Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นิยายเรื่อง:เฮียคะ! ขอฉันหลบพายุฝนข้างหลังเฮียหน่อย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
https://writer.dek-d.com/Moresugar/story/viewlongc.php?id=1766145&chapter=1


โรงเรียนโวเทล ปรินซ์ตั้น กำลังจะเปิดสอบให้เด็กนักเรียนทุกคนชิงทุนเข้ามาเรียนฟรีในโรงเรียน


          'คุณพระ! จนทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่อยากจะเชื่อในโชคและปาฎิหารย์ของตัวเองเสียด้วยซ้ำ!!~'


พวกคุณอยากรู้ใหมว่าฉันทำอย่างไรต่อไปเมื่อรู้ข่าว


ฉันที่เป็นเพียงเด็กมัธยมสามตัวแคระๆแกร็นๆคนนั้นไปสมัครสอบและลอบดำเนินการด้วยตนเองทั้งหมดตามการแนะนำของครูนิต ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ฉันเริ่มถูกกล่าวหาว่าทำตัวเหลวแหลก ทำตัวเหลวไหลไม่กลับบ้านกลับช่อง


 แต่ปล่าวเลย! ฉันแอบแว่บไปที่ห้องสมุดเท่าที่ฉันจะหาพบ! แล้วอ่านติวหนังสืออย่างเป็นบ้าเป็นหลัง!!!


ระหว่างนั้นก็มีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนเหมือนกัน คือฉันถูกพ่อของฉันดุด่าและทุบตีในวันที่เขาเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับปัญหา วิธีทางแก้ของเขาก็คือบอกกับฉันว่า 



         'หากฉันกลับบ้านช้าอีกเขาจะตีฉันทุกวัน! เขาก็อยากจะเห็นนักว่าฉันจะทนกลับบ้านช้าได้สักกี่วัน!!!'



ทุกคนคงจะไม่รู้ว่าฉันบ้าเลือดแค่ไหนในเวลานั้น! อยากตีฉันก็ตีไป! ฉันทนให้เขาตีทุกวัน! นานวันเข้าก็รู้จักการพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ แกล้งทนไม่ไหว ร้องโวยวายออกมาเสียงดังๆให้คนทั้งแฟลตได้ยินบ้าง กลับช้ามากๆของมากๆจนเขาหลับไปแล้วบ้าง ยิ่งฉันกลับบ้านดึกเขาก็ยิ่งตี! ฉันก็ยิ่งเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมา! ยิ่งพวกเขาตีฉันก็ยิ่งแกล้งเป็นคนบ้าบอ สติสตังไม่สมประกอบ ชักบ้าง กรีดร้องบ้าง จนบางครั้งลุกวิ่งหนีอย่างหวาดกลัวออกไปนอกประตู วิ่งถั่ดๆๆๆตุปัดตุเป๋ออกไปนอกแฟลตขึ้นรถเมล์ไปติวหนังสือที่ห้องสมุดด้วยอากัปกิริยาที่เป็นปกติทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 สถานการณ์เป็นไปเช่นนั้นจนกระทั่ง เมื่อผลสอบชิงทุนออกมา ฉันสอบติด! เป็นครั้งแรกที่ดีใจจนน้ำตาไหล!


เป็นครั้งแรกที่บิดาของฉันมองใบประกาศผลสอบชิงทุนและใบรับรองเข้าสถานศึกษาอย่างงงงัน!


เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแม่เลี้ยงกรีดร้องออกมาอย่างคลั่งแค้นที่ฉันสร้างหน้าตาและชื่อเสียงขึ้นมาได้!!!


ชื่อเสียงของโวเทล ปรินซ์ตัน นั้นดังมาก ดังระดับต้นๆของประเทศ มีแต่พวกหัวกระทิที่มีภาวะทางอารมณ์ที่เพรียบพร้อมทั้งนั้น แม้ว่าตัวฉันเองอาจจะขาดๆเกินๆไปเสียหน่อย



แม่เลี้ยงเกลียดชังขี้หน้าของฉันหนักขึ้น ...หนักขึ้นและหนักขึ้นทุกครั้งที่มีคนมาถามเรื่องฉันว่าตอนนี้ฉันเป็นอย่างไรบ้าง


บิดาของฉันมีเรื่องให้อวดอ้าง และฉันก็ไม่ถูกเขาตีอีก ส่วนเรื่องน้าปรีคนดีฉันก็พยายามแกล้งบ้าบอต่อไป หรือไม่ก็หลบลี้ หนีหน้าให้ถึงที่สุด ถ้าวันไหนหลบไม่พ้นฉันก็นอนหน้าบ้านมันซะเลย!! เก๋ๆดีออก ไม่มีใครเค้าทำกันทุกวันด้วย ยูนีคสุดๆ ฮิปสะเต้อร์ดีออก!! (อ่านเน้นเสียง แบบจงใจเขียนผิด!)



           "อ้าวกลับมาแล้วเหรอ" เสียงผู้ใหญ่ที่ดูโอบอ้อมอารีของลุงพี่วินขาประจำทักฉัน ลุงชัยเป็นคนที่ส่งเสียงเรียกฉันให้กลับมาสู่ปัจจุบันที่ฉันอายุ สิบแปด


           "สวัสดีค่า" ฉันยกมือไหว้อย่างสวยงาม พลางยิ้มเรียบๆ ไม่เย็นชานักทว่าก็ไม่ได้ดูเป็นคนร่าเริงอะไร ชนิดที่ว่าเป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาละมัง?..


          "หนูมาช้าไป พ่อหนูเค้าไปดูบ้านที่เมืงนนท์กันแล้วล่ะ" ลุงชัยบอกกับฉัน ลุงชัยเองก็มีีหน่วยข่าวกรองของตัวเองเหมือนกัน ใครทำอะไรไปไหนลุงชัยรู้หมด


           "เหรอคะ..." ฉันทำน้ำตาคลอเบ้า แกล้งทำหน้าโศกเศร้าเสียใจซักหน่อยพอให้ทุกคนได้เอาไปเม้ามอยกันต่อ


อย่าเห็นว่านี่เป็นแค่เรื่องของเด็กผู้หญิงวัยสิบแปดคนหนึ่ง เพราะยังไงฉันก็เป็นคนที่อยู่ในแฟลต เหนือฉันขึ้นไปยังมีพ่อฉันที่ทำงานอยู่ในกรมเดียวกันกับเขา แม่เลี้ยงก็ทำงานอยู่ในนั้น ยังไงก็หนีเรื่องนินทาไม่พ้น

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น