กีฬาสีสมัยนี้ทำไมต้องอลังการขนาดนี้ด้วย
ตั้งกระทู้ใหม่
ก็มาเก็บเงินเรี่ยไรเงินภาคบังคับคนละ 350 บาทในระดับชั้นม.4 และ 500บาท ในระดับชั้นม.5 คือเราก็ไม่ได้มีปัญหาในการออกตังนะ แต่จะเอาไปทำอะไรเยอะแยะ บางคนก็มีครอบครัวที่ค่อนข้างไม่พร้อมด้านฐานะทางเศรษฐกิจ เขาก็หนักใจนะ 500 บาท นี่กินข้าวแถวบ้านได้ 7 วันทั้งครอบครัวเชียวนะ(จากปากเพื่อนคนหนึ่ง) ซึ่งสีนึงมีประมาณกี่คน อย่างน้อยๆก็ร้อยคนขึ้นไปที่จ่ายเงินจำนวนที่กล่าวมา ลองรวมๆสิคะว่ากี่บาท งบนี้เอาไปทำอะไรมากมาย
แล้วช่วงไกล้กีฬาสี คือต่างสีจะไม่คุยกันเลย จะมาแอบดูผลงานบ้างอะไรบ้าง เพื่อให้ตัวเองทำให้ยิ่งใหญ่และน่าสนใจกว่า เพื่อที่จะได้ชนะงานกีฬาสี ทั้งๆที่จัดเพียงแค่ 1-2 วัน พอจบกิจกรรมก็ทิ้งอุปกรณ์เป็นขยะ สร้างความเดือดร้อนให้ภารโรงแม่บ้าน รวมถึงพื้นกระเบื่องทางเดินโรงเรียนที่เปอะเปื้อนไปด้วยสีที่ละเลงโดยไม่ใส่ใจความสะอาด แล้วปีหน้าก็ลงทุนใหม่หมด
รวมถึงขบวนพาเหรดที่เดินแค่ไม่กี่นาที และสแตนเชียร์ที่ต้องมีอุปกรณ์ตกแต่งสแตนครบครันและอลังการให้มากกว่าสีอื่นๆ แล้วมานั่งทะเลาะกันในสีตัวเอง ว่าทำไมอย่างนั้นทำไมอย่างนี้ ไม่ช่วยทำงานหรอ แล้วก็ทะเลาะกันข้ามสี เช่น เรื่องผลงานคล้ายกัน ให้เปลี่ยนเดี๋ยวนี้ เราเป็นคนคิดขึ้นมาก่อน พอหันมาดูที่กีฬาจริงๆ น่าจะ 15%ของงงบทั้งหมดไปซื้อของให้นักกีฬากิน
ก็ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของกีฬาสี ว่าสร้างความสามัคคี หรือสร้างความร้าวฉาน สร้างความเห็นแก่ตัวคิดจะเอาชนะ และสร้างความสิ้นเปลืองงบประมาณโดยค่อนข้างไร้ประโยชน์
สุดท้ายนี้กีฬาสีที่เราอธิบายมาไม่ได้ไม่มีข้อดีนะ ข้อดีก็มี ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลวดลายและชิ้นงานต่างๆ
31 ความคิดเห็น
สั้นๆนะครับ พวกไม่มีปัญญาหาเงินเองก็ใช้เงินเหมือนมันงอกออกมาจากพื้นได้เองแบบนี้ละครับ ถ้าไม่เต็มใจจะจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย ก็แค่นั้นละ ถ้าวุ่นวายมากก็แจ้งความขู่กรรโชกทรัพย์ จบ
ใชีเลยมันงี่เง่ามากๆ บางโรงเรียนงบเป็นล้าน ไม่รู้จะเวอร์ไปเพื่ออะไร
ปัญหาโลกแตกกกกกกกกก
เรามองว่า อย่างน้อยก็ช่วยวัดเรื่องการทำงานเป็นทีมได้ นะ
การแบ่งงาน การบริหารจัดการ ทักษะแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน
ทักษะอ่ะถูก แต่เรื่องเงินนี่ไม่ใช่ไง วินัยการใช้เงินต่ำ ใช้เงินเกินตัว สืบทอดสู่ตอนโตกลายเป็นปัญหาหนี้สินต่างๆ
ถ้าผ่อนได้จะดีมากกกกกกกก
นี่ก้สงสัยเหมือนกัน อยากรู้ด้วย
นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ แต่ตอนตัวเองทำก็จัดเต็มเบอร์แรงเหมือนกัน พอคิดถึงเงินที่เสียไปแล้วน้ำตาตกเลยค่ะ แง
อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้นักเรียนเข้าใจสังคมในอนาคตที่ต้องไปเผชิญก็ได้นะ
สังคมที่ใช้เงินเกินตัวจนหนี้ท่วมหัวทั้งบัตรเครดิต ทั้งนอกระบบ กยศ.ก็ยังไม่จ่ายน่ะเหรอ - -
อาจจะมี2ด้าน หลากหลายมุมก็ได้ค่ะ
จ๊ะ...
ปัญหามันมีครับ
ถามว่างานของใคร งานของโรงเรียน ถามว่าใครจัด นักเรียนเป็นคนจัด
สรุปใครได้รู้ปัญหา คำตอบคือ นักเรียน
เอาคำถามนี้ไปถามรุ่นพี่ที่จบไปแล้วดูนะครับ ว่าเจอปัญหาแบบนี้มั้ย (น่าจะคุยง่ายเพราะจบแล้ว)
แล้วรุ่นพี่ได้รายงานปัญหาให้ทางโรงเรียนทราบหรือไม่
โรงเรียนจะไม่มีวันเปลี่ยนไปถ้าโรงเรียนยังไม่รู้ถึงปัญหา ซึ่งไม่ได้พบเจอด้วยตัวเอง
ถ้ารุ่นพี่ยังไม่เริ่ม ก็ให้เริ่มต้นที่รุ่นนี้ ถ้านักเรียนไม่เปลี่ยนแปลงแล้วโรงเรียนจะเปลี่ยนแปลงได้ไง
มัวแต่อดทนกับปัญหาพวกนั้นได้ แต่ไม่กล้าหรือไม่สนใจจะคุยกับโรงเรียน ..อาจจะคิดแค่ว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป
แต่ถ้ามีการรายงานซ้ำๆ แล้วยังไม่เปลี่ยนแปลงก็ หาทางตีแผ่ปัญหาทาโซเชียลไปเลย
มีแฟนเพจดังๆ ช่วยกระจายข่าวสารมากมายตอนนี้ เพื่อบังคับให้โรงเรียนเคลื่อนไหว
เอาจริงๆ คือ ใครจะมาทำหน้าที่นี้ล่ะ?
โรงเรียนไม่ออกหน้าอยู่แล้ว ยิ่งงานกีฬาสียิ่งใหญ่ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็คือโรงเรียน
เอาดาร์คๆ จุดประสงค์ ก็คือ ความสวยงามของโรงรียนเพื่อคนนอกได้เห็น (พาเหรด)
แต่ก็มีดีๆ เหมือนกันนะครับ นั่นคือ ความภูมิใจในการแข่งขันของรายการต่างๆ
ความภูมิใจของนักเรียนที่ร่วมใจกันสร้างบางอย่างขึ้นมาโดยไม่เกี่ยวกับข้องกับการเรียน
ถึงบางคนไม่ชอบทำแต่ก็ต้องทำ ได้เรียนรู้ว่าสังคมต้องมีการคล้อยตาม
ต้องทำตามแม้ในเรื่องที่ไม่ชอบแต่ยอมรับได้
ดีๆ มันก็มี ร้ายๆ มันก็มีนั่นแหละ
จำไว้ว่าทุกสิทธิ์ทุกเสียงของเรามีค่า ใช้มันให้คุ้ม สนใจสิ่งรอบตัวบ้าง(เลือกตั้งประธานสี)
เพราะไม่งั้นสิ่งรอบตัวก็จะไม่สนใจคุณ
แต่บางอย่างก็ต้องยอมรับ ..ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโยงการเมือง
นั่นเป็นเพราะลัทธิมารมีอิทธิพลอยู่เหนือยุทธภพ เหล่าชาวยุทธถ้วนหน้าต่างได้รับความลำบากจากงานประลองนี้มานานชั่วอายุคน หากท่านอยากจะเเก้ไข ก็จงมาเข้าร่วมกับพันธมิตรต่อต้านอสูรกับข้าเถิด
กิจกรรมไร้สาระที่มีแต่ "ปลอม" กับ "เปลือก"
ถ้าจะเน้นเฉพาะพวกเชียร์ลีดเดอร์ กองเชียร์ และขบวนพาเหรดมากขนาดนี้
น่าจะเปลี่ยนชื่อกิจกรรมไปเลยนะคะว่า
"กิจกรรมเชียร์ลีดเดอร์สี" "กิจกรรมพาเหรดสี" "กิจกรรมกองเชียร์สี"
สงสารนักกีฬาที่อุตส่าห์แบ่งเวลาเรียนกับเวลาฝึกซ้อม แต่ไม่มีใครเหลียวแล
ตอนเรียนอนุบาล ประถม และมัธยมต้น เราสนุกกับกิจกรรมกีฬาสีมาก
จัดแบบเรียบง่าย
โรงเรียนที่เคยเรียนตอนอนุบาล 3-ป.3
-จัดวันเดียวจบ
ติดดิน นั่งร้องเพลงเชียร์ นั่งตะโกนเชียร์นักกีฬากันบนพื้นนี่แหละ
เก้าอี้ไม่ต้อง ใครอยู่สีไหนก็เอาเสื้อสีนั้นที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาใส่
หน้าที่ของเรา คือ กองเชียร์ แต่เคยลงแข่งครั้งเดียวตอนป.3
โรงเรียนที่เคยเรียนตอนป.4-ป.6
-จัดวันเดียวจบ
สแตนด์เชียร์ก็ไม่ต้องจัด แบ่งแยกโซนว่าสีไหนอยู่ตรงไหน
หน้าที่ของเรา คือ กองเชียร์
โรงเรียนที่เคยเรียนตอนม.1-ม.3
-จัด 3 วัน
มีทั้งนั่งพื้นและนั่งเก้าอี้ แบ่งแยกโซนว่าสีไหนอยู่ตรงไหน
หน้าที่ของเรา คือ กองเชียร์
ส่วนเชียร์ลีดเดอร์ มีพื้นฐานการเต้นอยู่แล้ว ซ้อมกันเองในวันเสาร์-อาทิตย์
เอาวัสดุเหลือใช้อย่างเสื้อผ้าเก่าๆที่ไม่ได้ใช้แล้วกับชุดที่ใส่ในบ้านมาทำเป็นชุด
พอตัดภาพมาที่โรงเรียนที่เราเรียนตอนม.4-ม.6 ตรงกันข้ามเลย
จัดเป็นเดือน วันสุดท้ายถึงจะมีเดินขบวนพาเหรด เสียเวลาเรียนหมด
พอเราจะกลับบ้านกลับถูกกักบริเวณให้อยู่ในโรงเรียนจนถึง 16.00 น.
แทนที่จะให้คนที่ไม่มีหน้าที่กลับบ้านก่อนและให้พวกเขามาร่วมงานทีเดียวในวันสุดท้าย
โดนอาจารย์บางท่านหาว่าเราเป็นพวกเห็นแก่ตัว
เราเลยต้องสิงสถิตอยู่ในห้องสมุด บางทีต้องจำใจช่วยเพื่อนที่ทำหน้าที่แถวสแตนด์เชียร์
คือจริงๆโรงเรียนก็ไม่ได้กำหนดอะไรมากอยู่แล้ว รายจ่ายที่มากมันก็เพราะตัวนักเรียนเองแหละ คงเป็นเพราะ
1.หลีดไปจ้างคนมาสอนเต้น+จัดงาน แล้วคนพวกนั้นพูดโน้มน้าวเก่ง ทำให้หลีดเกิดความจริงจัง จากนั้นหลีดก็มาดูดเงินจากน้องๆไปซื้อของที่คนพวกนั้นแนะนำ(ซึ่งอาจได้%ค่าขายด้วย)
2.เกิดcorruptionในสี เช่น แจ้งราคาของเกินกว่าความจริง ใบเสร็จมันยืนยันอะไรไม่ค่อยได้
อันนี้จริงค่ะ เราเห็นด้วย
จริงค่ะ โรงเรียนไม่ค่อยมีส่วนสักเท่าไหร่ อย่างโรงเรียนเรามีกฎห้ามเก็บตังเพิ่ม ก็ยังมีบางสีเก็บเพิ่มเพื่อที่จะทำออกมาได้อลังการไว้ข่มสีอื่น
ขึ้นมหาลัยก็จะเจออีกค่ะ
มีปัญหาจริงๆ กีฬาสีอะ เจอตั้งแต่ประถมยันมหาลัยก็ปัญหาเดิมๆ เสียเงิน กับสร้างความแตกแยก ถ้าจะบอกว่ามันช่วยสร้างการทำงานเป็นทีม นี้คงแบบแสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ไม่มีการเรียนรู้อะ 555 จัดกี่ทีก็ทะเลาะกันตลอด
รร.เรานักวิ่งคบเพลิง ต้องบินพารามอเตอร์ลงมา แล้วค่อยวิ่งอ่ะ เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาก5555
เป็นปัญหาโลกแตกมากกีฬาสี แต่ก็ผ่านมาได้นะครับ ตอนนี้อยู่ ม.6 กีฬาสี รร. ผมจัดขึ้นตอน ม.5 วางแผนกีฬาสอย่างดีเลยในห้อง ออกนโยบาย เลยค่อยๆเจรจา ไม่ทะเลาะ เงินห้องใช้สปอนเซอ อย่าผลาญเงินพ่อแม่ไปกับกีฬาสีมากเกินไป แต่ก็อะนะ.... แต่ตามจริงก็เก็บห้องอะแหละ ได้คืนหลังจบงาน คนละ 800 บาท ที่เหลือหมดเงินไปกับสปอนเซอร์ทั้งใน รร. และผู้ใหญ่บ้าน ถือว่าหมดไม่เยอะ แต่มันคุ้มมากคือ ลงทุนไม่มากแต่ชนะเลิศกีฬาสีปีนั้น เพราะนักกีฬาในสีทำผลงานชนะเลิศตลอด เน้นฝึกเด็กและซับพอตให้มีกำลังใจ แสตนก็ไม่ได้สวยเลยตอนขึ้นป้าย แต่ไปเน้นการโชว์พาวเวอร์เด็กในแสตนให้อลังการโดยไม่พึ่งเงิน ขบวนอย่าให้พูด55 กระดาษลัง ท่อยูพีซี คอนเซปพอเพียง ได้ที่สองเดินขบวน แต่ก็ดีใจนะ ไม้เปลืองเงินมากเหมือนสีอื่น แต่คอนเซปดี55.. สีอื่นนี้มีพร๊อบพร้อมมาก เงินหมดไปเยอะ แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย...
ก็ลองเสนอเป็นแนวทางคนอื่นๆนะครับ เผื่อเป็นแนวทางการจักกีฬาสีได้ ตามจริงก็มีทะเลาะกันบ้างแหละ แต่ก็พยายามปรับความเข้าใจกัน ถ้าปรับไม่ได้ก็ลองคุยกับที่ปรึกษาดูครับ เงินห้องก็เก็บให้รอบคอบ แต่ก็ไม่ได้ทุ่มไปกับการเปลืองเงินมาก ทำให้โอเค สร้างกำลังใจให้คนในสีและนักกีฬา เดี๋ยวรางวัลความภูมิใจก็จะกลับมาเอง กีฬาสีมีทั้งดีและไม่ดีครับ ส่วนตัว ผมได้ข้อดีคือ เรียนรู้การเป็นผู้นำครับ นำแสตนเชียร
โรงเรียนเราเมื่อ3ปีก่อนก็จัดเว่อวังนะ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มดรอปลงมาบ้างแล้วเช่นขบวนพาเหรดไม่ให้ยาวเกิน เสลี่ยงไม่เกิน2อันงี้ งบแต่ละสีจะได้จากสมาคมผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่าและงบโรงเรียน เราม.6เราเป็นคนจัดการเรื่องงบ(เราเป็นเหรัญญิกสี) จริงๆมันก็ไม่ได้สิ้นเปลืองมากนะถ้าบริหารเงินและจัดการกันดีๆ สีเราก็ขอสปอร์นเซอร์ด้วย+เก็บเงินม.6ในสีคนละ150 กีฬาสีเราจัดตอนเทอม1ตอนนี้เทอม2แล้วงบกีฬาสีเรายังเหลือเป็นหมื่นเลยค่ะ ยังไม่ได้ไปเบิกจากครูที่เป็นเหรัญญิกสีเลยด้วยซ้ำ ถ้าอยากจัดให้อลัง แค่จัดการบริหารเงินและของทุกอย่างได้ดีก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ
เราม.6 เป็นพี่ใหญ่ในสี ทางโรงเรียนให้งบครึ่งแสนต่อสี ยังไม่พอเลยค่ะ ต้องมาเก็บเงินในสี แล้วไม่ได้เก็บน้อยๆนะคะบาง800+ ทุกสีค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่ออะไ
ในงานกีฬามหาลัย คณะผมใส่ชุดลำลองไปแข่งเด้อ
(เฉพาะประเภทกีฬาเดียวเท่านั้น) (และเป็นประเภทที่ผมลงแข่ง)
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?