MWITS โรงเรียนที่เป็นมากกว่าโรงเรียน
ตั้งกระทู้ใหม่
.......................................................................................................
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ “โรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรกของรัฐ” “โรงเรียนที่มีฐานะเป็นองค์การมหาชน” “โรงเรียนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างนักวิจัยให้แก่ประเทศ” “โรงเรียนประจำที่ศาลายา” “โรงเรียนที่นักเรียนหมื่นกว่าคนต้องสมัครสอบเข้า” “โรงเรียนที่นักเรียนจะได้รับทุนเรียนตลอดสามปี”
สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ แน่นอนว่าแต่ละคนก็อาจจะนิยามแตกต่างกันไป และสำหรับพี่ เมื่อสามปีที่แล้ว โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์แห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับโรงเรียนอื่นมากมายหรอก โรงเรียนแห่งนี้ก็โรงเรียนม.ปลายธรรมดา ๆ นี้แหละ
ทว่าตลอดสามปีที่ผ่านมา โรงเรียนแห่งนี้กลับทำให้ความคิดของพี่เปลี่ยนไป
โรงเรียนประจำแห่งนี้ ได้สอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับพี่
โรงเรียนประจำแห่งนี้ ได้ทำให้พี่รู้จักเพื่อนสนิท ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ
โรงเรียนประจำแห่งนี้ทำให้นิยามคำว่า โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ สำหรับพี่ คือ “โอกาส”
โอกาสในการเรียนเพื่อเป็นหัวรถจักรของประเทศ
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์โดยการส่งเสริมนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาที่มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ ด้วยเหตุนี้หลักสูตรที่โรงเรียนแห่งนี้จึงเข้มข้นมากกว่าโรงเรียนอื่น ๆ
หลักสูตรที่นี้ เราจะเรียนกันในระดับค่ายโอลิมปิก เน้นการเรียนเพื่อให้เข้าใจมากกว่าการเรียนแบบท่องจำ ผ่านกระบวนการเรียนแบบ Active learning ที่จะเน้นให้น้อง ๆ เกิดทักษะกระบวนการคิดด้วยตนเอง ขณะที่ครูคือผู้ที่กระตุ้นให้เกิดองค์ความรู้เหล่านั้น
วิชาเรียนที่นี่จะสร้างทักษะการค้นหาความรู้ด้วยตัวเอง ฝึกให้รู้จักวิธีการนำเสนอ และเรียนให้เข้าใจถึงแก่นของวิชานั้นอย่างแท้จริง และยังมีวิชาสายวิทย์ที่เน้นกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ อย่างเช่น วิชาการสืบเสาะและธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ วิชาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม หรือจะเป็นการทำโครงงานวิทยาศาสตร์
ไม่เพียงแต่วิชาสายวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่เข้มข้น สำหรับวิชาอื่น ๆ ก็ไม่แพ้กัน เช่น วิชาสังคมศึกษาหรือวิชาศิลปะ ที่เน้นเรียนให้เข้าใจจริง ๆ เรียนถึงแก่นของวิชา ส่วนวิชาด้านภาษา น้อง ๆ ก็จะได้ฝึกเขียนตั้งแต่การเขียนจดหมายบันทึกข้อความไปจนถึงการเขียนบทความเชิงวิชาการ ฝึกพูดทั้งการพูดสุนทรพจน์ พูดโต้วาที ขณะที่ภาษาอังกฤษ จะได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษอย่างรอบด้าน ฟัง พูด อ่าน เขียน เน้นการใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ฝึกการนำเสนอ เพื่อให้เกิดความกล้าแสดงออกในการใช้ภาษา และที่สำคัญคือ น้อง ๆ จะได้เลือกเรียนภาษาที่ 3 เป็นภาคบังคับอย่างน้อย 1 ภาษา เมื่อขึ้นชั้น ม.5 ซึ่งได้แก่ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส
อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์แตกต่างจากโรงเรียนอื่น คือ สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน อย่างเช่น ห้องสมุดที่จะมีการเปิดในช่วงค่ำ ตั้งแต่ 19.00 น. – 22.00 น. เพื่อให้น้อง ๆ ได้เข้าไปอ่านหนังสือหรือทำงานในห้องสมุด อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่ช่วยกระตุ้นการเรียน มีคอมพิวเตอร์ที่พร้อมใช้งานเกือบหกสิบเครื่อง หนังสือที่รวบรวมความรู้ทุกสาระไว้ และความกว้างขวางของห้องสมุดที่กินพื้นที่ถึงสองชั้นของตึก
นอกจากนี้ ที่นี้ยังมี Wi-Fi ที่ครอบคลุมทั้งโรงเรียนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้น้อง ๆ สามารถค้นคว้าข้อมูลและทำงานได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้มีความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อให้น้อง ๆ สามารถเข้าใช้ฐานข้อมูลวารสารวิชาการทั่วโลกของทางมหาวิทยาลัยได้โดยไม่เสียเงินอีกด้วย
ส่วนสำคัญอีกอย่างที่ช่วยพัฒนาในด้านการเรียน คือ สภาพสังคม สังคมที่อุดมไปด้วยคณะอาจารย์ที่มีความสามารถ อาจารย์หลายท่านจบปริญญาเอกด้วยซ้ำ และอาจารย์เองก็คอยให้คำแนะนำด้านการเรียนต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง มีการเปิดคลินิกวิชาการในช่วงค่ำเพื่อสอนให้กับนักเรียนที่ไม่เข้าใจในเนื้อหา ขณะที่เพื่อน ๆ เอง ก็ช่วยเหลือกันด้านการเรียน ช่วยกันติวช่วงใกล้สอบ ไม่แข่งกันเรียน รุ่นพี่จัดกิจกรรมช่วยเหลือรุ่นน้อง ทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนเป็นสังคมที่พร้อมสำหรับการเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาให้น้อง ๆ ได้เป็นหัวรถจักรของประเทศ หัวรถจักรที่จะนำพาประเทศให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาชาติ
โอกาสในการทำกิจกรรมเพื่อเป็นอนาคตของชาติ
นอกจากการเรียนแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ยังมีการพัฒนาน้อง ๆ ให้มีความเพียบพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกายและด้านจิตใจเพื่อสร้างบุคลากรที่ดีของประเทศ ผ่านกิจกรรมที่เรียกว่า กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ซึ่งกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ไม่ใช่มีแค่การเข้าชุมนุมต่าง ๆ แต่ยังมีกิจกรรมมากมาย ซึ่งน้อง ๆ จะต้องเข้าร่วมให้ครบตามที่กำหนดตลอด 3 ปีในการใช้ชีวิตที่โรงเรียนแห่งนี้ เช่น
กิจกรรมศึกษาดูงาน การศึกษาดูงานเปรียบเสมือนการไปทัศนศึกษา ที่จะไปเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สถานที่ราชการ โรงงานประกอบรถยนต์ กรมแผนที่ทหาร เป็นต้น
กิจกรรมฟังบรรยายพิเศษ ที่โรงเรียนจะเชิญวิทยากรมาบรรยายในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งวิทยากรที่มีชื่อเสียงและเคยมาบรรยายที่โรงเรียน เช่น Charles Bolden อดีตผู้บริหาร NASA, นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันท์, ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์, พิรดา เตชะวิจิตร์ นักบินอวกาศคนแรกของไทย, แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ, นิ้วกลม, ศุ บุญเลี้ยง เป็นต้น
กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ ที่น้อง ๆ จะได้โอกาสในการออกไปจัดค่ายบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่น้อง ๆ ระดับชั้นประถมในละแวกใกล้เคียง หรือได้เข้าไปดูแลคนชราในบ้านพักคนชรา ซึ่งจะช่วยทำให้น้องรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักวางแผน อีกทั้งยังทำให้น้องได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ อีกด้วย
นอกจากตัวอย่างของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ว่ามาแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีก เช่น กีฬาสี หรือศรีตรังเกม ในช่วงเทอม 1 ที่น้อง ๆ จะได้ทำงาน แสดงละคร เป็นแสตนด์เชียร์ เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมใหญ่ของโรงเรียน หรืองานค่าย PRE-MWITS ที่น้อง ๆ ชั้น ม.4 จะจัดค่ายให้กับน้อง ม.3 ที่สอบผ่านรอบแรกเข้ามาได้ เพื่อเป็นการแนะนำโรงเรียนและยังเป็นการส่งต่อความรู้สึกดี ๆ จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้องอีกด้วย
โอกาสในการเป็นวัยรุ่นที่จะมีเพียงครั้งเดียวในชีวิต
ข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับการอยู่หอพักในความคิดของพี่ คือ ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น เจอหน้ากันเกือบ 24 ชั่วโมง ขณะที่ในรุ่นก็มีเพียง 240 คน ทั้งโรงเรียนมี 720 คน ทำให้เรารู้จักและสนิทกัน เมื่อมีปัญหาก็ไปปรึกษาเพื่อนได้ อย่างเช่นหากเรียนไม่เก่ง ก็เพียงแค่เดินไปเคาะห้องเพื่อนข้าง ๆ ซึ่งเพื่อนคนนี้อาจจะเป็นระดับผู้แทนประเทศโอลิมปิกเลยก็ได้
ขณะที่รุ่นพี่รุ่นน้องก็ให้ความช่วยเหลือกัน มีระบบสายรหัสในแต่ละสายห้องที่ส่งต่อสิ่ง ๆ ดี ภายในสายรหัส มีการจัดกิจกรรมให้รุ่นน้องที่พึ่งเข้ามา เช่น ค่ายอุดมการณ์ การรับน้อง ขณะเดียวกันรุ่นน้องตอบแทนในวันนัยความทรงจำ ที่เป็นวันสุดท้ายก่อนจบ เพื่อที่จะส่งต่อความรู้สึกให้กับรุ่นน้องรุ่นต่อ ๆ ไป
เวลาที่เรามีเรื่องเครียด คุณครูก็จะคอยช่วยเหลือให้คำปรึกษา อย่างเช่น ครูประจำชั้นที่จะอยู่กับเราไปตลอด 3 ปี หรือครูหอพักที่คอยดูแลเราบนหอ ดูแลความเป็นอยู่ ความปลอดภัย ทุกอย่างตลอดช่วงชีวิตที่อยู่ที่หอ
นี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์แห่งนี้ยังมีอะไรมากมายที่รอน้องเข้าไปสัมผัส มันคือโอกาสที่น้องจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ รู้จักอาจารย์ โอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ กับประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น และได้รับโอกาสที่จะทำให้ชีวิตของน้องไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อมีโอกาสเราก็ต้องคว้ามันไว้
แล้วน้อง ๆ หล่ะครับ พร้อมที่จะคว้าโอกาสนั้นแล้วหรือยัง
1 ถึง 31 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นคว้าโอกาสไปด้วยกัน
www.mwit.ac.th
4 ความคิดเห็น
พี่ก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนี้ด้วยครับพี่ขอบอกเลยว่า โรงเรียนนี้มอบอะไรหลายๆอย่างให้พี่ แน่นอน อย่างแรกคือความรู้ ความรู้ที่มากมายขนาดว่า ตอนเรียนพี่ยังบ่นว่า เรียนไปทำไม แต่มันได้ใช้ประโยชน์ครับน้อง อย่างที่สองคือโอกาสครับน้อง ในโรงเรียนนี้มอบโอกาสให้พี่มากมาย จนเรียกได้ว่า ที่พี่เป็นอยู่ทุกวันนี้เพราะมหิดลวิทยานุสรณ์สร้างพี่มา พี่เรียนหมอครับ พี่ยอมรับว่าพี่อาจจะผิดจุดประสงค์ในการสร้างนักวิจัยของโรงเรียน แต่พี่มั้นใจว่า พี่มีอุดมการณ์ในการช่วยเหลือผู้อื่น พัฒนาและตอบแทนสังคมด้วยใจจริงครับ
ถ้าน้องคนไหนติดรอบแรกแนะนำให้ลองไปเข้ากิจกรรม pre-mwit ดู
อย่ากลัวว่าจะไม่ติด ถ้าไปแล้วอยากเข้าแล้วจะเสียใจ ยังไงโรงเรียนเรียกสำรองอีกเป็นร้อยคนครับ แค่ติดรอบแรกก็เหมือนติด mwits แล้ว
กิจกรรมสันทนาการที่พี่ๆเขาจัดก็ส่วนหนึ่ง
แต่ที่สำคัญคือการไปดูกฏระเบียบและชีวิตภายในของเด็กมหิดลจริงๆ
หอเป็นไง ห้องใหญ่แค่ไหน ประตูปิดตอนเช้ากี่โมง เตียงแข็งไหม
แอร์ตัดกลางคืนนอนได้ไหม ในสหกรณ์มีอะไรขายบ้าง อาหารที่มีให้ซื้อเป็นไง
ออกไปนอกโรงเรียนได้ตามโอกาสอะไรบ้าง กีฬามีอะไรบ้าง ห้องเรียนหน้าตายังไง มีfacilityอะไรในโรงเรียนบ้าง ฯลฯ
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราได้รู้ว่า mwits เป็นที่ๆเหมาะกับเราไหม
มีหมาไหม
ไม่มีครับ
พี่เป็น mwits รุ่น 21 ค่ะ สมัยพี่ มีน้องหมาค่ะ รวมทั้งน้องแมวใต้ศูนย์กีฬา ที่พอมันออกลูก บรรดาแม่บ้านและรปภ.จะไปขอเลขตามจำนวนลูกมันอ่ะ 555
แล้วถ้าเปนโรคชอบหลับเวลาเรียน ต้องแก้ไงครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?