Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอคำแนะนำในการใช้ชีวิตต่อจากนี้หน่อยครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
โอเคครับ ตอยแรกก็ว่าผมจะไปพบจิตแพทย์อยู่นะครับ
แต่จะลองมาขอความเห็นจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ดูก่อนนะครับ

ผมเป็นปนในอดีตเยอะพอสมควรครับ
เช่น เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันตั้งแต่อนุบาล
เคยแอบนอนฟังพ่อด่าแม่ตอนกลางคืน
แอบฟังญาติพี่น้องทะเลาะกันเรื่องมรดกจนขึ้นศาล
พี่น้องโกงสมบัติจนพ่อแม่สั่งว่าห้ามไว้ใจใครเด็ดขาด

มี่บ้านหัวโรบาณระดับสุดยอด
พ่อก็ 70 แล้ว (พศ 249x)
แม่ก็ใกล้จะ 60 แล้ว (พศ 250x)
ผมพึ่งกำลังจะ 20 (254x)

ผมและแม่เป็นครอบครัวที่ 2 พึ่งจะรู้ครับ เพราะแม่ปิดไว้กลัวลูกจะเป็นปมในวัยเด็ก
ซึ่งพ่อทำแบบนี้ จะกลับบ้าน 6 เดือนครั้ง
ส่งเงินมาให้แม่เลี้ยงผมคนเดียวตลอด 20 ปี
เคยสงสัยว่าทำไมพ่อไม่เคยกลับบ้านในวันพ่อ
ตอนนี้รู้ละ เพราะพ่อมีบ้านให้กลับอยู่แล้ว

คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ
แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมนั้งเล่นคอมอยู่
จู่ๆภาพก็ตัด แล้วมองเห็นอนาคตตัวเองเฉยเลย
ประมาณว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป
ผมอาจจะเป็นคน Lost ในการใช้ชีวิตก็เป็นได้
ก็เลยหยุดเล่นคอม แล้วมานั้ง list สิ่งที่ผมกลัวว่ามีอะไรบ้าง
ตามนี้ครับ

1.ผมกลัวที่จะเข้าสังคม คืออันแม่สอนมาแต่เด็กครับ
ว่าจะมีเพื่อนเยอะ กลัวว่าจะไม่ลงรอยแบบที่แม่โดน

2.ผมไม่มั่นใจในตนเอง ผมโดนครอบครัวดูถูกตลอด เพราะเป็นคนเล็กสุด แรงกดดันทุกอย่างลงที่ผมหมด โดนขีดเส้นมาตลอดว่าต้องทำอะไร ทำผิดพล่ดแล้วจะต้องโดนอะไรบ้าง

3.ผมกลัวการที่จะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ
ข้อนี้เสริมจากข้อที่แล้วเลย พอผมไม่มั่นใจตัวเอง
ผมเลนไม่กล้าเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ เพราะกลัวว่าจะโดนด่าโดนว่า หาว่าเราทำไม่ได้ทำไม่ดี สู้อยู่ทำอะไรที่เราถนัดๆก็พอแล้ว

4.ผมว่าคนจะด่าจะว่า ก็ผลพวงจาก 2 ข้อบนครับ
แบบใครมาว่าเราว่า ทำแบบนี้มันไม่ถูก ผมจะจิตตกมาก

5.ตอนกลางคืนผมมักนอนไม่ค่อยหลับ
จากความเครียดของครอบครัว และชอบเอาเรื่องที่เคยโดนด่าโดนว่า กลับมาคิดไม่ตกตลอด

6.ไม่กล้ามีความรัก จาก 5 ข้อที่กล่าวมา + กับครอบครัวที่มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลงรอยกับเลย เลยไม่อยากให้ใครต้องมาลำบากกับผม หรือ ครอบครัวผม

ผมรู้สึกได้ว่าผมเอง น่าจะเข้าข่ายของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
และไม่รู้ว่า การที่ผมว่านั้ง list ปัญหาตัวเองต่างๆ
มันทันที่จะแก้ไขได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า หรือมันสายเสียแล้ว
ทุกวันนี้ พี่น้องก็ยังทะเลาะกัน จากคนเคยสนิทกันกลายเป็นคนเกลียด จากที่เราเคยสนิทกับลุงป้าน้าอา
เดี๋ยวนี้ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับผม เพราะผมเป็นลูกแม่
ที่พวกเขาทะเลาะกัน

จะเล่าให้เพื่อนๆที่โรงเรียนฟังก็ไม่ได้ นี้มันเรื่องในครอบครัว
ไม่รู้ว่าในอนาคตเพื่อนที่รู้อาจจะเอาเรื่องเรามาแฉก็เป็นได้
ไม่รู้ว่าใครดีใครไม่ดี

ทุกวันนี้ก็เริ่มห่างเพื่อนๆไปพอสมควรแล้วเพราะเหตุผลต่างๆ
นาๆเหล่านี้

รู้สึกแย่มากเลยครับ และอิจฉา
ครอบครัวที่มีบ้านที่อบอุ่นมากเลย

ทุกวันนี้บ้านเหมือนสมรภูมิ ด่าทอกันได้ทุกวัน
แค่ครอบครัวทะเลาะก็เครียดพออยู่แล้ว
และนี้พึ่งจะรู้เรื่องพ่อเป็นครอบครับอยู่แล้วอีก
นี้นอนคิดมากทุกคืนเลยครับ

แสดงความคิดเห็น

>

14 ความคิดเห็น

26062554 6 ก.พ. 61 เวลา 02:26 น. 1

สู้ๆ นะ ไม่ว่าปัญหาจะหนักหรือเบา เดี๋ยวมันก็ผ่านไป มีสุขมีทุกข์ ทำในสิ่งที่เป็นเรา ทำให้ดีที่สุด

0
สุกิต 6 ก.พ. 61 เวลา 09:16 น. 2

น้าว่าหนุ่ม คิดผิดพลาดอยู่เรื่องหนึ่งนะ

คือ คิดว่าครอบครัวคนอื่น อบอุ่น มีความสุข


อันนั้นมันแค่ฉากข้างนอก น้ากล้าพูดว่า

เกือบทุกครอบครัว มีปัญหา มากน้อยก็แล้วแต่

แต่ทุกครอบครัวมีปัญหาหมดล่ะ


ของหนุ่มรู้สึกแย่ ที่พ่อไม่ใช่พ่อของเราคนเดียว

ของน้าแย่ เพราะพ่อไม่ใช่พ่อที่น้าจะภูมิใจได้

(เรื่องอะไร น้าไม่พูดแล้วกัน คงไม่ดีที่น้าจะพูดไม่ดี

เกี่ยวกับพ่อตัวเอง)


แต่ทุกวันนี้ น้ารับได้ละ เรื่องพวกนี้

น้าอยากบอกว่า ปัญหาชีวิตทุกเรื่องที่เข้ามา

คือสาเหตุหลัก ว่าทำไม "คนเราต้องเกิดมา"


หนุ่มฟังแล้วอาจจะงง แต่น้าเชื่ออยู่ว่า

เหตุผลที่ทุกคนต้องเกิดมา คือ การทดสอบ

การเผชิญปัญหา มีคนมากมาย ที่ไม่ผ่านบททดสอบ

พวกนี้ หรือ ถ้าผ่านก็ผ่านแค่บางเรื่อง ไม่ผ่านในเรื่องหลัก ๆ


บางคนประสบความสำเร็จ กับหน้าที่การงาน

แต่เรื่องครอบครัวล้มเหลวแบบสุด ๆ

บางคนหาเงินได้มากมาย แต่ที่ทำได้

เพราะเบียดบังเอาจากคนอื่น


แบบนี้ เรียกผ่านบางเรื่อง แต่ไม่ผ่านในเรื่องหลัก ๆ

ชีวิตหนุ่ม เผชิญกับปัญหาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่

หนุ่ม "ต้อง" เจอกับมัน คำถามคือ

หนุ่มจะผ่านมันไปให้ได้ หรือ ยอมแพ้มันตรงนี้


น้าก็เจอนะปัญหาตอนวัยรุ่น

น้าเป็นคนที่ ไม่มีความมั่นใจในบุคลิกของตัวเอง

ฐานะที่ค่อนข้างยากจน ปัญหาเรื่องเงินก็เลี่ยงไม่ได้

น้าเป็นคนไม่กล้าเลือกทางที่ยากเหมือนหนุ่มเลย


เพราะพอคนเราขาดความมั่นใจในเรื่องหนึ่ง

เรื่องอื่น ๆ ก็พลอยแย่ไปด้วย น้ากล้าพูดว่า

ชีวิตน้าแทบไม่ประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงานเท่าไหร่

หรือแม้แต่ เรื่องเรียนด้วย


แต่ ณ ปัจจุบัน น้าปลงได้แล้วน้าไม่รู้สึกแย่

แบบช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ที่ได้แต่อิจฉาคน

ที่เค้าประสบความสำเร็จ ไม่ว่าเพื่อน หรือ

อดีตเพื่อนร่วมงาน


เพราะ น้าคิดได้ว่า คนเราเป้าหมายของการ

มีชีวิต ไม่ใช่ การประสบความสำเร็จดั่งตั้งใจ

หรือ การมีชีวิตที่มีความสุข หรือแม้แต่การมี

ชีิวิตที่มีคนชื่นชม นับหน้าถือตา


แต่เป็นชีวิต ที่สามารถยอมรับตัวเอง

เผชิญปัญหาของตัวเองได้ รับสภาพ

ที่อาจจะดูน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเองได้


คนที่อาจเป็นก้อนกรวดในสายตาคนอื่น

จำเป็นต้อง ก้มหน้าลงพื้น หรือ ละอายใจด้วยหรือ

ชีวิตคนที่อยู่ในสภาพ คนทั่วไป ไม่เป็นที่ยกย่อง

มันเกือบจะเป็นส่วนใหญ่บนโลกนี้เลยนะ

ดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่เราจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้


น้าพูดแบบนี้ อาจดูเหมือนคนไม่กระตือรือร้น

หรือ ไม่คิดจะกระทำอะไรให้สำเร็จนะ

ตอนแรก มันดูเหมือนแบบนั้น แต่ที่จริง

เวลาที่คนเราปลงได้ มันช่วยอย่างมากเลย


มันทำให้ใจเราสบาย ที่เคยเอาแต่คิดตำหนิ

ตัวเองนั่นนี่ เสียเวลาไปกับการคิดมาก กับอดีตที่แก้ไม่ได้

ก็กลับเป็นใจโล่ง ๆ มองเห็นปัญหาของคนอื่นได้

ไม่มองว่าตัวเองเป็นตัวถ่วง แต่สามารถมองตัวเอง

เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้


อาจไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องที่เราพอทำได้

เช่นการปลอบใจคน การช่วยงานใครก็ตาม

ที่อยากให้เราช่วย การช่วยแก้ปัญหาเล็กน้อย

ที่เราพอทำได้


สุดท้ายเราก็จะมีพลังใจมากพอ ที่จะดำเนินชีวิต

แล้วเราก็จะสามารถเอาเวลาว่าง ที่เราเคยใช้แบบ

ผิด ๆ เอาเวลาตรงนั้นมาพัฒนาตัวเองได้


ช่วง 5-6 ปีหลัง น้าก็ใช้ชีวิตแบบนี้ พอดี

พอเพียง มองปัญหาที่เข้ามาอย่างอดทน

ค่อย ๆ แก้ ทั้งปัญหาเรื่องงาน เรื่องครอบครัว

หรือ แม้แต่เรื่องของเพื่อนร่วมงาน ถ้าค่อย ๆ แก้ได้

ก็ทำไป ถ้าไม่ได้ก็ต้องปลง


แล้วถ้าเรามีเวลาเหลือ น้าก็เรียนรู้สิ่งใหม่

ทำสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะทำได้มาก่อน

เรียนไปเรื่อย ๆ ไม่กำหนดเวลา รับรู้สิ่งใหม่ ๆ

ได้เพราะใจเราไม่กังวล ไม่มองตัวเองเป็นปัญหา

แต่มองว่า เราเป็นคนรับปัญหาได้ทุกเรื่อง

ก็สามารถดำเนินชีวิตได้แบบปกติ ในขณะที่

คนอื่นที่อยู่สภาวะเดียวกัน ทำไม่ได้

0
me.daisy 6 ก.พ. 61 เวลา 19:24 น. 3

ลองไปพบจิตแพทย์ก็ดีค่ะ จะได้หาทางรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น เพราะแค่เครียดก็สามารถปรึกษาจิตแพทย์ได้แล้ว ถ้าได้คุยกับนักจิตวิทยาก็จะดีมาก เพราะเขาจะชวนคุยเยอะกว่าหมอ จะได้เล่าๆๆๆ แล้วก็ช่วยกันหาคำตอบค่ะ ว่าควรจะทำอย่างไรดี ทุกครั้งที่เราคิดลบ ให้เราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ แล้วเราจะมีความสุขขึ้น อันนี้ดีมากๆ ช่วยให้เราผ่านความลำบากไปได้


ส่วนถ้าไม่อยากไปหาหมอ ไม่อยากพึ่งยา ไม่อยากให้มีประวัติว่าพบจิตแพทย์ ก็ลองมารักษาด้วยวิธีปฏิบัติธรรมค่ะ หรือเรียกอีกอย่างว่าฝึกสมาธิแบบพุทธ บอกก่อนว่าวิธีทำไม่ได้สั้นแค่บรรทัดสองบรรทัด แต่ยาวประมาณหนังสือเล่มเล็กๆเล่มหนึ่ง ถ้าไม่มีต้นไม่มีปลาย ก็จะไม่ได้ผล หรือได้ผลก็ไม่ได้ถึงที่สุดที่ควรได้ค่ะ ยังไงลองอ่านดูก่อนค่ะ

http://dungtrin.com/resources/vipassana.pdf

0
goldenrabbit 6 ก.พ. 61 เวลา 22:31 น. 4

เราก็เคยเป็นจ้า แต่เราก็ก้าวข้ามผ่านมันมาได้ เราเป็นที่จขกท.ว่ามาก็เยอะอยู่ แต่เราก็ต้องลองนะคะ คนในสังคมมีคนดีกับคนไม่ดีปะปนกันไป ถ้าคุณเจอคนที่ดี คุณก็จะได้เปิดโลกที่คุณเคยปิดมันไว้ตลอด แต่ถ้าเจอคนไม่ดี ลองไปตั้งหลักแล้วลองใหม่ ลองทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำเลยค่ะ มองที่บ้านเป็นแค่คนที่คอยมองผลงานเรา ทำให้ดี แล้วเราจะไม่โดนที่บ้านว่า เราลองมาแล้ว ส่วนเรื่องมีความรักนั้น ก็ต้องจิตแข็งในระดับนึง จึงขอแนะนำให้เอาไว้เป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณควรจะลองมัน ถ้าจิตใจคุณไม่แข็งพอ+ที่บ้านไม่ได้สนใจคุณ คุณอาจจะลำบาก ส่วนเรื่องเครียดนั้น ปล่อยวางบ้างก็ได้ค่ะ บางทีมันก็ต้องปล่อยไปตามกาลเวลานะคะ ผู้ใหญ่เป็นแบบนี้แหละค่ะ เราต้องสู้นะคะ มีมะม๊าเป็นที่พึ่งใช่ไหมคะ ก้ต้องรักมะม๊ามากๆนะคะ แ้ลวมีอะไรก็ปรึกษาเลย อย่าปล่อยแบบนี้น้า เดี๋ยวมะม๊าจะห่วงหนักกว่าเดิมถ้ารู้เรื่องนี้


สู้ๆนะคะ จขกท. ^^

0
Phan_Sutita 7 ก.พ. 61 เวลา 18:41 น. 5

อย่าคิดอะไรไปก่อนเลยนะคะ เพราะเราเองที่จะรู้สึกไม่มีความสุข กลัวนู่นนี่ กังวลทุกอย่าง ชีวิตเราไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอหรอกค่ะ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทุกๆอย่างเปลี่ยนเเปลงได้ตลอดเวลา อย่ายึดติดกับมันมากเกินไป เวลาทุกข์ก็อย่าทุกข์มาก เวลาสุขก็ไม่ควรดีใจจนเกินไป เราเชื่อนะคะ ว่าวันหนึ่งเจ้าของกระทู้ต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้เเน่ๆ อย่าคิดมาก ทุกคนมีปัญหาค่ะ เเต่เราก็ต้องสู้ๆนะคะ #ถ้าเวลาเราไม่สบายใจก็ฟังเพลง เจ้าของกระทู้ลองทำซิคะ สบายใจน้าา เราเเนะนำเพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้ ลองฟังนะค่ะ

1
Phan_Sutita 7 ก.พ. 61 เวลา 18:47 น. 5-1

อ่อ เเล้วก็เรื่องการใช้ชีวิต เราก็อยู่ของเราตามปกติเลยค่ะ เรื่องอื่นก็ปล่อยบ้าง ทุกเรื่องไม่ได้มีผลต่อชีวิตเรา เราต้องเป็นคนเลือกเองว่าจะให้มันมาทำให้เราไม่สบายใจเหรอ ใช้ชีวิตของเราให้ดีที่สุด ตั้งใจทำตามความฝันที่เรามี เราทำได้ๆ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

0
FlyingPetals 7 ก.พ. 61 เวลา 18:57 น. 6

เราว่าคุณทิ้งอดีตไปเถอะ มันอาจฟังดูแย่นะ อาจไม่ถูกใจใครหลายคนในที่นี้ ต้องขอโทษด้วยนะ แต่ สำหรับเรา อดีตมันแก้ไขอะไรไม่ได้ เราอยากให้เจ้าของกระทู้ ตั้งสติ โฟกัสที่ชีวิตของตัวเอง มากกว่าคำติฉินนินทาคนอื่น หรือคำพูดที่มากระทบจิตใจ เพราะยิ่งจะทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่และกดดัน เรียนรู้ความผิดพลาดของคนอิ่นในอดีตแล้วเอามาเป็นบทเรียน คนเราไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดค่ะ แล้วครอบครัว น่ะ ก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะสมบูรณ์แบบหรอกนะ เจ้าของกระทู้คิดดูสิ คนมากๆ มาอยู่ร่วมกันมันต้องมีบ้างที่กระทบกระทั่งกัน ไม่ลงรอยกัน อาจจะเป็นเรื่องเงิน ความรัก การเรียน ชีวิตคู่ มันมีอยู่แล้ว ทุกคนก็ไม่ได้มีใครสมบูรณ์แบบหรอก เรามักจะ มองหาส่วนเติมเต็มของตัวเองเสมอ การที่เจ้าของกระทู้ไม่กล้าไว้ใจใคร กลัวการเริ่มต้นใหม่ กลัวที่จะมีความรัก หรืออะไรพวกนี้ เราเข้าใจ แต่อยากให้ผ่านไปให้ได้นะ ถ้าเรากลัวแล้วเอาแต่หลบในมุมมืด เราจะเจอแสงสว่างข้างหน้าได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่เราจะมีชีวิตที่สดใส ชีวิตที่ยิ้มได้อย่างเต็มปาก พูดออกมาได้ว่า เฮ้ย เราเจอความสุขของเราแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกเจ้าของกระทู้ ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เพราะงั้นอยู่กับปัจจุบัน รักตัวเองให้มากไป เดินไปที่กระจกแล้วยิ้มให้กับตัวเอง นี่คือชีวิตของเรา เราจะเดินเข้าหาแต่สิ่งดีไม่ สร้างชีวิตดีๆ ให้กับตัวเอง ปล่อยวางอะไรที่เจ็บปวดบ้างก็ได้ ถ้าเราไม่เอาตัวไปให้คนอื่นสาดสีเทน้ำใส่ เราก็ไม่ได้เปื้อนสีที่เค้าสาดใส่เราหรอกนะ ท้ายนี้ เราอยากบอกว่า ไม่มีใครบอกได้หรอก ว่าวันข้างหน้าเป็นยังไง แต่สิ่งที่พอชี้ทางได้คงเป็นการกระทำเราในปัจจุบัน เก็บบทเรียน ความผิดพลาดคนอื่น มาสอนให้เราเป็นคนที่ดีกว่านี้ ไม่จมปรักกะอดีต ไม่มีใครปลอบใจเรา และรักเราได้ดีเท่าตัวเราเองนะ อันนี้เรื่องจริง เพราะต่อให้เราพยามปลอบเจ้าของกระทู้ยังไง ถ้าเจ้าของกระทู้ยังไม่เข้มแข็งก็มีค่าเท่าเดิม คนที่อยู่กับเราจนลมหายใจสุดท้ายคือตัวเราค่ะ ดังนั้น อยากเจอคนแบบไหน อยากมีชีวิตแบบไหนก็พาตัวเองไปอยู่ในจุดนั้น คนดีๆ ก็มีเยอะ คนเราก็มีอดีตกันทุกคนแหละ สู้ๆนะ

0
Nitchakul-FuFu 7 ก.พ. 61 เวลา 20:21 น. 7

ในความคิดของเรานะ ทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นมาในชีวิตของเรามันไม่มีถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี แต่ในชีวิตของคนเราต่างก็ต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย ที่สุดแล้วทุกๆอย่างนั้นคงจะขึ้นอยู่กับมุมมองและเเนวคิดของเรา

เราอยากให้พี่ลองเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเองดู ลองลิสต์สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต มองเห็นสิ่งดีๆที่เข้ามาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็มีความคิดทัศนะคติที่แตกต่างกัน คำสอนของแต่ละคนความคิดก็ย่อมแตกต่างกันออกไป มีแต่เราคนเดียวที่จะเลือกรับในสิ่งดีๆ แยกแยะว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ดี อย่าไปโทษคนสอนหรือฟ้าดินที่ทำให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ให้เราคิดและลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง เรารู้ตัวว่าเราอยากมีเพื่อน..ลุยสิไม่ต้องกลัวนะลองหาเพื่อนดีๆซักคนคนที่จะเข้ามาในชีวิตของเรา ไม่ต้องกลัวอะไร ทำไปก่อนถ้าผิดพลาดขึ้นมาโดนซ้ำอย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ว่าเราต้องทำให้ดีกว่านี้ ลองออกมาจากกรอบเดิมๆแล้วออกเดินทางตามหาชีวิตแบบถูกๆผิดๆ ไม่ช้าก็เร็วเราต้องมีชีวิตใหม่ในแบบของเราแน่ๆ สิ่งเดียวที่อยากแนะนำคืออย่ากลัว กล้าที่จะทำ และอดทน เราต้องเป็นคนกำหนดชีวิตที่มีต่อนับจากนี้ จะร้ายจะดีเราต้องผ่านมันไปให้ได้ สู้ๆนะ

#สู้ๆนะคะพี่จากนี้และต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรพี่ต้องปล่อยวางใจกว้างและรู้จักใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง อะไรที่เราไม่ได้ทำผิดหรือมันเกิดขึ้นกับเราอย่าให้มันมีผลกระทบกับเรามาก คิดแค่ว่าเราอยากจะมีชีวิตในวันนี้ วันพรุ่งนี้หรือวันข้างหน้าในแบบไหน ต่อไปเราต้องยืนตัวขาของตัวเองและเราจะแบ่งปันความรักกับคนอื่นยังไง เราอาจเป็นหนึ่งในพันล้านคนที่ไม่ได้รับความรักเท่าที่ควรแต่เราก็เป็นอีกหนึ่งในพันล้านคนที่สามารถแบ่งปันความรักให้แก่คนอื่นๆได้ เรายังโชคดีที่อยู่ตรงนี้ ขอบคุณทุกๆคนที่เลี้ยงดูเรามาไม่ทอดทิ้งเรา ชีวิตของทุกคนต่างมีข้อดีข้อเสีย เราต้องเลือกที่จะรับและเลือก บางอย่างเราคนเดียวไม่สามารถแบกเรื่องราวทั้งหมดและแก้ไขด้วยตัวคนเดียวได้ ถ้าเราทำไม่ได้หรือเป็นเรื่องของ

คนอื่นเราควรให้เขาจัดการชีวิตของเขาเอง เราไปบังคับให้เขากลับมารักกันหรือบังคับใจคนอื่นไม่ได้ แต่เราคิดให้เราพอใจเเละเดินต่อไปวันข้างหน้าได้ สู้ๆนะเป็นกำลังใจให้ถึงจะไม่รู้จักกันแต่เราก็อยากให้พี่เดินต่อไปในวันข้างหน้าได้นะคะ

0
Kem11334 7 ก.พ. 61 เวลา 20:51 น. 8

ปัญหาหนักขนาดนี้ ลองไปโค้ชหรือไปเรียน NLP กับ Master pop อาจจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้นะ

0
SawaChan 8 ก.พ. 61 เวลา 23:10 น. 11

ตามหลักจิตวิทยาการจะผ่านช่วงวัยต่างๆ ต้องได้รับแรงเสริมในทางบวกที่ดีพอให้สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ แต่ถ้าไม่_จะเกิดความรู้สึกเป็นปมด้อยและรู้สึกไม่มีคุณค่าในตัวเอง น้องมาถูกทางแล้วนะ อย่างน้อยๆ ที่พี่อ่านมา น้องรู้จุดของปัญหา ข้อความขอน้องโดยภาพรวมแล้ว "น้องกำลังหมายถึงการขอความช่วยเหลือ การระบาย การหาแนวทางที่ดีที่สุดในรูปแบบของตัวน้องเอง" พี่เข้าใจความหมายของน้องนะ ที่น้องพิมพ์มาทั้งหมด น้องแค่ต้องการใครสักคนที่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้น้องได้ในตอนนี้

พี่จะไม่เปรียบเทียบหรือยกตัวอย่างให้น้องรู้สึกแย่ แต่พี่อยากให้น้องหาวิธีจัดการกับทัศนคติของตัวเองให้ได้ น้องลองสังเกตดูนะ คนที่ประสบความสำเร็จมักมีอุปสรรคในชีวิตแบบน้อง คนเราถ้าไม่มีอุปสรรค ชีวิตเราก็ไม่มีทางจะขึ้นไปสู่จุดนั้น น้องอาจเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในอนาคตก็ได้นะ

#ผลงานวิจัยทุกชิ้น เริ่มต้นจากปัญหา นั่นก็นับเป็นเรื่องดีที่ปัญหาใดๆเกิดขึ้น อย่างที่เขาบอกต่อๆกันมา เรื่องใดเกิดขึ้นแล้วถือเป็นเรื่องดี เรื่องครอบครัวของน้องน้องไม่สามารถไปควบคุมปัจจัยนั้นได้ ให้น้องลองคิดดูสิว่า ปัจจัยอะไรที่น้อง"ควบคุมมันให้ดีขึ้น"ได้ในตอนนี้บ้าง? ตัวน้องไง ทัศนคติที่ดีจะนำทางชีวิตน้องเอง :)

0
นศ จิตวิทยาคนหนึ่ง 9 ก.พ. 61 เวลา 22:30 น. 12

แนะนำพบจิตแพทย์นะคะ ไม่ก็นักจิตวิทยาวัยรุ่น

ไม่ต้องกลัวแพงค่ะ สิทธิบัตรทอง 30 บาทใช้ได้ แค่ไป รพ ที่น้องขึ้นสิทธิ ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ไปคนเดียวได้ค่ะ ไปพูดให้หมอฟัง เพราะน้องอยากระบายแต่น้องกลัวโดนแฉทีหลัง แต่จรรยาบรรณหมอเค้าบอกใครต่อไม่ได้หรอกค่ะ น้องไม่ต้องกลัวความลับรั่วเลย แต่ถ้าน้องไม่กลัวคุณแม่รู้ จับมือคุณแม่ไปหาหมอด้วยกันเลยค่ะ เรื่องพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ในหนังขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่ว่าไปหาจิตแพทย์คือบ้า เอาจริงๆจิตแพทย์คือเซฟลับของคน ที่เราสามารถเอาความไม่สะบายใจไปบอกได้ โดยมีเพียงเราที่มีกุญแจเเละรหัสปลดล็อค (เอาจริงๆมีความสุขก็ไปหาจิตเเพทย์ได้เหมือนกัน)

2
นศ จิตวิทยาคนหนึ่ง 9 ก.พ. 61 เวลา 22:37 น. 12-1

หรือไม่กล้าไปก็ลองโทรไปสายด่วนสุภาพติตได้ค่ะ รอสายอาจเร็วบ้างช้าบ้าง แต่มีคนฟังก็ดีกว่าเก็บเครียดคนเดียว แถมคนฟังเป็นใครที่ไม่รู้จักเราอีก ไม่ต้องห่วงว่าจะโคตรมาเจอกันเลย

0
winwin1234 10 ก.พ. 61 เวลา 23:03 น. 13

อะไรก็มีการเเยเดียวก็มีเรื่องดีๆครับ เราทำตัวของเราให้ดีที่สุดพอครับ ทำตอนนี้เวลานี้ให้ดีที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันผ่านมาเเล้วก็ให้เป็นเรื่องราวที่เปป็นเหมือนบทเรียนครับว่าเราจะไม่เป็นเเเบบนั้น เราทำตอนนี้ให้ดีที่สุดพอครับ อนาคตเป็นสิ่งไม่เเน่นนอนอยู่เเล้ว อะไรจะเกิดก็ขึ้อยู่กับว่าการกระทำของตัวเองในตอนนี้เเหละครับ


1
Doxdoxknw 13 ก.พ. 61 เวลา 01:28 น. 14

ถ้าเป็นเราอันดับแรกคือเราจะไปทำบุญค่ะ คือไม่ได้งมงายมากนะคะ แต่อย่างน้อยเราก็สบายใจขึ้น แล้วเราก็มาแก้ปัญหา คือเราแก้ปัญหาได้แค่ของตัวเอง... "อย่ากดดันหรือสร้างกฏ" ให้ตัวเองมากไปสิ่คะ การที่เรากลัวการเริ่มต้นใหม่ ไม่ดีเลย กว่าจะสำเร็จหลายๆคนต้องเคยล้ม โอเคไม่มั่นใจในตัวเองไม่ร้ายเท่าการกลัวนะคะ เช่น "มีคนบอกคุณว่าคุณโดดแดดไม่ได้ คุณก็อยู่ตามร่ม แดดมาถึงคุณก็หลบหนีทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าเราโดนแดดได้หรือไม่ ใช้ชีวิตหลบแดดไปวันๆเนิ่นนานเพราะเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอก สิ่งที่ได้ยิน แต่ในความคิดของเรามันบอกว่าไม่ลองไปทดสอบหน่อยหร๋อ ว่ามันจริงไหม แต่แล้วคุณก็ไม่เชื่อความคิดคุณ อยู่มาวันหนึ่งคุณป่วยเกินที่จะหลบแดดไหว คุณสู้พยายามหลบแดดแต่ก็ไม่ทันแดดได้ส่องมาถึงตัวคุณแล้ว คุณพบว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะโดนแดดไม่ได้นี่ น่าจะลองตั้งนานแล้ว แต่มันก็สายไปแล้ว..." บางครั้งถ้าไม่รีบเริ่ม รีบทำ อาจจะสายไปก็ได้นะคะ เราเชื่อว่าคุณคิดได้ เราเป็นกำลังใจให้นะคะ

0