10 ข้อควรรู้ ก่อนไปเรียนหมอต่างประเทศ!
ตั้งกระทู้ใหม่
10 อย่างที่ต้องรู้ ก่อนไปเรียน “แพทย์ต่างประเทศ”
น้องๆคนไหนกำลังคิดว่า อยากไปเรียนแพทย์ต่างประเทศอยู่ หรืออยากรู้ว่าหมอต่างประเทศเป็นอย่างไร?
กระทู้นี้จะเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อน้องๆอย่างแน่นอน โดยเราอาจจะเน้นตัวอย่างมหาวิทยาลัยแพทย์ในโปแลนด์ ทวีปยุโรปเป็นหลักนะคะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยยค่า...
1. Q: มหาวิทยาลัยผ่านการรับรองจา
A: มหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรอ
แต่หากหลักสูตรยังไม่รับรอง น้องๆจะไม่สามารถแบ่งสอบใบป
น้องๆสามารถเข้าไปตรวจสอบรา
สำหรับมหาวิทยาลัยแพทย์โปแล
1. Medical University of Lublin
2. Poznan University of Medical Sciences
3. Medical University of Warsaw
4. University of Warmia and Mazury in Olsztyn
2. Q: วุฒิการศึกษาได้รับการยอมรั
A: นอกจากการยอมรับจากประเทศไท
ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยแพทย์ส่วนใหญ่ใน
- US Department of Education
- ECFMG
- Medical Board of California
- Association of American Medical Colleges
- Canada Students Loan Program
- European Union Council
- WHO
- FAIMER
3. Q: การสอบเข้าสามารถวัดความรู้
A: การสอบเข้าแพทย์ต่างประเทศใ
ตัวอย่างเช่น แพทย์โปแลนด์จะเน้นการสอบวัดระดับความรู้วิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ซึ่งเป็นความรู้วิทยาศาสตร์
1. สอบข้อเขียน (อัตนัย)
2. สอบสัมภาษณ์
โดยสอบเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อวัดทักษะการอ่านและการ
4. Q: “เข้าง่าย” แต่ “จบยาก” หรือไม่
A: สืบเนื่องจากข้อที่แล้วคือ หากการสอบเข้าไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีเกณฑ์การรับเข้าที ่ชัดเจน เช่น หากเป็นหลักสูตรที่เรียนเป็ นภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีการกำหนด requirement ภาษาอังกฤษ อาจทำให้เป็นปัญหาเรื่องการ สื่อสารและทำความเข้าใจในระ หว่างเรียนได้ หรือรับเข้าเรียนในมหาวิทยา ลัยโดยไม่มีการสอบเข้าและจั ดการเรียนปรับพื้นฐาน (Pre-course) ให้ก่อนเปิดเทอม (ยกเว้นการพิจารณาวุฒิในระดับสูง เช่น จบวุฒิ IB หรือจบปริญญาโทในสาขาที่เกี ่ยวข้องมาแล้ว มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจยกเว้ นการสอบเข้าหรือ requirement บางประการได้) หรือเรียกง่ายๆว่า “เข้าง่าย” จนเกินไป
แต่ในทางกลับกัน เมื่อน้องๆเดินทางไปถึงต่าง ประเทศเพื่อเรียนตามมหาวิทย าลัยเหล่านั้น หลายคนจะประสบปัญหาว่า เรียนยากจนเกินไป หรือเมื่อสอบตก ก็อาจถูกเชิญออกได้ รวมถึงรุ่นพี่ในชั้นปีก่อนห น้า ก็ถูกเชิญออกปีละหลายสิบหรื อหลายร้อยคน เพราะมาตรฐานการตัดเกรดที่ส ูงและเข้มงวดเป็นอย่างมาก เช่น จากชั้นปีที่ 1 รับนักศึกษาเข้าไป 500 คนต่อรุ่น แต่สามารถจบการศึกษาได้ไม่ถ ึง 100 คนหรือคิดเป็น 20 % หรือเรียกได้ว่า “จบยาก” นั่นเอง
ฉะนั้น น้องๆที่กำลังสนใจไปเรียนต่ อแพทย์ต่างประเทศ ต้องมีความระมัดระวังและตรว จสอบให้ชัดเจนว่า เกณฑ์การรับเข้าเป็นอย่างไร และโอกาสที่จะเรียนจนจบได้ม ีมากน้อยแค่ไหน โดยสำรวจจากจำนวนรุ่นพี่ที่ ไปเรียนจนจบการศึกษาได้ มิฉะนั้น อาจทำให้น้องต้องเสียเวลาแล ะเสียเงินโดยไม่จำเป็น หรือบางคนอาจจะเสียกำลังใจ และรู้สึกท้อจนไม่อยากเป็นแ พทย์ไปเลยก็ได้
A: สืบเนื่องจากข้อที่แล้วคือ หากการสอบเข้าไม่ได้มาตรฐาน
แต่ในทางกลับกัน เมื่อน้องๆเดินทางไปถึงต่าง
ฉะนั้น น้องๆที่กำลังสนใจไปเรียนต่
5. Q: การเรียนการสอนใช้ภาษาอังกฤ
A: การเรียนแพทย์ในหลักสูตรนาน
ตัวอย่างของมหาวิทยาลัยแพทย
6.6.636.7Q6 Q: การเรียนชั้นคลินิกได้ฝึกกั
A: การเรียนแพทย์ ต้องพิจารณาจนถึงการเรียนระ
7 Q: สถิติในการสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพแพทย์เป็นอย่างไร
A: ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเรียนในหลักสูตรของประเทศใด ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องสอบใบประกอบวิชาชีพของประเทศที่เราต้องการทำงานให้ผ่านทุกขั้นตอน ดังนั้น สถิติในการสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนั้นๆถือเป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงความสำเร็จของมหาวิทยาลัยและหลักสูตรการเรียนการสอนได้อย่างเด่นชัด
เช่น Poznan University of Medical Sciences ที่โปแลนด์ มีอัตราในการสอบผ่านใบประกอบแพทย์ดังนี้
- อัตราสอบผ่านใบประกอบฯแพทย์อเมริกาขั้นที่ 1 USMLE สูงถึง 85%
- อัตราสอบผ่านศรว.ขั้นที่ 1 ของไทย 100%
เหล่านี้ถือเป็นผลมาจากการออกแบบหลักสูตรตามแบบของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเอื้อต่อการสอบใบประกอบวิชาชีพทั้งของอเมริกาและไทย
8. Q: ค่าเทอม-ค่าครองชีพสูงไหม
A: ในส่วนของค่าเทอมแพทย์หลักส
สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 3 กลุ่ม
1. ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็น
2. ประเทศในโซนยุโรปกลาง เช่น โปแลนด์ ค่าเทอมเฉลี่ยปีละ 400,000 – 500,000 บาทต่อปี ค่าครองชีพใกล้เคียงกับกรุง
3. ประเทศในโซนเอเชีย เช่น จีน ฟิลิปปินส์ ค่าเทอมเฉลี่ยปีละ 150,000 – 250,000 บาทต่อปี ค่าครองชีพถูกกว่าหรือใกล้เ
9. Q: ความปลอดภัยมีมากน้อยเพียงใ
A: ความปลอดภัยในที่นี้ อาจพิจารณารวมถึงสภาพแวดล้อ
เช่น จากสถิติปี 2016 ประเทศโปแลนด์จัดอันดับอยู่
10: Q: บริษัทที่แนะนำไปเรียนมีความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวช
A้: ข้อนี้นับว่ามีความสำคัญที่
ข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่ข้อ 1-10 นี้เป็นเพียงคำแนะนำส่วนหนึ
หากน้องๆมีคำถามเพิ่มเติมสามารถส่งเข้ามาได้ในข้อความ DM หรือติดตามข่าวสารการแพทย์ใหม่ๆที่ https://www.facebook.com/LIEMGTH/
1 ความคิดเห็น
น้องต้องจบ ป 6 แล้วไปเรียน หรือว่า ม 6 คะ กินอยู่ยังใงคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?