Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประสบการณ์รับทุนโครงการ YSEALI หรือ Young Southeast Asian Leaders Initiative โดยโครงการแลกเปลี่ยนของ U.S. EMBASSY

ตั้งกระทู้ใหม่
โดย มาร์ช, นายวิศรุต อ่อนประทุม 
ที่พึ่งจบจากโครงการ
Spring 2018 YSEALI Academic Fellowship
เมื่อวันที่ 31 มกราคม - 11 มีนาคม 2561 ที่แล้วนี้เอง!!!! ที่ USA!!!!!
เป็นเวลา 5 สัปดาห์!!!!
#กระทู้นี้ค่อนข้างละเอียดเพราะคนเขียนต้องเขียนส่งอาจารย์ด้วย555
#จะแทรกภาพตอนเข้าร่วมกิจกรรมไปในแต่ละบรรทัดนะครับ ^^


ขนาดเขียนเองยังตื่นเต้นเลยจริงๆนะ เพราะพึ่งกลับมาแล้ว ความตื่นเต้นความทรงจำทุกอย่างมันยังค้างอยู่ + Jetlag ด้วย hahaha

โอเคงั้นเรามาเริ่มกันที่ประวัติความเป็นมาของโครงการที่สุดยอดดด ทั้งเซอร์วิส ความรู้ การบริการกันเลย!!!

 

โครงการ YSEALI คืออะไร?

          ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดตัวโครงการ Young Southeast Asian Leaders Initiative (YSEALI) เมื่อพ.ศ. 2556  โครงการดังกล่าวเป็นการรวมตัวของผู้นำรุ่นเยาว์อายุระหว่าง 18-35 ปี จากบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ลาว สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อมุ่งจัดการกับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น ความท้าทายสำคัญของภูมิภาคอาเซียนในยุคสมัยของตน  ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การศึกษา และการมีส่วนร่วมของประชาสังคม  ในทุกๆ วัน บรรดาผู้นำรุ่นเยาว์ได้นำเสนอหลากหลายแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ อาทิเช่น การนำจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มาใช้ทำความสะอาดแม่น้ำ หรือสร้างโอกาสด้านอาชีพด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากบัว  สหรัฐฯ ร่วมสนับสนุนหนุ่มสาวที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ผ่านการจัดฝึกอบรมและมอบทุนแก่ผู้ ประกอบการเพื่อสังคมรุ่นใหม่อนาคตไกล

ความสำคัญของโครงการ YSEALI

          สหรัฐฯ ขอสนับสนุนโครงการ Young Southeast Asian Leaders Initiative ด้วยความภาคภูมิใจ เพราะเราเชื่อว่า เยาวชนมีบทบาทสำคัญต่อการวางแผนอนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ซึ่งประชากรราวร้อยละ 65 มีอายุน้อยกว่า 35 ปี  เยาวชนคือวัยที่เปี่ยมด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และความกระตือรือร้นที่ จะนำเสนอความคิดและอุทิศพลังเพื่อพัฒนาชีวิตของตนและคนในชุมชน  ทุกคนช่วยกันสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีกว่าได้หากเราร่วมมือกัน
อันนี้ก็อปมาจากเว็บหลักเลยนะ Cr. https://th.usembassy.gov/th/education-culture-th/yseali-th/


#ครอบครัวเราเอง ^^ ตัวแทนทั้ง 10 ประเทศ ที่ KSU (เราคือคนเสื้อสีม่วง ผช. Thailand!!!!!)

          โอเค!!! อย่างที่หลายๆคนได้อ่านกันแล้ว โครงการนี้ก่อตั้งโดยโอบามานะครับ #LoveYouSoMuch และเป็นโครงการส่งเสริม สนับสนุน และใฝ่หา เยาวชนในสมาคม ASEAN ที่จะมาเปลี่ยนแปลงสังคมและนำพาสังคมไปในทางที่ดีขึ้น!!! (ฟังดูยิ่งใหญ่มาก #ซึ่งยิ่งใหญ่จริงๆ) ผ่านการทำกิจกรรม โครงการ มูลนิธิ และองค์กรอีกมากมาย โดยทางสถานทูตสหรัฐ เขาให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก เพราะเยาวชนจากทั้ง 10 ประเทศที่ได้เข้าร่วมทุกปีนั้น แต่ละคน บอกเลยว่าคุณภาพ ความสามารถ กิจกรรม ความรู้ในเรื่องที่เลือก สิ่งที่เคยทำ และผลงาน สูงมาก ต้องบอกว่าสูงจริงๆ ซึ่งเมื่อจบโครงการนี้เสร็จ แต่ละคนจะได้มี 1 โครงการที่จะกลับไปพัฒนาและแก้ไขปัญหาแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และบอกเลยว่าโครงการของแต่ละคนที่สร้างสรรค์ และนำกลับไปนั้น สุดยอดไม่แพ้กัน และเข้าให้ความสำคัญกับเยาวชนจริงๆ ถึงอายุน้อยแต่ถ้าเขาเห็นความตั้งใจของเรา เขาก็จะเลือก (ผมอายุแค่ 19 ปีนะ แทบจะเป็นน้องเล็กสุดในกลุ่มที่ไป5555) และข้อสำคัญคือ โครงการนี้ ทุกอย่าง ฟรีหมด!!!!!!!!!! ฟรีหมดจริงๆ ตั้งแต่ค่ารถออกจากบ้านไปสนามบิน (อันนี้จริงๆนะ) ค่าเครื่อง ค่ากินค่าอยู่ เงินประจำสัปดาห์ ที่พัก มื้ออาหาร
โอ้ยยยย คือดี 555


          โอเค!!! สำหรับต่อไป ผมก็จะมาเล่ารายละเอียดของการสมัครให้ฟัง #สำคัญมากๆ เพราะจะมีขั้นตอนในการสมัครและเอกสารที่ต้องส่งค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ถึงกับมาก - - และจะเป็นตัวชี้ชะตาเลยว่าคุณจะได้เข้าร่วม หรือไม่ #โหมดซีเรียส 

1. การคัดเลือก

          โดยการคัดเลือกในแต่ละปีนั้น ขั้นตอนจะเหมือนกันทุกๆปี แต่ก่อนอื่น!!! ใครที่ยังไม่ได้สมัครเป็น สมาชิก YSEALI ให้สมัครไว้ก่อน เพื่อติดตามข่าวและข้อมูลต่างๆ ไว้ก่อนเลยนะครัช

เว็บนี้เลย!!!
https://asean.usmission.gov/yseali/
       
         
โอเค โดยโครงการ YSEALI นั้นทุกปี (ถ้าจำไม่ผิด) จะมีให้สมัครและเข้าร่วมอยู่ 2 ช่วง คือ

1. 
Spring YSEALI Academic Fellowship ช่วงต้นปี
2. Fall 
YSEALI Academic Fellowship ช่วงปลายปี

          หากใครชอบอากาศหนาวๆและอยากเจอหิมะเหมือนผม (ซึ่งได้เจอแต่เป็นเกล็ด - -) ก็ให้เลือกสมัครใน Spring นะ โดยแต่ละมหาลัยที่เราจะไปนั้น จะไปในช่วงที่แตกต่างๆกัน!!! อย่างผมที่เลือก Kennesaw ก็จะไปก่อนใครๆเขาเลย (ตอนแรกแบบดีใจว่าจะได้เจอหิมะเพราะช่วงตนปี เมกาหิมะตก สรุปง่อยครับ T^T) และจำนวนของ มหาวิทยาลัยที่โคกันกับโครงการนี้ก็จะเปลี่ยน เกือบ ทุกปี ซึ่งก็แล้วแต่ทางมหาลัยเขาด้วยว่าปีนั้นจะเข้าร่วมหรือปล่าว แต่ส่วนใหญ่ก็เข้าร่วม เกือบ ทุกปี


#ทีม Thailand ทั้ง 3 คน ^^ พี่อิ้ง,ผม,และพี่แบ๊ง

          และในการสมัคร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หัวข้อที่เราจะไปทำการศึกษาแลกเปลี่ยน เพราะมันจะบ่งบอกถึงความสนใจ ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในเรื่องที่เราเลือก และต้องคำนึงถึงด้วยว่า งานที่เราทำมานั้น related กับหัวข้อที่เราเลือกไหม เช่น ถ้าคุณทำโครงการเกี่ยวกับ Enviroment มาตลอด แต่เลือกหัวข้อ Civic Engagement มันก็ไม่ใช่นะเออ!!! สรุปคือ ต้องเลือกหัวข้อที่เราสนใจ และพร้อมจะทุ่มเทให้กับการพัฒนาด้านนั้น อย่างจริงจัง ซึ่งจะมีคำถามว่าสาขาที่เราเรียนอยู่มหาลัยตอนนี้ไม่ตรงกับหัวข้อที่เลือกยังสามารถสมัครและถูกพิจารณาได้ไหม?คำคอบคือ ได้ ครับ เขาจะพิจาณาจากโครงการและกิจกรรมที่เราเคยทำมาก่อน โอเค!!! โดยจะมีหัวข้อทั้งหมด 3 ข้อ ดังต่อไปนี้

1. 
Civic Engagement เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและสังคม สิทธิมนุษยชน การศึกษา ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสิทธิ และอื่นๆ (ผมเลือกหัวข้อนี้เลยรู้เยอะกว่าหัวข้ออื่น 555)
2. Environmental Issues เกี่ยวกับการดูแล และการวิจัยต่างๆด้านสิ่งแวดล้อม (ได้ไป Hawaii นะเว้ยยยยยย)
3. Social Entrepreneurship and Economic Development เกี่ยบกับธุรกิจ การเติบโตทางธุรกิจ และการประกอบการ (อันนี้แปลตามชื่อนะ)
#ข้อนี้สำคัญไม่แพ้กัน เวลาเพื่อนๆเลือกมหาลัยในหัวข้อที่จะศึกษา ต้องศึกษาเกี่ยวกับเมืองที่เราจะไปอยู่ด้วยว่าเขาเด่นเรื่องอะไร อย่างเมืองผมเขาเด่นเรื่อง Human Right มากๆๆๆๆๆ ฉะนั้น หากเพื่อนๆ สนใจเรื่อง Human right หรือ เรื่องต่างๆ ต้องเลือกให้ถูกด้วยนะ บางทีเขาถามตอนสัมภาษณ์ด้วย

          ถือว่าเข้าใจกันไปกับการเลือกหัวข้อเนาะ ต่อมาเรื่อง เอกสารการสมัคร โดยทุกๆรอบของการคัดเลือกนั้น ทางสถานฑูตจะกำหนดจำนวนของเอกสารแตกต่างกันไปซึ่งจุดนี้ต้องติดตามและศึกษาเองนะ555 แต่เท่าที่รู้คือ ทุกปีสิ่งที่เราต้องมีคือ
1. Application Form (อันนี้แน่นอนอยู่แ้ลว ทั้งเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ อ่านและกรอกกันดีๆอย่าพลาดนะ)
2. Essays (อันนี้สำคัญมาก!!!!!!!!!!! เพราะเขาจะรู้จักเราผ่านสิ่งที่เราเขียนลงไปเท่านั้น ตัวตนของเราจะถูกตัดสินโดยสิ่งที่เราเขียนเองทั้งหมด โดยหัวข้อในการเขียนแต่ละปีก็จะแตกต่างออกไป อย่างปีของผม ให้เขียน 3 หัวข้อ หัวข้อละ 250 คำ นั้งแก้แล้วแก้อีกกว่าจะได้ส่ง555)
3. CV (อันนี้น่าจะมีทุกปี เป็นใบแสดงประวัติส่วนตัวและประวัติการทำงานการศึกษาเรา)
4. 2 Letters of Recommendation (อันนี้บางปีเขาขอ บางปีก็ไม่ได้ขอ แต่ของปีผมเขาให้ส่งนะ เป็นจดหมายแนะนำจากคนที่เรารู้จักที่ไม่ใช่ครอบครัวที่สามารถยืนยันให้เราได้ว่า เรามีความสามารถและทำกิจกรรมต่างๆมาจริง คล้ายๆใบชง นั้นละ เป็นภาษาอังกฤษนะ)



#นี้คือ มหาลัยที่ผมไปศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้ Kennesaw State University #รักที่นี้มากกกก

          จบไปสำหรับ เอกสารการสมัคร ทริคเล็กๆน้อยๆสำหรับเขียน Essay นะ คือ เวลาเขียน เขียนให้เป็นรูปธรรมที่สุด ว่าเราทำอะไร เราต้องการจะทำอะไร แบบจริงๆและตรงๆ เพราะหากเพื่อนๆผ่านไปถึงรอบสัมภาษณ์ เขาก็จะถามเราจาก Essay นี้ละ โชคดีเน้อ ^^
          สำหรับรอบการคัดเลือกก็ปกติเลยครับ
1. ส่งเอกสารการสมัครทั้งหมดออนไลน์ 
2. รอฟังผลประมาณ 1-2 เดือนมั้ง
3. หากผ่านรอบนี้ก็เข้ารอบสัมภาษณ์เลย
4. รอฟังผลประกาศประมาณ 1 เดือน

         
เย้!!!!! จบไปกับการบอกกล่าวรายละเอียดต่างๆ ต่อไปจะเป็นการแชร์ประสบการณ์ ทั้งดี และร้าย ในช่วงที่อยู่เมกา 555 กิจกรรม คลาสเรียน และเมืองต่างๆ ไปดูกันเลย!!!

2. ประสบการณ์
          สำหรับหัวข้อที่ผมเลือกคือ Civic Engagement และมหาลัยที่ผมเลือกคือ Kennesaw State University ซึ่งอยู่แถบตอนล่างของอเมริกาเลยละ
Kennesaw, Georgia
         เป็นที่แรกที่เราจะใช้เวลาเกือบทั้ง 4 สัปดาห์ ซึ่งการเรียนและกิจกรรมต่างๆทั้งหมดจะรวมอยู่ที่นี้




         
          สิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของ KSU นี้คือ Commons ครับ 555 เป็นโรงอาหารที่โคตรดีและใหญ่มากๆ มีอาหารให้เลือกมากมายทั้ง อิตาลี ฝรั่งเศษ เอเชีย หรืออเมริกัน แต่ละวันเขาก็จะเปลี่ยนเมนูอาหารด้วย อารมณ์เหมือนกินบุฟเฟ่ เช้า เที่ยง เย็น 555 ที่สำคัญ ฟรี อีกแล้วววว 
          และที่ Commons จะมีตู้กดน้ำพิเศษที่เราสามารถเลือกน้ำที่จะดื่มได้กว่า 80 ชนิด!!! อันนี้พูดจริงๆนะ มันกดและเลือกน้ำได้ขนาดนั้นจริงๆ แต่ละวันนี้เลือกไม่ถูกว่าจะดื่มอะไร แต่ปกติก็เลือกแต่ โค้ก 555 แต่ขนาดเลือกโค้กแล้ว ยังมีอีก 10 รส ให้เลือกอีก - - จะเยอะไปไหน

Image result for ตู้กดน้ำอัดลม


#ที่นี้มีหอศิลป์ให้ดูการแสดงด้วยนะ 

          แต่ขอบอกเลยว่า class และ assignment ของที่นี้ นั้น หนักมากกกกก แต่ขอบอกเลยว่าทุก class นั้นสนุกมากๆ ซึ่งก็จะมี class ที่ต้องเรียนประมาณนี้ สำหรับ KSU
Human rights(จะเจาะลึกที่ประวัติศาสตร์ของคนเมกันเยอะมากๆ),
Conflict theory(อันนี้สนุกมาก),
Ethics and Leadership class(อันนี้ก็สนุก),
Free Speech(อันนี้ดีมากเพราะเราจะได้พบปะกับผู้คนที่ทำงานให้กับสังคมหลายๆด้านมาก), Community Service(ผมชอบคลาสนี้เป็นพิเศษเพราะได้ไปทำกิจกรรมต่างๆเยอะมากทั้งแพ็คของให้โฮมเลส, แยกชนิดหนังสือให้เด็กที่ยากไร้, แพ็คอาหาร เป็นต้น)
Peacebuilding study(นี้คือคลาสอันเลื่องลือของที่นี้เลย เพราะงานเกือบทั้งหมดจะอยู่ในคลาสนี้555 กับ Dr.Khan แต่พอเราจบคลาสนี้เราจะมีโปรเจคที่ใหญ่มากๆและมีคนรับรองให้ด้วยซึ่งเราสามารถนำโปรเจคนี้ไปนำเสนอที่สิงสโปร์ได้เลยนะเออ #ไม่รู้มหาลัยอื่นจะมีไหม)
          ประมาณนี้ ซึ่งผมก็จะเรียน จันทร์ถึงศุกร์ ส่วนวันเสาร์จะเป็นวันที่เราไปทัวร์ต่างเมือง ชอบมากกกกก 



          
          ที่ KSU เขาให้ความสำคัญกับสิทธินักศึกษามาก คือมีเซอร์วิสสำหรับนักศึกษาเยอะมาก และให้ความสำคัญกับกีฬาด้วย ศูนย์กีฬาหรือยิมเขาบอกเลยว่าใหญ่มากๆ เวลาแข่งกีฬาทีนี้เหมือนเปิดโอลิมปิคเกม 555 (อันนี้เวอร์ไป) 




          ซึงเมืองที่พวกเราได้ไปทัวร์นั้นก็จะเป็นเมืองใหญ่ๆ ในรัฐนี้ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ Selma, Birmingham, Atlanta ขอบอกไว้ว่า อควาเรี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมกาก็อยู่ที่นี้ รวมถึงศูนย์ใหญ่ CNN ด้วย รวมถึงพิพิธภัณฑ์โค้กด้วย 



          ซึ่งประวัติศาสตร์ ทั้งหมดที่เราเรียนส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ Dr. Martin Luther King Jr วีรบุรุษของคนอเมริกาที่โด่งดังจากการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้กับคนผิวดำ ในช่วงที่การเหยียดสีผิวในอเมิรกานั้นรุนแรงมากๆ ซึ่งต้องบอกว่ารุนแรงกว่าที่เราเคยรู้มาจริงๆ ทั้งเหตุการณ์ต่างๆ กลวิธีแบบอหิงสา ทั้งหมดเกิดขึ้นที่นี้หมดเลย ซึ่งใครที่เคยดูหนังอย่าง Selma หรือ To kill the mockingbird มาก่อน จะรู้สึกอินและมีความรู้สึกตื้นตันที่ได้มาที่นี้มากๆ




 เดี่ยวขอลงรูปเพื่อนๆบ้าง 5555 กับรูปตัวเองนิดหน่อย




         
           ซึ่งพอเสร็จกิจกรรมทั้งหมด 4 สัปดาห์ก็จะเป็นงานอำลาใส่ชุดประจำชาติ อิอิ ชอบวันนี้มากด้วย เพราะแต่ละคนดูดีมากๆ จะเป็นช่วงของการให้เกียรติบัตรและการพบปะอำลากับอาจารย์ทั้งหลายที่มอบ Assignment สุดโหดให้กับเรา 555 (ตอนนี้บอกเลยว่าคิดถึงอาจารย์มาก T^T)



          
          หลังจากนั้นก็จะเป็นการไปทัวร์ของแต่ละมหาลัยจะจัดให้ซึ่ง ของทาง KSU เราได้ไปสองที่ที่ดังมากๆ 555
          ที่แรกคือ Miami, Florida wowwwwwww



         
          ที่นี้ไม่ใช่เวลาเรามาทัวร์และเที่ยวอย่างเดียวนะ (ถึงรูปจะบ่งบอกอย่างงั้นก็เถอะ - -) แต่เรายังได้ไปศึกษาดูงานที่องกรค์ต่างๆที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ immigrant และ refugees ซึ่งช่วงนี้อเมริกากำลังให้ความสำคัญกับหัวข้อนี้มากๆจากนโยบายของทรัมป์นั้นเอง




ขอรูปตัวเอง1รูป 555



อีก1รูปละกัน เพื่อนรักจากสิงคโปร์ Alicia



สุดท้ายละ 555


        
          และหลังจากจบทริปที่ Miami เราก็จะไปต่อที่สุดท้ายคือเมืองหลวงของ USA
Washington DC  เพื่อที่เตรียมจะบินกลับบ้านและรับเกียรติบัตร T^T



          
          โดยช่วงที่อยู่ DC เราได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมเนื่องในวัน International women's day ด้วยนะ มีการพบปะและการอภิปรายกับผู้คนที่เขาขับเคลื่อนสิทธิสตรีด้วย เป็นเกียรติและโชคดีมากๆเลย 





เพื่อนรักอีกรอบ555



 คุณพ่อและพี่ชายทั้งสอง 555 Luigi และ Kloyde จาก Philippines



          และท้ายที่สุดในตอนที่รับเกียรติบัตร ภูมิใจในตัวเองมากที่มาถึงตรงนี้มาก เพราะมาร์ชมาจากอำเภอที่อยู่ติดชายแดนของฝั่งอิสานเลย มีปัญหามากมายที่เกิดขึ้นใกล้ตัวที่ผมสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวัน ไม่เคยคิดว่าเด็กที่อยู่ติดชายแดนอย่างเราจะทำได้ ถ้าผมทำได้ เพื่อนๆก็ต้องทำได้เหมือนกัน ^^



 จบแล้วประสบการณ์ดีๆจากโครงการนี้ ที่จริงรูปเยอะกว่านี้แต่อยู่ใน IG และ FB 
สำหรับใครที่สนใจโครงการนี้อยากบอกว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆ เพราะจะทำให้เราเปลี่ยนความคิด เจอประสบการณ์ใหม่ๆ เจอผู้คนที่สุดยอด และเราจะเป็นส่วนหนึ่งของพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีขึ้น
สำหรับตอนนี้มาร์ชก็กำลังเตรียมโปรเจคเพื่อที่จะนำออกมาปฏิบัติจริงที่อำเภอแถบชายแดนของมาร์ชเอง ซึ่งเรื่องที่ผมโฟกัสคือ Domestic Violence หรือความรุนแรงในครอบครัวนั้นเอง




อันนี้เป็นหน้าปกของโปรเจคของผม 
สำหรับ การนำเสนอโครงการก็ขอจบลงเพียงเท่านี้เน้อ ใครสนใจโครงการดีๆแบบนี้ก็ตรงลิ้งนี้เลย
https://asean.usmission.gov/yseali/


ปิดท้ายด้วยภาพครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ คิดถึงทุกคนที่สุดเลย



          เพราะว่ามาร์ชอยากให้เพื่อนๆที่มีโอกาสและกำลังทำกิจกรรมและทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อสังคมอยู่ตอนนี้ ได้มีโอกาสดีๆที่จะได้แสดงความสามารถของเราในเวทีโลก และเพื่อให้เขาเห็นว่า เราอยู่ตรงนี้เพื่อทำบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะเล็ก แต่ทุกสิ่งที่ใหญ่นั้น เกิดขึ้นมาจากสิ่งเล็กๆหมด มาเป็นครอบครัวเดียวกันใน YSEALI กับทั้ง 10 ประเทศ ด้วยกันนะ ^^ 
 

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

Dreamland 19 มี.ค. 61 เวลา 16:50 น. 1

อ่านเลยเเล้วสนุกมากคะ ดูทุกคนมีความสุขจังเลย เราก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจโครงการของ yseali เหมือนกันเเต่ความสามารถด้านภาษาของเรายังไม่เเน่นพอ คงไปยืน ณ จุดตรงนั้นเหมือนคุณไม่ได้ 55555555555555555555555555 คุณเก่งมากๆนะคะ ขอชื่นชม

2

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Wisarut Onpratum 19 มี.ค. 61 เวลา 18:27 น. 1-2

อยากให้ลองสมัครโครงการนี้ดูเลยครับ ผมเชื่อว่าคุณทำได้เช่นกัน มาเป็นครอบครัว YSEALI ด้วยกัน ^^

0
Wisarut Onpratum 21 มี.ค. 61 เวลา 18:50 น. 4-1

ส่วนใหญ่ผมจะใช้เงินที่เขาให้ครับ ซึ่งจำนวนที่ได้ถือว่าเยอะอยู่นะ มีใช้ของตัวเองบ้างบางครั้งเพราะซื้อของเยอะ 555 แต่อาหารค่อนข้างแพงนิดนึง

0
Wawaii 25 เม.ย. 62 เวลา 17:32 น. 5

สงสัยว่าโปรเจคที่ได้กลับมาทำต่อนี่ต้องดำเนินการยังไงบ้างแล้วมีการตรวจสอบยังไงอะคะ โปรเจคใหญ่ขนาดไหน

0
N-NTK 24 พ.ค. 62 เวลา 12:19 น. 6

ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ดีๆนะคะน้องมาร์ช

พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องทำโครงการดีๆเพื่อสังคมต่อไปด้วยค่ะ :)

ป.ล. พอดีเห็นการสะกดคำผิดหนึ่งคำ คือ คำว่า สถานทูต (สะกดด้วย ท) จริงๆ น้องอาจจะรู้แล้ว แต่รีบพิมพ์ .. พี่ไม่ได้จะจับผิดนะคะ แต่คิดว่า ในอนาคตน้องต้องได้ร่วมงานกับหน่วยงานนี้มากขึ้นแน่นอน สู้ๆค่ะ !! :)

1