จะขึ้นม.5 ควรคิดเรื่องแอดมิดชั่น??
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
21 ความคิดเห็น
ไม่รีบนะ ม.5ควรเริ่มวางแผนและอ่านหนังสือได้แล้ว
ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียนนะคะ แต่อย่าเครียดจนเกินไป อย่าลืมว่าเกรดที่โรงเรียนก็สำคัญ สู้ๆค่ะ
ลองหาในกูเกิ้ลดูนะคะมีหลายเว็บเลยคะ ลองอ่านดูว่าม.6ต้องสอบอะไรบ้างคะสู้ๆนะคะ
ขึ้น ม.5 ไม่เร็วไปกำลังดีครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวเลยครับเริ่มอ่านตอนขึ้นม.6 พบว่าอ่านไม่ทันครับ เเน่นอนด้วยได้เเค่เนื้อหาส่วนโจทย์นั้นเเทบไม่มีประสบการเลยทำให้เวลาสอบไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คะเเนนไม่เเย่เเต่ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าให้ดีควรเก็บเนื้อให้จบภายในก่อนเปิดเทอมม.6 ครับ ส่วนเวลาที่เหลือฝึกโจทย์จะทำให้ได้คะเเนนดีเท่าที่ควรครับ
แพลนไว้และลงมือทำเลย เพราะเด็กแบบมอปลายเราไม่มีครูรร.ไหนปราณีเราหรอก พี่เตรียมม.5เทอม2ไม่ทันถึงกับต้องเรียนซัมเมอร์ตอนขึ้นม.6+เรียนพิเศษส,อาตอนม.6เทอม1 ตอนนี้พี่ติดม.ดังของภาค เทียบกับเพื่อนพี่คนนึงเตรียมม.4ฝึกแกทเชื่อมโยงละก็เห็นนางทำข้อสอบแพทย์ช่วงม.5ละนางติดสายวิทย์สุขภาพม.ท๊อบประเทศ เห็นความแตกต่างมาก55 **สำคัญคือ คิดให้ออกว่าจะเรียนคณะสาขาไหน ทำงานไร เพราะจะมีคนถามแน่นอนเช่น เพื่อนพ่อแม่ญาติพี่น้องยันมนุษย์ป้าแถวบ้านจ้า55 สู้ๆเหนื่อยกว่าเพื่อนหน่อย แต่มันคุ้มมากค่ะ
ไม่เร็วลูก ตอนพี่พี่เริ่มหาข้อมูลตั้งแต่ม.4 และเริ่มอ่านหนังสือตอนม.5เป็นต้นมา. ออกตัวก่อนมีสิทธิ์กว่า
รีบตรงไหนวะไม่รีบหรอก กำลังพอดี
พี่ว่า ไม่เร็วไปหรอกค่ะ พี่คิดว่าควรจะเตรียมตัวตั้งแต่ปิดเทอมขึ้น ม.5 นี่แหละค่ะ น้องก็น่าจะรู้ว่าการบ้านไม่เคยปราณีใคร 55555 แถมกิจกรรมช่วง ม.6 เยอะมาก การบ้านก็เยอะตามไปด้วย จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ แบบนี้ดีแล้วจ้า
การเตรียมตัวก่อนเข้าสู่สนามรบ(พี่ขอเรียกแบบนี้เนอะ 5555)ยิ่ง มีข้อมูล มีแผน มีความฝัน มีเส้นทางที่เราเลือกเอง มีเวลาเตรียมตัวเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อตัวเองค่ะ ส่วนเพื่อนๆก็ปล่อยเขาไปก่อนเดี๋ยวพอถึงเวลาก็รู้เองล่ะ
แต่ก็อย่าลืมทำเกรดให้ดีๆนะคะ ขยันๆส่งงานที่อาจารย์ให้ทำ แล้วลองถามตัวเองดูค่ะว่าอยากเรียนอะไรในระดับมหาลัย ขอให้โชคดีนะคะ
#dek59 #เด็กซิ่ว60
เอาตามประสบการณ์พี่นะ น้องไปคิดว่าในอนาคตน้องอยากทำอะไรก่อน แกทแพทน้องโยนทิ้งไปไม่ต้องคิดใช้ชีวิตวัยรุ่นในการตามหาตัวเองให้เจอ พี่หนึ่งคนที่เตรียมตัวสอบเข้ามาตั้งแต่ม.4 เรียนติว อ่านแต่หนังสือไม่มีเวลาหาเลยว่าตัวเองชอบอะไรที่สุดกันแน่ ตอนนี้เข้ามหาลัยได้คณะที่เขาว่าการแข่งขันสูงและคนอยากเข้ามากที่สุด แต่พี่เริ่มรู้สึกว่าอาชีพนี้ มันก็ยังไม่ใช่ความสุขของพี่ 100% ดังนั้นน้องอย่าสูญเสียโอกาสแบบพี่ไป วัยรุ่นมีครั้งเดียว
สภาพเดียวกันเลยนะ ม.5เหมือนกัน ครอบครัวก็ถามแบบนี้เหมือนกัน เพื่อนก็บอกแบบนี้เหมือนกันเลย
หาตัวเองให้เจอเเล้วเริ่มได้เลยนะจริงๆ ที่เจอมาคือเพื่อนที่บอกว่า รีบไปไหมเพิ่งม.5 และมันก็อ่านไม่ทัน ตอนนี้คือ ยังไม่รู้จะไปไหน คือแอดคนละสายกันเลยอ่ะ ที่คิดว่าเรียนได้
ค้นหาตัวเองก่อน มีโอกาสสอบติดคณะในฝันก่อน
ถ้าเราหาตัวเองเจอแล้วแล้วเรามั่นใจว่ามันใช่ที่สุดแล้วก็ลุยเลยค่ะ อย่างที่คห.อื่นๆบอกคือเริ่มเร็วกว่าก็ได้เปรียบ
ส่วนตัวเราเองคือเตรียมตัวตอนปิดเทอมขึ้นม.6ซึ่งมันไฟลนก้นมาก ทำโจทย์จริงๆจังๆอยู่ไม่กี่เดือนก่อนสอบ มันเครียดมากจริงๆค่ะ พอคะแนนออกมาก็ไม่ได้เลวร้ายแต่ไม่ถึงที่หวังเอาไว้
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ :)
ถ้ากล่าวโดยรวมคิดว่าไม่เร็วเกินไปค่ะ ถ้ารอเริ่มอ่านตอน ม.6 มันน่าจะวุ่นวายมากๆ กำลังดีด้วยซ้ำ มันขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยค่ะ ถ้าคิดว่าอยากได้เนื้อหาแน่นๆ จำแม่นๆ ก็เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เลย แต่ถ้าเป็นคนหัวดีหน่อยคิดว่าอ่านตอนไหนก็ทัน ก็ตามชอบ ตามพร้อมเลยค่ะ สู้ๆ
เราคนนึงที่กำลังจะขึ้นม.5.
ส่วนตัวเราคิดว่าตอนนี้ควรหาตัวเองให้เจอว่าเราชอบอะไรจริงๆ
และก็หาข้อมูลว่าระบบใหม่เป็นอย่างไร และคณะที่เราอยากเข้าต้องสอบไรบ้าง แต่หนังสืออ่ะอย่างที่คคห.ด้านบนบอกว่ายิ่งเริ่มเร็วยิ่งมีสิทธิ แต่เอาจริงๆเราคนนึงที่ยังไม่เริ่มอ่านหนังสือเลย5555555555ขก.อารมประมานว่าปิดเทอมตรูอยากพักผ่อนไรงี้455
ไม่หรอกครับน้อง ตอนพี่อยู่ม.ปลายอ่ะครับ พี่เริ่มคิดไตรตรอง ตั้งแต่ม.4 ครับว่า เห้ย เราจะไปทางไหนดี แล้วแต่ละทางใช้อะไรบ้าง พี่ว่าการที่เราเริ่มก่อน ว่าจะทำอะไรยังไง พี่ว่ามันเป็นข้อได้เปรียบ ถ้าเราไม่เริ่ม หรือเริ่มช้า สิ่งที่เราอยากได้อาจไม่สมหวัง คิดง่ายๆครับ ตอนน้องจะซื้อของ แต่ว่าใช้ตั้งเดือนหน้า ถ้าน้องรู้ว่าของนั้นมีโปรโมชั่นเดือนหน้า น้องก็จะซื้อเดือนหน้าต่างกันครับ ถ้าน้องไม่รู้ว่าเดือนหน้ามีโปรโมชั่นน้องก็จะซื้อมาเลย
สู้ๆครับ
"เร็วไปครับ อ่านก่อนลืมก่อน" เชื่อมัยครับ ถ้าเชื่อก็รอขึ้น ม.6 ค่อยอ่าน "ช้าไปครับ เริ่มที่หลัง คนอื่นที่จะเข้า ม.ดังๆ คะแนน สูงๆ เค้าอ่านกันตั้งแต่ ม.4" เชื่อมัยครับ ถ้าเชื่อก็เริ่มอ่านได้เลย .... สรุปทุกอย่างขึ้นกับตัวน้องเองครับ เราต้องรู้จักตัวเองดีพอ แต่ที่สำคัญการเรียนในห้องเรียนต้องเน้นให้มากเช่นกัน เกรดควรเกิน 3.5 ขึ้นไป ... โชคดีครับ
ขึ้นม.5เหมือนกัน แวบมาให้กำลังใจ เอาจริงๆเราอ่านหนังสือตั้งแต่ขึ้นม.ปลายเลย ถูกบ้างผิดบ้าง (ผิดเยอะกว่าแหละ) แต่เก็บไปเรื่อยๆ อ่านข่าวการศึกษาตลอด เราต้องสอบอะไรบ้าง มีที่ไหนเปิดสอบบ้าง ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสมากกว่าคนอื่น แต่ถ้ามีเพื่อนมาถามเรื่องนี้เราจะสนุกมากเหมือนเราสวมบทครูแนะแนว555555
สู้ไปด้วยกันนะ
ขอเล่าเรื่องตัวเองนิดนึงเผื่อเป็นแนวทางให้คนอื่นจ้าาา
เราขึ้นม.5เหมือนกัน พอดีว่าเราเรียนโครงการgiftedด้วย
คือเรารู้ตัวตั้งแต่ช่วงม.ต้นละว่าอยากเป็นหมอ พอช่วงปิดsummerม.3ขึ้นม.4เราเริ่มเรียนล่วงหน้าเลยเเบบตามเก็บเรื่อยๆอ่ะแต่ไม่ชิวนะ คือเเพลนเราอ่ะจบช้าสุดในม.5 คือ ตอนนี้เราก็จบเนื้อ หาคณิต เคมี ชีวะแล้ว เริ่มลงคอร์สentบางวิชาแล้วก็เร็วเกินที่คิดไว้ ต่อจากนี้เราก็มีแพลนทำโจทย์ ส่วนไทย สังคม เรารอเก็บตอนม.6แบบเรียนจบก็พร้อมสอบเลยอ่ะ
ส่วนเรื่องข่าวสาร คนที่รู้ดีคือรุ่นพี่ที่ รร. รู้มากกว่าครูบางคนอีก ลองหาเวลาไปนั่งคุยกับพี่ที่เก่งๆดู ได้อะไรเยอะ
เอาจริงๆ ป้าคุยกับลูกตั้งแต่ ม.3 ด้วยซ้ำ เอาแค่ว่าอยากทำงานแบบไหน เพื่อเป็นแนวทางเลือกสายการเรียนตอน ม.ปลาย ถ้าไม่คิดจะทำงานเกี่ยวกับวิทย์ ก็ไม่ต้องเรียนสายวิทย์-คณิตให้เสียเวลา
พอขึ้น ม.ปลาย ก็มาค้นหาตัวตนจริงๆ ว่าอยากทำงานอะไร ศึกษาว่าอาชีพนั้นๆ ต้องทำอะไรบ้าง เราจะอยู่กับอาชีพนี้ตลอดชีวิตได้มั้ย
ส่วนเรื่องการอ่านหนังสือเตรียมสอบ หรือการเรียนพิเศษ ก็แล้วแต่จ้ะ บางคนเรียนในห้องเข้าใจก็ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษอะไร อย่างลูกป้าก็ไม่ได้เรียนพิเศษ เพราะป้าไม่มีตังจ่ายค่าคอร์สเยอะๆ 555
ยังไงก็เริ่มได้แล้วนะ พอขึ้น ม.6 อะไรๆ มันจะเร็วมากนะลูก สู้ๆ จ้า
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?