Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รักทางไกล Thai & American ภาค2

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ หลังจากที่ได้พูดถึงการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรากับเจคไปแล้ว และแล้วเราก็รอวันที่ได้เจอกัน นั่นก็คือ วันที่1 สิงหาคม 2560 กว่าจะได้เจอก็รอเป็นปี

เนื่องจากว่าเราไปฝึกงานที่ภูเก็ตก็เลยนัดเจอกันที่ภูเก็ตซะเลย ตื่นเต้นเวอร์!! เพราะการเจอกันครั้งนี้คือเจอกันแบบแฟนไม่ได้เจอกันแบบเพื่อนเหมือนครั้งก่อน ด้วยความที่เป็นชะนี ก็จะมีนิสัยมโนว่า แฟนมาต้องมีดอกไม้สักช่อ เจอกันก็ต้องกระโดดกอดหรือจุ๊บกัน และแล้วฝันของชะนีก็สลายไป เมื่อเราเห็นเจคเดินมาทางประตูออกของสนามบิน เราก็เรียก "babe!"คือเราก็ลืมไงว่าที่นั่นไม่ได้มีฝรั่งคนเดียว พวกฝรั่งทั้งหลายก็หันมามอง แต่เจคไม่ได้ยินเสียงเรา เราก็ต้องเรียกชื่อนางดังๆ ดีนะไม่เรียกนามสกุลของนางด้วยlol พอเจคเห็นเรา หน้านางก็ดูดีใจนะ เดินมาก็กอดเราเฉยๆ พร้อมกับทักทายเพื่อนเราแค่นั้น ที่ซ้อมการเจอกันผ่านวีดีโอนั้นก็ลืม ......
เสร็จสิ้นเราก็ไปส่งเพื่อนขึ้นเครื่องกลับบ้านที่ภาคอีสานเพราะเราฝึกงานเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเป็นการเริ่มทริปที่ภูเก็ตของเรากับเจค ตอนนั่งบนรถแท็กซี่เราก็ชวนคุยไปเรื่อยและรอให้นางจับมือเหมือนคู่อื่นๆ แต่นางก็ไม่จับสักที ชะนีคนนี้แสดงความกล้าเอามือตัวเองไปประสานกับมือเจค และนั่นเป็นการจับมือกันครั้งแรกบนรถแท็กซี่หน้าฝรั่งก็แดง คงจะเขินสินะ เราก็จับมือกันตลอดจนถึงโรงแรมที่เราพัก อยู่แถวหาดกระรน ชื่อโรงแรมคือHotel Ikon โรงแรมนี้เงียบสงบดี สวยด้วย
พอถึงห้องจัดของเรียบร้อย เราก็ถามเจคว่า ทำไมไม่ทักทายแบบที่เราซ้อมไว้? นางก็บอก "ผมลืม เห็นหน้าคุณแล้วเขิน" อภัยให้555 ในวันที่ไปถึงโรงแรมก็ใช่ว่าจะได้พัก เพราะเช่ารถมอเตอร์ไซค์1วันเต็มๆ เราก็พาเจคขับรถไปชมทะเลที่หาดกระรน คือแบบบรรยากาศตอนเย็นมันดีมากเวอร์ เดินเล่นบนทรายนุ่มๆ น้ำใสๆ แวะทานข้าวริมหาด โอ้ยยย อะไรจะโรแมนติกเบอร์นั้น เสร็จสิ้นภารกิจวันแรก
วันที่สอง เราวางแผนไป แหลมพรหมเทพ,หาดในหาน,และไป the old town คือแบบ แกกก มันคนละเส้นทาง แต่ต้องไปให้คุ้ม
ด้วยความที่เป็นผู้หญิงต้องตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่เช้า เจคพึ่งเคยเห็นวิธีที่เราแต่งหน้าครั้งแรก นางก็แอบขำ พอเก็บของที่จะใช้ไปทุกอย่างแล้วก็เดินทางโลดจ้า เราไปเวิ่นเว้อแถวแหลมพรหมเทพก่อน พาเจคมารำลึกความหลังสามปีก่อนที่นางมากับทัวร์แล้วเราก็นึกได้ว่ามีหาดเล็กๆแถวนั้นชื่อหาดยะนุ้ย เป็นชายหาดที่สวยงามอีก1ที่ แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จัก เจคบอกไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีหาดสวยๆแบบนี้ในภูเก็ต แต่เราแวะที่นี่แค่แปปเดียวแล้วก็ไปต่อที่หาดในหาน หาดนี้ดีเวอร์ วิวสวย น้ำใส ที่สำคัญผู้ฝรั่งงานดีนอนอาบแดดรายเรียง เราก็จะชอบถามเจคว่า ฝรั่งคนนี้ คนนั้น หล่อมั้ย นางก็จะบอกว่าคนไหนหล่อหรือไม่หล่อ งานนี้ไม่ได้จะนอกใจแต่อย่างใด อิอิ เราก็มองฝรั่งไปเรื่อยแต่รักเจคแค่คนเดียว:) เราก็ไปต่อในเมืองค่ะ ขับรถไปอีกเส้นทางนึงประมาณ40นาที พอถึงในเมืองก็จะเป็นบรรยากาศอีกแบบคือจะเป็นเมืองเก่าผสมความเป็นยุโรปแบบเก่า เรากับเจคก็จอดรถไว้แล้วเดินเที่ยวรอบๆและไปแวะพักกินกาแฟที่ร้านไต่ตง ตรงถนนคนเดินพอได้อิ่มกับบรรยากาศเราก็กลับโรงแรมเพื่อที่จะเอารถไปคืนให้ทันเวลา5โมงเย็น หลังจากที่คืนรถเสร็จแล้วมองหน้ากันแล้วเราจะไปกินข้าวเย็นยังไง?? พักเหนื่อยที่ห้อง1ชั่วโมง เราก็เดินหาร้านอาหารกันค่ะ เดินประมาณ20นาที ก็ถึงร้านที่พวกเราเดาว่าน่าจะอร่อยมันก็อร่อยจริงๆ ความโรแมนติกของค่ำคืนนี้ไม่ได้อยู่ที่ร้านอาหาร ไม่ได้อยู่ที่โรงแรม แต่มันอยู่ที่การเดินไปกินข้าวทั้งขาไปและขากลับ เราได้เดินจับมือกันคุยไปเรื่อยๆ นึกอยากจะพูดอะไรกับก็พูด เดินอยู่ดีๆก็บอกรักกันกลางถนน ไม่ได้แคร์รถทัวร์ตามท้องถนนที่จะชนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ (เป็นโมเม้นต์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ)
วันที่สามเราต้องตื่นแต่เช้ามาแต่งหน้า555และเตรียมตัวเช็คเอาท์ เพื่อที่จะนั่งเรือข้ามเกาะไปเกาะพีพี ชีวิตบนเรือไม่ต้องถามถึงค่ะหลับปางตายทั้งคู่ พอถึงเกาะเราก็เช็คอินและนอนพักที่โรงแรมไม่นานก็ออกไปเดินเล่นที่หาด พร้อมกับเช่าเรือคายัคพายไปหาดลิง ซึ่งมีลิงแค่สองตัว บอกเลยว่าการพายคายัคก็เป็นเครื่องมือพิสูจน์ความรักได้ คือลมมันตีคลื่นทำให้พายยากมาก ยิ่งพายยิ่งเหนื่อย เราก็พายบ้างพักบ้างแต่ก็ไม่ปล่อยให้เจคพายคนเดียว จนมาถึงหาดลิงอย่างปลอดภัย เดินเล่นหาดนี้ประมาณ15นาทีต้องรีบพายเรือกลับ แต่โชคร้ายของเราใส่กางเกงช้างผ้าบางๆ ก็ทำให้กางเกงเราขาดขณะก้าวขาขึ้นเรือ บนเรือเราก็นั่งเงียบก็พายมาจนถึงฝั่ง เราก็เลยตัดสินใจบอกเจคว่ากางเกงเราขาดขอยืมเสื้อมาปิดเพราะถ้าไม่ปิดนี่เห็นหมดเลยเพราะมันขาดตั้งแต่หน้าถึงหลัง(ลองจินตนาการดู)เราเริ่มไม่สนุกแล้ว แต่นางเจคนั้น"เราไปเปลี่ยนชุดแล้วมาเล่นน้ำกันเถอะ!"คือพลังงานหมดไม่เป็นรึไง?? เราก็ต้องตามใจเพราะต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า เราชอบเวลาที่ได้ลงทะเลด้วยกัน เขาสอนเราว่ายน้ำ ให้ขี่หลังเล่นเป็นผู้โดยสารกับคนขับเรือ ติ๊งต๊องได้อีก ฮ่าๆ แต่ก็เป็นวันที่มีความสุขมากๆวันนึง
วันที่สี่ เตรียมตัวเดินทางกลับภูเก็ตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปพักที่โรงแรมฮิวตันภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมที่หรูพอสมควร เหตุผลที่พักที่นี่คือไหนๆก็มาเที่ยวแล้วขอพักหรูๆสักคืนคงไม่เสียหาย มาที่นี่คือพาพักผ่อนจริงๆเพราะไม่ได้ไปไหนเลย ได้แต่มองดูวิวทะเลที่ระเบียงหลังห้องพัก เนื่องจากไม่มีที่ไปบวกกับฝนตก เราทั้งคู่ก็อาจจะมีโมเม้นต์สวีทกันบ้าง ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ทำให้เรารู้ว่าเจคน่ารักที่สุดในโลกเลย เขาช่างเป็นคนที่อบอุ่น และทำให้ยิ้มหัวเราะตลอดเวลา มันก็เป็นวันที่มีความสุขไปอีกแบบ
วันที่ห้า เช็คเอาท์แล้วนั่งแท็กซี่ไปสนามบินเพื่อไปเที่ยวกรุงเทพต่อ....ในการเที่ยวกรุงเทพนั้นเจคคือผู้นำทาง เพราะเราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับกรุงเทพ เขาพาเดินไปสวนลุมพินี เพราะพักใกล้ๆที่นั่น หลังจากสวีทกันที่สวนลุม(สวีทที่ว่าคือเดินจับมือชมต้นไม้และตัวเงินตัวทอง)ก็เดินไปขึ้นmrtไปสยามเซ็นเตอร์เพื่อกินบิงซูมะม่วงของโปรดเจค ต่อด้วยไปเดินMBK ดีจังฝรั่งพาเที่ยว ตกเย็นเรานัดกับเพื่อนไว้ที่jj green ก็พาเจคไปแนะนำให้รู้จักและไปกินของอร่อยๆด้วยกันที่นั่น นี่ก็เป็นอีกวันที่เหนื่อยเพราะเดินตลอด เรารู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าส่วนเจคแฮปปี้ตลอดเวลา แต่ความสุขของเจคก็ทำให้เรามีแรงเดินกลับมาถึงโรงแรมหลังจากพักเหนื่อยที่โรงแรม1คืน เราก็เช็คเอาท์แล้วไปสนามบินดอนเมืองเพื่อที่จะขึ้นเครื่องไปขอนแก่นเพื่อที่จะแวะเจอเพื่อนที่นั่น เพราะคนที่จะไปเจอคือพีที่เป็นเพื่อนเราและเจค
นั่นก็เป็นการจบทริปที่ไปเที่ยวด้วยกัน6วัน แล้วกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันที่มหาสารคามแดนฝุ่นกันต่อ
เห็นห้องเราครั้งแรก!!
เราจะบอกเจคเสมอว่าหอพักเราไม่ได้หรูอะไรนะแต่พออยู่ได้ แต่ดีที่เจคเป็นคนง่ายๆค่ะ อยู่ได้หมดขอแค่ไม่มีแมลงสาบกับแมงมุม
หลังจากนั้นเราก็พาเจคทัวร์แถวมหาลัย ไปกินนู่นนี่ที่เจคไม่เคยกิน ลืมบอกไปว่าระยะเวลา6วันที่ไปเที่ยวด้วยกันเจคเทคแคร์ดีมากๆๆๆ พอกลับมาถิ่นของเรา เราก็ต้องเทคแคร์เจคบ้าง เราทำตั้งแต่ขัดรองเท้านางที่เปลื้อนโคลนทั้งๆที่ของตัวเองไม่เคยขัด555 เอาเสื้อผ้าไปซักให้อย่างหอม นวดหน้านวดตัวสูตรเดาแต่ดันได้ผลจนเจคถามว่าไปเรียนนวดมาหรือเปล่า ตัดเล็บให้เพราะนางไม่ยอมตัดเอง และสิ่งที่เจคอึ้งไม่คิดว่าเราจะทำคือทำความสะอาดใบหูให้เจค ถามจริงยูไม่แคะหูมากี่ชาติ?แต่เราก็ทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความเต็มใจเพราะไม่รู้จะได้ทำให้อีกเมื่อไหร่
หลังจากที่อยู่สารคามได้3วันเจคก็ไปเชียงใหม่คนเดียวเพราะเราติดเรียนไปด้วยไม่ได้ ห่างกันสามวันเหมือนห่างกันเป็นปี แต่เราก็ปล่อยให้เขาไปเที่ยวโดยไม่มีการเช็คว่า ตอนนี้อยู่ไหน ทำอะไร อยู่กับใคร เราจะบอกแค่เที่ยวให้สนุกนะและห้ามเมา แค่นั้น!! หลังจากที่เจคกลับมาหาเราที่สารคามอีกครั้งพร้อมกับประโยคนี้ "ตำบักหุ่ง แซ่บหลายใส่ปลา-" เดี๋ยวนะ!คือยูไปเหนือ แล้วไปเรียนภาษาอีสานมาจากไหน เรานี่นั่งหัวเราะทั้งวัน
วันต่อมาเป็นวันที่12 สิงหาคม 2560 เป็นวันแม่จ้าา พากลับบ้านไปไหว้แม่พร้อมกับเปิดตัวซะเลย คนที่บ้านเราก็ดีใจนะที่ได้เจอเจคตัวจริงเสียงจริง ส่วนเจคอยากเจอครอบครัวเรามากอยู่แล้ว พอได้เจอนางมีความสุขมาก แม่เราก็จัดการเลี้ยงหมูกระทะแบบมีซีฟู้ดด้วย เอาใจว่าที่ลูกเขย555 ซึ่งเจคไม่เคยกินมาก่อน ปรากฏว่าลำบากเราจ้า ฝรั่งไม่เคยแกะกุ้งแกะกั้งและแกะปู เราก็ทำหน้าที่แกะให้เหมือนแม่ดูแลลูกยังไงก็ไม่รู้ นั่นก็เป็นอีกวันที่เจคได้เจอครอบครัวของเรา ถือว่าเป้าหมายของนางสำเร็จ
หลังจากนั้นนางก็อยู่ต่ออีก4วัน เราก็พาเจคไปร้านเหล้าบ้าง กินก๋วยเตี๋ยวแบบรถซาเล้ง(เราเรียกก๋วยเตี๋ยวป๊อกๆ)และใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนที่เราดำเนินอยู่ทุกวัน ก่อนวันที่นางจะต้องเตรียมตัวกลับอเมริกาวันนึง เราก็ไปซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์เนื่องในโอกาสใกล้ถึงวันครบรอบคบกันมา1ปี เราก็ป้อนเค้กกันค่ะ กินไปมองหน้ากันไป บอกรักกันไป คือแบบ ฟินมาก บอกตามตรงว่าถึงแม้จะคบกันมาหนึ่งปีแต่เราก็ยังมีความเขินอาย ไม่ค่อยกล้ามองตา นางก็จะชอบเอาหน้ามาใกล้ๆแล้วจุ๊บที่หน้าผากบ้าง หอมแก้มบ้าง
แต่ในความหวานนั้นก็จะมีความร้ายซ่อนอยู่ นางจะชอบเตะตูดเรากับเข้ามาจี้จุดเราซึ่งเราเป็นคนบ้าจี้ไง
แต่เราก็ไม่ยอมค่ะ เราแกล้งคืนด้วยการบีบไข่ เพราะเราไม่สามารถแกล้งส่วนอื่นบนร่างกายของนางได้มันไม่ได้ผล หลังจากนั้นนางก็จะระแวงเราตลอด555
วันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน หน้าเราเศร้ามากอยากจะร้องไห้อยู่ตลอด ไม่อยากให้เขากลับเลย แต่เขาจำเป็นต้องกลับไปทำหน้าที่นักเรียนที่ดี
เราก็ไปส่งเขาขึ้นรถบัส ขณะที่รอรถบัสเราก็จับมือกันแน่นมาก พร้อมกับถ่ายวีดีโอของการจากลา โชคไม่เข้าข้างเราเลย รถบัสมาเร็วชิพหาย ถ้าเราปล่อยโฮตรงนั้นก็กลัวเจคอายคนอื่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเมื่อต้องปล่อยมือกัน

พอกลับมาถึงห้องรู้สึกว่าเมื่อกี๊ยังมีที่รักอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้มันว่างเปล่า จะหยิบจับอะไรหน้าเจคก็ลอยขึ้นมา เตียงนอนข้างๆก็ว่าง มองเห็นแค่หมอนกับผ้าห่ม
ตอนนั้นคือแบบคิดถึงเขามากที่สุด

ที่ทำได้ตอนนี้คือกลับมาเป็นLDR คุยผ่านแชทกับวีดีโอ เค้าก็พูดปลอบใจอยู่เสมอว่ารออีก1ปีนะ จะเก็บเงินไปหาคุณอีก ผมสัญญา...

เราอยากจะบอกว่าที่เรารักเจคมากเพราะเขาดีกับเรา เขาพยายามปรับตัวเข้าหาเราด้วย พร้อมทั้งพ่อแม่ของเราทั้งสองคนไม่ได้เหยียดกัน มันก็ถือว่าความรักของเรากับเจคพัฒนาไปอีกหนึ่งระดับ
#Katie and Jacob

สำหรับใครที่ยังไม่อ่านกระทู้แรก ตามไปอ่านกันเลยจ้า 
https://www.dek-d.com/board/view/3729658/

#จบ 

แสดงความคิดเห็น

>