Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากเข้า Balac Cu/ Bec Tu/ BSI Tu ต้องทำยังไง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เรามีประสบการณ์การสอบมาก็เยอะพอควร เพราะกลัวไม่ติด แต่ที่ต้องห่วงกว่านั้นคือ ตัวเราพร้อมรึยังสำหรับการสอบ 

อันนี้เราก็จะมาแนะนำการเตรียมความพร้อมคร่าวๆสำหรับน้องๆที่อยากเข้า3คณะบน ที่เราติดทั้งตัวสำรองแล้วตัวจริง 
ก่อนอื่นจะบอกก่อนว่าเป็นคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก เรียนโรงเรียนไทยมา 13ปี แต่ได้ประสบการณ์การไปแลกเปลี่ยน และกลับมาเรียนต่อภาคอินเตอร์ ก็เลยพอเขียนหรือพูดอังกฤษได้ แต่ไม่ได้ถึงขั้นเก่งมากมาย พอเอาตัวรอดได้ ยังมีเด็กไทยอีกเยอะ ที่เก่งภาษา แต่ไม่ต้องไปแลกเปลี่ยนหรือ เรียนอินเตอร์ เพราะฉะนั้น อันดับแรก เราต้องรู้ก่อนว่าเราอยากเรียนอะไรจริงๆ ลองหาข้อมูลว่าคณะนี้น่าเรียนมั้ย ไม่ก็ลองไป open house ของมหาลัยต่างๆ ซึ่งจะมีพี่ๆที่เรียนคอยแนะนำเป็นอย่างดี สอง เราพร้อมรึยังสำหรับการสอบ เรามีความรู้มากพอรึยัง เราควรจะต้องเตรียมตัวยังไง

สิ่งที่เราอยากบอกคือ ทุกการสอบเราต้องเตรียมตัวให้ดี เราต้องฝึกฝน จริงๆการสอบเข้าเนี่ย เขาจะวัดว่าเรามีความคิดที่โตพอรึยัง มีความคิดเห็นหรือการรับมือกับสถานการณ์ล่วงหน้ายังไง 
โดยทั้ง3 คณะนี้มีการสอบที่เหมือนกัน คือ เริ่มจากสอบข้อเขียน แค่เขียนกันคนละแนวตามความรู้ที่จะต้องใช้ในคณะ ว่าเรามีความรู้รอบตัว หรือคิดเห็นยังไง 
อย่างBalac (Bachelor of Arts in Language and Culture) ก็จะเน้นอ่าน แล้วตอบคำถาม สรุปใจความสำคัญ ซึ่งเราต้องมีทักษาะด้านการอ่านพอสมควร แล้วก็part เขียน ที่จะมีหัวข้อมาให้เลือก อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับโชคว่าจะได้เรื่องอะไร แต่ส่วนใหญ่ คำถามจะเกี่ยวข้องกับ culture ตามชื่อคณะ หรือเรื่องที่เป็นข่าวดังในช่วงนั้นๆ ไม่ก็ topic ที่เป็น argumentative essay เช่น abortion เป็นต้น ทั้งหมดทั้งมวล เราต้องมีความรู้รอบตัว และทักษะ การสอบนั้นไม่ยาก ถ้าเราเตรียมตัวมาดี (ต้อง manage time มากๆ เพราะมีเวลาทั้งหมดแค่ 2ชม. บอกเลยว่าทำไม่ทัน) ส่วนสัมภาษณ์เนี่ย จะมีอาจารย์ในคณะ2คน มาฟังและถามเรา เขาจะถามอะไรก็ได้ อาจจะเรื่องส่วนตัว หรือถามคำถามทั่วไป แต่ของเราโดนjackpot คือเราเข้าไปคนแรก เขาจะให้เราจับฉลากว่าเราจะต้องพูดอะไร2 นาที สิ่งที่จับขึ้นมาไดเคือ คำว่า censorship ตอนนั้นเล่นเอางงเลย (บอกแล้วว่าต้องเตรียมตัว ให้ดี เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง) แต่อาจจารย์ก็ช่วยเรา อธิบายให้ฟังนิดหน่อย ก็เกือบไม่รอด ก็ติดสำรองมาแบบงงๆ แต่พอมาเรียนก็ยากกว่าจริงๆ 

คณะBec  หรือ Business English Communication 
ตอนแรกเราอยากเข้าคณะนี้มาก ถึงขั้นไปเรียนติวก่อนสอบ แต่ตอนหลังก็ไม่ได้เขา แอบเสียใจ แต่ไม่เป็นไร มาดูการสอบดีกว่า ข้อเขียนเนี่ย ขอบอกว่าแอบน่ากลัว เพราะเราไม่รู้เลยว่าปีไหนเขาจะถามอะไร ตอนไปติวเนี่ย เรียนทุกอย่างเลยแบบความรู้รอบตัว ฝึกเขียนเยอะมาก แต่เอาเข้าจริงนะ พออ่านข้อสอบเท่านั้นและ skill การแถล้วนๆเลย เราเจอคำถามที่เกี่ยวกับ brand business เนี่ยและ ลองไปเปิด คำถามปีเก่าๆดู จะรู้เลยว่า แต่ละปี คาดเดาข้อเขียนไม่ได้ เพราะฉะนั้นskill การเขียนและแถ  ต้องมาควบคู่กัน ที่สำคัญอีกอย่างคือ idea และความคิดของเราเอง 
สัมภาษณ์ ก็จะสอบทีละคนเนี่ยและ แต่ในห้องมีหลายๆคนไง ก็จะคละอาจารย์ไทยกับฝรั่ง เราแนะนำเลยนะ เลือกอาจารย์ฝรั่งดีกว่า สำหรับเรานะ เพราะสังเกต เพื่อนมาแบบโดนอาจารย์ไทยถาม แล้วโหด แบบชอบทำอะไร แล้วทำยังไง อย่างเช่นชอบทำกับข้าว ก็ชอบทำเมนูอะไร  ทำยังไงบอกเป็นขั้นตอน แต่ของเราคือก็โชคดีอีกละ ที่เราอาสาเข้าไปในห้องเอง เพราะคนอื่นยังไม่กล้าเขา แล้วมีอาจารย์ให้เลือก3คน เรารีบเดินดิ่งไปหาฝรั่ง เขาถามเราไม่อยากเลยนะ คือเป็นใคร เรียนที่ไหน อยากทำอะไร ทำไมถึงอยากเข้า ถ้าเราไปแลกเปลี่ยนก็เล่าไปให้เขาฟังเยอะๆ ให้รู้ว่าเรามีประสบการณ์นะ (ลืมบอกว่าเราเอาportfolio ไปทุกครั้งให้เขาดู เขาจะได้มีคำถามมาถามเรา) เราก็ตอบไป แล้วเขาก็ถามมาว่า ถ้าอยากกินข้าวกับดาราจะไปกับใคร ตอนนั้นนึกใครไม่ออกจริงๆ เลยตอบลุงตู่ 555 ตอบไปได้เนอะ เล่นเอาฝรั่งงงเลย แต่เขาให้เปลี่ยนใหม่ ก็เลยตอบAdam สุดหล่อไป 555 จบการสัมภาษณ์ บอกแล้วว่าไม่มีอะไรยากเลย แค่การเอาตัวรอดจริงๆ 

สุดท้ายคณะ BSI หรือ Service Innovationบอกเลยว่าคณะนี้น่าเรียนมากกก แล้วรับน้อยด้วย แค่ 40 คน อยากบอกว่าติดตัวจริง แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้เรียนอีก พี่ๆที่ดูแล พี่สตาฟใจดีมากๆ ขนาดอาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์ยังใจดีอ่ะ บอกเลย ต้องลองไปสอบดู 
การสอบข้อเขียนเนี่ย ส่วนใหญ่จะเน้นความคิดและความรู้เรา อย่างทำไมเราถึงอยากเรียน เราคิดยังไงกับคณะนี้ เรียนจบไปแล้วอยากทำอะไร แล้วก็อาจจะมีข่าวมาให้วิเคราะห์นิดหน่อย มีรูปภาพมาถาม อันนี้ขึ้นอยู่กับตัวคนเขียนจริงๆ ซึ่งเตี๊ยมคำตอบไม่ได้ เราทำได้ดีในpart นี้(อาจารย์บอกตอนสัมว่า ได้คะแนนสูงมาก ติดแน่นอน) จริงๆตอนสอบเสร็จคิดว่าไม่รอดแน่ๆ55 จะบอกว่าการที่เราจะทำได้เนี่ย เราต้องมีความชอบ แล้วก็ต้องเรียนรู้มันด้วย เพราะเราเป็นคนชอบเรียน business แล้วก็ชอบพวก service อะไรยังงี้อยู่แล้ว การมีไอเดียที่ดีบอกกับการแถ จะทำให้รอดได้ เพราะการสอบนี้เราไม่ได้เตรียมตัวเลย แต่อาจจะเป็นเพราะเราผ่านสนามสอบมาเยอะ เลย manage time การฝึกเขียนได้ดี ส่วนสอมสัมภาษณ์เนี่ย ก็อย่าลืม portfolio เพราะอาจารย์ก็ดูสนใจมากเลยนะ แต่ก็แล้วแต่อาจารย์อีก อาจารย์ก็จะถามว่าทำไมถึงอยากเรียน ชอบอะไรในนี้ ถ้าไม่ติดจะทำยังไง (เราก็คิดไปก่อนแล้ว ว่าจะtake gap year เขาก็ดูตกใจ แบบขนาดนั้นเลยหรอ 555 แต่เราทำหน้าจริงจังมาก) แต่จริงๆ เราจะตอบอะไรก็ได้ตามความคิดเราดีกว่า แล้วเขาก็หันมาสนใจport แล้วก็ถามๆ เป็นอันจบ 

จะบอกว่าทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมา เราต้องมี skill ของตัวเองล้วนๆ ฝึกฝนบ้าง ถ้าเรารู้ว่าเราอ่อนอะไร เราก็เสริมตรงนั้น อย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ขอแค่เรามีโอกาสที่จะทำมัน แค่นั้นเราก็ควรจะดีใจแล้ว สู้ๆนะ :)

ปล.มีคำถามอะไรถามได้เลยนะ ยินดีตอบเสมอจ้า 




 

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น