5ปีที่แล้วกับเรื่องราวของอแมนด้า ทอดด์ และเสียงเล็กๆจากเด็กม.5 [Cyberbullying]
สำหรับคนที่ไม่สะดวก สามารถอ่านได้ทางนี้ค่ะ
ย้อนกลับไปตอนเธออยู่เกรด7 เธอได้เล่นเว็บ-จนเจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาขอให้เธอถ่ายรูปหน้าอกให้เขาและเธอตอบตกลง 1ปีหลังจากนั้น มีข้อความส่งมาทางเฟสบุ๊ค จากชายที่เธอคุยด้วยบนเว็บ- เขาขอให้เธอถ่ายรูปโป๊ส่งไปให้เขา ถ้าหากเธอไม่ทำ เขาจะส่งรูปหน้าอกของเธอไปให้คนอื่นๆ ชายคนนี้รู้แม้กระทั่งที่อยู่ โรงเรียน เพื่อน และครอบครัวของเธอ ในวันคริสมาสต์มีตำรวจมาเคาะประตูห้องของเธอ รูปนั้นถูกส่งต่อไปให้ทุกคนแล้ว เธอรู้สึกแย่มาก เธอหันไปพึ่งยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ชายคนนั้นกลับมาอีกครั้งโดยใช้โปรไฟล์บนเฟสบุ๊คเป็นรูปหน้าอกของเธอ และเฟสบุ๊คของเขาก็มีรายชื่อเพื่อนๆของเธออยู่ เธอถูกเพื่อนๆดูถูก ไม่มีใครชอบเธอ เธอไม่สามารถลบรูปนั้นไปจากอินเตอร์เน็ต และมันจะอยู่อย่างนั้นตลอดไป เธอเริ่มกรีดข้อมือและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอีก เธอย้ายโรงเรียนแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังกินข้าวคนเดียว
1เดือนหลังจากนั้น มีเพื่อนเก่าผู้ชายคนหนึ่งกลับมาคุยกับเธอ เขาบอกว่าเขาชอบเธอแต่มีแฟนอยู่แล้ว วันหนึ่งเขาชวนเธอไปบ้าน และเธอตอบตกลง เธอไปมีเซ็กซ์กับเขา โดยที่คิดว่าเขาชอบเธอ 1 สัปดาห์ต่อมาเธอได้รับเมสเสจให้ออกมาจากโรงเรียน แฟนของเพื่อนเก่าคนนั้นพูดต่อหน้าคนที่โรงเรียนราว50คนว่า มองไปรอบๆสิ ไม่มีใครชอบเธอเลย และทำร้ายร่างกาย อัดคลิปที่เธอถูกต่อย มีคุณครูวิ่งมาช่วยเธอ แต่เธอวิ่งไปที่บ่อน้ำและกระโดดลงไป พ่อเป็นคนมาเจอเธอ เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอได้กินน้ำยาซักผ้าเพื่อฆ่าตัวตาย แต่เธอล้างท้องได้ทันและเมื่อกลับมาบ้าน สิ่งที่เห็นบนเฟสบุ๊คคือสเตตัสของเพื่อน “เธอสมควรตาย” “ฉันอยากให้เธอตาย”
เธอย้ายไปอยู่ที่เมืองอื่นกับแม่ และเข้าโรงเรียนใหม่ 6เดือนหลังจากนั้น ผู้คนเริ่มโพสต์รูปน้ำยาซักผ้าและแท็กมาหาเธอ พวกเขาบอกว่า “เธอน่าจะลองน้ำยาซักผ้าตัวอื่นบ้างนะ คราวนี้เธอจะได้ตายสักที หวังว่าเธอจะเห็นข้อความนี้และฆ่าตัวตายซะ” เธอร้องไห้ทุกวัน เธอไปหาจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและบรรเทาความเครียด หลังจากหมดหน้าร้อน เธอกินยาเกินขนาดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ในกระดาษช่วงสุดท้ายเธอเขียนไว้ว่า ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว ฉันแค่ต้องการใครสักคน ฉันชื่อ อแมนด้า ท็อด
แต่วิดีโอที่เธอได้อัพโหลดนี้ แม่ของเธอบอกว่าไม่ใช่วิดีโอสั่งเสีย มีผู้คนที่ดูวิดีโอนี้แล้วนำไปล้อเลียนต่อถึงเพจดังอย่าง9GAG สุดท้ายเพราะความกดดันเธอจึงฆ่าตัวตายในที่สุด เมื่อมีคนตายจริง บางคนรู้สึกผิดและรู้ว่าสายไปแล้วที่จะขอโทษเธอ แต่บางคนก็ยังเอาความตายของเธอไปล้อเล่นโดยอ้างว่า มีคนอีกมากที่ฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลที่ดีกว่านี้ ทำไมเราต้องเห็นใจผู้หญิงที่โชว์นมให้ผู้ชายดูเองด้วย
จากเรื่องราวของอแมนด้า ทอดด์ จขกท.มองว่ามันเป็นเรื่องที่อันตรายและใกล้ตัวมากๆ เพราะจขกท.เองก็ยังเป็นเยาวชนคนหนึ่ง ที่พบเจอการกลั่นแกล้งกันบนอินเตอร์เน็ตหรือCyberbullyingทุกวัน ไม่ว่าจะการตัดต่อรูปล้อเลียนเอาตลก แชร์ข่าวที่มีคนแฉกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้นึกถึงว่าผู้ถูกกระทำจะรู้สึกยังไง ตัวจขกท.เองก็เป็นหนึ่งคนที่เคยถูกกระทำและเป็นผู้กระทำ สำหรับเราที่เป็นผู้กระทำ ในตอนนั้นแค่มองว่าขำๆ ก็เพื่อนกันคิดอะไรมาก แต่เมื่อถึงคราวที่เราถูกกระทำบ้างแล้ว ในตอนนั้นเราเกิดความอับอาย เราไม่สบายใจ และข่าวต่างๆที่ถูกแชร์มาให้เห็นผ่านหน้าไทม์ไลน์ สำหรับเราที่ไม่ได้รู้จักกัน อ่านแล้วก็สนุกดี ตามไปส่องดูว่าตอนนี้คนที่ถูกแฉเป็นไงบ้างนะ เหมือนเราอ่านเพื่อความสะใจอย่างเดียว บางครั้งก็เห็นคอมเม้นที่ด่าคนถูกแฉ โดยที่เขาไม่ได้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แค่มาอ่านตัวหนังสือไม่กี่บรรทัดก็ตัดสินไปแล้ว
ในตอนนั้นเราไม่ได้รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะทรมานแค่ไหน เขาคนนั้นจะรู้สึกยังไง เราเพียงแค่อ่านแล้วคิดไปเองว่าเขาแย่และด่าเขา แชร์เรื่องของเขาต่อไป ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทำให้เกิดความอับอาย บางทีความสะใจไม่กี่นาที อาจจะทำร้ายเขาคนนั้นไปทั้งชีวิต
เรื่องราวที่ใกล้ตัวจขกท.และรุนแรงที่สุดที่จขกท.เคยเจอคงเป็นเรื่องที่ญาติของจขกท.ถูกโจมตีโดยเพจที่แอดมินและลูกเพจของเขาคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ ผู้พิทักษ์ความยุติธรรม แต่จริงๆสำหรับจขกท.นั้น จขกท.คิดว่ามันคือศาลเตี้ย พวกเขาเปิดเผยข้อมูลส่วนของญาติจขกท.และด่าทอต่างๆนาๆ ทั้งเหยียดเพศ ทั้งทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเรื่องนี้เองที่จขกท.มองเห็นถึงอันตรายของCyberbullying
จขกท.กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นม.5 พวกเราได้เรียนวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (IS) ซึ่งต้องทำโครงงานขึ้นมา และพวกเราเลือกที่จะทำหัวข้อCyberbullying โดยวัตถุประสงค์ของเราคือเพื่อศึกษาทัศนคติของคนหลากหลายช่วงอายุที่มีต่อสื่อสังคมออนไลน์ในเรื่องCyberbully เพื่อนำเสนอผลการศึกษาต่อสาธารณชน และเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบของสื่อออนไลน์แก่สาธารณชน
ในระยะเวลาประมาณ1เดือน เราได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็นขึ้นมา และมีผู้ทำแบบสำรวจทั้งสิ้น428 และเราดึงหัวข้อที่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงมาให้ทุกคนได้ดูกัน
ข้อ5 : สำหรับจขกท. ตอนเห็นว่ามีคนเปิดเผยบัตรเครดิตถึง5คน จขกท.รู้สึกแปลกใจ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่มีเลย
ข้อ7 : เคยมากกว่าไม่เคยเสียอีก จะแชทกับคนแปลกหน้าก็ระวังหน่อยนะคะ
ข้อ8 : 23.1% ก็99คนจาก428คน ไม่ใช่น้อยๆเลยนะคะ การนัดเจอกับคนแปลกหน้าอันตรายกว่าที่คิดนะคะ ไม่ควรเชื่อใจใครมาก ยิ่งคนที่เราไม่เคยเจอตัวจริงด้วย ขนาดบางคนที่เราเห็นทุกวันยังเชื่อใจไม่ได้เลยน้าาา
ข้อ9 : วิธีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวนี่สำคัญนะคะ ถ้าหากข้อมูลส่วนตัวหลุดไปนี่แย่แน่ๆค่ะ รีบศึกษาหาวิธี และคุณพ่อคุณแม่ใครที่ไม่รู้ รีบทำให้ท่านด่วนเลยค่ะ
ข้อ10 : ถ้าหากเป็นคุณพ่อคุณแม่คงไม่อันตรายเท่าไหร่ แต่ถ้ากับเพื่อนนี่ อะไรก็ไม่แน่นอนนะคะ
ข้อ11 : 30.6% ถือเป็นตัวเลขที่เยอะเหมือนกัน อย่าลืมบ่อยๆนะคะ หากใครลืมแล้วรู้ตัว แนะนำให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเลยค่ะ
ข้อ12 : เช่นเคยค่ะ เราไม่ควรไว้ใจใครมาก 77.1% 330คนจาก428คนค่ะ
ข้อ13 : ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถ้าหากเป็นเพื่อนที่รู้จัก ควรพูดกันตรงๆ แต่ถ้าหากรุนแรงมาก ก็ใช้กฎหมายเข้าสู้เลยค่ะ Fighting!
ข้อ14 : ตลกไม่ออกเลย เปอร์เซ็นการเป็นผู้กระทำเยอะกว่าเสียอีก ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราเยอะๆนะคะ
และสำหรับหัวข้อที่ 18.คุณคิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยวิธีการใด ใช้ตอบวัตถุประสงค์ที่ว่า “เพื่อศึกษาทัศนคติของคนต่างช่วงอายุที่มีต่อสื่อสังคมออนไลน์ในเรื่องCyberbullying” โดยเราได้ยกตัวอย่างความคิดเห็นของผู้คนมาดังนี้
จากการทำโครงงานครั้งนี้ จขกท.และเพื่อนๆได้รับความรู้มากมายและเข้าใจอันตรายจากCyberbullyingอย่างลึกซึ้ง พวกเราทุกคนไม่เคยรู้สึกเสียใจที่เลือกเรื่องนี้มาเป็นหัวข้อโครงงาน แม้มันจะยากและเหนื่อยมากก็ตาม แต่พวกเราทุกคนคิดว่า หากวันนี้พวกเราไม่ได้ทำ ในวันข้างหน้าเราจะต้องเสียใจแน่ พวกเรารู้ว่าพวกเราเป็นเพียงแค่กระบอกเสียงเล็กๆ พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ แต่ถ้าหากการกระทำในครั้งนี้ สามารถทำให้ใครสักคนปรับการเล่นโซเชี่ยลให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ไม่เสพข่าวอย่างไร้สติ ไม่ทำร้ายคนอื่นบนอินเตอร์เน็ต และไม่เป็นนักเลงคีย์บอร์ด แม้เพียงคนเดียวพวกเราก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณที่อ่านกระทู้ของเรา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้ทุกๆคน ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำติชม เราจะนำไปแก้ไขหากมีโอกาสได้ทำโครงงานในลักษณะนี้อีกครั้งหนึ่ง ขออภัยหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น สุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์ชลทิพย์ที่เป็นที่ปรึกษาให้พวกเรามาโดยตลอด ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ
2 ความคิดเห็น
เห็นข่าวแบบนี้มาเยอะ โดยส่วนตัวคิดว่าปัญหานี้ไม่น่าจะแก้ไขได้เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่นิสัยและพฤติกรรมของแต่ละคน แต่ก็สามารถป้องกันได้ถ้าสังเกตและระวังไม่เชื่อคนอื่นง่ายๆหรือเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นได้รู้อย่างแบบในข่าวที่น้องๆเอามาตั้งกระทู้
เป็นโครงงานที่ดีมากเลยค่ะ น้องๆเก่งมากเลย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?