[Review] สอบ 9 วิชาสามัญฯ TCAS61 (exclusive for เด็กสายศิลป์!!!) (ไทย อิ้ง สังคม)
ตั้งกระทู้ใหม่
พอดีว่าก่อนหน้านี้ เราก็เตรียมสอบอ่าน 9 วิชานี่แหละโนะ แล้วเราก็ไม่ได้เทคคอร์สของสถาบันไหนเลย เราก็เลยมาอ่านกระทู้ในเด็กดีนี่แหละ แล้วบังเอิญเจอพวกรุ่นพี่ที่เค้าสอบ กสพท. ในรุ่นที่ผ่านๆมา เค้าก็มาแชร์หนังสือที่เค้าอ่านสอบใน 9 วิชาสามัญกัน ก็มีครบแหละทั้ง 7 วิชา (ยกเว้น คณิต 2 กับ วิทย์ทั่วไปเนอะ) ทีนี้ พอเราอ่านๆไป เราก็พบว่าเอ้อ มันดีแหะ ที่พี่ๆเค้ามาแชร์กัน แต่บังเอิ้ญญ เรากับเค้าดันเรียนอยู่คนละสายกัน เค้าเรียนสายวิทย์ - คณิต ส่วนเราเรียนสายศิลป์งี้ บวกกับการที่เราเซอเวย์มาทุกกระทู้ที่เป็นวิชาการ ก็แทบจะไม่เจอกระทู้แชร์การเตรียมสอบ 9 วิชาที่เป็นของเด็กสายศิลป์จริงๆ เลย (ยกเว้นของพวกที่เค้าสอบเข้าอักษรฯ จุฬาฯ อ่านะ บางกระทู้เค้าก็แชร์กันครบทั้ง 9 วิชา ทั้ง PAT ภาษาไรงี้ บางกระทู้เค้าก็แชร์แค่ PAT) เราก็เลยมาคิดว่า ถ้ามีกระทู้ที่เขียนเกี่ยวกับการเตรียมสอบ 9 วิชาสามัญสำหรับสายศิลป์โดยเฉพาะ ก็คงจะดีไม่น้อยเลย
เอาจริงๆ เราอาจจะแค่เปิดกระทู้ของ กสพท. แล้วก็อะแด๊พมาแค่ 3 วิชาเอาก็ได้ (ไทย อิ้ง สังคม) แต่! เราอยากจะแบบบอกแนวของมันจริงๆ ที่เราเจอมันมสกับตาของตัวเราเองเนอะ น้องๆที่อ่านกระทู้นี้สามารถเปิด source แหล่งข้อมูลอื่นๆประกอบด้วยก็ได้นะคะ เผื่อน้องรู้สึกไม่ชัวร์หรือไม่เชื่อถือกับแนวของพี่นะ 555555
***หมายเหตุ : เราก็ไม่ได้สอบของสายศิลป์ครบทั้ง 5 วิชาเนอะ สำหรับของวิทย์ทั่วไป และของคณิต 2 เราไม่มีอะไรจะแนะนำนะ ขอโทษด้วยค่ะ***
*** หมายเหตุ2 : เราจะพยายามเน้นให้สำหรับคนที่จะสอบเข้าคณะสายศิลป์อย่าง อักษรฯ/ ครุฯ / รัฐศาสตร์ / นิเทศ/ นิติ ฯลฯ ที่ต้องใช้คะแนน 3 ตัวนี้ในเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างเยอะนะคะ ส่วนคนที่จะเข้าคณะอื่นๆ นอกจากนี้ก็เข้ามาอ่านได้ค่ะ***
เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ ก็
#ส่วนที่ 1 เราจะบอกถึงข้อสอบจริงที่เราเจอ (เท่าที่เราจำได้นะคะ)
#ส่วนที่ 2 เราจะบอกเทคนิค + หนังสือที่เราใช้ฝึกฝนนะคะ
---------------------------------------------------------------------------
ส่วนแรก คือ ตัวข้อสอบจริงที่เราเจอมาค่ะ
(1) ภาษาไทย (50 ข้อ)
ภาษาไทย เราคิดว่าวิชานี้ทุกคนน่าจะทำได้กันเป็นส่วนใหญ่ๆ อยู่แล้วค่ะ เพราะถึงไม่ได้อ่านไปเลย ก็ยังมีโอกาสได้ 20 - 30 คะแนนบ้าง วิชานี้ คะแนนที่ออกมาของแต่ละคนคงจะเชือดเฉือนกันสุดๆเลยค่ะ เพราะอาศัยความแม่นยำในการตีโจทย์ และวิเคราะห์บทความค่ะ สำหรับภาษาไทยของสนามนี้ หลักภาษาออกน้อยถึงน้อยมากค่ะ ออกนิดเดียวจริงๆ เพราะเดิมทีข้อสอบออกมาให้คนจะเป็นหมอทำ เค้าจะไม่เน้นหลักภาษาอย่างการสร้างคำ ชนิดของคำ หรือวรรณคดี กาพย์ โคลง กลอน นิราศ ร่าย ฉันท์ค่ะ
ข้อสอบปีนี้ค่ะ
- สำนวนไทย
พยายามอ่านสำนวนที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน หรือสำนวนที่ความหมายเหมือนแต่เซนส์มันตรงกันข้ามกันค่ะ ( + กับ - ) เช่น สอนจระเข้ว่ายน้ำ กับ สอนหนังสือสังฆราชค่ะ
( ปี 61 2-3 ข้อ )
- คำที่มักเขียนผิด
อัพเดตข้อมูลของทางราชบัณฑิตเรื่อยๆด้วยนะคะ เพราะหลังๆมานี้ มีการบัญญัติคำใหม่และการเขียนคำให้ถูกต้องในรูปแบบใหม่ค่ะ เช่น เมื่อก่อน เรามักจะเขียนว่า " หมูหยอง " แบบนี้ แต่ในปัจจุบัน มันไม่ได้เขียนแบบนี้แล้วค่ะ มันเขียนเป็นแบบนี้แทนค่ะ " หมูหย็อง " อะไรทำนองนั้นค่ะ
( ปี 61 ถามว่าช้อยส์ไหน มีคำที่เขียนผิดแล้วยกประโยคที่มีคำนั้นมาให้แล้วขีดเส้นใต้ค่ะ กับให้เลือกว่า 2 คำนั้นในช้อยส์ไหนเขียนผิดทั้งคู่ค่ะ )
(ปี 61 ถาม 2 ข้อ)
- คำที่มาจากภาษาต่างประเทศที่เราสามารถใช้คำไทยแทนได้ค่ะ เช่น คอมพิวเตอร์ --> คณิตกรณ์
( ปี 61 1-2 ข้อ)
- คำราชาศัพท์ค่ะ
ก็ในส่วนของราชาศัพท์ อยากจะให้อ่านในส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์ของพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระสังฆราชนะคะ ส่วนใหญ่ที่ออกๆจะออกวนอยู่แค่นี้ค่ะ นอกเหนือจากนี้ เช่น เจ้าฟ้าหรือหม่อมเจ้า ก็อ่านผ่านๆมาก็ได้ค่ะ อ้อ แล้วก็ทบทวนการใช้เสด็จ เสด็จฯ การใช้ทรงและคำกริยาราชาศัพท์มาด้วยค่ะ
( ปี 61 2-3 ข้อ มีช่องว่างมาให้เติมกับหาช้อยส์ที่ใช้คำราชาศัพท์ผิดค่ะ)
- ลักษณนาม
ให้จำคำนามที่เค้าใช้ลักษณนามร่วมกัน กับลักษณนามที่คำนามเป็นคำอะไรก็ใช้คำนั้นเป็นลักษณะนามได้เลย เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย เป็นต้นค่ะ
( ปี 61 2-3 ข้อ มีช่องว่างมาให้เติมกับหาช้อยที่ใช้ผิดหรือใช้ถูกค่ะ )
- ประโยค
ความเดียว ความรวม ความซ้อน อ่านมาให้ดีเลยนะคะ เก็บคะแนนได้ง่าย
( ปี 61 1-2 ข้อ)
- ข้อสนับสนุนกับข้อสรุป
ก่อนอื่นเลยค่ะ เราต้องศึกษาหลักการสังเกตของทั้งสองคำนี้ว่าต้องสังเกตยังไงค่ะ อาจช่วยได้ด้วยการเติมคำสันธานเชื่อมความเป็นเหตุ/ผล เข้าไปได้ค่ะ มันจะทำให้เราคิดได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาอ่านวิเคราะห์มากค่ะ
( ปี 61 3-4 ข้อ เยอะพอใช้ได้เลยค่ะ เป็นแบบนี้ทุกปี)
- ข้อโต้แย้ง
เหมือนข้อข้างบนเลยค่ะ ศึกษาว่าข้อโต้แย้งมันคืออะไรค่ะ แล้วเราจะเอาคะแนนจากมันมาได้ง่ายๆเลยค่ะ
( ปี 61 5-6 ข้อ จะถามสลับไปสลับมาค่ะ อย่างข้อนึงให้ข้อความมา แล้วก็ถามเราว่า หัวข้อโต้แย้งของบทความนี้ควรจะเป็นหัวข้อของช้อยส์ไหน อีกข้อนึงก็ให้เราเลือกข้อความให้ตรงกับหัวข้อโต้แย้งที่ให้มาค่ะ)
- ทรรศนะ
ทรรศนะก็คือการแสดงความคิดเห็นของเราค่ะ
( ปี 61 2-3 ข้อ ออกไม่ยากมากค่ะ ครู รร. เราออกยากกว่าด้วยซ้ำจ้า ก็จะถาม เช่น ให้ข้อความยาวๆ มา 4 ช้อยส์ ก็แค่ให้เลือกว่าช้อยส์ไหนมีคำที่แสดงถึงการแสดงทรรศนะปรากฎอยู่ เท่านั้นเองค่ะ)
- ระดับของภาษา (ภาษาทางการ/ ไม่เป็นทางการ / กึ่งทางการ ฯลฯ )
มันจะมีหลักตายตัวของมันอยู่ในบางประการค่ะ เช่น ภาษาทางการ จะใช้ในพิธีการที่สำคัญๆ เช่น พิธีการประกาศรับรางวัล พิธีการประกาศรับปริญญา อะไรแบบนั้นค่ะ อยากให้ฝึกทำโจทย์ด้วย แล้วเราจะแม่นขึ้นค่ะ
( ปี 61 จำไม่ได้จริงๆ ค่ะว่ากี่ข้อ จำได้ลางๆว่า 1-2 ข้อนี่แหละค่ะ )
- การประชุม + การสนทนาในชีวิตประจำวัน
อ่านศัพท์การประชุมให้แม่นนะคะ เช่น องค์ประชุม ญัตติ ระเบียบวาระ เสนอ คัดค้าน ฯลฯ ในข้อสอบจะมีช่องว่างมาให้แล้วก็ให้เราเลือกเติมโดยเลือกช้อยส์ค่ะ ( นี่แอบเสียดายที่ไม่ได้อ่านนี่ไป 555 ) กับการสนทนา ก็จะมีดาราดังๆในยุคเราไปปรากฎบนกระดาษข้อสอบอย่าง ณเดชน์ หมาก ญาญ่า ไปพูดกันให้เราอ่านในห้องสอบ 555 ก็จะมีรูปแบบการถาม 2 แบบคือ มีบทสนทนามาให้เต็มบท แล้วให้เราวิเคราะห์ถึงลักษณะนิสัยหรือการใช้คำพูดของคนๆนั้น และให้บทสนทนาว่างมา 1 หรือ 2 ช่องว่าง แล้วก็ให้เราเติม ให้สอดคล้องกับคำตอบหรือคำถามหลังหรือก่อนหน้านั้นค่ะ
( ปี 61 (รวม 2 อย่าง) 6-7 ข้อ)
- เจตนา/น้ำเสียง/จุดประสงค์/สาระสำคัญ/แนวคิดหลัก
อยากให้ทำโจทย์เยอะๆค่ะ เพราะไม่มีอะไรจะบอก เพราะบทความในข้อสอบเปลี่ยนทุกปี ยกเว้นเสียแต่เราจะฟลุ๊คเจอบทความเดียวกับที่เราฝึกทำโจทย์มา ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ค่ะ ;) ในส่วนที่ว่ามานี้ ก็แล้วแต่ใครทำโจทย์มานะคะ มาก น้อย เพราะเราต้องใช้เวลาอ่านทำความเข้าใจกับมัน มันจะมีประมาณ 9-10 นิดๆบทความ เราก็จำไม่ได้แม่นนะคะ แต่น่าจะไปทางจำนวนนั้น
ภาษาไทย 50 ข้อนี้ น้อยคนค่ะที่จะทำไม่ทัน ส่วนใหญ่ก็จะทำทัน ทำเสร็จก่อนก็ฟุ๊บหลับบนโต๊ะก็มีค่ะ
555 อันนี้คือที่เราจะเค้นคั้นออกมาจากหัวเราได้ค่ะ อาจมีมากกว่านี้ ใครอยากให้เราเพิ่มอะไร บอกได้เลยนะ สำหรับภาษาไทย
(2) สังคมศึกษา (50 ข้อ)
เราอยากจะแบ่งเป็นพาร์ทๆ ไปค่ะ เพื่อให้ง่ายต่อการโฟกัส
มีทั้งหมด 6 สาระ เฉลี่ยแต่ละสาระให้ครบ 50 ข้ออย่างละเกือบเท่าๆกันค่ะ เป็นวิชาที่ใครเก็บมาได้ตรงจุดก็ถือว่าได้คะแนนไปได้เยอะๆเลยค่ะ ถ้าได้สัก 70+ ก็ถือว่านำคนอื่นลิ่ว เหมือนจะเป็นคนท็อปๆของประเทศแล้วค่ะ
สาระแรก : ศาสนาและวัฒนธรรม
อยากให้เน้นศาสนาพุทธ โดยเฉพาะหลักธรรมและวันสำคัญค่ะ กับศาสนาเปรียบเทียบ เช่น เปรียบเทียบคำสั่งสอนหรือหลักปฎิบัติของพุทธ คริสต์ และอิสลามเป็นต้นค่ะ ลัทธิขงจื๊อ เต๋าอะไรของจีน ไม่ต้องอ่านค่ะ ไม่ออกอยู่แล้ว วัฒนธรรมก็จะเน้นของชาวพุทธ อาจมีของคริสต์กับอิสลามบ้าง มาประปรายในบางปีค่ะ
สาระที่สอง : รัฐศาสตร์
ทบทวนหัวใจของรัฐค่ะ ความหมายของรัฐ รัฐประกอบด้วยอะไร การปกครองรูปแบบต่างๆ ฟาสซิสต์ นาซี เผด็จการ คอมมิวนิสต์ จะเล่นกับเนื้อหานี้ค่ะ ปีนี้ก็มีถามแบบให้ช้อยส์มาแล้วถามว่าข้อใดกล่าวเกี่ยวกับรัฐผิดค่ะ ไม่ก็ อาจจะถามว่า ประเทศใดเป็นรัฐเดี่ยว/สหพันธรัฐฯ/ราชอาณาจักร/สาธารณรัฐ ไม่ก็ถามถึงต้นกำเนิดของรัฐ บางปีก็ยกคำกล่าวสุนทรพจน์ของอับราฮัม ลินคอนมา แล้วก็ถามแนววิเคราะห์ค่ะ เอาเป็นว่า เราทบทวนนิยามความหมายของมัน แล้วก็อ่านมาให้แม่น ให้ชัดๆเลยค่ะ เผื่อเจอข้อวิเคราะห์หรือข้อใดถูก/ ผิด เราจะได้ทำมันได้ไงคะ อีกอย่างที่อยากให้อ่านไปจริงๆคือ ระบบประชาธิปไตยที่มี 3 แบบ + จำประเทศต้นกำเนิดไปด้วยค่ะ
*** อ่านรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไปด้วยค่ะ มีออกแน่ แต่รู้สึกว่า ปี 61 ไม่ออก ***
สาระที่สาม : นิติศาสตร์
เน้นอ่านกฎหมายการแต่งงาน การทำพินัยกรรม การบรรลุนิติภาวะ การรับราชการทหาร การรับอุปการะบุตรบุญธรรม การทำสัญญาทางกฎหมายต่างๆค่ะ รวมไปถึงการทำมรดกด้วยค่ะ ถ้าได้ เราก็อยากจะแนะนำให้หาวิธีคิดส่วนแบ่งในมรดกมาด้วยนะคะ เผื่อบางทีมันอาจจะมีพลิกแพลง แถมด้วยศาลค่ะ ศาลต่างๆของไทยเรา แล้วก็กรณีที่บุคคลสูญหาย สาปสูญ หรือเสียชีวิต ประเภทของการประทุษร้ายเพื่อแย่งทรัพย์สิน และบุคคลไร้ความสามารถ ผู้พิการต่างๆ ค่ะ
( แพ่ง + อาญา + ประมวลกฎหมาย ไม่ออกในปี 61 ค่ะ แต่ปีหลังๆอาจมีแนวโน้มออกค่ะ)
กฎหมาย หลักๆจะตายตัวและเป็นลายลักษณ์อักษร จำได้ = เราก็ทำได้ อยากบอกว่าเป็นพาร์ทที่คาดการณ์ได้ง่ายสุดค่ะ
สาระที่ 4 : เศรษศาสตร์ + สาระที่ 5 : ประวัติศาสตร์
( ปีเรา 61 เหมือนพาร์ทเสดสาด เจือให้ประวัติฯ มาแจมนิดนึงอ่ะ แต่ก็เอาเถอะ555 )
เน้นในส่วนของตลาด อุปทาน อุปสงค์ ราคาดุลยภาพ ขาดดุล สมดุล เกินดุล ระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียง เงินเฟ้อ เงินฝืด ระบบตะกร้าเงิน นโยบายรัฐบาล นโยบายการคลัง หนี้สาธารณะ GNP GDP การส่งออก การนำเข้า + สหกรณ์นิดๆ และองค์กรทางการเงินระดับโลกค่ะ โดยเฉพาะองค์กรที่ไทยเราแบกหน้าไปพึ่งพาเค้าบ่อยอย่าง IMF ด้วยนะคะ ศึกษามาให้ดีว่าหน้าที่หลักของเค้าคืออะไร (5555 ถ้ากระทู้จะโดนแบนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก 555)
เน้นแค่นี้ก็ทำได้ฉลุยแล้วค่ะ ของเศรษศาสตร์ มาแนวเดิมๆเหมือนนิติเลย (แต่ปี 61 มีให้คำนวณสกุลเงินไทย จีน ยุ่น แล้ววิเคราะห์อุปสงค์ อุปทานด้วยค่ะ คาดว่าหลังๆ จากนี้ คงจะมีแนวนี้ออกมาเยอะค่ะ)
ต่อด้วย สาระที่ 5 ประวัติศาสตร์ค่ะ
ควรอ่านการคำนวณ พ.ศ. ไปค่ะ เช่น จ.ศ. ร.ศ. ม.ศ. ค.ศ. อะไรพวกนี้ค่ะ แล้วก็อ่านการแบ่งยุคทางประวัติศาสตร์ตะวันตกและพวกยุคตะวันตกต่างๆไปเน้นๆเลยค่ะ อย่าให้พลาด อาจจะมีพวกเหตุการณ์สมัยปัจจุบันเสริมๆมาบ้าง เช่น วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์, สงครามเย็น,เหตุการณ์ 911 ที่เกิดขึ้นที่สหรัฐฯ ค่ะ อย่าไปเน้นอ่านของประวัติศาสตร์ชาติไทยนะคะ ไม่ออกค่ะ แล้วก็ไปอ่านการอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทยมาสักนิดก็ดีค่ะ เผื่อบางปีมีหลุดออกมาให้เราเก็บคะแนนเล่นๆ
สำหรับปี 61นี้ ก็ไม่ออกพลิกแพลงค่ะ อ่านมาก็ทำได้เลยค่ะ ขอให้แม่นว่า เหตุการณ์ไหนเกิดขึ้นสมัยไหน ก็ทำได้แล้วค่ะ ขอเป็นคนนึงใน #dek61 ที่กล้าบอกว่า สังคม 9 วิชาง่ายกว่าของโอเน็ตค่ะ 5555
สาระที่ 6 : ภูมิศาสตร์
จะเน้นในส่วนของภัยธรรมชาติ กับการอนุรักษ์และการรักษาสิ่งแวดล้อมค่ะ บางปีมีการคำนวณมาตราส่วนและการคำนวณพวกละติจูด ลองจิจูดค่ะ แต่ปี 61 มีการวัดมุมแบริ่งค่ะ (คืออารมณ์ตอนนั้นแบบ อ่านเจอแล้ว ทำไมไม่จำมา ทำไมอ่านผ่านๆ เสียดาย! :( ) มีพวกเครื่องมือวัด กับพวกพระอาทิตย์เที่ยงคืน อุตรายันวิศุวัษ กับพวกภูเขาไฟ ภูมิประเทศแบบต่างๆ และรอยเลื่อนแซมๆ มาบ้างค่ะ คาดเดาได้ยากในส่วนนี้ แนะนำให้เก็บพวกภัยธรรมชาติกับการอนุรักษ์ดูแลทรัพยากรธรรมชาติเยอะๆค่ะ เพราะที่เหลือจะออกแนวความรู้ทั่วไปกับแนวจำได้ก็ตอบได้ จำไม่ได้ก็เดาค่ะ 555
เสร็จแล้วค่ะ สำหรับสังคม ส่วนใครที่สอบในปีนี้ด้วย อยากจะให้เราเพิ่มอะไรตรงไหนของสังคมบอกได้นะคะ ถ้ามีเป็นโจทย์ กับช้อยด้วยก็จะดีมากค่ะ จะได้แชร์ให้รุ่นน้องรุ่นหลังๆได้อ่านกัน
ทีนี้เรามาตะลุยข้อสอบอังกฤษกันค่ะ
ก็มีอยู่ 5 พาร์ทค่ะ
- Conversation
- Graph/Diagram/Bar Chart
- Reading Comprehension
- Cloze Test
- Rearrange
***เน้นทำโจทย์ปีเก่าๆ ทุกพาร์ทค่ะ อาจจะยกเว้นพาร์ท Graph ได้ค่ะ เพราะน่าจะทำได้กัน แค่ดูรูปแล้วก็ตอบคำถามค่ะ ตรงๆ ไม่มีทริคอะไร ***
พาร์ทแรก Conver:
เน้นท่องสำนวนเลยค่ะ เช่น I'm so hungry that I could eat a horse, The robber was caught red-handed อะไรแบบนี้ค่ะ
ส่วน Dialogue อื่นๆ ขอแค่ทวนให้แม่น ให้เข้าใจรอบ สองรอบก็ได้แล้วค่ะ เช่น What's she like? กับ What does she look like? เป็นต้น (ถ้า ตย. ง่ายไป บอกได้ค่ะ 555 )
พาร์ทสอง Graph :
ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะค่ะ ขอแค่อ่านโจทย์ดีๆ ก็ได้คะแนนในส่วนนี้ไปง่ายๆ แล้วค่ะ
พาร์ทสาม Reading Comprehension:
Reading ของ 9 วิชา จะเน้นออกพวกเรื่อง Environment, Economy, Health กับพวก Scientific Researches ค่ะ มีศัพท์ยาก แบบศัพท์เฉพาะหรือศัพท์ทางเทคนิคในสาขาวิชานั้นๆค่ะ อยากจะให้ท่องศัพท์เทคนิคไปค่ะ และเพราะเราไม่เจอศัพท์เหล่านี้ในหนังสือแบบเรียนอิ้งที่ รร. เลย เราก็ต้องไปโหลดศัพท์พวกนั้นมาจากทางเน็ต (เด๋วจะบอกการเตรียมตัวอะไรต่างๆ ในส่วนที่สองค่ะ)
พาร์ทสี่: Cloze Test
ความเข้าใจในไวยากรณ์อิ้งเราต้องมีค่ะ เน้นทำโจทย์เยอะๆค่ะ เพราะ Cloze Test ไม่มีอะไรตายตัวเลย จึงบอกแนวมันไม่ได้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่ที่จะออกไปในช้อยส์ จะเน้นการเติมและการผันกริยา, Pronoun, Determiner และ Clause ต่างๆให้ถูกต้องค่ะ
พาร์ทห้า : Rearrange
ใช้วิธีตัดช้อยส์ค่ะ เพราะไม่ได้ถามเหมือนภาษาไทยที่มักจะถามว่า ประโยคที่ 3,5 , 6 คือประโยคใด ฉะนั้น ตัดช้อยส์เป็นจะช่วยมากๆ ในพาร์ทนี้ สามารถทำคะแนนได้ง่ายเหมือนกันค่ะ
หมดแล้วค่ะ ที่เราจำได้ของอิ้ง
โดยรวมแล้ว ข้อสอบปีนี้ถือว่าง่ายขึ้นนะคะ ในความคิดของเรา คิดว่าปีนี้คะแนนเฟ้อทั้งสายวิทย์และสายศิลป์แน่ๆ ค่ะ แต่ยังไงก็ต้องดูคะแนนสูงสุดของแต่ละวิชาก่อนเนอะ เอาเป็นว่า สรุปคือ ข้อสอบง่าย และคิดว่าถ้าใครอ่านมา ทำโจทย์มา ท่องโน่นนี่มา ทำได้ชัวร์ๆค่ะ ไม่กดคะแนนเลย
งั้นเราไปต่อที่ขั้นตอนการเตรียมตัวและเทคนิคการทำข้อสอบ เล้ยยย!!!
ก็มีอยู่ 5 พาร์ทค่ะ
- Conversation
- Graph/Diagram/Bar Chart
- Reading Comprehension
- Cloze Test
- Rearrange
***เน้นทำโจทย์ปีเก่าๆ ทุกพาร์ทค่ะ อาจจะยกเว้นพาร์ท Graph ได้ค่ะ เพราะน่าจะทำได้กัน แค่ดูรูปแล้วก็ตอบคำถามค่ะ ตรงๆ ไม่มีทริคอะไร ***
พาร์ทแรก Conver:
เน้นท่องสำนวนเลยค่ะ เช่น I'm so hungry that I could eat a horse, The robber was caught red-handed อะไรแบบนี้ค่ะ
ส่วน Dialogue อื่นๆ ขอแค่ทวนให้แม่น ให้เข้าใจรอบ สองรอบก็ได้แล้วค่ะ เช่น What's she like? กับ What does she look like? เป็นต้น (ถ้า ตย. ง่ายไป บอกได้ค่ะ 555 )
พาร์ทสอง Graph :
ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะค่ะ ขอแค่อ่านโจทย์ดีๆ ก็ได้คะแนนในส่วนนี้ไปง่ายๆ แล้วค่ะ
พาร์ทสาม Reading Comprehension:
Reading ของ 9 วิชา จะเน้นออกพวกเรื่อง Environment, Economy, Health กับพวก Scientific Researches ค่ะ มีศัพท์ยาก แบบศัพท์เฉพาะหรือศัพท์ทางเทคนิคในสาขาวิชานั้นๆค่ะ อยากจะให้ท่องศัพท์เทคนิคไปค่ะ และเพราะเราไม่เจอศัพท์เหล่านี้ในหนังสือแบบเรียนอิ้งที่ รร. เลย เราก็ต้องไปโหลดศัพท์พวกนั้นมาจากทางเน็ต (เด๋วจะบอกการเตรียมตัวอะไรต่างๆ ในส่วนที่สองค่ะ)
พาร์ทสี่: Cloze Test
ความเข้าใจในไวยากรณ์อิ้งเราต้องมีค่ะ เน้นทำโจทย์เยอะๆค่ะ เพราะ Cloze Test ไม่มีอะไรตายตัวเลย จึงบอกแนวมันไม่ได้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่ที่จะออกไปในช้อยส์ จะเน้นการเติมและการผันกริยา, Pronoun, Determiner และ Clause ต่างๆให้ถูกต้องค่ะ
พาร์ทห้า : Rearrange
ใช้วิธีตัดช้อยส์ค่ะ เพราะไม่ได้ถามเหมือนภาษาไทยที่มักจะถามว่า ประโยคที่ 3,5 , 6 คือประโยคใด ฉะนั้น ตัดช้อยส์เป็นจะช่วยมากๆ ในพาร์ทนี้ สามารถทำคะแนนได้ง่ายเหมือนกันค่ะ
หมดแล้วค่ะ ที่เราจำได้ของอิ้ง
โดยรวมแล้ว ข้อสอบปีนี้ถือว่าง่ายขึ้นนะคะ ในความคิดของเรา คิดว่าปีนี้คะแนนเฟ้อทั้งสายวิทย์และสายศิลป์แน่ๆ ค่ะ แต่ยังไงก็ต้องดูคะแนนสูงสุดของแต่ละวิชาก่อนเนอะ เอาเป็นว่า สรุปคือ ข้อสอบง่าย และคิดว่าถ้าใครอ่านมา ทำโจทย์มา ท่องโน่นนี่มา ทำได้ชัวร์ๆค่ะ ไม่กดคะแนนเลย
งั้นเราไปต่อที่ขั้นตอนการเตรียมตัวและเทคนิคการทำข้อสอบ เล้ยยย!!!
ส่วนที่สอง : เทคนิคและการเตรียมตัว!
เริ่มต้นที่เทคนิคสำหรับการทำ 3 วิชานี้ก่อนค่ะ
ณ ชั่วโมงนี้ เราก็มีแนวทั้ง 3 วิชาครบแล้ว ทีนี้เนื่องจากเรา เด็กสายศิลป์ ต้องใช้คะแนนจากทั้ง 3 ตัวนี้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูง จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนให้ได้คะแนนที่สูงอย่างรัดกุมค่า 5555
ภาษาไทย มี 50 ข้อ
เราอยากให้ทุกคนที่กำลังจะสอบในปีหน้า หรือในปีถัดๆไป ทำในส่วนของที่เราต้องใช้ความจำในการทำข้อสอบก่อน เช่น ราชาศัพท์ สำนวนไทย ลักษณนาม ฯลฯ เพื่อเป็นการเอาคะแนนส่วนหนึ่งมาเก็บไว้กับเราก่อน พอทำส่วนที่ต้องใช้ความจำเสร็จหมด + ตรวจทานความถูกต้องแล้ว จึงไปทำในส่วนของการอ่านจับใจความค่ะ
สังคม 50 ข้อ
เนื่องจากสังคม 9 วิชา คะแนนเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 30 - 40 คะแนน ดังนั้น ถ้าเราทำคะแนนให้ได้สูงขึ้นมาจากนั้นประมาณ 50 - 60 คะแนน เราก็จะมีโอกาสมากกว่าครึ่งของประเทศแล้วค่ะ ฉะนั้น ตั้งใจค่ะ
พาร์ทที่เราควรและสามารถทำให้ได้เกือบเต็มได้คือ
1. ศาสนาและวัฒนธรรม
2. นิติศาสตร์
3. เศรษฐศาสตร์
และ 4. ประวัติศาสตร์ค่ะ
เพราะ ทั้ง 4 สาระที่ว่ามานี้ เป็นอะไรที่ตายตัวค่ะ อาจจะมีเคลื่อนไหวในบางสาระอย่างนิติศาสตร์บ้างนิดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องกังวลอะไรค่ะ
ส่วน รัฐศาสตร์กับ ภูมิศาสตร์ เราสามารถไปนั่งจิ้มหรือหลับตาฝนได้ค่ะ 5555 ล้อเล่น ก็อ่านๆไปแหละ เผื่อเราทำได้บ้าง ข้อสอบวิชานี้ น้องๆไม่ต้องกลัวเรื่องทำไม่ทันนะคะ ตอนพี่ทำข้อสอบวิชานี้ ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมง คนในห้องสอบพี่ก็ฟุบลงไปนอน 2/3 ของห้องแล้วค่ะ 55555 ดังนั้น ใช้เวลาให้เต็มที่ไปเล้ยยย ไม่ต้องรีบ
อังกฤษ 80 ข้อ
พาร์ทที่ควรจะได้เต็มหรือเกือบเต็มในความคิดพี่ก็คือ
1. Conversation
2. Graph/Diagram/Bar Chart
และ 3. Rearrange ค่ะ
แล้วเราก็ค่อยไปวัดดวง เสี่ยงดวงเอากับ Reading และ Cloze ค่ะ
ข้อสอบอิ้งของ 9 วิชา เค้าถือกันว่าเป็น Speed Test ค่ะ ไม่ควรจะจมดิ่งอยู่กับข้อใดข้อหนึ่งนานเกินไปค่ะ ไม่งั้นเราจะทำไม่ทันจนทำให้เราต้องดิ่งทิ้ง 10 ข้อได้ค่ะ (แต่พี่ไม่ดิ่งน้า พี่ทำทันจ้า) 80 ข้อ เวลาทำ 90 นาที 30 นาทีแรกพี่อยากให้ทำในส่วนของ Conver + Graph + Rearrange ให้เสร็จ 1 ช.ม. หลังเราจะได้เอาเวลาไปทำส่วน Reading กับ Cloze
พี่แนะนำให้ทำ Cloze ก่อนทำ Reading เพราะ Cloze ใช้เวลาน้อยกว่า Reading ถึงจะมีข้อที่เราไม่แน่ใจ เราก็สามารถเว้นไว้ได้ Reading หัวใจสำคัญคือให้อ่านคำถาม แล้วดูว่าเขาถามอะไร และไม่ควรจะอ่านให้จบบทความ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น อ่านเฉพาะที่เขาถามนะคะ แล้วน้องจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว Reading ก็ไม่ได้ยากขนาดน้านนน จริงจริ๊งงง 55555
ณ ชั่วโมงนี้ เราก็มีแนวทั้ง 3 วิชาครบแล้ว ทีนี้เนื่องจากเรา เด็กสายศิลป์ ต้องใช้คะแนนจากทั้ง 3 ตัวนี้ในเปอร์เซ็นต์ที่สูง จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนให้ได้คะแนนที่สูงอย่างรัดกุมค่า 5555
ภาษาไทย มี 50 ข้อ
เราอยากให้ทุกคนที่กำลังจะสอบในปีหน้า หรือในปีถัดๆไป ทำในส่วนของที่เราต้องใช้ความจำในการทำข้อสอบก่อน เช่น ราชาศัพท์ สำนวนไทย ลักษณนาม ฯลฯ เพื่อเป็นการเอาคะแนนส่วนหนึ่งมาเก็บไว้กับเราก่อน พอทำส่วนที่ต้องใช้ความจำเสร็จหมด + ตรวจทานความถูกต้องแล้ว จึงไปทำในส่วนของการอ่านจับใจความค่ะ
สังคม 50 ข้อ
เนื่องจากสังคม 9 วิชา คะแนนเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 30 - 40 คะแนน ดังนั้น ถ้าเราทำคะแนนให้ได้สูงขึ้นมาจากนั้นประมาณ 50 - 60 คะแนน เราก็จะมีโอกาสมากกว่าครึ่งของประเทศแล้วค่ะ ฉะนั้น ตั้งใจค่ะ
พาร์ทที่เราควรและสามารถทำให้ได้เกือบเต็มได้คือ
1. ศาสนาและวัฒนธรรม
2. นิติศาสตร์
3. เศรษฐศาสตร์
และ 4. ประวัติศาสตร์ค่ะ
เพราะ ทั้ง 4 สาระที่ว่ามานี้ เป็นอะไรที่ตายตัวค่ะ อาจจะมีเคลื่อนไหวในบางสาระอย่างนิติศาสตร์บ้างนิดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องกังวลอะไรค่ะ
ส่วน รัฐศาสตร์กับ ภูมิศาสตร์ เราสามารถไปนั่งจิ้มหรือหลับตาฝนได้ค่ะ 5555 ล้อเล่น ก็อ่านๆไปแหละ เผื่อเราทำได้บ้าง ข้อสอบวิชานี้ น้องๆไม่ต้องกลัวเรื่องทำไม่ทันนะคะ ตอนพี่ทำข้อสอบวิชานี้ ผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมง คนในห้องสอบพี่ก็ฟุบลงไปนอน 2/3 ของห้องแล้วค่ะ 55555 ดังนั้น ใช้เวลาให้เต็มที่ไปเล้ยยย ไม่ต้องรีบ
อังกฤษ 80 ข้อ
พาร์ทที่ควรจะได้เต็มหรือเกือบเต็มในความคิดพี่ก็คือ
1. Conversation
2. Graph/Diagram/Bar Chart
และ 3. Rearrange ค่ะ
แล้วเราก็ค่อยไปวัดดวง เสี่ยงดวงเอากับ Reading และ Cloze ค่ะ
ข้อสอบอิ้งของ 9 วิชา เค้าถือกันว่าเป็น Speed Test ค่ะ ไม่ควรจะจมดิ่งอยู่กับข้อใดข้อหนึ่งนานเกินไปค่ะ ไม่งั้นเราจะทำไม่ทันจนทำให้เราต้องดิ่งทิ้ง 10 ข้อได้ค่ะ (แต่พี่ไม่ดิ่งน้า พี่ทำทันจ้า) 80 ข้อ เวลาทำ 90 นาที 30 นาทีแรกพี่อยากให้ทำในส่วนของ Conver + Graph + Rearrange ให้เสร็จ 1 ช.ม. หลังเราจะได้เอาเวลาไปทำส่วน Reading กับ Cloze
พี่แนะนำให้ทำ Cloze ก่อนทำ Reading เพราะ Cloze ใช้เวลาน้อยกว่า Reading ถึงจะมีข้อที่เราไม่แน่ใจ เราก็สามารถเว้นไว้ได้ Reading หัวใจสำคัญคือให้อ่านคำถาม แล้วดูว่าเขาถามอะไร และไม่ควรจะอ่านให้จบบทความ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น อ่านเฉพาะที่เขาถามนะคะ แล้วน้องจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว Reading ก็ไม่ได้ยากขนาดน้านนน จริงจริ๊งงง 55555
แนวข้อสอบจบ!! เทคนิคจบ!! มาว่ากันเรื่องของการเตรียมตัวค่ะ อันนี้จะเป็นการเตรียมตัวส่วนตัวของพี่นะ สามารถเอาไปประยุกต์ได้ให้ตรงกับรัดดวง เอ้ย!! นิสัยและชีวิตประจำวันของตัวน้องๆเองได้ค่ะ
เนื่องด้วยพี่นั้น เป็น Early bird ค่ะ พี่จึงไม่เหมาะกับการอ่านหนังสือตอนดึกๆ มืดๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น พี่จะล้ามากๆ และอยากจะพักผ่อน ทำให้พี่ต้องนอนตั้งแต่หัวค่ำ แล้วตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือตอนรุ่งเช้าค่ะ มีบางคนบอกว่า อ่านหนังสือตอนเช้าแล้ว จะทำให้เราจำสิ่งที่เราอ่านไปได้ อยากจะบอกว่าไม่เป็นจริงทั้งหมดค่ะ จริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับสมองของแต่ละคนค่ะ ว่าสามารถรับข้อมูลได้มากแค่ไหน และเป็นข้อมูลประเภทใด short-term หรือ long-term memory ค่ะ บางคนอ่านตอนเช้าแล้วจำได้ ในขณะที่บางคนต้องอ่านตอนค่ำถึงจะจำได้ มันแล้วแต่คนจ้าาา อิอิ
พี่ก็จะตื่นขึ้นมา ตี 3 ตี 4 บ้างของวันที่จะไป รร. พี่ก็ อันดับแรกก็ลุกขึ้น ไปล้างหน้าค่ะ แล้วก็ไปหยิบน้ำในครัว เสร็จก็มาที่โต๊ะอ่านหนังสือค่ะ พี่จะแบ่ง pattern การอ่านหนังสือของพี่เป็นอ่านเนื้อหา 45 นาที ทำโจทย์ 1 ชม. ค่ะ พี่จะมีการจัดตารางอ่าน นส. ไปด้วย อิ้งพี่ก็จัดไว้รวมกับวันที่ทำGAT ไทย พี่ก็จะอ่านในวันเดียวกับที่พี่อ่าน ไทย O-net ส่วนสังคม พี่ก็จะอ่านควบคู่กับ สังคม O-net คู่ขนานไปกับ PAT 5 ค่ะ นี่คือสำหรับในตอนรุ่งเช้าค่ะ อ่าน 45 นาที ทำโจทย์ 1 ชม. ค่ะ
ต่อมา หลังเลิกเรียน พี่ก็จะเน้นการทำโจทย์เป็น 2 ชม. ค่ะ ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับปริมาณการบ้านที่คุณครูเค้าให้มาในแต่ละวันค่ะ บางช่วงมีกิจกรรมที่ รร. ก็เพลียจนหลับไม่ได้ทำก็มีค่ะ แต่เราจะไม่ปล่อยตัวเองนานขนาดนั้น ก็พอเมื่อทุกอย่างเข้าที่ ก็ทำปกติ คือ หลังเลิกเรียน ทำโจทย์ 2 ชม. แล้วก็ทวนเนื้อหาที่เราอ่านวันนั้นรอบนึง แล้วจากนั้นทำการบ้านค่ะ
พี่เริ่มอ่าน 9 วิชา ช้ากว่า PAT ประมาณ 3 เดือนค่ะ คือมาเริ่มอ่าน 9 วิชา ช่วงปิดเทอมเดือนกันยา 60 แล้วก็อ่านมาเรื่อยๆ จนถึงโค้งสุดท้ายคือเช้าวันที่ 16 แล้วหยุดค่ะ 5555555 เรียกได้ว่าอัดเต็มที่จริงๆค่ะ โดยเฉพาะสังคม
พอสอบ 3 วิชานี้เสร็จ พี่ก็สบายใจและโล่งใจค่ะ 55
นี่คือ หนังสือที่พี่ใช้อ่านสอบค่ะ เด๋วจะรีวิวให้อ่านไปทีละเล่มเลย
เนื่องด้วยพี่นั้น เป็น Early bird ค่ะ พี่จึงไม่เหมาะกับการอ่านหนังสือตอนดึกๆ มืดๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น พี่จะล้ามากๆ และอยากจะพักผ่อน ทำให้พี่ต้องนอนตั้งแต่หัวค่ำ แล้วตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือตอนรุ่งเช้าค่ะ มีบางคนบอกว่า อ่านหนังสือตอนเช้าแล้ว จะทำให้เราจำสิ่งที่เราอ่านไปได้ อยากจะบอกว่าไม่เป็นจริงทั้งหมดค่ะ จริงๆแล้ว มันขึ้นอยู่กับสมองของแต่ละคนค่ะ ว่าสามารถรับข้อมูลได้มากแค่ไหน และเป็นข้อมูลประเภทใด short-term หรือ long-term memory ค่ะ บางคนอ่านตอนเช้าแล้วจำได้ ในขณะที่บางคนต้องอ่านตอนค่ำถึงจะจำได้ มันแล้วแต่คนจ้าาา อิอิ
พี่ก็จะตื่นขึ้นมา ตี 3 ตี 4 บ้างของวันที่จะไป รร. พี่ก็ อันดับแรกก็ลุกขึ้น ไปล้างหน้าค่ะ แล้วก็ไปหยิบน้ำในครัว เสร็จก็มาที่โต๊ะอ่านหนังสือค่ะ พี่จะแบ่ง pattern การอ่านหนังสือของพี่เป็นอ่านเนื้อหา 45 นาที ทำโจทย์ 1 ชม. ค่ะ พี่จะมีการจัดตารางอ่าน นส. ไปด้วย อิ้งพี่ก็จัดไว้รวมกับวันที่ทำGAT ไทย พี่ก็จะอ่านในวันเดียวกับที่พี่อ่าน ไทย O-net ส่วนสังคม พี่ก็จะอ่านควบคู่กับ สังคม O-net คู่ขนานไปกับ PAT 5 ค่ะ นี่คือสำหรับในตอนรุ่งเช้าค่ะ อ่าน 45 นาที ทำโจทย์ 1 ชม. ค่ะ
ต่อมา หลังเลิกเรียน พี่ก็จะเน้นการทำโจทย์เป็น 2 ชม. ค่ะ ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับปริมาณการบ้านที่คุณครูเค้าให้มาในแต่ละวันค่ะ บางช่วงมีกิจกรรมที่ รร. ก็เพลียจนหลับไม่ได้ทำก็มีค่ะ แต่เราจะไม่ปล่อยตัวเองนานขนาดนั้น ก็พอเมื่อทุกอย่างเข้าที่ ก็ทำปกติ คือ หลังเลิกเรียน ทำโจทย์ 2 ชม. แล้วก็ทวนเนื้อหาที่เราอ่านวันนั้นรอบนึง แล้วจากนั้นทำการบ้านค่ะ
พี่เริ่มอ่าน 9 วิชา ช้ากว่า PAT ประมาณ 3 เดือนค่ะ คือมาเริ่มอ่าน 9 วิชา ช่วงปิดเทอมเดือนกันยา 60 แล้วก็อ่านมาเรื่อยๆ จนถึงโค้งสุดท้ายคือเช้าวันที่ 16 แล้วหยุดค่ะ 5555555 เรียกได้ว่าอัดเต็มที่จริงๆค่ะ โดยเฉพาะสังคม
พอสอบ 3 วิชานี้เสร็จ พี่ก็สบายใจและโล่งใจค่ะ 55
นี่คือ หนังสือที่พี่ใช้อ่านสอบค่ะ เด๋วจะรีวิวให้อ่านไปทีละเล่มเลย
กระทู้รีวิวหนังสือสอบ 9 วิชาฯ ค่ะ จิ้มเลย
https://www.dek-d.com/board/view/3843710/
5 ความคิดเห็น
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ อยากเข้าสายศิลป์แล้วกำลังหาวิธีเตรียมตัวไปจนถึงสอบเข้ามหาลัยอยู่พอดี
พี่รีวิวหนังสือสือเถอะ หนูรออยู่นะะะะ
ดูได้จากลิงก์นี้เลยค่า
https://www.dek-d.com/board/view/3843710/
อยากรู้ว่าได้คะแนนแต่ละวิชาเท่าไหร่คะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?