Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เตรียมสอบอังกฤษ (GAT , 9 วิชา , O-Net) อย่างไรให้ได้เกินครึ่ง แบบ คนไม่เก่งอังกฤษ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ ปกติเรามักจะเห็นพวกกระทู้เตรียมสอบที่มักจะตั้งโดยคนที่เก่งในวิชานั้นๆใช่ไหมครับ กระทู้นี้จะแหวกแนวกว่ากระทู้อื่น เพราะพี่เองก็ไม่เก่งวิชานี้ ยังจะมาเสร่อแนะนำเตรียมสอบวิชานี้อีก 55555 จริงๆจะว่าพี่จะมาแนะนำวิธีการเตรียมสอบอังกฤษก็ไม่ถูกนัก ควรจะเรียกว่า มาเสนอวิธีการเอาตัวรอดในการสอบวิชานี้ดีกว่า

ขอย้ำ นี่คือวิธีการเตรียมสอบอังกฤษในตอนสอบเอ็นทรานซ์เท่านั้น แต่อาจจะไม่ช่วยให้เก่งอังกฤษในระดับสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ก่อนอื่นมาแนะนำตัวก่อน พี่ชื่อ ต้นสน นะ เพิ่งจบ ม.6 จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตอนนี้ก็สอบเข้า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ แน่นอนว่า GAT-PAT ทั้ง 2 รอบ , 9 วิชาสามัญ และ O-Net พี่เองก็สอบมาทั้งหมดเลย

มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า

พี่นี่มีปัญหากับวิชานี้มาก เพราะ ตัวพี่เองก็ไม่ได้ดูหนัง soundtrack อ่านนิยายภาษาอังกฤษ ฟังเพลงอังกฤษ เหมือนชาวบ้านเขา ตอนสอบในโรงเรียนก็เรียนว่าผ่านครึ่งมาครั้งแล้วครั้งเล่า เกรดวิชานี้ก็อยู่ราวๆ 2-3 มาตลอด พื้นฐานคำศัพท์ก็มีไม่มาก

แต่ในการสอบเอ็นทรานซ์ วิชาภาษาอังกฤษ เรียกได้ว่า ทุกคณะในประเทศนี้ต้องสอบวิชานี้เหมือนกันหมด ไม่สามารถหลีกหนีมันได้เลย ตลอดจนอนาคตในมหาวิทยาลัยและการทำงาน
- สอบเข้าหมอ ใช้อังกฤษ 14% เท่าวิชาเลข มากกว่า ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ
- ในการสอบ Admission GAT ต้องมีอย่างน้อย 10% รวมถึงใน O-Net อีก 6%
- รับตรงทุกคณะ ทุกมหาลัย ไม่ใช้ GAT ก็ใช้คะแนนวิชาสามัญอังกฤษ

เมื่อตระหนักได้ถึงความสำคัญของวิชานี้แล้ว เราก็ต้องรับมือกับการสอบ เพราะทุกคะแนนทุกวิชามีความสำคัญหมด บางคนหวังจะใช้วิชานี้เป็นตัวช่วย บางคนก็หวังจะใช้วิชานี้เป็นตัวรั้ง (แต่ต้องมีวิชาอื่นมาช่วยด้วย) แต่ที่สำคัญ เราจะไม่เอาวิชานี้เป็นตัวฉุดเด็ดขาด

ตอนพี่จะสอบเองก็เช่นกัน พี่เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พี่เลยใช้วิธีของพี่เอง ดังนี้



1. ตั้งใจเรียน และเรียนอย่างสม่ำเสมอ

ตั้งใจเรียนนี่ คือ ต้องตั้งใจทั้งในห้องเรียนและตอนเรียนพิเศษ (ถ้าครูในโรงเรียนสอนไม่รู้เรื่องก็อีกเรื่องนึง) สำหรับใครที่เรียนพิเศษอยู่ อย่างที่รู้ว่าเดี๋ยวนี้พวกกวดวิชามักจะเป็นคอร์สคอมกันหมดแล้ว ทำให้เวลาเรียนเราเป็นอิสระ ไม่ได้มีตารางแน่นอนเหมือนห้อง DVD หรือห้องสด ถึงแม้เราจะเลือกเวลาเรียนเองได้ แต่ว่าการเรียนของเราต้องอยู่ภายใต้คำว่า "สม่ำเสมอ" คือ ต้องมีระเบียบในการเรียนที่แน่นอน อาจจะเรียนอาทิตย์ละ 1-2 วัน วันละกี่ ชม. ก็ว่ากันไป ไม่ใช่ว่าจะเรียนไปติดๆกันพักนึง แล้วก็หายไปเลย แล้วก็มาเรียนอีก  แล้วก็หายไปเลยอีก ถ้าหายไปเพื่อทบทวนและทำโจทย์จะเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่หลายคน คำว่าหายไปเลย หมายถึง ไม่ได้ยุ่งกับอังกฤษเลย ส่วนใหญ่ถ้าทำอย่างนี้ สุดท้ายก็จะเรียนไม่จบ เรียนไม่ทัน และก็จะมาอัดกันช่วงท้ายๆ ประสิทธิภาพก็จะลดลง ข้อสอบเก่าก็จะไม่ได้ฝึก ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรก็คิดเอาเองละกัน


2. ต้องรู้จักลักษณะข้อสอบแต่ละอย่าง

ถึงแม้ชื่อวิชาภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่ทั้งการสอบ GAT O-Net และ วิชาสามัญ ก็มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้

ข้อสอบ GAT (60 ข้อ ข้อละ 2.5 คะแนน รวม 150 คะแนน)
- ให้เวลา 1 ชม. 30 นาที โดยสอบหลังจาก GAT เชื่อมโยง เลย ไม่มีพักก่อน
- จะได้เวลาทำ ข้อละ 1 นาทีครึ่ง ซึ่งอาจจะดูน้อย แต่มีบางพาร์ทที่สามรถมองตอบได้เลย บางพาร์ทก็ต้องใช้เวลาเยอะ จะมาพูดถึงการจัดเวลาในห้องสอบอีกทีนึง
- ในรอบ ตุลา 59 และ มีนา 60 ข้อสอบจะมีการแบ่ง Part ละ 15 ข้อ เท่าๆกัน คือ
   Part 1 : Expression (คือ บทสนทนาแหละ เติมคำพูดให้เหมาะสมกับสถานการณ์)
   Part 2 : Vocabulary (เน้นเกี่ยวกับความหมายของคำศัพท์ มากกว่าการใช้งาน)
     - Meaning in Context 10 ข้อ
           มีทั้งแนวเติมคำศัพท์ในช่องว่าง และถามคำศัพท์ที่ความหมายเหมือน
กับที่ขีดเส้นไว้



     - Meaning Recognition 5 ข้อ
           จะเป็นเรื่องของคำๆเดียวแต่ใช้ได้หลายความหมาย ดูว่าความหมายที่
โจทย์ให้มา จะมีความหมายเหมือนกับ choice ไหน



   Part 3 : Reading (จะมี Passage 3-4 อัน)
   Part 4 : Structure & Writing
      - Error Identification 5 ข้อ (ให้ประโยคนึงมา หาจุดที่ใช้ Grammar ผิด)
      - Cloze test 5 ข้อ (เติมข้อความในช่องว่างให้ถูกหลัก Grammar)
      - Writing Paragraph 5 ข้อ (วัดทักษะในการเขียน Paragraph ในรูปแบบข้อสอบ Choice)

ระวัง แนวที่ไม่ได้ออกแล้ว แต่คนยังคิดว่าออกอยู่
      - Odd one out (เลือกคำศัพท์ที่ไม่เข้าพวก)
      - Comic
      - อ่านป้ายประกาศ โฆษณา สมัครงาน
      - เรียงประโยค 6 ประโยค โดยมีประโยคนึงไม่ได้ใช้ และเรียง 5 ประโยคที่เหลือ
(ถึงแม้จะไม่ได้ออกแล้ว แต่ก็ยังมีประโยชน์ต่อการเตรียมสอบอยู่ เพราะมันก็เป็นความรู้ และที่สำคัญ เราไม่รู้ว่า ปีเรามันอาจจะกลับมาออกก็ได้ ต้องเตรียมพร้อมเสมอ ที่สำคัญ O-Net ยังมี Comic และอ่านป้ายประกาศ โฆษณา สมัครงานอยู่)
ลองดูข้อสอบ GAT เก่าได้ที่ https://www.slideshare.net/9gatpat/gat2-58

ข้อสอบ 9 วิชาสามัญ (80 ข้อ ข้อละ 1.25 คะแนน รวม 100 คะแนน)
- ให้เวลา 1 ชม. 30 นาที เฉลี่ยข้อละ 1.1 นาที ซึ่งน้อยมากจริงๆ วิชานี้มักจะมีปัญหาเรื่องทำไม่ทันในการสอบ 9 วิชาสามัญ
- ใน 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 59 และ 60) แนวข้อสอบมีการเหวี่ยง คือ ลักษณะในการสอบจะไม่เหมือนเดิม โดยยังคง
   ลักษณะการแบ่ง Part ที่ชัดเจน คือ 
   Part 1 : Listening and Speaking 20 ข้อ
       ก็คือ บทสนทนา เหมือนกัน แต่ว่าจะยาวและยากกว่า GAT รวมถึงมีสำนวนอีกด้วย
   Part 2 : Reading 40 ข้อ
       รูปแบบของการอ่านจะมีความหลากหลายมากกว่า GAT มาก ได้แก่ การอ่าน Graph , โฆษณา , ประกาศ
       , ข่าว , บทความ , จดหมาย , รีวิวหนังสือ , jokes (อันนี้มาแรงมาก ออกมา 2 ปีแล้ว) ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละปี
       ว่าจะออกอะไร

   Part 3 : Writing 20 ข้อ
       เป็น Part ที่มีการเปลี่ยนแนวที่สุดใน 2 ปีหลัง
       เดิม ปี 55-58 : จะเป็น cloze test 3 ย่อหน้า ย่อหน้าละ 5 ข้อ และอีก 5 ข้อเป็นเรียงประโยค
       ปี 59 : เปลี่ยนจากการเรียงประโยค เป็น เติมประโยคใน Paragraph แทน
       ปี 60 : เปลี่ยนเป็น cloze test อันเดียวยาว 10 ข้อเลย + เติมประโยคให้ความหมายสมบูรณ์อีก 5 ข้อ +
                 กลับมาเป็นเรียงประโยคเหมือนเดิม 5 ข้อ
- จะเห็นว่าแนวข้อสอบมีการเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ดังนั้น เราจะต้องมีการเตรียมพร้อมตลอด Part ที่ไม่เคยออก อาจจะกลับมาออกก็ได้อีก
ลองดูข้อสอบ 9 วิชาได้ที่ https://www.slideshare.net/9gatpat/2559-70302901

ข้อสอบ O-Net (80 ข้อ ข้อละ 1.25 คะแนน รวม 100 คะแนน)
- ให้เวลา 2 ชม. เฉลี่ยข้อละ 1 นาทีครึ่ง
- อวสาน error 16 choice ตอนปีล่าสุด
เปลี่ยนเป็น ขีดคำที่ใช้ grammar ผิดมาให้เลย ให้แก้ให้ถูกต้อง (Error correction) (แต่ต้องรอดูเนื้อหา O-Net ที่ สทศ. ออกมาอีกทีว่าปีนี้จะเป็นยังไง)



- ลักษณะข้อสอบจะออกไม่เหมือนเดิมในแต่ละปี ต้องมีการเตรียมพร้อมตลอด
ลองดูข้อสอบ O-Net ปี 2559 ได้ที่ https://www.slideshare.net/9gatpat/onet-2559-69529624
ลองดูข้อสอบ O-Net ปี 2560 ได้ที่ https://www.slideshare.net/9gatpat/onet-2560-73272773


ที่สำคัญ ก่อนการสอบแต่ละอย่าง ทาง สทศ. จะมีกระดาษคำตอบให้ดูก่อน จะสามารถคาดเดาเบื้องต้นได้ว่าข้อสอบปีนี้จะเป็นอย่างไร


3. จดจำคำศัพท์ให้เยอะ

คำศัพท์ Vocab เป็นพื้นฐานของการอ่านภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเป็นขนมหวานของใครหลายๆคน แต่ก็เป็นไม้เบื่อไม้เบาของใครหลายๆคนอีกเช่นกัน รวมถึงพี่ด้วย เรียกได้ว่า ใครรู้ก็รู้เลย ใครไม่รู้ก็ไม่รู้เลย บางคนก็คงจะถามว่า คำศัพท์ที่ข้อสอบเยอะไหม ยากไหม บอกได้เลยว่า เยอะมาก และอาจจะยาก แต่จะไม่ยากเท่าศัพท์ SAT หรือ TOEFL 

แล้วจะหาศัพท์จากไหนละ
จริงๆแล้ว สทศ. แก มีคลังคำศัพท์ 3,314 คำ ที่เขาคิดว่า ในระดับ ม.6 ควรจะรู้ และ(น่าจะ)ไม่ออกสอบเกินนี้
Link : 
http://www.niets.or.th/uploads/content_pdf/research_1347348576.pdf (ของ ม.6 ดูหน้า 176 ขึ้นไป)

แต่ว่ามันคงจะเยอะเกินไป 55555 พี่ก็ไม่ได้ท่องศัพท์จาก สทศ. เหมือนกัน แต่พี่ท่องจาก
1. ศัพท์ 4 หน้า ครูสมศรีในตำนาน http://www.kru-somsri.ac.th/download/vocab4.pdf
2. รวมรวมศัพท์ที่น่าสนใจ GAT ที่เคยออก ส่วนตัวชอบมาก https://www.facebook.com/gatcommunity/posts/1787444441473013
3. รวมรวมศัพท์ที่น่าสนใจ 9 วิชา ที่เคยออกทั้งหมด https://www.facebook.com/gatcommunity/posts/1766399050244219

ตอนเวลาพี่อ่าน พี่ก็อ่านสักวันละแถวสองแถว ทำทุกวันก็อ่านหมด ย้ำว่าแค่อ่านหมด แต่จำได้ไม่หมดหรอก แต่มันก็ต้องมีคำที่มันเคยจำได้บ้างแหละ เวลาพี่เจอคำไหนที่จำได้แล้ว พี่ก็จะเอาปากกาหรือดินสอมาขีดเอาไว้ แต่ต้องมั่นใจว่าจำได้แล้วจริงๆนะ อ่านผ่านรอบเดียวแล้วจำได้ก็อย่าเพิ่งขีด ต้องอ่านผ่านสัก 5-6 รอบ ลองเอามือปิดความหมายดู ถ้าจำได้ทุกครั้งก็ OK แล้ว แบบในรูป



นอกจากนี้ เวลาพี่ทำข้อสอบเก่า (จะมาพูดถึงการทำข้อสอบเก่าอีกที) พี่ก็จะเอาศัพท์ที่เราไม่รู้ในข้อสอบทั้งหมดมาจดลงสมุดเอาไว้ เปิด dict หาความหมาย อ่านทวนซ้ำไปซ้ำมา แบบนี้




4. เรียนรู้คำศัพท์อย่างถูกต้อง

นอกจากคลังคำศัพท์ที่เราต้องรู้แล้ว สิ่งที่ต้องรู้คือ การใช้งานคำศัพท์ด้วย รูปไหนเป็น Verb รูปไหนเป็น Noun รูปไหนเป็น Adjective รวมทั้ง Preposition ที่ใช้กับคำนั้นด้วย เพราะสิ่งนี้สามารถออกข้อสอบในส่วนของ Grammar อย่าง Error หรือ Cloze test ได้

และยังมีศัพท์ที่น่าสับสนที่ข้อสอบมักออกประจำด้วย เช่น
- find found found กับ found founded founded
- rise กับ raise
- lay laid laid กับ lie lay lain กับ lie lied lied



5. หลัก Grammar ก็ต้องรู้

แน่นอนว่าในส่วนของ Error และ Cloze Test นั้นต้องใช้หลัก Grammar เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ แต่นอกจากนี้ หลัก Grammar ยังแทรกซึมอยู่ใน Reading ด้วย มีหลายๆ Passage ด้วยกันที่ต้องใช้โครงสร้างของประโยคในการตีความ หากหลักเราไม่แน่น เราก็อาจจะอ่านไม่รู้เรื่องหรือตีความไปผิดก็ได้

หลัก Grammar ที่เคยปรากฏในข้อสอบต่างๆก็มีมาก แต่ชอบสรุปจากลิ้งค์นี้
https://www.facebook.com/pg/gatcommunity/photos/?tab=album&album_id=1755869077963883

https://www.facebook.com/gatcommunity/photos/a.1759068114310646.1073741855.1516128351937958/1759068550977269/?type=3&theater

ปัญหาของ Grammar ที่พี่เป็น คือ จำหลัก Grammar ได้นะ แต่ทำโจทย์จริงๆไม่ได้ ทำ Cloze test ก็ไม่รู้จะเลือกข้อไหน ทำ Error ก็ไม่รู้ว่าผิดตรงไหน 5555 อันนี้เองก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจาก ช่วยตัวเอง ทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ศึกษาเฉลย อย่างน้อยมันก็น่าจะทำให้เราจับทางอะไรได้บ้าง


6. ข้อสอบเก่า คือ ขุมทรัพย์

ไม่มีใครจะสอบได้เลย โดยไม่เคยทำข้อสอบเก่า ยิ่งเราไม่เก่งด้วยแล้ว ยิ่งต้องพยายาม การทำข้อสอบเก่า นอกจากจะได้เห็นแนวแล้ว เราจะต้องวิเคราะห์ตัวเองด้วยว่าเราได้จุดไหนไม่ได้จุดไหน หลักการ คือ เสริมจุดแข็งกำจัดจุดอ่อน

จะหาข้อสอบเก่าและเฉลยได้ที่ไหน

จริงๆก็หาได้ตาม Google นั้นแหละ แต่ถ้าเป็นลิ้งค์รวมข้อสอบเก่า ชอบลิ้งค์นี้มาก https://www.slideshare.net/9gatpat ไม่ได้มีแค่วิชาอังกฤษนะ มีแทบหมดทุกอย่างเลย



7. บริหารเวลาในการสอบ

ในตอนฝึกทำข้อสอบแรกๆอาจจะไม่ต้องจับเวลาก็ได้ แต่พอต่อมาจะต้องมีการจับเวลาบ้าง เพื่อให้รู้ว่าตัวเองสามารถทำ Part ไหนช้า Part ไหนเร็ว อย่างเช่น พี่เอง พี่ทำ Reading ได้ช้า พี่จะเก็บ Reading ไว้ทำตอนหลังเลย และพยายามใช้เวลาครึ่งแรกทำ Part อื่นให้หมดก่อน แล้วเอาครึ่งหลังทุ่มกับ Reading เพียงอย่างเดียวไปเลย


8. Part Conver ง่ายสุดจริง แต่ก็ไม่หมู

Part Conversation ในข้อสอบทุกอย่างมักจะเป็นส่วนที่ง่ายที่สุด แต่ว่าก็มีความพิเศษบางอย่าง เช่น สำนวนในการพูด การขอบคุณ ขอโทษ ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะของมัน ไม่ได้เป็นลักษณะคำศัพท์เหมือน Vocab ปกติ รวมถึงใน 9 วิชาสามัญ ยังมีพวก Idiom เข้ามาแทรกอีกด้วย ทำให้มีความพิเศษมากขึ้นไปอีก

วิธีการเอาตัวรอดใน Part Conver คือ ให้เอาตัวเองไปอยู่ในโจทย์ แล้วคิดดูว่าควรจะพูดอย่างไร อย่าลืมว่าต้องสุภาพและตรงประเด็น



9. Part Reading อันลือลั่น

Part Reading นี่ก็เป็นตัวตัดสินในข้อสอบอังกฤษเหมือนกัน หลายๆคนมักจะชอบบอกให้อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยอ่านบทความ แต่พี่นี่ทำแบบไม่ได้เลย พี่ต้องอ่านบทความก่อน แล้วค่อยอ่านคำถาม

บางคนก็คงคิดว่า อย่างงี้ก็ทำไม่ทันนะสิ กว่าจะอ่านให้เข้าใจก็หมดเวลาแล้ว ก็ใครเขาบอกให้อ่านแค่รอบเดียวเล่า ในครั้งแรกพี่ก็จะอ่านให้หมด แต่ส่วนที่ไม่รู้เรื่องก็เว้นไว้ก่อน เอาให้พอรู้ว่าเรื่องมันเกี่ยวกับอะไร แล้วก็ดูคำถาม อันไหนตอบได้ก็ตอบก่อน ตอบไม่ได้ก็พลิกกลับมาอ่านใหม่ ประมาณนี้

เวลาตอบคำถามก็ต้องดูด้วยว่าอันไหนควรตอบก่อนตอบหลัง เช่น
- คำถามที่มีการระบุจุด เช่น สรรพนามตัวนี้แทนมาจากใคร วลีที่ทำตัวหนาเอาไว้แปลว่าอะไร ก็ควรจะทำก่อน
- คำถามที่เราต้องเข้าใจเนื้อเรื่องจริงๆ เช่น Main Idea ของเรื่องคืออะไร ย่อหน้านี้เขียนเพื่ออะไร ก็ควรจะทำทีหลัง ประมาณนี้


[อันนี้ใส่เพิ่มขึ้นมา] คราวนี้ก็คงเกิดคำถามขึ้นอีกว่า เราจะทำ Reading เก่งขึ้นได้อย่างไร จริงๆคำตอบคือ ต้องอาศัยบุญเก่าค่อนข้างเยอะ แล้วแต่คนจริงๆ แต่ใครที่มีแต้มบุญน้อยแบบพี่ พี่แนะนำให้ทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ฝึกอ่านให้คล่อง+รู้เรื่อง อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไร


10. 5 นาทีสุดท้ายต้องพึ่งดวง

ในการสอบของ สทศ. นั้น เมื่อเวลาก่อนหมดเวลาสอบ 5 นาที จะมีเสียงประกาศ ใน 5 นาทีนี้ไม่ควรจะทำข้อสอบอะไรต่อแล้ว เช่น เหลือ Passage นึง ก็ควรจะมั่วแล้ว อย่าปล่อยให้เหลือแค่ 1 นาที เพราะถ้าเราฝนมั่วไม่ทัน ก็จะเป็นการตัดโอกาสตัวเอง หรือถ้าฝืนทำต่อก็อาจโดนทุจริตในการสอบก็ได้ แต่ถ้าฝนมั่วเสร็จแล้วอยากจะเพิ่มคะแนนอีกข้อสองข้อ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน เพราะเราก็สามารถลบแล้วฝนใหม่ได้นิ ขอแค่ให้ทันเวลาก็แล้วกัน


11. แหล่งการเรียนรู้ออนไลน์

สมัยนี้ มีแหล่งการเรียนรู้มากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต การเตรียมสอบก็เหมือนกัน ก็มีคนมาสอนมากมายในโลกอินเทอร์เน็ต อย่าง Brand Summer Camp ก็มี แต่ส่วนตัวชอบคลิปของครูสมศรีมาก มีประโยชน์มาก ลองไปดูกันได้ https://www.youtube.com/channel/UCCfzxGcx39r2aAc3w69ylEw

นอกจากนี้ยังมีเพจใน facebook ที่เป็นประโยชน์กับการสอบอังกฤษมาก คือ
https://www.facebook.com/gatcommunity/
https://www.facebook.com/GatEngandConnect/


ทั้งหมดนี้คือการเตรียมสอบของพี่ ผลลัพธ์ที่ออกมา พี่เองก็พึงพอใจมาก
GAT ตุลา 59 : 85/150
GAT มีนา 60 : 87.5/150
วิชาสามัญ : 65/100 (กสพท.รวม 79.84)
O-Net : 67.5/100
อาจจะดูไม่เยอะในสายตาหลายๆคน แต่สำหรับขีดความสามารถของพี่ พี่เองก็รู้สึกภูมิใจมากที่สามารถทำได้ถึงระดับนี้



ขอย้ำอีกรอบ นี่คือวิธีการเตรียมสอบอังกฤษในตอนสอบเอ็นทรานซ์เท่านั้น แต่อาจจะไม่ช่วยให้เก่งอังกฤษในระดับสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ ธรรมชาติของการเรียนภาษาที่แท้จริงคือ การสื่อสาร ครับ

หวังว่าสิ่งที่พี่เล่ามานี้เป็นประโยชน์กับน้องไม่มากก็น้อย ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ เป็นกระทู้แรกที่เคยตั้งด้วย


รูปทั้งหมดนี้ ขอบคุณเพจ GAT Community และ GAT Eng & Connect Thailand By P'Non ด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

Boat_Theekayu 3 พ.ค. 60 เวลา 18:32 น. 1

ขอบคุณครับ อยากให้แนะนำวิชาอื่นด้วยอ่าครับ พี่ได้คะแนนรวม กสพท. เยอะมากๆ แนะนำน้องทีนะครับ วิชาอื่นเตรียมตัวอย่างไร เรียนพิเศษที่ไหนบ้างอ่างับ

2
tslalit 3 พ.ค. 60 เวลา 19:29 น. 1-1

จริงๆแล้ว ที่ได้คะแนน กสพท. เยอะเพราะได้พวกวิชาคณิตวิทย์มาช่วยเลย


เดี๋ยวว่างๆ พี่จะมาเล่าให้ฟังละกันนะ สไตล์การเตรียมสอบของพี่เองไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านด้วย 5555

0
bfernn_ 5 พ.ค. 60 เวลา 21:16 น. 3

ขอบคุณนะคะ พี่เก่งมากเลย หนูจะสอบกสพท.เหมือนกันคะพี่ รบกวนพี่ช่วยแนะนำวิชาอื่นๆด้วยได้มั้ยค่ะ

0
Sora Hiroki 7 พ.ค. 60 เวลา 11:41 น. 5

พี่คะะะ ขอคำปรึกษาได้ไหมคะ คือไม่เก่งอังกฤษคะแนนสอบก็ครึ่งๆกลางๆตกบ้างไม่ตกบ้าง ได้2,3แถมข้อสอบ+เกรด รร.หนูไม่น่ายากเท่าพี่ด้วย55555 ขอสอบถามเรื่องเรียนพิเศษได้ไหมคะ พอดีอยากเรียนอยากรู้ว่าพี่เรียนที่ไหนอ่ะค่ะ กลัววิชานี้มากๆเลย dek61ค่ะ จะสอบแล้ว TwT

แล้วพี่มีวิธีท่องศัพท์ยังไงบ้างอ่ะคะ แบบท่องบนรถยามว่าง หรือก่อนนอนอะไรแบบนี้ ไม่โอเคกับมันมากๆเลย T_T

1
tslalit 9 พ.ค. 60 เวลา 18:51 น. 5-1

พี่เรียน Jigsaw English ตรงใต้ตึกศูนย์หนังสือจุฬาอ่ะ พี่ว่าเขาสอนละเอียดดี 5555 แต่เอาจริงๆ เรียนที่ไหนก็ได้แหละ น้องถูกจริตที่ไหนก็เรียนที่นั่น


ส่วนเรื่องอ่านศัพท์อ่ะ ลองเจียดเวลาที่เราเล่นวันละสัก 10 นาทีมาอ่านศัพท์ วันละนิดวันละหน่อยเดี๋ยวก็จะได้เอง หรือจะอ่านที่รถหรือก่อนนอนก็ได้ เอาที่น้องสบายใจอ่ะแหละ เรื่มเร็วก็ได้เปรียบนะ

0
IAZNABIOAY 7 พ.ค. 60 เวลา 21:43 น. 6

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และแหล่งความรู้ดีๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ อ่านละมีกำลังใจเลยอะ555 อยากได้คะแนนประมาณพี่จะดีมากกก พี่เก่งมากเลยค่ะ:D

0
เราเอง 9 ก.พ. 61 เวลา 00:09 น. 8

กระทู้นี้อ่านแล้วมีกำลังใจอ่ะ จากที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก็พอรู้ตัวละ แล้วก็ไม่ได้เป็นกระทู้ที่คนเก่งอยู่แล้วมารีวิวอ่ะชอบตรงนี้ เหมือนเข้าใจกันว่าก็ไม่เก่งแต่พยายามอ่ะ555 อีกอย่างจัดเรียงบรรทัดเป็นระเบียบดีอ่านสบายตา ขอบคุณมั่กก

0
ในถ้ำมีหมี มีผี มีหีบ 11 มี.ค. 63 เวลา 01:39 น. 12

มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ พี่ขยันมากเลย ขนาดหนูชอบวิชานี้หนูยังขยันไม่ได้เท่าพี่เลย ยังไงก็ขอเดินรอยตามละกันนะคะ พี่นี่ไอดอลเลยย #dek64

0