Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จะม.6 แล้ว ยังไม่ได้เตรียมตัวเรื่องมหาลัย ทำไงดี! เข้าห้องสมุดสิคะ อยากรู้มานี่

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่าาาา วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงกันเลยเรื่องการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยนั่นเอง
อาจจะมีคำพูดไม่ดีบ้างนะคะ
มาเริ่มกันที่
ตอนนั้นเราเป็นเด็กวัยมัธยมผมเปียไร้ซึ่งความรู้เรื่องการเข้ามหาลัย เกรดห่วย ชีวิตประจำวันคือตื่นเช้าไปเรียนซึ่งก็เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่ขาดไม่สายแต่ไม่สนใจ ลั้นลากับเกาหลี เป็นติ่งไร้ตัง ทุกอย่างคือสุดยอดแห่งไม่สนใจเรียนเลยยย
จนกระทั้งปิดเทอมม.5 กำลังจะขึ้นม.6 ก็ยังไม่สำนึก
ยังงงงง ยังคิดไม่ได้
คิดนะว่า อยากเข้าอันนี้ ฉันจะเรียนที่นี่ จะทำอย่างนี้อย่างนั้น เห้ยๆๆๆ เดี๋ยว แต่ไม่ลงมือทำว่ะค่ะ หนังสือหนังหาไม่อ่าน เข้าห้องไปเรียนก็เรียนไปงั้นอ่ะให้จบวันไป
จนวันนึง....แม่เริ่มถามว่าอ่านหนังสือบ้างรึยัง เอ้าาาา ก็ตอบว่าอ่านแล้วสิคะ ตอบว่าไม่อ่านก็โดนด่าดิ แม่เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาลัยเอกชน มหาลัยที่เข้าง่ายๆ เอาตรงๆคือแม่คิดว่าชะนีนางนี้สอบไม่ติดแน่ๆ เอาสิคะ เริ่มฉุกคิด
เห้ยยย นี่เราถึงขั้นต้องให้แม่มาหาข้อมูลเลยเหรอวะ ไม่ใช่ละ ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้สอบ gat-pat  ด้วย เริ่มคิดละ หันมามองตัวเองเปรียบกะเพื่อน เหมือนเพื่อนกำลังวิ่งเข้าไปหาเส้นชัย ส่วนเรายังแกะความขี้เกียจไม่ออกเลยอ่ะ ยังไม่เริ่มเดินเลย เริ่มคิดได้ว่า เออ ยังไม่เคยพยายามอะไรเลยวะ ควรจะเริ่มได้ละนะ
วันแรกที่คิดได้ เริ่มอ่านหนังสือหนักขึ้น หาหนังสืออ่าน ความรู้ที่ดีที่สุดคือหนังสือ อ่านมันเข้าไปให้จำ หัดทำโจทย์ต่างๆมากขึ้น เออแม่งเหนื่อยอ่ะ เริ่มจะไม่เอาละ การเอาชนะตัวเองแม่งยากนะ ทีนี้เลยเริ่มหาเป้าหมาย จะเข้าอะไร จริงๆจัง อยากเรียนที่ไหน ต้องสอบอะไรบ้าง เป้าหมายตรงๆนี้ต้องเอาให้ชัดเอาให้สุด ให้ตัวฉุดความเจริญมันออกไปนะ

หลังจากสอบ gat-pat
เปิดเทอมที่2
จริงจังกับตัวเองมากขึ้น โรงเรียนเราจะมีพักเล็กช่วง 10.20 เราจึงใช้ช่วงเวลานั้นกินใหอิ่มๆ แล้วพอพักเที่ยงเราก็ไม่ไปโรงอาหาร ที่สิงสถิตคือห้องสมุด เข้าห้องสมุดทุกวัน ไม่ใช่ว่าจะต้องอ่านหนังสือเรียนอย่างเดียวนะ เอาจริงๆแล้วหนังสือทุกเล่มมีแฝงแนวคิดดีๆอยู่ในนั้นเยอะมาก  เอาจริงๆคือถ้าพวกคุณไม่มีกำลังใจจะอ่าน หาค่ะ หาเลยพ่อแม่ พี่ แฟน เพื่อน อะไรก็ได้ที่ช่วยกระตุ้นตัวเองอ่ะ ติ่งก็เอากำลังใจจากตรงนั้นมาได้นะ แต่เราเลือกที่จะเปิด ดร.ป๊อบ อ่านหนังสือของเฮียเค้า เออ มันช่วยได้นะ บางอย่างอ่านแล้วแทงใจดำนะ แต่ต้องอ่าน เตือนสติตัวเองหน่อย ดึงสติกลับมาค่ะ
จริงๆแล้วเราแนะนำให้เข้าห้องสมุดทุกวันนะ มันเงียบ เข้าไปอย่างน้อยก็ต้องอ่านสัก 1 เล่มละวะ หลังจากนั้น เราก็หาหนังสือที่สนใจ ยืมหนังสือกลับบ้านไปอ่าน เคยลืมคืน เสียค่าปรับกระเป๋าเบาเลยทีเดียว 
พออ่านหนังสือคราวนี้ก็มาดูว่าที่อ่านมันตรงกับที่เราต้องใช้จริงๆหรือเปล่านะ คณะที่เราจะเข้าคือศิลปศาสตร์ เกี่ยวกับการใช้ภาษา ต้องสอบตรง โอ้โห ไปดูข้อมูลการสอบมา แม่เจ้า ต้องเขียนเรียงความภาษาอังกฤษด้วย อิฉันผู้ซึ่งเกรดภาษาอังกฤษ 1.5 นั้น แทบจะเป็นลม แต่ทุกปัญหามันทมีทางออก และช่วงนั้นแม่ไปลงคอร์สภาษาไว้ให้ คราวนี้มาพูดถึงหนังสือที่เราจะอ่านกัน เอาตรงๆเด็กๆอย่างเราจากขี้เกียจมากๆอยู่ดีๆเข้าห้องสมุดมันก็อัศรรย์ใจแค่ไหนละ อย่ามาคิดจะยืมพจนานุกรมหนาๆเทือกนั้นนะคะ ความดึงดูดยิ่งไม่มี เอาไว้หนุนนอนซะเปล่า
สิ่งที่เราจะแนะนำคือ การ์ตูน ใช่ๆๆ การ์ตูนเว้ย ไม่ใช่การ์ตูนตาหวานนะ แฮร์รี่พอตเตอร์ช่วยคุณได้ บางคนอาจจะนึกไม่ถึงหรอก แต่มันช่วยได้ สิ่งที่คุณควรทำคือเอามาอ่าน ไม่รู้เรื่องก็ต้องอ่านเว้ย หาศัพท์ไปด้วย อะไรไม่รู้ก็หา หรือถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผล ก็หาหนังดู มันคือวิธีเบสิค ใช่ ใครๆก็รู้ นั่นแหละรู้อะไรมาก็ทำซะ 

มีทริค 1 อย่างมาแนะนำ หาเพลงโปรดของคุณมา 1 เพลง ฉันใช้วิธีนี้ตอนอ่านหนังสือ ฉันเปิดเพลงฟังตอนอ่านหนังสือไปด้วย บางคนบอกแล้วมันจะมีสมาธิได้ยังไง อันนี้ก็แล้วแต่คนนะ เชื่อมั้ยตอนสอบ พอเรานึกฮัมเพลงนี้ออกมา ความรู้ตอนอ่านมันตามอกมาด้วย นั่นคือการที่คุณจำแบบไม่ใช่การท่องจำ แต่จำโดยใช้เสียง หรือการมองภาพต่างๆโดยการจำเป็นภาพ มันจะทำให้คุณมีความจำที่ดีขึ้น การท่องไม่ได้ช่วยอะไรคุณหรอก หยุดทำมันซะ

บทสรุปคือฉันผ่านการสอบทฤษฎี และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในชีวิตประจำวันอย่างไม่อาย
วิธีนี้ไม่ได้ช่วยเฉพาะวิชานี้นะ มันใช้ได้หมดแหละ

ค่ะ วิชาอื่นๆฉันก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน แต่เพิ่มมาอีก 1 อย่างนั่นก็คือ การโน๊ต 
ฉันซื้อสมุดน่ารักๆ 1 เล่ม เอาไว้จดในสิ่งที่มันนอกเหนือจากห้องเรียน จนเป็นคีย์เวิร์ด ความจำสั้นอย่างพวกเราอย่าไปจดอะไรที่เวิ่นเว้อ ตัวช่วยคือตอนจด ให้วาดอะไรน่ารักๆที่เกี่ยวข้องกันลงไปด้วย มันจะทำให้คุณอยากกลับมาอ่านสมุดโน๊ตของคุณมากๆเลยละคะ

นอกเหนือจากการอ่านหนังสือหรือการหาความรู้แล้ว เมื่อเราจะเข้ามหาลัยสิ่งที่สำคัญคือ ข้อมูล 
การหาข้อมูลสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการแอดมิชชั่น การรับตรง สอบตรง หรือยื่นคะแนนต่างๆ คอมที่บ้าน โทรศัพท์ในมือ หยุด!! หยุดเล่นแล้วหา สิ่งที่อยากเตือนคือ บางคนเจาะจงมากเกินไป 
การที่เรามีเป้าหมายชัดเจนคือสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่แบบ เออ อยากเป็นหมอ จะเข้าหมออันนี้ จะหมอ หมอ หมอ อย่างเดียวไม่ด้ายยยยย  สำรองไว้ด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้เรียนหมอจะเรียนอะไร คิดไว้ด้วย เผื่อใจไว้ด้วย เดี๋ยวมันจะมืดหมด
สำหรับพวกเกรดไม่ดี ประมาณว่าได้ที่ไหนก็เอาา ว้ายยตายแล่วววว ไม่ได้นะ ไม่ๆๆๆ  หาค่ะ มันจะต้องมีสัก 1 แสงสิ 
ดิฉันเกรด 5 เทอมคือ 1.77 แต่สามารถติดรับตรงของม.ชั้นนำได้ พวกแกก็ต้องทำได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ

ความพยายามน่ะ ให้มันมากๆหน่อย เริ่มช้ากว่าเค้า คนอื่นเค้าเดินเราต้องวิ่ง ไม่ใช่วิ่งให้เท่าเค้า ต้องวิ่งแซง โอกาสที่มีมาให้คว้าเอาไว้ อะไรที่คิดว่าดีกับตัวเองก็ทำ หยุดความสุขไว้ก่อนค่ะ  ค่อยมาสบายเอาทีหลัง ไม่มีอะไรสายเกินไป

ที่มาบอกในวันนี้คือ ติดหรือไม่ติด มันไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณภาพของคุณนะ คุณพยายามมากแค่ไหนแล้ว คุณลงมือทำแล้วหรือยัง ผลจะออกมาเป็นยังไงไม่ต้องเสียใจ ประเด็นคือต้องเรียนให้จบ ที่สำคัญคือตรงนี้

ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มากๆค่ะอย่าท้อ

ไปห้องสมุด ห้องสมุดไม่ได้มีแต่หนังสือเชยๆนะ ทุกอย่างเป็นความรู้ อ่านเหอะแล้ววันนึงคุณจะไม่เสียใจ

ส่วนเรื่องเข้ามหาลัย จริงๆ น้องๆที่เข้ามาอ่านก็เก็บไปคิดด้วยนะคะ ถึงแม้ปีนี้น้องจะยังไม่ต้องสอบ แต่น้องก็ควรเตรียมตัวได้แล้ว วิธีที่เราใช้มันช่วยได้นะ แต่ไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน ทั้งนี้มันอยู่ที่ความพยายามของแต่ละคนด้วย เหนื่อยได้ ท้อได้ พักได้ แต่พักแล้วก็กลับมาสู้ใหม่ ตอนนี้ยังอยู่แค่มหาลัย แต่เมื่อทุกคนออกมาใช้ชีวิตการทำงานแล้ว มันไม่ได้ให้น้องพักแบบนี้นะ ทางที่ดีอย่าเริ่มต้นช้า ทำเกรดให้ดีคิดซะว่า ทุกอย่างไมท่ใช่ตัวตัดสินชีวิตพวกคุณนะ แต่พวกนี้คือสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ ไม่มีใครได้อะไรที่ถูกใจทั้งหมดถูกมั้ย 

แล้ววันนึงที่เป้าหมายของคุณสำเร็จ ความเหนื่อยทั้งหมดที่คุณมี เชื่อเหอะว่ามันคุ้มค่าจนคุณจะลืมความเหนื่อยตรงนั้นไปเลยแหละ 

ฉันเองก็ไม่ใช่คนเก่งหรือฉลาด แต่ฉันเป็นคนที่มีความพยายามสูงมากๆแม่งโคตรเหนื่อยนะ เพราะคนอื่นมันนำไปแล้วอ่ะ แต่เค้าเดินวะ แต่เราวิ่ง แล้วเป้าหมายที่ฉันตั้งไว้ก็ทำได้ไง  ทำได้ก่อนคนที่เดินอีก เดินไม่ทันก็วิ่ง วิ่งจนเหนื่อยก็คลาน ทำทุกทางแต่อย่าหยุด  แล้ววันนึงคุณจะเข้าใจความรู้สึกมื่อคุณได้สัมผัสความสำเร็จ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ 
ผิดพลาดอะไรต้องขอโทษด้วย 
อยากปรึกษาอะไร ติดต่อได้ทางนี้ ไม่คิดเงินจ้า
FB:faiifoo pnwst
LINE:faiifoo2308

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

เเบมบี้ 1 พ.ค. 60 เวลา 17:59 น. 1

จขกท. เขียนได้เห็นภาพมากเลย

#มีไรอยากจะถามหน่อยค่ะ คือ ขึ้นม.6นี่เพื่อนๆทุกคนจะตั้งใจเรียน&อ่านหนังสือกันอย่างที่ไม่เคยเป็นจริงหรอค่ะ 

# ขอบคุณจขกท.มากๆนะค่ะที่มาเขียน ทำให้รู้ว่าคนขี้เกียจอย่างเราก็ทำได้ เวลาเอาจริง

1
faiifoo pnwst 1 พ.ค. 60 เวลา 18:08 น. 1-1

ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ดีใจมากนะที่อ่าน

ส่วนเรื่องที่ถาม เราว่าไม่ทุกคนหรอกค่ะ ที่จะตั้งใจ อยู่ที่คนๆนั้นจะคิดได้แค่ไหนมากกว่า แต่ยิ่งคิดเร็วยิ่งดี เพราะเราจะทำเร็ว สำหรับ จขกท. ตั้งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นจริงๆค่ะ มันจะมีจุดที่เราคิดได้ว่า ต้องทำให้ได้นะ ต้องติด เพื่อนบางคนของ จขกท. ตอนนี้ยังไม่ค่อยสนใจเลยจ้า 555 แต่บางคนก็ติดไปแล้ว ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ^^

0
kingdomking043 1 พ.ค. 60 เวลา 22:18 น. 2

ชอบมากคับเอาซะอยากขยันเลย อยากถาม จขกท ว่ามีเวลาในการอ่านหนังสือยังไงอ่ะคับ

1
faiifoo pnwst 2 พ.ค. 60 เวลา 10:40 น. 2-1

การแบ่งเวลาอ่านหนังสือของจขกท. จะอยู่ที่ความสะดวกค่ะ แต่โดยส่วนมาก คือเข้าห้องสมุดทุกเที่ยง อ่านหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจ แล้วพอกลับบ้าน เมื่อว่างก็หยิบมาอ่านค่ะ ถ้าอ่านคนเดียวไม่สนุกก็อ่านกับเพื่อน 1 คนพอนะคะ ไม่งั้นไม่ได้อ่านแน่นอน55555

0
-Suriya- 3 พ.ค. 60 เวลา 13:31 น. 3

ผมม.6ละ ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียนอะไร จะเริ่มอย่างไร ขอบคุณมากๆเลยครับ ได้กำลังใจเยอะเลย

2
Thamo_Motion 4 พ.ค. 60 เวลา 21:26 น. 4

อีก11วันเปิดเรียนขึ้นม.6แล้วค่ะ อนาคตมืดมนมาก อยากเข้ามนุษยศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์ เขาบอกว่าตำราเรียนเป็นภาษาอังกฤษ โอ้โห ดิ่งกันเลยทีเดียว ถึงเกรดจะดีแต่มาจากการส่งงานค่ะ เกรด4เทอมที่เฉลี่ยออกมาก็เกิน3 แต่ความรู้ตอนสอบแทบไม่มีเลยค่ะ โดยเฉพาะเลขนี่มันขุมนรกมากๆเลยค่ะ หยุดพัฒนามาตั้งแต่ป.5(เรื่องจริงนะคะ) ตอนนี้มืดไปหมดเลยเส้นทาง แต่พอมาอ่านของพี่มันเห็นภาพ ทำให้อยากฮึดขึ้นมากันเลยทีเดียว ขอบคุณมากนะคะ

3
kingdomking043 5 พ.ค. 60 เวลา 08:38 น. 4-1

ผมก็อยากเรียนเอกประวัติศาสตร์เหมือนกันคับ เเต่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

0