สามารถทำบุญข้ามศาสนากันได้ไหม
ตั้งกระทู้ใหม่
คนต่างศาสนากันแต่อยากไปเที่ยวชมศาสนสถานของศาสนาที่ตัวเองไม่ได้ไม่นับถือได้ไหม แล้วศาสนสถานต่างๆคนต่างศาสนาสามารถไปได้ไหม คนต่างศาสนาสามารถร่วมทำบุญกันหรืออยากทำบุญแบบศาสนาที่เราไม่ได้นับถือกันได้ไหม
และแต่ศาสนามีวิธีทำบุญหรือทำสิ่งที่ได้บุญในแบบของตัวเองกันอย่างไรบ้าง
6 ความคิดเห็น
เที่ยวต่างศาสนาได้ เหมือนที่เราไปเที่ยวมาเลย์ แล้วก็ชมมัสยิดชื่อดัง ไปยุโรป แล้วชมโบสถ์ ไปอินเดีย เดินเข้าวัดฮินดูท้องถิ่นก็ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของศาสนสถานนั้นๆ
ส่วนการทำบุญในสถานนั้น ๆ ต้องอยู่ที่หลักความยืดหยุ่นของศาสนาที่เรานับถือ อย่างมุสลิมทำบุญทำิจศาสนาอื่น ๆไม่ได้ ได้แต่แสดงความเคารพโดยยืนสงบนิ่ง ๆ แบบเวลาเด็กมุสลิมยืนเข้าแถวสวดมนต์ในโรงเรียนพุทธ
แต่คุณก็เห็น คนพุทธเรา จะวัดศาสนาไหน ที่ไหนให้ทำบุญ เราคนพุทธก็ทำหมด ไปโบสถ์คริสต์ก็ยังอธิษฐาน มันก็อยู่ที่ความเชื่อเราด้วย 555555
เราคิดว่าเรื่องนี้อยู่ที่ความคิด ความรู้สึก ความเชื่อของแต่ละคนด้วยนะ
อย่างเพื่อนเรามีอิสลามอยู่ 2 คน คนนึงไปเที่ยววัดกับเราเลย ยกมือไหว้อีก
แต่อีกคนไม่เอาเลย เข้าไม่ได้ ไม่ไหว้ ไม่ว่า ไม่เข้า คือไม่ยุ่งเลย
เพราะว่าคนที่สองนี่เขายึดถือปฏิบัติตามหลักศาสนาของเขาคือไม่เคารพอะไรบลาๆ ตามหลัก
แต่คิดว่าส่วนใหญ่จะเป็นศาสนาพุทธที่ยืดหยุ่น
แต่ถ้าเรา เราทำหมด เพราะเราถือว่าเคารพเขา เขาทำแบบไหนเราก็ทำได้
แค่ไม่ยึดติดตามหลักเขาไปหมดเท่านั้นเอง
ขอเขียนเกี่ยวกับศาสนาพุทธที่ตนเองนับถือนะคะ เพราะไม่มีความรู้ในศาสนาอื่นเท่าไหร่
ถ้าถามว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนว่าการทำบุญในศาสนาอื่นได้ไหม คำตอบคือได้ เช่น มีครั้งหนึ่งมีคนที่มีหน้ามีตาในสังคมสมัยพุทธกาลนับถือนักบวชนอกศาสนา แล้วเขามาถามธรรมะพระพุทธเจ้าเพื่อให้พระองค์เสียหน้า ถามไปถามมาก็เกิดความเลื่อมใสในศาสนาพุทธ เพราะศาสนาพุทธไม่อนุโลมเอาใจคนฟัง แต่สอนว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คนถามก็เลยเลื่อมใสจะหันมานับถือศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าเลยพูดดักคอว่าต่อไปให้ทำบุญกับนับบวชลัทธินั้นต่อไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการทำบุญกับนักบวชนอกศาสนาไม่ใช่เรื่องต้องห้ามหรือบาปเลยค่ะ
แต่ที่คนนอกศาสนาพุทธวิพากย์วิจารณ์กันมาก เพราะพระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนว่าการทำบุญกับพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั้นได้บุญมากกว่าทำบุญกับนักบวชศาสนาอื่น ถ้าอยากรู้เหตุผลก็เป็นเพราะ เมื่อวัดกันที่ความบริสุทธิ์จากกิเลสนั้น ศาสนาพุทธคือศาสนาที่สอนให้กำจัดกิเลสในใจคน ยิ่งคนเป็นคนดีมาก ยิ่งนับว่าคุณประโยชน์ต่อโลกมาก ถ้ามีคนมาทำบุญกับคนที่มีคุณต่อโลกมาก ก็ย่อมได้ผลบุญสูงตามไปด้วย เสมือนการตีระฆังกับระฆังที่ใหญ่กว่าระฆังเล็กๆ เสียงย่อมดังกว่า
คนที่ไม่เข้าใจมักจะคิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสเพื่อให้ศาสนาของพระองค์อยู่รอด แต่พี่พบว่าสิ่งที่พระองค์สอนนั้น เป็นการไตร่ตรองมาแล้วว่ามีประโยชน์ต่อคนฟังค่ะ เพราะถ้าพระพุทธองค์ไม่ยืนยันแบบนี้ คนก็จะไม่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำทาน ซึ่งในตอนท้ายพระองค์จะตรัสว่าการให้อภัยทานนั้นได้อานิสงค์ยิ่งกว่าการให้ทานด้วยสิ่งของเสียอีก
ถ้าเราศึกษาธรรมะจะพบว่าธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเป็นเรื่องที่จับใจคนฟังแต่ละระดับไม่เท่ากัน เช่น สมมติว่าพี่สนใจเรื่องการทำทาน พอมาฟังธรรมว่าด้วยการเสียสละสิ่งของเงินทอง ก็จะเกิดความเลื่อมใสในการให้ทานยิ่งขึ้น เมื่อทำทานจนพอจะรักษาศีลได้ พอได้ฟังธรรมเรื่องการรักษาศีล ก็จะเลื่อมใสในธรรมะที่สูงขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าธรรมะของพระพุทธองค์มีหลายระดับ ไม่ทรงทอดทิ้งคนที่สละกิเลสได้น้อย คนนี้พอจะทำทานได้ก็ทรงสอนให้เลื่อมใสทาน อีกคนพอจะขัดเกล่ากิเลสให้ละเอียดขึ้นก็ตรัสสอนให้รักษาศีล แต่ประโยชน์สูงสุดที่ท่านปวารนาตนมาเหน็ดเหนื่อยก่อตั้งศาสนาคือ การสอนให้สละสิ่งที่เป็นทุกข์มากที่สุด เมื่อสละแล้วก็เป็นอันหมดทุกข์หมดโศกชั่วนิรันดร์ สมกับความพยายามทำความดีของแต่ละคนที่ทำมาเพื่อไม่ต้องเอาอะไรอีกเลย เพราะการเอานั้นแหละที่ทำให้ทุกข์
ทำได้ครับ
ไปได้ครับ
ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี
อย่าให้กรอบความคิดของพวกโบราณๆมาปิดกั้นเราครับ
อันนี้แม่เราซึ่งเป็นคนไทยพุทธที่เคยไปเรียนที่อเมริกานะคะ สมัยนั้นน่าจะเป็นยุคที่วัดไทยในอเมริกาคงน้อย ประกอบกับมหาลัยอยู่ใกล้โบสถ์(มั้ง) แม่เราก็ไปโบสถ์นะ เค้ามีตู้ให้หยอดเช่นไปช่วยเหลือผู้คนหรือสาธารณะประโยชน์แม่เราก็บริจาคอ่ะ ถึงจะต่างศาสนาแต่ก็ทำบุญช่วยเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน ขณะเดียวกันท่านก็ปฏิบัติธรรมพุทธอย่างจริงจังด้วย
อีกอย่างบ้านเราเชื่อว่าทุกศาสดาสอนให้เป็นคนดี และเทวดาไม่ว่าศาสนาใด ส่วนใหญ่ตอนเป็นคนก็ต้องเป็นคนดี ฝักใฝ่สิ่งดีงามตามคำสอนศาสนา ไม่งั้นก็แทบไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปหรอกค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?