Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว #ฉลาดเกมส์โกง หนังที่ทำให้ฝันร้าย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เมื่อสองวันก่อนจัดone day tripไปสวนผึ้งมาค่ะ และด้วยการบริหารเวลาที่ดีเกินคาด เราเลยมีเวลามาดูหนังที่โลตัสบ้านโป่งกันก่อนกลับ หนังรอบ16:30น. แอบตกใจเล็กๆ เพราะไม่เคยดูหนังในโรงตจว. คือคนเงียบมากกก อาจเป็นวันธรรมดาและคนยังไม่เลิกงานด้วยแหละ

สารภาพเลยว่าตอนแรกคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ดู เพราะแก๊งค์เพื่อนคนอื่นๆ ที่กรุงเทพดูกันหมดแล้ว และปกติไม่ชอบดูหนังในโรงด้วยไง ก็เลยเปิดพันทิปหาสปอยล์อ่าน แต่บังเอิญมีเวลาได้ดูซะงั้น แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสนะ คิดซะว่าจะได้เก็บทุกรายละเอียดมาวิเคราะห์ได้ไง

มาเข้าเรื่องกันดีกว่า...

หนังเล่าถึงเรื่องแผนในการโกงข้อสอบของเด็กมัธยม จุดเริ่มต้นจากการโกงเล็กๆ ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นแผนการโกงข้อสอบระดับโลกกกกกก

ก่อนอื่นเลยต้องขอชื่นชมผู้กำกับ และทีมเขียนบท โจทย์นี้เอาจริงๆ เป็นโจทย์ที่ยากนะ และไม่มีเทมเพลตสูตรสำเร็จ แต่การพลิกแพลงทริคต่างๆ นี่แหละคือเสน่ห์ของหนังที่ทำให้เราลุ้นตามไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันทริคต่างๆ เหล่านี้ก็มีช่องโหว่อยู่เยอะพอสมควร แต่เมื่ออารมณ์หนังมันพาไป ช่องโหว่เหล่านั้นเลยไม่ใช่จุดที่ทำให้รู้สึกสะดุด อีกอย่างที่ชอบคือจังหวะการเล่าเรื่อง เหมือนจะดูเพลินๆ ในตอนแรก จนกระทั่งถึงฉากหักมุมของแบงค์ ที่กระชากอารมณ์ขึ้นมาเลเวลหนึ่ง แล้วกราฟก็เรื่อยๆ มาอีกระยะ จนกระทั่งฉากที่แบงค์รู้ความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังคนที่ตัดอนาคตของตัวเอง ฉากนั้นนี่ถึงกับอุทานเ -้ย!ในใจ และหลังจากนั้นหนังก็กระตุ้นอารมณ์ได้เรื่อยๆ กราฟพุ่งสูงมาก และdownอารมณ์ลงมาสวยๆ ด้วยฉากที่พ่อมารับลินที่สนามบิน เป็นฉากที่ทำเอาน้ำตาซึมเลย

ฉากจบของลิน ที่ใครว่าโลกสวยเกินไป แต่เราว่าดีนะ ดูไม่แถ แล้วก็ไม่ใช่การยัดตอนจบให้ตัวละครห้วนๆ เพราะหนังปูมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ลินให้ความสำคัญกับอาชีพครูมาก ทั้งสภาพแวดล้อมของครอบครัว ที่มีพ่อเป็นครู การต่อต้านครั้งแรก เพราะรู้สึกว่าครูทำไม่ถูก รวมไปถึงการยอมสอนพิเศษให้เกรซ หลังจากที่เกรซเรียกเธอว่าครูพี่ลิน ส่วนตอนจบของแบงค์ แอบงอนที่ไม่happy ending เพราะนี่เป็นสายหวานไง แต่จริงๆ ก็ชอบนะที่ให้ตัวละครตัวนี้มีตอนจบแบบนี้

ที่ต้องชมอีกคือเรื่องแสงสีในภาพยนตร์ เอาจริงๆ เราก็ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้หรอก แต่โทนแบบนี้มันให้ความรู้สึกร่วมไปกับหนังดี เช่นเดียวกับคอสตูมที่จะชิคไปไหน เสื้อผ้านางเอกนี่ฉายความเป็นโมเดลมาก ชอบตรงเล่นคำว่า making it happen ที่เสื้อลิน ตอนตัดสินใจโกงข้อสอบระดับโลกนี่แหละ

เช่นเดียวกับสัญลักษ์หลายๆ อย่าง เช่น กระจกที่สะท้อนไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนสะท้อนความคิดของคนที่ลึกจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ โรงพิมพ์ซื่อตรงพาณิชย์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการโกง ร้านซักรีดตัวแทนความคิดที่หมุนวนอยู่กับที่ และกองขยะที่หาทางออกไม่เจอ เหมือนความสกปรกที่ไร้ทางออกที่เข้าครอบงำแบงค์ แม้จะไม่ได้ใช้เป็นตัวสื่อสารหลัก แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่เล่นกับสัญลักษณ์ได้ดีเลยล่ะ

ในส่วนของดนตรีประกอบก็ทำได้ดี ใส่เพลงได้เหมาะกับจังหวะของหนัง ติดตรงเพลงของอิมเมจนี่แหละ สงสัยว่าเนื้อหามันเกี่ยวกับหนังยังไง?

ต่อไปพูดถึงนักแสดง คือดีมากกกกก ดีย์อะแกร ทั้งลิน (ออกแบบ) ที่ต้องแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง คือทั้งลุคและการแสดงออกนี่เชื่อเลยว่าเด็กคนนี้ดูฉลาดจริงๆ ส่วนแบงค์ (นนท์) นี่ก็ไม่อยากจะพูดมาก เดี๋ยวหาว่าเราหลงผู้ แต่คือติดตามงานนนท์มาตลอดไง เรื่องนี้นนท์ได้โชว์ศักยภาพเต็มที่ ทั้งการแสดงออก น้ำเสียง ฉากกองขยะนี่แบบ โถถถถ พ่อคุณทูนหัวของเจ้ เจ้จะพานนท์ออกไปเอง ไม่ต้องกลัว มาๆ กอดๆ โอ๋นะ 555

พูดถึงเรื่องความรู้สึกกันแล้ว ในฐานะนักเขียนนิยายรักอ่านะ เรามาวิเคราะห์ความรู้สึกของตัวละครกันดีกว่า...

สำหรับลิน ในแง่ของความฉลาด เล่ห์เหลี่ยมและความเฉียบขาดนี่ไม่ต้องพูดถึง มาวิเคราะห์ว่าลินคิดยังไงกับคนรอบข้างดีกว่า...

เราคิดว่าปูมหลังของลินก็คงเป็นเด็กเก่งที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนแบงค์นั่นแหละ แต่พอย้ายมาโรงเรียนใหม่แล้วเจอเกรซความรู้สึกเลยเปลี่ยนไป ลินมองเกรซเป็นเพื่อน (แอบจิ้นคู่เบี้ยนลินเกรซเบาๆ) จนกระทั่งลินรู้ว่าความลับเรื่องลอกข้อสอบรั่วไปถึงพัฒน์ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนก็เริ่มมีความเคลือบแคลงขึ้น จนกระทั่งแตกหักในตอนจบ ซึ่งทิ้งปมไว้ให้คิดว่า ที่ผ่านมาเกรซเห็นลินเป็นเพื่อนจริงๆ หรือทั้งหมดเป็นเพียงการแสดง เหมือนที่บทสร้างแบคกราวน์ของเกรซขึ้นมาแบบนั้นกันแน่

กับพ่อ... พ่อเป็นคนรุ่นเก่าตามขนบเลยแหละ เกรงกลัวอำนาจ คล้อยตามคนที่ใหญ่กว่า ข้อดีอย่างเดียวที่ดีมากๆ คือรัก และพร้อมจะเข้าใจในตัวลิน สิ่งที่หนังไม่ยอมเฉลยคือปมเรื่องที่พ่อแม่ลินเลิกกัน เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่พ่ออยากให้ลินไปต่างประเทศ

กับแบงค์... ลินแคร์แบงค์มากกกก คือมันอาจจะไม่ถึงขั้นว่ารัก แต่น่าจะเริ่มจากการที่เป็นคนที่อยู่ในจุดยืนเดียวกัน และลินมองว่าแบงค์เหมือนพ่อลิน ซึ่งในชีวิตลินไม่มีใครเลยนอกจากพ่อ สองข้อนี้จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ลินรู้สึกพิเศษกับแบงค์ได้ไม่ยาก ยิ่งฉากที่ลินห้ามแบงค์ไม่ให้ต่อยพัฒน์ และพยายามบอกแบงค์ว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี่ด้วยเลย รวมทั้งการปฏิเสธที่จะโกงต่อ หลังจากที่รู้ว่าพัฒน์ทำอะไรกับแบงค์ คือสำหรับลินแล้วการโกงไม่ใช่เรื่องผิด เธอยอมรับได้ทุกรูปแบบ หากว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อเธอ แต่แบงค์กลับกลายเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้ลินตัดสินใจล้มแผนการณ์ทั้งหมด หรือฉากที่ลินตัดสินใจไม่ลบรูปแบงค์ แล้วจะเข้าห้องไปช่วยแบงค์ แต่สุดท้ายเมื่อเห็นแววตาของแบงค์ เธอจึงยอมถอยออกมา แล้วลบรูปทิ้งในที่สุด ฉากนี้บีบหัวใจมาก

ยิ่งในตอนจบ ฉากที่ลินเอื้อมไปจับมือแบงค์ เหมือนเป็นการเรียกสติ แต่แบงค์ดึงมือออกอย่างไม่ไยดี ไม่ใช่ด้วยอารมณ์กลัวการแตะตัวเหมือนตอนไปแข่งตอบปัญหา ตอนนั้นยิ่งทำให้ลินรู้สึกทั้งเจ็บปวดและผิดหวังที่ได้ทำลายชีวิตคนดีๆ คนหนึ่งไป และเราคิดว่าการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของลิน เราว่านั่นคือการตัดสินใจที่ฉลาดนะ เพราะคุยกันตอนนี้คงไม่รู้เรื่อง แต่คำสารภาพนั่นจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมมากพอที่แบงค์จะถูกจับตามองอีกครั้ง และมันจะกลายเป็นเรื่องยากทันทีหากเขาพยายามจะโกงข้อสอบตามที่ตั้งใจไว้

มาพูดถึงแบงค์บ้าง เราว่าอาการของแบงค์คล้ายกับกลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์นะ ฉลาด ความจำดี แต่ขี้ขลาด มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม ไม่มีเพื่อน ไม่เข้าใจมุก เช่นsitนี่ หรือต้องอ้วกไหม? การพูดแบบไม่มีการเกริ่นก่อน อย่างตอนที่บอกว่าไม่เคยมาเมืองนอก แล้วก็หมกมุ่นกับบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งในทีนี้เราคิดว่าเป็นเรื่องของร้านซักรีด ทั้งที่หลังจากได้เงินล้านมาแล้ว ถ้าแบงค์จะโกงต่อจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยทำร้านต่อก็ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะอัพเกรดร้านใหม่ และเครื่องซักผ้าก็เป็นสัญลักษณ์ของความคิดที่หมุนวน จดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่ง

แบงค์เป็นตัวละครที่น่าสงสารมากกกก็จริง แต่ก็อย่างที่ลินบอกในตอนจบนั่นแหละ... ทุกอย่างอยู่ที่เรา และแบงค์ก็เลือกที่จะหันหน้าเข้าหาความชั่วเต็มตัว จากการพลิกหน้ามือเป็นหลังมือนี้ เราเลยอดไม่ได้ที่อยากจะให้หนังขยี้อย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่แบงค์ถูกจับได้ตอนนั้น

กับลิน... พูดยากแฮะ อย่างที่บอกแหละ แบงค์อาจเป็นแอสเพอร์เกอร์ หลายสิ่งชักจูงให้เชื่อว่าแบงค์รู้สึกพิเศษกับลิน แต่มันก็มีเหตุผลอื่นมาค้านทฤษฎีนี้เสมอ อย่างฉากที่แบงค์บอกลินว่าโต้งลอกข้อสอบ ก็อาจเกิดจากแบงค์รักในความถูกต้องจริงๆ หรือฉากที่แบงค์มองลินในห้องสอบสวน ก็อาจเป็นเพราะแบงค์ไม่อยากให้ลินซวยไปด้วยแค่นั้น ไม่ได้เกิดจากการที่แบงค์อยากปกป้องลินก็ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉากสุดท้ายที่แบงค์ชักมือหนีพร้อมทั้งข่มขู่ลินก็ทำให้รู้แน่ชัดแล้วว่า ในตอนจบแบงค์ไม่ได้รู้สึกกับลิน ดังนั้นที่ผ่านมาจะรู้สึกหรือไม่ก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว

ในพันทิปพูดว่าลินทิ้งแบงค์ไว้กลางทาง จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการโกงครั้งนี้มีความเสี่ยง ถึงขั้นที่ลินให้มีการซ้อมตอบคำถาม หากถูกจับได้ และการที่ลินตัดสินใจไปสารภาพก็น่าจะตัดวงจรการทำชั่วของแบงค์ได้แล้วล่ะ สงสารก็แต่ลินนี่แหละที่ต้องนก นี่อินถึงขั้นแอบภาวนา ขอให้ลินเอาน้องแบงค์คนเดิมของครูพี่ลินกลับมาให้ได้ 555

แล้วที่จั่วหัวว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำให้ฝันร้ายล่ะ??

คือหนังมันอินมากกกกก กดดันมากกกกกกกก ชนิดที่หนังจบเข้าห้องน้ำยังต้องสำรวจชักโครก แล้วด้วยความที่ดีดมาทั้งวัน พอหลับก็หลับเป็นตาย แล้วฝันเป็นตุเป็นตะ ว่าการสอบใบประกอบที่สอบผ่านไปนานมากแล้วมีการโกงเกิดขึ้น แล้วศูนย์ให้ผู้เข้าสอบต้องสอบใหม่ โดยกำหนดการสอบคืออีกสามวันข้างหน้า โอ๊ยยย คือตื่นมาปวดหัวเลย เครียดเบอร์นั้นจริงๆ

มาตัดเกรดๆ เอาไป 9/10

impactรุนแรงถึงขั้นทำให้เราเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะได้นี่ยอมใจเลย ตัดคะแนนตรงปมที่คิดว่าควรเฉลย และอาจขยี้ได้มากกว่านี้ กับเพลงประกอบที่ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่อง

และสุดท้าย ผิดพลาดประการใดขออภัยนะจ๊ะ เจ้ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้
แล้วก็... ฝากเพจด้วยจ้า https://www.facebook.com/Pailinnapat/

 

แสดงความคิดเห็น

>