Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เขาหลวง กับความสูงไม่มาก แต่ขาลากไปสามวัน 21-23 ตุลาคม 2560

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดี นี่เป็นรีวิวแรกที่เราจะมาเล่าเรื่องราวการไปเที่ยวสุดโหดครั้งนี้ให้ฟัง เพราะตามจริงเราก็เที่ยวมาหลายที่แล้วละ แต่ไม่เคยคิดจะเล่าสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันสุดๆจริงๆ เลยจะมาบอกกล่าวทุกคน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วย

จุดหมายปลายทางของเราคือเขาหลวง สุโขทัย หรืออุทยานแห่งชาติรามคำแหง

เราเตรียมของจาก กทม. ไปเอง เรื่องอาหารการกิน ข้าว หมูไข่อัดใส่ลังโฟมไป เพราะตั้งใจจะจ้างลูกหาบขึ้นอยู่แล้ว
แนะนำตัวก่อนเลย เรามา 6 คน คนไทย4คน คนจีน2คน และ1ในนั้นเรามีช่างภาพมืออาชีพมาด้วย 555+ ติดต่องานได้นะ รับงานทั่วราชอาณาจักร

เราออกเดินทางจาก พระราม3 กรุงเทพตอนเวลา 06.00 เราเช่ารถตู้มหาชัยแวนคลับ เจ้าของชื่อพี่ พุ แผ่นเงิน โทร .085-701-7989 คนขับที่มากับเราชื่อพี่ยอด อัธยาศัยดี ขับรถนิ่มแต่ถึงช้า เพราะตอนนี้กฎหมายกำหนดให้ชับ90 กม/ชม ไปถึงที่เขาหลวง 14.20น. ทางอุทยานไม่ให้เราขึ้นไปเนื่องจากบ่าย2ไม่ให้เขาแล้ว เราบอกเขาว่าเราขึ้นไหว เรามากรุ๊ป6 คน ญ.4 ช.2 อายุ 20กว่าทั้งนี้ 20นี้ปลายละนะ 555+  

ทางอุทยานเขาเห็นเรามุ่งมั่นและตั้งใจ เขาเลย อะยอมให้ขึ้น จ่ายค่าเข้า อ่อลืมไปเรามากับเพื่อนคนจีน2 คนไทย4 ในกรุ๊ป ค่าเข้าคนไทย40 ต่างชาติ200 ตามนี้น่ะ แล้วก็ไปเสียค่าเต็นท์ ก่อนไปที่ทางขึ้น จะบอกว่า!!! มาช้าแบบนี้ลูกหาบหมดนะจ๊ะ ทำไงดีละทีนี้ แบกไปดิรอไร แต่พี่เจ้าหน้าที่เขาก็บอกว่า ถ้าเจอลูกหาบระหว่างทาง จ้างเขาเลยนะ เราก็โหยเพ่ ไหวหน่า.......เก่งไปงั้น 

เขาหลวงนี้เราอยากจะบอกว่าปี 2537 สมเด็จพระเทพท่านเคยเสด็จมาแล้ว

พอเราเขาไปอารมณ์แบบชิวมาก เฉยๆอะ เดินๆ ผ่านลำน้ำเฮฮา เห้ยเก๋ มีแบบนี้ด้วย พอเริ่มขึ้นไปเริ่มเหนื่อยเริ่มไม่ไหวละ ขอก็แบบพลุงพลัง เดินบ้างหยุดบ้างไม่ได้ทำเวลา

 สักพักเดินไปนี่ไม่แน่ใจว่า 500เมตรหรือป่าว เจอลูกหาบ คุณลุงผมหยิกเขาขอให้เหมา คิดแค่500 ตอนแรกเราก็แบบ 500 เลยอ่อลุงเรายังแบบแพงไปป่าว มีคิดด้วยนะ 555+ (แต่ตามจริงแล้วไม่เลยนี่ถูกแล้วเพราะทางโหดมาก ) พี่คนจีนบอกให้เขาไปเลย เราก็อะๆ ส่งของให้แกไป เพราะความคิดเรายังชิวอยู่แค่ของหนัก

ตอนนี้แบบเริ่มล้า เราไม่เคยเหงื่อออกแบบเม็ดโตๆ เหงื่อเข้าตาแสบมาก ไม่เคยเลย เพื่อนๆคนจีน ตอนแรกเราคิดว่านาง จะไหวอ่อว่ะ เพราะบุคลิกเค้าคุณหนูมาก เราก็ชวนเขาเที่ยวไม่ได้คิดไรมาก พอเอาเข้าจริงๆ เรากับเพื่อนคนไทยนี่แหละที่ไม่ไหว ถึงที่พักตรงไหนแวะทุกจุด ลูกหาบบอกเรามืดแน่ๆขึ้นไปอะ เราก็แบบ หูยลุงเว่อวังไปหน่า 555+
ระหว่างทางก็มีเรื่องตลก ไม่ขอเอ่ยนาม ในกลุ่มเรานี่ละ มันปวดขี้จ้าเราก็แบบ เห๋ยไม่ขรี้ไม่ได้อ่อว่ะ นี่ในป่าเว้ย มันบอกไม่ไหวแล้ว ละแบบไล่ทุกคนไปก่อนเลย เราก็เออ เรามีทิชชู่เปียก แต่ทิชชู่เปียกอะซื้อมานานแล้ว ก็ไม่ได้เช็คหรอกว่ามันแห้งไปแล้ว เราก็รอมันขี้แบบห่างๆเว้ย ละพอมาก็หาน้ำใหญ่ เราก็ถามทำไม มันบอกทิชชู่เปียกที่ให้มาแม่งไม่เปียก ขี้ติดมือเลย แล้วเมื่อกี้น่ะขี้ไปจะอ้วกไป เห็นขี้ตัวเอง โคตรตลกอะ พวกเรานั่งคุยกันก็นั่งขำจริงๆ  (เรื่องแบบนี้ถ้ามันจำเป็นก็ขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขาได้ เรามาดี) เรื่องนี้คือไฮไลท์ตอนขึ้นเขาเลย

 

 พอถึงจุดชมวิวก็รู้สึกว่า เออครึ่งทางละเนอะ ไปต่อๆๆๆ ไหว ไงก็ไหว

เราเจอเพื่อนร่วมทาง2คน เขามาก่อนเราประมาณครึ่งชั่วโมง มากับเพื่อน3คนแต่เพื่อนที่เป็นตุ๊ด นางขึ้นไปก่อน ละทิ้ง2คนนี้ไว้ น่าฉงฉานมาก เราก็อะไปด้วยกานเนอะ

สักพักเริ่มมืดละ เราก็อาสาเดินนำทาง ทุกคนตามมาเลย เพราะพี่ตากล้องผู้ชายเค้ามีสปอตไลท์ในตัวเพิ่มแสงกล้อง เอามาใช้เป็นประโยชน์มาก เขาก็ส่องทางให้เพื่อนร่วมทางอีก2คน เพราะถ้าทิ้งไว้ 2คนนั้นนางไม่ขึ้นแน่ๆ นางถอดใจแล้ว แต่เรายังมีความมุ่งมั่นอยู่เพราะมันมืดที่นี่เป็นป่าทึบมาก เอาละเรื่องนกออก มนุษย์กินคนเริ่มเข้ามาในหัวละ เวลาแค่18.00นี่มือสนิทละ เราส่องไปเดินมีค้างคาวแบบโฉบเฉี่ยว โคตรกลัว ตอนนั้นน้ำตาเริ่มมาละแบบ ทำไมไม่นอนยู่บ้านเฉยๆว้าดอก!!! มาทำเห้ไร เหนื่อยชิหาย กลัวก็กลัว อะไรก็ไม่กลัวเท่าความมืดละตอนนี้ อยากจะร้องมาก ยุงก็เยอะ เราเดินขึ้นแบบดุ่มๆ แล้วคอยส่งเสียงบอกเพื่อนว่ายุไหน เดินผ่านถ้ำ กลัวไปอีก ค้างคาวบินว่อนรีบเดิน เพื่อนเราที่ตามมาเกือบเข้าถ้ำไปละ เราก็จะไม่พูดเรื่องน่ากลัวกันในป่า ทุกคนเงียบ แค่คอยตะโกนถามว่าอยู่ไหน เรากลัวแบบชนิดที่เดินไวมาก เดินวิ่งๆ ทั้งๆที่ขาแทบจะไม่ไหวแล้ว สักพักเห็นไฟฉายส่องลงมา พี่เจ้าหน้าที่ถามว่ามีกี่คน เราบอกกรุ๊ปเรามี6 แต่มีเพื่อนร่วมทางอีก2 เรากับแฟนขึ้นมาก่อน พี่เค้าบอกขึ้นไปรอเพื่อนข้างบนเลย ผมไปรับเพื่อนคุณให้ พร้อมหมาเจ้าหมูปิ้งอีก 1 ตัว เราก็แบบค่ะ แล้วเดินต่อ เดินชนิดที่ว่าขาหมดแรงแล้วอ่ะ คราวนี้ใช้แขน สาวราวได้คือสาวเลยจ้า ใช้แขนดึงตัวเองขึ้น เดินขึ้นมาจนถึงลานกางเต้นท์ เห๋ย กรูส์ถึงละโว้ย คลานขึ้นมาอะ ละนอนรอเพื่อนตรงนั้นเลย ประมาณ 15 นาที เพื่อนเราก็ถึง เราก็ไปติดต่อเอาเต้นท์ จะเช่าเตา เอ้าสลัด!!! เตาหมดทำไง พี่เจ้าหน้าที่บอกสามขาไงน้องก่อฟืนเอง เอิ่บ!!! วิชาลูกเสือ ยุวกาชาด สอนแต่เค้ามีถ่านละก็ครูก่อไฟไว้ให้อ่ะ อันนี้ก่อเอง หรือไม่ก็เวลาปิ้งลูกชิ้นก็เอาถ่านไปวางบนเตาแก้สอะ ละตอนนี้มีไฟแช็คอันเดียวทำไงค่ะ??? พี่เจ้าหน้าที่ที่นี้ใจดีมาก มาช่วยก่อไฟจ้า เราก็น่ะขอบคุณแบบหลายคำมากไม่รู้จะขอบคุณยังไง

กินชาบูบนความสูง 1200 เมตร  จากระดับน้ำทะเล พี่คนจีนเค้าชอบกินน้ำตกหมู เราเตรียมเครื่องน้ำตกไปจ้า แล้วก็ทำน้ำตกกันเลย ยังมีความพยายามใต้ความมือไม้สั่น

 

หลังกินเสร็จ เรากับแฟนก็ไปอาบน้ำ แล้วมานอนเลย ขาเราแย่มาก
เพื่อนคนจีนกับตากล้องสุดหล่อ4คนขึ้นไปดูดาวตกกันจ้า 

นี่คือภาพที่พี่เค้าถ่ายเองจริงๆเลย โคตรสวยอ่า

ยอมใจจริงๆ  "เจ้เทา" คือเพื่อคนจีนที่โครตถึกอะ นางตัวเล็กสุด
 แล้วพวกเราห่วงนางสุด แต่นางเก่งสุด แบบตอนกลางคืนไปดูดาว ตอนเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้อีก คือสุดๆไปเลย ไม่มีบ่นสักคำ

แอบถ่ายพี่พลตากล้องบ้าง


พอสายๆ ลงมาจากดูพระอาทิตย์ก็เริ่มทำกับข้าวจ้า 

เราก็ต้มซุปทำกับข้าวกันเตรียมกินแล้วลง ขอถ่ายรูปกับป้ายซักหน่อยก่อนลง

เราลงเวลา 09.00 ระหว่างทางลงโคตรตกใจ เห้ยนี่ทางที่เมื่อคืนเรามาหรอว่ะ ชันโคตร เวลาลงนี่ใช้แรงเบรกสุดๆ
แบบลื่นด้วย เรากับเพื่อนลื่นหลายดอกละ เราลงมาถึงข้างล่างเวลาประมาน 14.00
 

แล้วมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุโขทัยไปกินพิซซ่าเตาฟืนถาดยักษ์ ซึ่งเป็นกิมมิคของที่นี่
แล้วแวะไปกราบพ่อขุนรามก่อนที่จะไปบ้านนาต้นจั่นที่ตัวอำเภอศรีสัชนาลัย

ค่าหัวเพียงคนละ 500 บาท รวมอาหารเย็น และอาหารเช้าของอีกวัน พอมาถึงที่พักเค้าจะมีปั่นจักรยานชมทุ่ง พระอาทิตย์ตก แก๊งค์เราบายจ้า ไม่ไปล้าว ปวดขาสุด นั่งพัก อาบน้ำ กินข้าวเย็น โฮมสเตย์ที่เรามาพักชื่อบ้านแสงสุข

 

ลืมถามชื่อเจ้าของบ้าน ทุกคนต้อนรับดีมาก เราอยู่โฮมสเตย์ที่แยกออกจากตัวบ้าน ที่บ้านเจ้าของกมีสมาชิกประมาณ 6 คนที่คอยดูแล ทำอาหาร อำนวยความสะดวกต่างๆนานาให้เรา ที่บ้านเค้ามีเด็กน้อยชื่อน้องข้าวหอม

พวกเราก็ไปเอามาอุ้มเลี้ยงง่ายมาก พอสายๆ เราก็เช่ารถ อีแต็กไปเที่ยวรอบหมู่บ้าน ดูทุ่งนา ทุ่งดาวเรื่อง ดูการทำตุ๊กตา ทำกวาง สารพัด พี่โมซีสาวจีนอีกคน แล้วมาจบที่ผ้าหมักโคลน ร้านข้าวเปิ้บล้มยัก ที่ชามใหญ่เท่ากะละมังในราคา 50 บาท
พวกเรา 7 คน รวมพี่คนขับรถตู้จ่ายค่าเสียหายไปแค่ 395 บาท หลังจากนั้นเราก็แวะเข้าตัวเมืองหาดเสี้ยว ซึ่งเป็นบ้านแม่เราเอง พาเพื่อนๆชิมกล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ที่ขายมา20กว่าปี
เรียนเชิญทุกคนที่มาเที่ยวนะค่ะ อย่าลืมแวะกินของดีหาดเสี้ยว ทางผ่านกลับ กทม.

ทริปนี้พวกเรา 6 คน จ่ายเงินคนละ 2,920 บาท รวม 17,520 บาท

ค่ารถตู้เช่าแบบเหมารวมน้ำมัน 10,000 บาท

แวะกินข้าวที่พิจิตร 220 บาท

ค่าอาหารเตรียมก่อนขึ้นเขา  838 บาท

ค่ายา 100 บาท

ค่าเสื้อกันฝนกับผ้ายาง 160 บาท

ค่ายากันยุง 129 บาท

ค่าน้ำก่อนขึ้นเขาคนละขวด 60 บาท

ค่าเต็นท์ 450 (เต๊นท์นอน3คน 2เต้นท์ ราคาจริง 225)

ค่าเช่าอุปกรณ์ ต่างๆ หม้อ กระทะ 100 บาท

ค่าเข้าอุทยาน 270

ค่าลูกหาบขาขึ้น 500 บาท (เพราะเราสะพายบางอย่างขึ้นเอง)

ค่าขยะ 200

ค่าลูกหาบขาลง 925 บาท (ไม่เอาห่าไรละจ้างหมด เดินตัวปลิว)

ค่าพิซซ่า รวมน้ำ  1,040 บาท

ค่าข้าวเปิ้บ 395 บาท

ค่าไข่เ-้ย แป้งจี่ 120

ค่ารถอีแต็ก 500 บาท

ค่าน้ำคนขับรถ 50 บาท

ค่าจิปาถะ ที่จ่ายแบบไม่ได้จด1,463 บาท

น็นิ

แสดงความคิดเห็น

>