Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

How to...นักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ทุนเต็มจำนวน(Needy) +แชร์ประสบการณ์สุดพีค (1)

ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีจ้า! ทุกคน เราชื่อ “เบลล์”    

       เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS รุ่นที่ 56 ประเภททุนมูลนิธิเอเอฟเอส ประเทศไทยเต็มจำนวน หรือเรียกกันว่า “ทุน Needy” ไปประเทศบราซิล จ้า   

        ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยนะว่าการสอบ AFS ครั้งนี้ เป็นการสอบชิงทุนครั้งแรกในชีวิต ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน  ไม่เคยได้รับการแนะนำหรือแนะแนวใดๆมาก่อน ก็ดูสิเล่นมาสอบเอาซะตอน ม.5 ถ้าพลาดก็อดเลย จะพูดได้ว่าเราแค่เด็กบ้านๆคนหนึ่งที่รู้สึกว่าเราได้รับโอกาส และมาได้ไกลมากจริงๆ



         บางคนอาจจะสงสัยว่า ‘เอ๊ะ! ทุนนี้มันคืออะไร แล้วมันแตกต่างยังไง’ หรือ บางคนก็ ‘อ๋ออออที่เข้ามาดูก็รู้แหละน่า’  แต่ในที่นี้เราจะมาทำความรู้จักกับโครงการและทุนประเภทนี้กันเลยยพร้อมทั้งบอกHow to.. สอบทุนนี้ยังไงไม่ให้นกกกให้เข้าใจกันแจ่มแจ้งมากขึ้น




enlightenedเอาละ พร้อม เริ่มได้!!!

          ใครที่คิดอยู่ว่า ‘อยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอะ แต่ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสหรอก เพราะเรามันคนจน ไม่มีเงินพอคนรวยๆเท่านั้นแหละที่จะไปได้ เพราะมันต้องใช้เงินสบทบเป็นแสนๆ เราไม่มีเงินนหรอก ฮึกๆๆ’ หยุดดราม่า!!! แล้วเงยหน้าค้นหาโอกาส เพราะโครงการ AFS องค์กรแลกเปลี่ยนนักเรียนนานาชาติที่เป็นที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลกในตอนนี้ เขามอบโอกาสให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในประเทศไทย ให้มีโอกาสได้ทำตามฝันของตัวเองบ้าง

มันมีจริงหรอออออออออออออออออ??? จริงสิ!  หลายๆคนยังไม่รู้ว่า


 
                 “ไม่มีเงินพอก็ไปแลกเปลี่ยนได้ นาจา”yes



ปัจจุบัน โครงการ AFS มีทุนอยู่ 4 ประเภท  ได้แก่

1.ประเภททุนทั่วไป   เป็นทุนที่เราต้องสบทบค่าใช้จ่ายกับโครงการ (เป็นหลักแสน) และสามารถเลือกประเทแลกเปลี่ยนเองได้

2.ประเภททุนของหน่วยงานเอกชน (CSP) 

       คือทุนสนับสนุนการศึกษาจากบริษัทหน่วยงานหรือองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มอบให้กับบุตรหรือธิดาของพนักงานได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการตามคุณสมบัติที่เจ้าของทุนระบุ

3.ประเภททุนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา  (KLYES)    

       คือทุนเต็มจำนวนสนับสนุนการศึกษาจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้แก่นักเรียนไทย-มุสลิม

   surprise  และ!! สุดท้ายมาพบกับความ ว้าววว กับทุนที่



4. ประเภททุนมูลนิธิเอเอฟเอสประเทศไทยเต็มจานวน (AFS Thailand Full Scholarship) หรือ AFS Full 



        เป็นทุนที่มูลนิธิและผู้มีจิตศรัทธาสนับสนุนค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดให้กับนักเรียนเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ มีทั้ง



- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (ค่าพาหนะ ค่าเดินทางมาทำกิจกรรม) 



- ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง (ค่าทำเอกสารต่างๆ ทั้งPassport Visa ค่าตรวจสุขภาพ) 



- ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการทั้งหมด



- ทั้งยังได้ของที่ระลึกต่างๆฟรี!! ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อ หรือเข็มกลัด (บางคนโชคดียังได้รับมอบกระเป๋าเดินทางอีกด้วยนะ เพื่อนๆได้เกือบทุกคนเลย แต่เราไม่ได้ 555555 ไม่มีดวง)



- และที่พิเศษสุดๆ ก็คือ!! เราจะได้เงิน pocket money หรือเงินที่เราไว้ใช้จ่ายในประเทศแลกเปลี่ยนอีกด้วย(โดยทางโครงการจะให้เงินเป็นงวดๆ) 




เห็นมั้ยละคร้าบบ ว่าทุนเต็มมัน “สุดยอดทางพร้าวววว”  ขนาดไหน OMG!!



>>ว่าแต่....เงื่อนไขสำคัญๆของทุนนี้มีอะไรบ้างนะ ไปดูกันน



1. ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับทุนประเภทนี้จะต้องเข้าร่วมโครงการณประเทศที่มูลนิธิกำหนดเท่านั้น (เลือกประเทศเองไม่ได้)



2. ผู้ที่ได้รับทุนจะต้องเขียนจดหมายรายงานผลการเรียนและประสบการณ์ในต่างประเทศให้มูลนิธิได้รับทราบทุกๆ 2 เดือนตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ



3. หลังจากสิ้นสุดโครงการและเดินทางกลับถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้วให้ผู้ได้รับทุนเขียนจดหมายรายงานเรื่องความก้าวหน้าและการศึกษาต่อให้มูลนิธิทราบภายใน 3 เดือน


ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก : www.afsthailand.org



>>>แล้วคุณสมบัติของผู้สมัครละ มีอะไรบ้างนะ

1. สัญชาติไทย

2. ต้องเกิดระหว่าง30 มิถุนายน 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2546 (สำหรับผู้สมัคร รุ่นที่ 58)

3. กำลังจะศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3-4-5 หรือเทียบเท่าในปีการศึกษาพ.ศ.2560


4. บิดาและมารดาหรือผู้ปกครองตามกฎหมายมีรายได้รวมกันเฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ***สำคัญสุด***

5. ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมเป็นนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนในต่างประเทศมากกว่า 6 เดือนหากเคยพำนักอยู่ในต่างประเทศต้องกลับมาพานักในประเทศไทยและกาลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี

7. ต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวทั้งทางร่างกายและจิตใจไม่เป็นโรคติดต่อหรือเป็นพาหะของโรคใดๆ

8. มีความสามารถพิเศษ (กีฬาดนตรีศิลปะฯลฯ) 

9. มีผลงานด้านการช่วยเหลือชุมชนหรือการเป็นผู้นำในโรงเรียน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก : www.afsthailand.org




             แต่หลายๆคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันต้องสอบได้ยากแน่ๆ ใช่! มันยาก แต่เราต้องสู้ค่ะ!!!!  ห้ามย่อ(ต้องยืด)<<แอะ? ห้ามท้อ!! “ถ้าเป้าหมายเราชัดเจน และทำทุกอย่างอย่าง 100%” ทุนนี้ก็ได้มาไม่ยากหรอกกกก 

    cheeky เอาละค่ะ!! การสอบชิงทุนก็มีอยู่ 8 ด่าน สุดโหดเหี้ยมม เกรี่ยวกราดด!!  (ต้องขนาดนั้นไหม --)   เริ่มเลยย!!



 ด่านที่ 1 สอบข้อเขียน


 
             แน่นอนว่า ทุกๆโครงการหรือเกือบทุกสนามสอบแข่งขันล้วนใช้ข้อเขียนในการคัดเลือก แต่! ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ข้อเขียนที่ว่านั้น คือ ข้อสอบปรนัยนั้นเอง มีทั้งหมด 100 ข้อ เวลา 2ชั่วโมงงง!! –เฮือกกกกก ข้อสอบก็ไม่ได้ง่ายไม่ได้ยาก แต่ความรู้สึกตอนนั้นคือคำศัพท์ยากๆมันเยอะ

แนวข้อสอบก็ คือ 

- Error จะมีเป็น passage มาและให้เราเลือกตำแหน่งที่ ใช้แกรมม่าผิด



- Fill in The Blanks  อันนี้เราก็ต้องดูบริบทแล้วเลือกคำเติมในช่องว่าง



- Pictures จะเป็นพวกป้ายโฆษณา, หนังสือพิมพ์ ประมาณว่าให้เราอ่านแล้ววิเคราะห์จากข้อความม,พวกการ์ตูน ก็ให้เราตีความหมายจากคำที่ตัวละครพูดอาจจะมีพวก idiom ด้วย, มีสัญลักษณ์ป้าย ให้แปลความหมายจากป้ายหรือว่าวิเคราะห์จากป้ายนั้นๆ



- Tables อันนี้จะมีตารางข้อมูลมาให้เราแล้วให้เราตอบคำถาม 



- Conversation แน่นอนอันนี้เป็นบทสนทนาไม่ยาวมากแล้วให้เราเลือกบทสนทนาที่ถูกต้อง (อันนี้บางที่ก็สับสนต้องแปลความหมายจากคำพูดตัวละครให้ดีๆ เพราะถ้าเราเข้าใจผิดเราก็จะตอบผิดตามสเต็ป)



- Graph อันนี้ก็ให้วิเคราะห์จากกราฟแล้วตอบคำถาม



-Reading จะบอกว่าเป็นพาร์ทที่ โอ้โหหหหแม่เจ้ามันยาวมากกก เป็นอะไรที่ยาวมากจริงๆ ต้องฝึกทำมาเยอะๆเลย ทริคจากพี่มาตา นีดดี้ 56 มาว่า “ให้อ่านคำถามก่อนแล้วค่อยไปหาคำตอบในเนื้อเรื่อง ถ้าไม่รู้คำศัพท์ให้เดาจากบริบท” อันนี้มันใช้ได้จริงๆนะเออ

***ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษหมดนะ  ไม่มีเป็นพาร์ทภาษาไทยเน่อ***




enlightenedการเตรียมตัวสอบข้อเขียน

           สำหรับตัวเราเองนั้น การสอบรอบแรกเราเกือบจะไม่ค่อยได้เตรียมตัวอะไรสักเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ว่าช่วงนั้นเราก็อยากฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่แล้วจึงถือว่าเป็นการเตรียมตัวเบื้องต้น ก็คือ



 1. การพยายามคลุกคลีอยู่กับภาษาอังกฤษ ปกติแล้วเราเองจะไม่ชอบหรือดูหนังฟังเพลงสากล หรือเพลงอังกฤษเลย แต่เราก็ต้องพยายามเข้าหามันสำหรับคนที่ทำเป็นปกติอยู่แล้วถือว่าดีมากๆ



2.อ่านหนังสือนิทานนอกเวลาภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก เริ่มจากง่ายๆก่อนแล้วค่อยเพิ่มเลเวลเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวคำศัพท์ อันนี้จะช่วยได้เลยไม่ว่าจะเป็นพวก โครงสร้างประโยค หรือคำศัพท์ใหม่ๆ แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่น่าเบื่อด้วย สนุกและเพลินดี



3.อ่านแกรมม่าบ้าง ย้ำนะว่าแค่บ้าง เฉพาะที่เราไม่ค่อยเข้าใจก็พอ



4. ท่องคำศัพท์ 4 หน้า ครูสมศรี ( print ออกมาเลย 
https://www.dek-d.com/board/view/2695378/ ) จะบอกว่ามันช่วยได้มากกกก มากจริงๆ เอาจริงๆสำหรับเราคิดว่าในการทำข้อสอบนะถึงแม้เราจะไม่ค่อยรู้เรื่องแกรมม่าแต่ถ้ารู้ศัพท์ก็ผ่านฉลุยแล้ววว เชื่อสิ!!  [เราเองได้ท่องประมาณ 2-3 วันก่อนสอบ เสียดายมาก ท่องไม่หมดจำไม่ทัน 555555]

 

5.ทำข้อสอบเก่า อันนี้ละฮะท่านผู้ช้มม ที่สำคัญมากๆและใครๆ จะกี่รุ่นๆ ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า “ทำ ข้อ สอบ เก่า นะ จ้ะ น้องๆ” ย้อนหลังกี่ปีๆก็ทำกันไป มันช่วยได้จริงๆนะ ทำให้คุ้น ให้รู้แนวข้อสอบ  ตัวเราเองได้ทำ 1 วันก่อนสอบ 555555555 ทำแค่ 25 ข้อ จาก 100 ข้อ ได้ 13 คะแนน แหม่ได้เยอะจริงๆ เกินครึ่งมา 1 คะแนนโน 555555  

         ในบางโรงเรียนก็จะโชคดีหน่อยเพราะครูเขาจะจัดติวให้เลย บางที่ก็จะขายข้อสอบเก่าให้ตอนไปสมัคร แต่สำหรับเราไม่มีอะ555 จะสอบก็เตรียมตัวกันเองจ้ะ 

ปล.มีพี่ๆเขาบอกว่า ถ้าทำข้อเขียนได้เยอะๆคะแนนจะมีผลช่วยตอนรอบสัมภาษณ์ด้วยน้าา(จากพี่นิ้ง บราซิล/ใต้ นีดดี้ 56)




สิ่งที่ต้องนำมาในวันสอบ

     ดินสอ 2B,ยางลบ,ปากกา,ไม้บรรทัด  และ ที่สำคัญ “บัตรประจำตัวผู้สอบ”  อันนี้อย่าลืมเลยนะ           

          smileyทำไมต้องบอกแบบนี้นะหรอ?  ก็เพราะว่าเราพลาดมาแล้วนะสิ 55555555 ก็แค่ตื่นเต้นไปหน่อย เลยลืมบัตรประจำตัวผู้สอบไว้ที่บ้าน ถถถถ  วันนั้นก่อนสอบก็วิ่งว่อนมากไม่รู้ทำไงดีเพราะบ้านก็อยู่ไกลสะด้วย  แต่สุดท้ายยย! ก็แก้ปัญหาได้ทันเวลาโทรไปหาที่บ้านวุ่นหมด5555 คิดดูๆ เกือบพลาดตั้งแต่ด่านแรก  555555




ด่านที่ 2 สอบสัมภาษณ์รอบเขต



              เอาละ!! ถ้าเรามาถึงรอบนี้ได้ ถือว่าเก่งมากเพราะเราสามารถผ่านไปได้ 1ด่านแล้ว ชื่นชมตัวเองแล้วก็ต้องสู้กันต่อค่ะ ฮึบ!



             การสอบสัมภาษณ์นั้น เราต้องมาสัมภาษณ์พร้อมกับนักเรียนทุนอื่นๆเลย  วันนี้ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมความสามารถ เตรียมคำพูดไว้ให้ดีๆจ้ะ อ้อ!! มีทริคจากพี่นิ้ง บราซิล/ใต้ นีดดี้ 56   เขาแนะนำมาว่า “ให้ลองเปลี่ยนความคิดตัวเองก่อนก็คือ คำว่า "สอบ" มันทำให้เราตื่นเต้นไปก่อนเเล้ว เเบบเออมันสอบนะ เเล้วยังมีคำว่า"สัมภาษณ์"มาอีก เเต่ความจริงเเล้วคือเหมือนไปคุยกับกรรมการมากกว่า เเล้วกลายเป็นว่าสนุก ได้เม้า ได้เล่าให้เค้าฟัง อยากให้ลบคำสองคำนั้นออกไปก่อน เราไม่ได้ไปสอบนะเออ เราไปเม้ามอย”  ลองดูนะมันช่วยได้จริงๆ




--------------------------------------------------------------------------------


 
 surpriseการสอบก็มีอยู่ 3 ตอนด้วยกัน คือ



1.จะเป็นการสอบข้อเขียนด้านจิตวิทยา



      ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเราเอง อันนี้เขาจะจับเวลาให้เรานั่งทำก่อนสอบสัมภาษณ์ อันนี้ง่ายๆเน่อ แต่!! อย่าลืมว่า การตอบคำถามต้องอยู่ในเชิงบวกไว้นะจ้ะ เพราะการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ดีต้องเปิดใจและคิดบวกเข้าไว้ 



****ภาษาไทยล้วนๆ****




2.การสัมภาษณ์เดี่ยว



            อันนี้ก็แล้วแต่ศูนย์สอบค่ะ ว่าจะมีกรรมการต่างชาติกี่คน มีอาจารย์คนไทยก็คน รวมๆแล้วไม่น่าจะเกิน 4 ค่ะ  แน่นอนค่ะเข้าไปก็ต้องทักทาย ที่สำคัญที่สุดคือ ยิ้ม :)  ค่ะ ยิ้มเข้าไว้ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องกลัว ผ่อนคลาย เป็นตัวของตัวเอง อย่าเฟค ร่าเริงๆเข้าไว้ค่ะ  ให้รู้สึกเหมือนไปนั่งเม้ามอยเหมือนที่บอกเลย



        กรรมการเขาก็จะให้เราแนะนำตัวก่อนค่ะ (ตามที่เราได้เตรียมไว้มาหลายวัน555) 

แล้วกรรมการเขาจะสลับกันถามคำถามเรา คำถามก็ เป็นพวกพื้นฐานๆค่ะ 



- ทำไมถึงอยากเป็นนักเรียนเเลกเปลี่ยน อันนี้ก็มีเเน่นอน อันนี้เป็นคำถามที่สะท้อนตัวเราเลย เป็นตัวของตัวเอง ค่อยๆอธิบาย เล่าให้เค้าฟังนะ 



-อยากไปประเทศไหน ทำไมถึงอยากไป



-ถ้าได้ไปแล้วจะทำอะไรให้เข้าดูบ้าง



-ทำไมโครงการถึงต้องเลือกเรา



....ส่วนมากเป็นคำถามการแก้ไขปัญหาของเรา ถ้าเราไปเจอแบบนี้แบบนั้นเราจะทำอย่างไร



-ถ้าเพื่อนชวนไปปาร์ตี้แล้วชวนกินอาหารแต่เรากินไม่ได้จะบอกอย่างไร



-ถ้าเราหลงทางแล้วโทรศัพท์แบตหมดจะทำอย่างไร



-ถ้าไปอยู่แล้วเกิดอาการ homesick จะทำอย่างไร



-ถ้าเข้ากับเพื่อนไม่ได้จะทำอย่างไร



-ถ้าโดนเพื่อนแกล้งจะทำอย่างไร



-ถ้าโฮสบราหยิบของเราไปใช้โดยไม่ขอจะทำยังไง



-ถ้าเกิดจราจล มีการต่อยกัน เราจะทำยังไงถ้าอยู่กลางสถานการณ์นั้น



***อย่าลืมนะค่ะ ต้องตอบคำถามให้โลกสวยไว้ค่ะ ให้เป็นนางงาม เชิงบวกมากที่สุด***



***ทุกอย่าง ถาม-ตอบ เป็นภาษาอังกฤษค่ะ*** บอกเลยว่าเราค่อนข้างมีปัญหากับเรื่องนี้

มีทั้งฟังไม่ทัน ฟังไม่ถนัด แล้วก็แปลไม่ออกจนกรรมการต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ 5555555  ตอนตอบก็คิดอะไรออกก็พูดไปเลย ขอแค่มั่นใจ มุ่งมั่น ก็ถือว่าผ่าน



        แล้วก็!! จะเป็นการแสดงความสามารถพิเศษค่ะ อันนี้ขอบอกไว้ว่า คะแนนเยอะมาก ในด้านการแสดงออกถึงความเป็นไทย  ให้พยามทำอะไรก็ได้ที่ไทยๆ โชว์ให้กรรการดู ตัวเราเองในวันนั้นคือ รำมโนรา กับ ร้องเพลงฉ่อยค่ะ (แอบเห็นเขาอัดคลิปไว้ด้วย >< ดีใจมากๆ)  หรือบางคนที่ไม่รู้ว่าจะโชว์อะไรจริงๆ พี่เขาก็แนะนำมาค่ะ เช่น เเกะสลักผัก ผลไม้ พับดอกบัว สานพวกปลาตะเพียน  ร้อยพวงมาลัย  ร้องเพลงลูกทุ่ง เล่นดนตรีไทย เช่น ขลุ่ย ประมาณนี้ 




2.การสัมภาษณ์กลุ่ม



   อันนี้เชื่อว่าที่ศูนย์เราไม่น่าจะเหมือนที่อื่น (มั้ง) เพราะของเราจะให้แต่ละกลุ่มเข้ามานั่งเรียงแถวต่อหน้ากรรมการ แล้วกรรมการจะสลับถามคำถาม คำถามเดียวกันให้ตอบทุกคน อยู่ที่ว่าใครตอบก่อนตอบหลัง  เขาจะดูที่ความกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น  ทัศนะคติความคิด การพยายามแสดงความเป็นไทย  น่าจะอยู่ที่ประมาณนี้ค่ะ

-----เรียบร้อยแล้วสำหรับสัมภาษณ์รอบนี้------




อ่านต่อกระทู้ที่ 2 จิ้มลิ้งได้เลยยย

 https://www.dekd.com/board/view/3763518/ <

How to...นักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ทุนเต็มจำนวน(Needy) +แชร์ประสบการณ์สุดพีค (ต่อ 2) 

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

เงินออบซอ 30 พ.ค. 60 เวลา 06:00 น. 2

คนไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างเราถ้าเพิ่งจะเริ่มติวหนักๆตอนนี้มันจะรอดไหมคะ แล้วเราเกิด45แต่ปีนี้เราอยู่ม.2ปีนี้เราก็ไม่มีสิทธิ์สอบใช่มั้ยคะT T

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

nns 25 ก.ย. 66 เวลา 19:17 น. 10

สวัสดีค่ะ ขออนุญาตสอบถามได้ไหมคะว่ารอประกาศประเทศประมาณกี่วัน หนูสอบปีนี้แล้วเขารอประกาศพร้อมประเทศทีเดียวเลยค่ะ

0