Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ลดน้ำหนัก 40 กก. ในเวลา 5 เดือนเศษ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปขนาดนี้ !! ( พร้อมเคล็ดลับในการลดนน. )

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ ผมชื่อ แบงค์ นะครับ อายุ 21 ปี ผมพึ่งเคยทำรีวิวครั้งแรกเลยย พึ่งเคยได้มาเผยเคล็ดลับให้ทุกๆคนได้รับรู้ถึงผลดีของการควบคุมน้ำหนัก มาร่วมแชร์ประสบการณ์ในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ( ลดน้ำหนัก )ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันครับ ถ้าเขียนผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ^^   เรื่องที่ผมจะเล่า ไม่ได้มีการโฆษณาสิ่งของหรือสินค้าใดๆทั้งปวงนะครับ ที่ทำไม่ได้ต้องการอวดว่าตัวเองเก่ง แต่อยากให้คิดสะว่าเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆ ให้กับคนที่มีบุคลิก หน้าตาและรูปร่าง อ้วนท้วมเหมือนผม ให้มีกำลังใจในการกลับมาลดความอ้วน ด้วยการออกกำลังกายโดยที่ผม **ไม่พึ่งยาลดความอ้วน** ใดๆเลยนะครับ เริ่มเลยนะครับ   คือผมเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ดีเหมือนคนอื่นตั้งแต่เด็กๆแล้ว ตอนผมอยู่มัธยมผมเป็นคนที่อ้วนมาห น้ำหนักผมเคยขึ้นสูงที่สุดถึง 122 กิโล แต่ผมเป็นเด็กกิจกรรม เลยติดสนุก ติดเล่น เป็นคนเฮฮา ไม่เคยสนใจเรื่องภาพลักษณ์ หรือ รูปร่างของตัวเองเลย นี่คือผมตอน ม.1 ม.3 ม.4   V ม.1 V   V ม.3 V     V ม.4 V ม.4 ผมน้ำหนัก 95 กก. ถือว่าอ้วนอยู่ระดับหนึ่ง ( หรืออ้วนมากก็ไม่รู้ครับ 555 ) ตอนนั้นก็เริ่มรู้สึกอึดอัดมากก อยากลด เลยลองกินยาลดความอ้วนที่เขาพูดกันว่าดีนักดีหนา น้ำหนักก็ลงนะครับ 5-6 กก.ลงเร็วมาก แต่ใจสั่น ปวดหัว นอนไม่ได้ ต้องเข้าโรงพยาบาล เกือบช็อคเพราะแพ้สารบางชนิดในตัวยาครับ แต่ตอนนั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องการออกกำลังกายเลย เพราะคิดว่ามันต้องเหนื่อยแน่ ๆ เลยคิดที่จะหายาตัวอื่นๆกินให้มันดีกว่าตัวเก่า เพื่อที่จะไม่ต้องเหนื่อย กินแล้วมันก็ลงครับ แต่พอเลิกกินปุ้ป ก็เป็นแบบในรูปด้านล่างนี้เลยครับ V V  ^ ตอนนี้อยู่ ม.5 น้ำหนักโหด (มาก) 122 กก. -o- ^ นี่คือจุดพีคของชีวิตผมเลย อึดอัดอ้วนมาก แต่ผมก็ยังไม่อายในรูปร่างของผมนะ เพราะด้วยความที่มีคนสนิทเยอะ แล้วไม่ค่อยมีใครกล้าล้อเลียนผม เพราะค่อยข้างจะดุนิดนึงกับคนแปลกหน้า555 หรือคนสนิทที่ชอบพูดว่าชอบล้อเรื่องน้ำหนักตัวผม จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเตือน แต่ผมก้เริ่มรู้สึก ถึงสันญานเตือนถึงความอ้วนที่มากเกินไปของตัวผม คือ เริ่มมีโรคประจำตัวถาโถมเข้ามามากมาย ทั้งความดัน เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน (กรรมพันธุ์) แล้วก้เป็นไมเกรนต้องเข้าโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ เสียเงินรักษามากกว่าเงินตอนกินอีกครับ เห้ออ!! ( ไม่รู้ว่าที่เป็นไมเกรนเกี่ยวกับความอ้วนหรือป่าวนะครับ ถ้าใครทราบข้อมูล ก็สามารถบอกต่อกันได้เลยนะครับ ) V จนวันจบม.6 ( ปัจฉิม ) ผมก็ยังอ้วนเสมอต้นเสมอปลายครับ นี่คือผมในวันปัจฉิม ม.6 ปี 58 V ^ ตอนนี้ก็น้ำหนัก ประมาน 1++ กก ( จำไม่ได้แล้วครับ 5555 ) แต่ยังอยู่ในหลักร้อย ^ จนตอนเข้ามหาวิทยาลัย จึงเริ่มมีความอายเรื่องหุ่น เรื่องน้ำหนักตัว เพราะคนที่มอผมนั้น ไม่ค่อยมีคนอ้วน เพราะส่วนใหญ่ มหาลัยผม จะเน้นเรื่องการใช้หน้าตารูปร่างในการเรียน ( คือผมเรียนเกี่ยวกับ ศิลปะ วัฒนธรรมไทย จึงมีการออกงานบ่อย ถ้าอ้วนจะใส่ขุดออกงานไม่ได้เลย 55555 แอบอายนะครับ ) ผมจึงเริ่มลด แต่ไม่ได้ตั้งใจลดมากเท่าไหร่ V นี่คือผมตอนเข้ามหาวิทยาลัยตอนปี1 ( 2558 ) V ^ ตอนนี้กลับมาอยู่ที่ 95 กก. ครับ ก็ถือว่ายังอ้วนอยู่นะ ( ไม่ได้พึ่งยา ) ^ แล้วผมก็ได้คบกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งพวกเพื่อนหุ่นดีทั้งกลุ่ม แต่ผมก็ยังคงกินข้าวตามใจปากปกติ เพราะคิดว่ามหาวิทยาลัยปี 1 นั้น ต้องใช้กำลัง และมีอะไรให้ทำเหนื่อยๆเยอะแน่นอน จึงไม่แคร์สิ่งรอบข้างใดๆทั้งสิ้น 55555 จนวันหนึ่ง ผมกับเพื่อนตกลงไปเที่ยวกันที่ทะเลกันในเดือนเมษายน ปี 59 ครับ (ประมาน กลางเดือน) [ บอกก่อนเลยนะครับ ว่ากิจกรรมยามว่างของผมคือการถ่ายรูป จะถ่ายให้เพื่อนเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะผมชอบในการถ่ายภาพ และเพื่อนก็หุ่นดี หน้าตาดี ทุกคน แต่ก็มักจะไม่ค่อยมีรูปตัวเองในเครื่องเท่าไหร่ เพราะอ้วน กลัวภาพออกมาไม่ดี ถ่ายมาก็มีบ้างครับ ไม่ใช่ไม่ถ่ายเลย แต่ไม่ค่อยเอาลงในเฟสบุ๊ค เพราะอายรูปร่างตัวเองจริงๆ ] จนถึงตอนที่ถ่ายรูปรวมกับเพื่อนๆ ก็ถ่ายตามปกติครับ จนถึงตอนที่เอารูปลงคอม แล้วจะลงเฟส พอเห็นเท่านั้นแหละครับ คือ ตัวใหญ่มาก อ้วนมาก ไม่กล้าลง แต่ก็อยากลงรูปตอนไปเที่ยวกับเพื่อน เลยกลั้นใจลงไปเลย TT   V รูปนี้เลยยยครับ คือที่มาของการเริ่มลดความอ้วน V ตอนนี้ น้ำหนักขึ้นมา 2-3 โลเลยครับ เป็นหนัก 98.5 กก. ครับ ^   พอผมกลับมาจากทะเล จึงเริ่มอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มจากการ กินให้น้อยลง จากปกติกินวันละ 4 มื้อ ก็ลดลงครับ เหลือวันละ 2 มือ คือ เช้า และ กลางวัน งดอาหารเย็นและมื้อดึก และ ลดของหวานครับ รวมถึงขนมคบเคี้ยวด้วยนะครับ ( เดี๋ยวจะบอกเมนูที่ผมทานท้ายโพสนะครับ ) ผ่านไป ประมาน 20 วัน V เหลือ 84 กก. ( ยังไม่เริ่มออกกำลังกายนะครับ ) V   ^ เริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายแล้วครับ ถึงจะไม่มาก แต่ก็ดีใจสุดๆเลยตอนนั้น   หลังจากนั้น ผมก็ย้ายที่เรียน ไปเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนึงในกทม. ก็ได้เจอเพื่อนใหม่ สถานที่ใหม่ๆ เลยปรับตัวง่ายขึ้นครับ เพราะอยากเข้าสังคมได้ แล้วรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่ผมกังวลมาก จึงเริ่มลดนน.   V V นี้คือรูปตอนย้ายไปที่ใหม่ได้ 4 วัน V V ^ ตอนนี้ก็ยังหนัก 84 กก. อยู่ครับ ^   แล้วหลังจากเข้าไปเรียนได้ 2 อาทิตย์ ก็เริ่มหันมารักสุขภาพแบบจริงๆจังๆสักที เริ่มด้วยการวิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ ก่อนนอนวันละ 10นาที ตามด้วยวิ่งเหยาะๆ รอบบ้านอีก 10 นาที แล้วก้กระโดดเชือก 50 รอบ ตามด้วย sit-up 50 ครั้ง ทำท่าแพล็งอีก 10 นาที ( อันสุดท้ายเหมือนจะง่าย แต่โคตรทรมานเลย ) ผ่านไปอีก 1 เดือน น้ำหนักลดลงพอสมควร V V ^ ( ถ่ายด้วยกล้อง casio ) ^   ตอนนี้ หนัก 80 กก. ดูเหมือนน้ำหนักลดลงไปเยอะ แต่ลงไปแค่ 4 กิโลเองนะ แต่สัดส่วนดีขึ้นครับ จนเริ่มอยากมีคนรักกับเข้าบ้าง เพราะตอนอ้วนชอบใคร เขาก้ไม่ชอบเรา บวกกับโดนจับส่งประกวดเดือนคณะด้วย ตอนนี้เลยต้องเริ่มฟิตหุ่นให้มากกว่าเดิม คือ ปกติ เวลาผมเลิกเรียนจะต้องไปหาของทานต่อกับเพื่อนๆในกลุ่ม เช่น ขนมปังปิ้ง เค้ก ไอศกรีม ฯลฯ แต่เปลี่ยนแพลนใหม่ เป็น เลิกเรียนปุ๊ป รีบกลับบ้านให้ไวที่สุด แล้วออกกำลังกายเป็นประจำ จากปกติจะออกกำลังกายวันเว้นวัน ก็เปลี่ยนเป็นออกกำลังกายทุกวัน แล้วเพิ่มเวลาในการออกกำลังกายให้มาขึ้นที่ละขั้น จนร่างกายเริ่มปรับสภาพ และชินกับการออกกำลังกาย   ผ่านไปถึง ต้นเดือนกรกฏาคม ผมก็เริ่มพอใจกับน้ำหนักที่ลดลง และหุ่นที่ดีขึ้น V V ^ ตอนนี้หนักลดเหลือ 77 กก. แล้วนะครับบบบบ ;) ^ { รูปนี้ตอนนั้นไปเป็นตัวแทนถือพานไหว้ครูครับ }แต่ก็ยังแอบมีพุงหน่อยๆนะ แฮ่ๆ จนผ่านไปถึงเดือนสิงหาคม ถึงวันประกวดเดือน น้ำหนักก็ลงไปใกล้ถึงเป้าที่ผมตั้งใจไว้แล้ว ( 70 กก. )   V V รูปตอนประกวด ดาว-เดือน คณะ ที่มหาวิทยาลัย 73 กก. V V V V ได้รางวัล รองชนะเลิศ อันดับ ที 2 ครับบบ V V V V และนี่คือชีวิตใหม่ของผมหลังจากการลดความอ้วนครับ V V แต่ก่อนถ่ายด้านข้าง เหนียงจะออกเลยครับ เหนียงนำหน้าเลย ตอนนั้นคอผมไม่มี 5555 แต่ตอนนี้มี แล้วน้ะะ แต่แฟนไม่มีโสดจีบได้ ><* ^ ^ เดี๋ยวจะมีคนหาว่าผมใช้กล้องฟรุ้งฟริ้ง รูปถ่ายเลยดูดี ผมลงกล้องสด iPhone6 ให้ดูเลยครับ ^ ^   V V ปัจจุบัน นน. 70 กก. / สวนสูง 185 ซม. / อายุ 21 ปีครับผม V V   อดีต ปัจจุบัน
เมื่อเราหุ่นดี สิ่งดีๆก็ตาม นี่พิสูจน์แล้วครับว่าจริง ไหนจะเรื่องสุขภาพ ถ้าเราอ้วนมากเกินไป เหมือนผมในตอนนั้น มักมีโรคที่จะตามมากับความอ้วนแน่นอนครับ เรื่อง การเดินทาง ถ้าเรามีน้ำหนักมากเกิน สมมุติเวลาเราไปเดินเที่ยวเล่น เราก็จะรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าคนอื่นๆ เรื่องการทำงาน ทุกบริษัทย่อมอยากได้บุคลากรที่มีบุคลิกภาพที่ดูดี มีความมั่นใจในตัวเอง เพื่อเป็นหน้าตาของบริษัทนั้นๆ เรื่องการแต่งตัว จากปกติผมจะใส่เสื้อ ไซท์ XXL ตอนนี้ ใส่แค่ L บางยี่ห้อก็ใส่แค่ M ได้เลย แต่เสื้อจะลอยเพราะผมตัวสูง5555  แม้แต่ในเรื่องของความรักความอ้วนก็เป็นอุปสรรค์ให้กับเราได้ ถ้าเราหุ่นดีเราก็จะมีความกล้าในการที่จะเข้าไปคุยกับคนที่เราแอบชอบมากขึ้น แบบไม่ต้องกังวลเรื่องหุ่นเลย เพราะเรามั่นใจว่าเราดูดี เพราะตอนผมอ้วนๆผมก็เคยแอบชอบคนๆนึง แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรผมเลยสักนิด แต่เขากลับให้เหตุผลว่า ผมดีไม่พอ อ้วนไป ไม่ชอบ ผมจึงเริ่มอยากลด เอาคำด่า ดูถูก มาเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้กับตัวเอง!!!         ผมเชื่อว่า คนเราถ้าตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง ถ้าเราถ้ามีความพยายาม ยังไงผลลัพธ์ที่ตามมาต้องออกมาดีด้วยเช่นกัน ขอแค่คุณพยายาม และ มีวินัย ซื่อสัตย์ กับตนเอง ทำเพื่อตัวเองครับและผมหวังว่า กระทู้ของผมอาจจะทำให้ใครหลายๆคนหันมารักตัวเองนะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่ต้องการจะลด หรือที่กำลังลดความอ้วนอยู่ ขอให้ลดได้เหมือนผมนะครับ เพื่อสุขภาพที่ดีนะครับ     ปล. วิธีทางอาหารของผมนะครับ ตื่นนอน เวลา 5:00am ตื่นมาปุ๊ป ให้ดื่มน้ำเปล่า 2 แก้วค่อยไปอาบน้ำแปรงฟันทำธุระส่วนตัว แล้วถึงจะทานข้าวเช้า ข้าวเช้าเน้นกินให้ครบสารอาหาร เพราะว่าข้าวเช้ามีความสำคัญที่สุดต่อระบบการทำงานของร่างกายเรา ห้ามอดมื้อเช้า!! ลดได้ แต่ไม่ควรอดนะครับ ในส่วนของมื้อกลางวัน ผมจะลดอาหารจำพวกแป้ง และของทอดของมัน และดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 1 แก้วก่อนรับประทานอาหาร แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆละก็ ให้ลดปริมาณในการทานของทอดของมันลง จะช่วยได้เยอะเลย ในการทางอาหารควรรับประทานช้าๆ ไม่ควรที่จะรีบเคี้ยวข้าว ควรที่จะเคี้ยวข้าวให้ละเอียดอยู่เสมอ เพราะสารอาหารจะซึมซับได้ง่ายขึ้น และทำให้อิ่มเร็ว ( อันนี้ผมเคยได้ยินมา รบกวนผู้รู้ช่วยบอกด้วยนะครับว่าช่วบได้จริงไหม ) ในส่วนของมื้อเย็นนั้น ในตอนแรกจะอดยากมากๆ จะหิวข้าวจนนอนไม่หลับ ผมใช้วิธีดื่มน้ำเปล่า และทานผลไม้ ที่มีน้ำตาลน้อย และช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายครับ และไม่ควรดื่มน้ำเย็นไปพร้อมๆกับการรับประทานอาหารนะครับ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะครับ  ^^  " ผมยังทำได้ แล้วทำไมพวกคุณจะทำไม่ได้ละครับ " สู้ๆ เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังลดน้ำหนักนะครับ  ถ้ามีข้อสงสัยสามารถ คอมเม้นถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางด้านลางกระทู้นี้ได้เลยนะครับผม  ********** ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะครับ ***********

*** ตั้งชื่อกระทู้ผิดนิดนึงนะครับ  5 เดือนลด(ประมาน)ได้30โลนะครับ ตั้งแต่ตอนไปทะเลเดือนเมษา ถึง ตอนประกวด เดือนสิงหา ขออภัยทุกๆคนด้วยนะครับบ 

แสดงความคิดเห็น

>

20 ความคิดเห็น

Sirabee 29 มิ.ย. 60 เวลา 21:10 น. 3-1

สู้ๆนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถลดน้ำหนักได้ครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ ^^

0
[ PaY ~ เป้ ] Columnist 29 มิ.ย. 60 เวลา 22:23 น. 4

น้องจขกทเก่งมากเลยค่ะ

แต่หลังจากนี้อย่าลืมดูแลสุขภาพและอาหารการกินดีๆนะคะ เพราะน้ำหนักลดมาเยอะมาก อาจจะมีโอกาสโยโย่ได้

นับถือเลยๆ

1
Sirabee 30 มิ.ย. 60 เวลา 01:41 น. 4-1

ขอบคุณมากๆนะครับผม

ใช่ครับพอน้ำหนักได้ตามที่ต้องการแล้ว ก้ยังต้องควบคุมการกินอยู่ครับ ถ้าปล่อยปะละเลยกินตามใจปาก ก็มีสิทธกลับมาอ้วนอีกครับผม

0
Maruimui 30 มิ.ย. 60 เวลา 00:58 น. 5

ขอถามหน่อยนะคะ ออกกำลังกายเองที่บ้าน หรือ มีไปเข้าฟิตเนสบ้างไหมคะ?

1
Sirabee 30 มิ.ย. 60 เวลา 01:40 น. 5-1

ออกกำลังเองที่บ้านเลยครับ ผมวิ่งเหยาะๆที่ลานจอดรถในบ้านเลยครับ

0
MaYaninE 30 มิ.ย. 60 เวลา 04:10 น. 6

เก่งจัง เราลดได้ 10 โล นี่ดีใจแทบตาย ซัดแหลกคะ!!! แล้ว นน ก็ขึ้น อาเมนนน 555

1
Sirabee 30 มิ.ย. 60 เวลา 05:50 น. 6-1

อ่าว ซะงั้น 555 สู้ๆนะครับ ต้องลดให้ได้

0
THUMPING 30 มิ.ย. 60 เวลา 07:21 น. 7

สงสัยต้องลองควบคุมการกินด้วยละ

ของน้องวิ่งมาสองเดือนลด 6 โลเอง (แถมขาใหญ่ขึ้น) 5555 ขอบคุณนะคะเดี๋ยวจะลองลดปรับการกินดู

1
Sirabee 30 มิ.ย. 60 เวลา 20:08 น. 7-1

ใช่คับ ออกกำลังกายควบคู่กับการคุมอาหารด้วยครับผม ผมลืมบอกว่า ผมใช้วิธีคำนวนแคลทุกมื้อครับ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Sirabee 30 มิ.ย. 60 เวลา 20:09 น. 9-1

สู้ๆครับ ถ้าตั้งใจจริงๆ ยังไงก็ทำได้แน่นอนครับผม ^^

0
ChaiyapakTop 30 มิ.ย. 60 เวลา 18:30 น. 10

น่าจะอยู่ที่ความอดทน ในการลดด้วยมั้งครับ เเต่ลดได้ขนาดนี่ เก่งมากครับ นับถือเลย

1
Sirabee 30 มิ.ย. 60 เวลา 20:09 น. 10-1

ใช่ครับ ใช้ความอดทนสูงมากๆ เพราะมันเหนื่อยจริงๆครับตอนแรกๆ แต่ก็ต้องทนครับ 555

0
littlebear02 30 มิ.ย. 60 เวลา 21:47 น. 12

เคยหนักน้อยสุด58กก. แต่ตอนนี้75+ เพราะไรรู้มั้ยคะ555 ตอนนั้นอ่ะ เราก็อยากสวยใช่มั้ยคะเลยยากมีซิกแพ็คแบบนิดๆอ่ะ ให้พอสวยๆงี้ หน้าท้องก็เริ่มแข็งๆละแต่ยังไม่ขึ้นนะเพราะน้ำหนักตองลงอีกหน่อย ...และนี่ก็คือประเด็นหลักเลยที่ทำให้เลิกกับแฟน5555 เสียใจไง กินแหลกอ่ะปัญญาอ่อนมะเรา

แต่ตอนนี้มีกำลังใจใหม่ละจาก จขกท.นี่แหละ น้ำหนักเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน...ขอบคุณที่มาโพสเป็นแรงบันดาลใจ

1
Sirabee 7 ก.ค. 60 เวลา 07:23 น. 12-1

สู้ๆนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ^^

0
Kpbosx 30 มิ.ย. 60 เวลา 23:50 น. 13

อยากได้เคล็ดลับความสูงด้วยครับ ตอนนี้กำลังจะทำไร่มะเขือแล้วสอยขายครับ 5555 อายุก็มหาลัยปีสองนี่ยังไปได้อีกไหมครัล

2
Sirabee 7 ก.ค. 60 เวลา 07:25 น. 13-2

ความสูง ตอน ม.ต้น ผมสูงแค่ 145 ผมใช้วิธีดื่มนมก่อนนอน และโหนบาร์ครับ ( ไม่ยืนยันนะครับว่าจะได้ผลทุกคน แต่ลองทำตามได้ครับ )

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

มนุษย์ง่วง 1 ก.ค. 60 เวลา 21:21 น. 15

เราเห็นแววหล่อตั้งแต่ยังอ้วนอ่ะ

เก่งมากเลย เราจะลดมั่ง

เป้าเราแค่ 4 โล แต่ลดมา 4 ปีแล้ว

ยังไม่ลง (กล้าเรียกว่าลดเนอะ - -")

1
Sirabee 7 ก.ค. 60 เวลา 07:26 น. 15-1

สู้ๆนะครับ ต้องมีความตั้งใจในการลดด้วยนะครับผม แล้วก็ต้องมีวินัยในการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารครับ

0
Sirabee 7 ก.ค. 60 เวลา 07:27 น. 17-1

ขอบคุณครับผม และขอเป็นกำลังใจให้ลดได้ตามเป้าที่ตั้งไว้นะครับผม ^^

0
Nyx 2 ก.ค. 60 เวลา 21:01 น. 18

เพิ่มเติมเรื่องการเคี้ยวกลืนและการดื่มน้ำนะครับ

///

ทุก ๆ ครั้งที่เคี้ยวแล้วกลืนอาหาร กระบบทางเดินอาหารจะส่งสัญญาณไปถึงสมองว่ามีอาหารตกถึงกระเพาะ ซึ่งจะถูกแปลเป็น "ความอิ่ม" ฉะนั้นการไม่รีบกินอาหารจึงช่วยให้อาหารที่กินสอดคล้องกับสัญญาณที่ส่งถึงสมอง ทำให้รู้สึกอิ่มพอดีกับอาหารที่กิน แตกต่างจากการรีบ ๆ กินที่ทำให้เราได้อาหาร (หรือก็คือกิโลแคลอรี) มากเกินไป

///

การดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วก่อนทานอาหารไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะจะเจือจางน้ำย่อยในกระเพาะ ก่อนมื้ออาหาร 1 ชั่วโมงไม่ควรดื่มน้ำปริมาณมาก ๆ หลักการดื่มน้ำควรดื่มเมื่อกระหายน้ำในปริมาณพอเหมาะ ซึ่งดื่มได้ตลอดวัน ไม่ใช่ดื่มพรวดเดียวหนึ่งหรือสองแก้ว ถ้าให้ดีต้องสังเกตสีและปริมาณปัสสาวะ หากเหลืองข้นเกินไปและปริมาณน้อยต้องดื่มน้ำเพิ่ม หากใสและปริมาณมากก็หยุดดื่ม เป็นเรื่องที่ต้องสังเกตตัวเองตลอดวันครับ หลังอาหารก็เช่นกันไม่ควรดื่มน้ำเข้าไปมาก ๆ ด้วยเหตุผลเดียวกัน ควรรอสัก 20-30 นาทีแล้วค่อยดื่ม และดื่มแค่พอแก้กระหาย ถ้าอยากดื่มเครื่องดื่มปริมาณมาก ๆ ต้องหลังอาหารสัก 1 ชั่วโมงหรือกว่านั้นเล็กน้อย นั่นคือเมื่ออาหารที่ถูกกระเพาะย่อยผ่านไปสู่ลำไส้เล็กแล้ว

///

ปล. จาก ม.5 น้ำหนัก 122 Kg จนปัจจุบันเป็นนักศึกษา เหลือ 70 kg มันไม่ใช่ห้าเดือนนี่ครับน้อง

1
Sirabee 7 ก.ค. 60 เวลา 07:28 น. 18-1

ของผมหมายถึงเริ่มลดตอนเดือนเมษาครับ แต่ผมตั้งชื่อกระทู้ไม่ละเอียดเองครับ ต้องขออภัยด้วยนะครับ TT และขอขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมมากๆเลยนะครับผม ^^

0
momay1949 2 ก.ค. 60 เวลา 21:05 น. 19

เป็นคนน้ำหนัก53 แต่ร่างกายนี่ไปก่อนน้ำหนักเลยอ่ะ จะทำตามน่ะค่ะ ขอบคุณคำแนะนำดีๆมากค่ะ

1
Sirabee 7 ก.ค. 60 เวลา 07:29 น. 19-1

สู้ๆนะครับ ถ้ามีความตั้งใจ ผมเชื่อว่าเราทุกคนสามารถทำได้ตามที่เราหวังครับ ^^

0