องอวดดี
หรือคนคมในฝัก...จำอกหักเพราะพวกพี่
เปิดเข้ามาเว็บเด็กดี...ต้องทุกทีเจอคน...
สายกู่ฉินขาด แต่งต่อไม่ได้แล้วครับ คำสุดท้ายคิดไม่ออก ผมขอตัวลา
Louis Forest
ผมเห็นด้วยครับ ขอแต่งกลอนหน่อย //หยิบกู่ฉิน
อันว่าทำเหมือนเก่ง...จะเที่ยวอวดเบ่งว่าข้า
ปมด้อยเจ้าแต่ใดมา...ทำไหมหนาต้องอวดดี
หรือคนคมในฝัก...จำอกหักเพราะพวกพี่
เปิดเข้ามาเว็บเด็กดี...ต้องทุกทีเจอคน...
สายกู่ฉินขาด แต่งต่อไม่ได้แล้วครับ คำสุดท้ายคิดไม่ออก ผมขอตัวลา
Louis Forest
ผมเห็นด้วยครับ ขอแต่งกลอนหน่อย //หยิบกู่ฉิน
อันว่าทำเหมือนเก่ง...จะเที่ยวอวดเบ่งว่าข้า
ปมด้อยเจ้าแต่ใดมา...ทำไหมหนาต้องอวดดี
หรือคนคมในฝัก...จำอกหักเพราะพวกพี่
เปิดเข้ามาเว็บเด็กดี...ต้องทุกทีเจอคน...
สายกู่ฉินขาด แต่งต่อไม่ได้แล้วครับ คำสุดท้ายคิดไม่ออก ผมขอตัวลา
Louis Forest
อ้าว! ระบบรวน //เผ่น!
55ผมไม่มีหัวเข้าใจทางด้านบทกลอนเลยด้วย
ผมไม่ได้มีเจตนาจะแย้งความเห็นคุณแต่อย่างใด แต่บางครั้งความหมายมันค่อมกันอยู่ ระหว่าง "คนที่รู้ไม่เต็มที่แต่มีน้ำใจอยากตอบอยากช่วย" กับ "คนอวดเก่ง" และหลายครั้งการรู้ไม่เต็มที่อาจทำให้พวกเขาดูอวดเก่งเป็นบางครั้งในสายตาของใครบางคน
คนทั้งสองแบบนี้เหมือนกันตรงที่พวกเขาจะยินดีแสดงสิ่งที่รู้โดยที่เราไม่ต้องอ้อนวอน หรือบางครั้งอาจเป็นเวลาที่เราอยู่เฉยๆ มันดูคล้ายกับประโยคที่คุณยกมาโดยไม่ได้แบ่งแยกคนสองแบบนี้ออกจากกัน
"แต่ถ้า 'คนอวดเก่ง' ต่อให้เราอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาก็จะมาแสดงความเก่งกาจของเขาให้เราดูเองครับผม"
ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ผมแค่พยายามจะสื่อ "คนสองแบบที่ว่า" พวกเขามีความคล้ายคลึงกันในประโยคที่คุณยกมา "พวกหนึ่งน่าหมั้นไส้เล็กน้อย" "อีกพวกอาจถูกเข้าใจผิดบ้างบางครั้ง" แต่เรื่องที่พวกเขาทำประโยชน์ต่อคนอื่นคงปฏิเสธไม่ได้ แน่นอนว่าคุณไม่ได้เหมารวมพวกเขา เพียงแต่ผมต้องการเน้นย้ำเท่านั้น
ผมแค่คิดว่าคนเราสามารถมองหาข้อดีของคนอื่นได้ แม้ว่าใครบางคนจะไม่แสดงมันออกมาก็ตาม และเมื่อเรามองเห็นข้อดีของใครบางคน สุดท้ายเราจะสามารถนำมันมาเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป
หลายครั้งผมมีปัญหาในการเขียนและขอความช่วยเหลือในบอร์ด น่าแปลก ที่คนตอบคำถามข้อข้องใจส่วนหนึ่งจะเป็น "คนสองแบบที่ว่า" มีน้อยครั้งมากที่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ "เขียนเก่งจริงๆ" จะบอกว่า "คนอวดเก่งและคนมีน้ำใจหลายท่าน" ช่วยผมเอาไว้ก็ไม่ผิด
หากมองในมุมกลับพวกเขายังทำประโยชน์ต่อคนอื่นได้อย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่ค่อยน่าชื่นใจเท่าไหร่ในกิริยาอาการที่แสดงออกเป็นบางครั้ง แต่เท่าที่ไม่ได้ว่าร้ายทำความเดือดร้อนให้ใคร ผมยังอยากได้ความช่วยเหลือจาก "คนอวดเก่งและคนมีน้ำใจ" ทุกคนอยู่
เพราะคนที่ทำประโยชน์ต่อคนอื่นไม่ควรหมดกำลังใจที่จะทำต่อไป นอกเสียจากว่าบางคนจะล้ำเส้นสร้างความเดือดร้อน อย่างหลังคงต้องว่ากันไปตามกรณี
ขอโทษครับถ้าทำให้ใครไม่พอใจ
ผมไม่ได้อะไรหรอกครับ ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะครับ
จริงๆ คนเก่งแนะนำนั้นดีครับ ต่อให้เขาอวดเก่งก็ตาม ผมเห็นด้วย และพวกอวดเก่งแล้วไม่ช่วยอะไร อันนั้นผมก็ไม่อะไรนะ มันสิทธิ์ของเขา เอาเข้าจริง คนเก่งที่เขาวางเฉย คุณก็ยังไปหาอ่านหาดูงานเขาได้ครับ แต่นั่นแหละ ผมก็ไม่อะไรเช่นกัน
ผมขอฝึกฝนให้เก่งก่อน เพราะถึงวันนั้น (ถ้ามันจะมีน่ะนะ) ผมอาจจะเป็นอะไรก็ไม่รู้เหมือนสินะ
ถ้านักเขียนคิดว่า นืยายที่ตัวเองเขียนดีแล้ว เก่งแล้ว
นักเขียนคนนั้น จบแล้วครับ
เพราะเค้าจะย่ำอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้าไปใหนแล้วครับ
ยิ่งนักเขียนปากดี อนาคตยิ่งจบไวครับ
หากถามว่า "ตัวชี้วัดของการเขียนเก่งคืออะไร?"
ผมว่า "เราไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ" ก็ได้นี่ครับ
สิ่งสำคัญคือ "เราเขียนเพื่ออะไร?"
ยังไง...คงไม่มีใครเริ่มเขียนนิยายเพราะอยากถูกเรียกว่า "เขียนเก่ง" อยู่แล้ว
พอมัวแต่คิดว่าอะไรคือ "ตัวชี้ว่าเขียนเก่ง" ก็เลยลืม "สิ่งสำคัญ" ไปนะครับ
"เก่งไม่เก่ง" ช่างมันเถอะ แค่ "เขียนให้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ก็พอ"
เนื้อเรื่องแปลกใหม่ น่าติดตาม สำนวนลื่นไหล มีสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจน
สำหรับผมแค่นี้ก็ถือว่าเก่งแล้วครับ
อธิบายยากเนาะ แต่ถ้าอ่านแล้วจะรู้สึกได้ว่าคนนี้เก่ง อธิบายละเอียดๆยากมาก
แต่สรุปง่ายๆว่า
"เอาคนอ่านอยู่" คำนี้เลยค่ะ
ตัวชี้วัดว่าเขียนเก่งหรือไม่หรอ...
คงเป็น ความสามารถในการสื่อความได้ตรงความที่คิดไว้อย่างครบถ้วน รวมถึงความละเอียดละออในการใช้คำศัพท์อย่างถูกต้องตามบริบทและพจนานุกรม..ละมั้งนะ
ฮะ? เข้าใจยาก? งั้นเป็น.. เก่ง "ภาษาไทย" ใช้ได้ถูกต้องตามหลักภาษาและสื่อสารกับนักอ่านได้อย่างครบถ้วน ..ครับ
เพราะภาษาไทยนะ เรียนยาก ใช้ยากครับ (ไม่ได้ประชด) ไม่มีแกรมม่าตายตัว กลายเป็นช่องว่างที่ใครต่อใครก็หยิบไปใช้อ้างได้ว่าไม่เก่งภาษาไทย อีกทั้งภาษาไทยเป็นภาษาแบบพ่อค้า ดิ้นได้ยิ่งกว่าปลาไหล ประโยคหนึ่งเรียงลำดับคำต่างกันนิดความหมายก็เปลี่ยนได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดศรีธนญชัยขึ้นมา //นี่เป็นผลสรุปจากจากการ discuss ในกลุ่มเพื่อนผมเอง
ดังนั้น การ "เก่งภาษาไทย" ก็น่าจะสามารถใช้เป็นชี้วัดว่าเขียนเก่งได้ครับ
จิตนาการ + ความรู้ + แปลกใหม่ + สำนวน สำหรับเรามีแค่นี้ค่ะ ที่เหลือคือตัวเสริม
แต่ละคนให้นิยามของคำว่า 'เขียนเก่ง' ได้ไม่เหมือนกันค่ะ สำหรับเรา เขียนเก่งคือการใช้สำนวนภาษาลื่นไหล อ่านไม่สะดุด พล็อตเรื่องลึกซึ้ง เชื่อมโยงกัน และสุดท้ายเลยคือ สอดแทรกข้อคิดดีๆไปในเรื่อง
แต่สุดท้ายแล้ว ความเขียนเก่งมันไม่มีจุดสิ้นสุดค่ะ เมื่อไหร่ก็ตามที่นักเขียนคิดว่า ตัวเองเขียนได้เพอร์เฟค นั่นหมายถึงความล่มจมค่ะ เพราะนักเขียนคนนั้นจะไม่พัฒนาอะไรต่อไปเลย แล้วก็หยุดตัวเองไว้ด้วยคำว่าเก่ง สิ่งสำคัญคือทำให้ตัวเองรู้สึกว่าทำเต็มที่แล้วในตอนนั้น รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่มากที่สุดแล้วเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คำว่าเก่งก็ตาม
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?