Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[dek61xระบาย+แชร์ประสบการณ์] จบ ม.6 แล้ว! แต่ยังไม่มีที่เรียน!!! (อ่านไว้เป็นบทเรียน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ เพื่อนชาวเด็กดี ที่เข้ามาอ่านกระทู้ตามหัวข้อเรื่องนี้
เราชื่อวาค่ะ (ขออนุญาติพูดคำหยาบบ้างนะคะ)

ชีวิตนักเรียนมัธยม ผู้ใหญ่มักบอกไว้ว่า การเรียนมหาวิทยาลัยมันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างนะ...
บ้างคนจบมา แต่ทำงานสายอื่นก็มีเยอะแยะ แล้วไหนสายงานที่จบมา มันไม่ได้ใช้ทุกอย่างเพราะการศึกษาไทย เป็นการเรียนแบบรอบรู้ทั่วจักรวาล
ซึ่งการศึกษาไทย มันไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรา... ค่ะ
(แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกมหาลัยจะเป็นอย่างนั้น ศึกษาข้อมูลดูดีๆก่อนนะ ไม่ได้เหมารวม หลักสูตรดี มีคุณภาพก็มีอยู่ )เพราะอย่างนั้น เราที่เป็นแค่เด็ก(ในตอนนี้) ทำได้แค่เพียง ทำใจ
กับปัญหาที่หนักใจที่สุดของเด็กนักเรียน คือ การเข้าศึกษามหาวิทยาลัยให้ได้
 
ตามความคาดหวังของครอบครัว โรงเรียน และความคาดหวัง มันที่กดดันเรามากกกก 
มากขนาดว่า ทำให้เรามีปัญหาสุขภาพ
ทั้งทางกายและทางจิตใจ เรียกได้ว่า บอบช้ำ สะบักสะบอม ทั่วหน้า เลยทีเดียว
 
ปัญหาที่เราได้เผชิญ ได้แก่

1.สุขภาพทางกาย ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่ายมาก มาจากความตึงเครียด
ในการสมัครสอบ กลัวว่าจะทำไม่ได้ คะแนนไม่ดี ป่วยบ่อยมาก
เรียกได้ว่า เข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
เราเองก็มีปัญหาเพราะเป็นหอบหืด ทำให้อาการหอบขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นหอบหืด ซึ่งสาเหตุก็มีหลายอย่าง เช่น  สภาพอากาศ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมไม่ทัน (ช่วงที่สมััครนนั้นในเดือนมีนาคมและเมษายน สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ปรับตัวไม่ทัน) สภาวะที่มีความเครียดสูง
ปัจจัยหลายอย่างนั้นส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างมาก
อยากจะบ้าตายมาก เจอปัญหาทางร่างกายบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็น หอบหืดขึ้น เป็นไข้ ไอ คออักเสบ หนักมาก มีหืดขึ้นเต็มตัว
และตอนนี้ที่เจอล่าสุดคือ กำเดาไหล ตั้งแต่ เที่ยงถึงเย็น ทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน... เครียดนอนไม่ค่อยหลับ กะสับกะส่าย มันจะกินจะนอนไม่ได้ (เริ่มเวอร์นิดหนึ่ง 555) 
ร้องไห้บ่อยมาก น้อยใจ ที่ตัวเอง ทำไม่ได้ เราไม่ดีตรงไหนหรอ? ยิ่
งเราเป็นคนที่เป็นส่วนน้อยที่ยัง ไม่รู้จะไปทางไหนยังไม่มีที่เรียน มันจะส่งผลเอฟเฟครุนแรงมากขึ้นค่ะ
 แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว พอเลิกเครียดค่ะ ปลง ทำใจ ถ้าเราปลงไม่คิดมาก ความเครียดของเราลดลง หากิจกรรมเอนเตอร์เทน (Entertian) ให้รีแลค (Relax) หรือพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว (แต่ถ้ามีเพื่อนคุยคุยกับเราได้ค่ะ จะช่วยทำที่ช่วยได้)

2.สุขภาพทางใจ ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน จะมีคนถามตลอดเวลาว่า
 "มีที่เรียนหรือยัง?" หรือ "จะไปเรียนไหน?"
การที่เจอคำถามนี้บ่อยๆ และเจอทุกวัน
คิดว่าสภาพจิตใจจะเป็นอย่างไงค่ะ ถ้าตอนนั้น ต้องตอบว่า "ยังไม่มีที่เรียน..." มันคงจะหดหู่ใจมาก แล้วคนในครอบครัวจะเป็นห่วงเรามาก
ถามมาอีกว่า "ทำไมยังไม่ติด?" หรือ "ทำไมยังไม่มีที่เรียน?" จะมีแค่คำถามว่า ทำไม?
WHE F*** แค่คิดน้ำตาก็จะคลอตลอดเลยค่ะ TT มีความหน่วงใจสุดจิต
 
3.ความคาดหวังของครอบครัว ทุกคนในครอบครัวย่อมหวังที่ลูก จะมีอนาคตที่ดีกับคณะ มหาวิทยาลัยที่ฝัน ข้อนี้ก็มีผลต่อสองข้อที่ผ่านมากกกกก รุนแรงสุดขีด!!!!
 
ซึ่งสาเหตุปัญหานี้ คือ ยังเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้.... ทำให้เรามีปัญหาตามที่เขียนข้างต้น
 
 
เอาแหละ! อย่างที่เล่าไป เพราะตอนนี้ เราเองก็ยังเป็นอีกหนึ่งที่ยัง ไม่มีที่เรียน  ถึงได้เข้าใจความรู้สึกทุกคนเป็นอย่างดี ไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้!
เราจะเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ให้รุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกัน ที่ยังไม่ท้อ ให้สู้และเป็นประสบการณ์ไว้ หากจะสอบใหม่ปีหน้า
เมื่อกลับมาอ่าน จะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาแบบเรา ให้เป็นบทเรียน ไว้เรียนรู้และระมัดระวังไว้...

 
ซึ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้น กับการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแบบใหม่ ที่มีชื่อว่า TS
CA เปลี่ยนจากระบบเดิม เอ็นทรานช์ 
คำถามต่อมาที่สงสัย คือ ทำ... ทำไม? 
ทางทปอ. ก็ได้ให้เหตุผลว่า ที่เปลี่ยนระบบใหม่ เพื่อแก้ปัญหา ดังนี้
 
1.ลดความใช้จ่ายในการวิ่งสอบ โดยใช้ข้อสอบกลางและสอบครั้งเดียว (แบบครั้งเดียว ได้คือได้ ไม่ได้คือพังพินาศ ตายกันไปเป็นแทบๆ)
>>> แต่เอาจริงๆนะ เรื่องลดค่าใช้จ่าย เรามันลดได้นิดเดียว (ไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายปีก่อนเท่าไร แต่ก็ทำให้เราจ่ายไปไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังไม่มีอะไรซัพพอร์ตได้) ซึ่งค่าใช้จ่ายโดยประมาณที่ดูแล้วก็ตามรายละเอียดตามนี้
 
รอบ 1 Portfolio ค่าทำพอร์ต ปริ้นเป็นสี แผ่นละ 3,5 หรือ 10 บาทต่อแผ่น และเฉลี่ยทำแฟ้มส่งมากกว่า 20 แผ่น ไหนจะกระดาษที่ปริ้นสี
ต้องดีราคาแพงประมาณหนึ่ง เพื่อให้สีคมชัด หลังจากที่ออกแบบทำเป็นเดือนๆ (แต่ถ้าคนไหนทำไม่ได้เป็นแนะนำว่าเริ่มทำได้แล้วค่ะ ฝึกไว้
เพราะถ้าจ่ายคนอื่นทำ อาจจะมีดีเท่าไรที่ควร อาจจะไม่ได้ในแบบที่เราต้องการและราคาค่าจ้างไม่ใช่น้อยๆ หมดไปเป็นพัน! )
รวมค่าทำ ก็หมดไปเฉลี่ย 500-2,000 กว่าๆ ต่อเล่ม ราคาอาจจะดูเวอร์ แต่จริงๆ ไม่ได้เกินนี้จริงๆ เพราะถ้าทำไม่ได้ ทำไม่เป็นและจ้างทำ
มันจะขนาดไหน แล้วยิ่งทำส่งหาทำส่งหลายมหาวิทยาลัย คิดดูจะหมดค่าใช้จ่ายขนาดไหน...
แต่ถ้าติดมันก็ถือว่าคุ้มเพราะว่า รอบต่อไป ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันเลย

 
รอบ 2 โควตา
ค่าสมัครโควตา ก็ตามที่เงินจะมีสมัครเลย
 เฉลี่ยนมหาลัยหนึ่งก็ 500 บาทต่อมหาวิทยาลัยหนึ่ง
คิดดูหากสมัครมหาลัยสัก 2-3 แห่ง จะ 1,000-2,000 บาท จะสมัครเท่าไรก็คิดตามทบไปอีกได้เลย
 
เรียกได้ว่า หากคิดทั้งค่าเดินทาง ค่าสอบในแต่ละวิชา ค่ากิน ค่าห้องพัก
ในรอบ 1-2 ก็เรียกได้ว่า แทบไม่ลดค่าใช้จ่ายอะไร
และที่สำคัญไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า จะได้เรียน เพราะคนเก่งๆ คะแนนดี เด็กกิจกรรม เด็กทุนทั้งหลาย กีฬา ก็เก็บไปเรียบในรอบ 1-2 ไปแล้วจ้า

 
รอบ 3 รับตรง ค่าสมัครบินไปเลย 900 บาทจ้า ไหนจะต้องแสกนใบ ปพ. (เพิ่มความยุ่งยากไปอี๊กกกก) ราคาค่าสมัครถือว่าแพงมากกกก เรียกได้ว่า dek61 ได้ถามกันว่า ค่าสมัครแพงขนาดนี้ จะเอาไปใช้ทำอะไรหรอ? สงสัยจริงเชียว =_=และก็ตามระเบียบปัญหาก็มีมาอีก ซึ่งรายละเอียดต่อไป ว่ามีปัญหาอะไร แต่บอกเลย ยุ่งยาก เป็นปัญหาที่ส่งผลให้ถกเถียงในโลกอินเทอร์เน๊ตกันสุดๆ
 
รอบ 4 Admission ค่าสมัครรอบนี้ ถ้าเลือกครบทุกอันดับก็ 300 บาท ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ปัญหาอะไร เพราะรอบนี้ทำกันมากว่า 12 ปีแล้ว
 
รอบ 5 รับตรงอิสระ ก็ตามระเบียบที่มหาลัยเริ่มเปิดทยอยให้สมัครกันแล้ว ซึ่งอ่านระเอียดตามที่มหาลัยได้ประกาศไว้
 
รวมๆ ค่าใช้จ่ายต่างๆในปีนี้ที่คาดว่าจะลดลง ก็จ่ายไปแล้วประมาณ 5,000-7,000 บาท มันจะไม่อาจจะดูไม่เยอะ เท่าปีที่ผ่านมา แต่อย่าลืม เด็กที่ครอบครัวไม่ได้ฐานะดี ก็มีมาก... เรียกได้ว่า ครอบครัวของเพื่อนเรา ก็มีหลายคนตัดสินใจให้ลูกเรียน เทคโนแทน ไม่ก็มหาลัยเอกชน เพื่อตัดปัญหาที่นี้ไป ถึงจะจ่ายแพง แต่ไม่ต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์และเสียเวลารอคอย...
 
2.กันกั้กที่นั่ง โดยการแก้ปัญหานั้นก็คือ เคลียร์ริ่งเฮ้าส์ Clearing House เป็นการยืนยันสิทธิ์ เพื่อไม่ให้กั๊กที่เรียน แน่นอนคนหนึ่งสามารถเรียนได้ที่เดียว คงไม่มีน้องคนไหน มีวิชาร่างแยก แยกร่างไปเรียนได้หลายที่หรอกนะ แต่ว่าปัญหายังมีอยู่... บ้าง
 
3.ลดการวิ่งสอบ ไม่ต้องสอบหลายที่หลายรอบตามมหาลัยต่างๆ ซึ่งตรงข้อนี้เราก็เห็นด้วย ที่ทำ ไม่ต้องวิ่งไปหลายรอบ (แต่ไม่รู้ทางมหาลัยจะโอเคด้วยเปล่านะ 555 เพราะมันขัดข้องปัญหาหลายอย่างอยู่)
 
4.ใช้ชีวิตเรียนให้จบ ม.6 ทำให้เราได้เรียนเนื้อหาที่ครบถ้วนตามหลักสูตร ไม่ต้องใช้เวลาใน ม.6 ที่ควรจะเรียนเนื้อหาให้จบ ไปอยู่ในห้องสอบหรือติวเพื่อความมหาลัย
ทำให้ได้เรียนครบหลักสูตร ซึงตรงนี้เราก็เห็นด้วย แทนที่จะเอาเวลาติว เราควรจะเรียนให้ครบ (แต่ออกข้อสอบก็ควรอยู่ในเนื้อหาเรียนะคะ เพราะถ้าออกนอกทะเล ต่อให้ตั้งใจเรียนให้ครบ มันก็คงจะไม่ลดปัญหาเรื่องนี้ลง)
 
ตามนั้นแหละค่ะ ที่ทาง ทปอ ได้กล่าวไว้ ...
 
มาถึงส่วนของประสบการณ์ชีวิตตอนยังเรียน ม.6 และต้องวิ่งเต้นไปสอบ
การสมัครสอบก็ไม่ได้เกินไปกว่าปีอื่นหนัก เพียงแต่แนวข้อสอบปีนี้เปลี่ยน แต่รับรองได้ว่า ง่ายกว่าเดิม (แต่ส่วนตัวถึงจะง่ายกว่าเดิม แต่เราก็ยังทำไม่ได้จ้า) คาดการณ์ไว้ปีหน้า ถ้าเพื่อนปี 61 ยังไม่ถอดใจไป ถ้าสมัครอีกปีหน้า ก็หน้าจะมีหวัง เพราะข้อสอบคงจะไม่ยากกว่าเดิมแน่นอน
แต่ของให้ระวัง กสพท ไว้ เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ (แน่นอนระบบเปลี่ยนอะไรก็ไม่แน่นอน เล่นเปลี่ยนตลอดเวลาทุกๆวันในปีนี้)

 
มาถึงฝ่ายน้องๆ ที่หลงมาอ่าน แล้วยังไม่เข้าใจ ว่าระบบที่พี่อธิบายไปนั้นคืออะไร ระบบที่ดูมีปัญหาและยังไม่แน่นอนและเปลี่ยนในปีพี่ปีแรก (และเป็นปีต่อไปที่น้องต้องเจอ) ปีนี้เปลี่ยนระบบใหม่เป็น TCAS! คำถามแรกที่ขึ้นมาเลยคือ "TCAS คืออะไร?" แต่พี่ขออธิบายแบบสั้นๆ ได้ใจความเลย...
 
TCAS  ระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยใหม่! (NEW!) ซึ่งมี 5 รอบ
 
1.รอบแฟ้มสะสมผลงาน Portfllio = ใช้แฟ้มที่สะสมผลงาน ไม่ว่าจะผลงานทางด้านวิชาการ กิจกรรม หรือการแข่งขันระดับประเทศ เข้าสมัครตามมหาลัยที่พิจารณาเลือกตามความเหมาะสม ซึ่งรอบนี้ไม่มีปัญหานะ ถ้าได้ก็คือ สบาย! หายห่วงเลย
 
2.รอบโควตา = หลังจากที่น้องสอบสอบ ก็เอาคะแนนมาสมัคร ตามมหาวิทยาลัยต่างๆที่น้องอยากเรียน มีหลายโควตามาก เช่น โควตาภาคอีสาน รอบนี้ไม่มีปัญหาเท่าไรมากหนัก ถ้าก็ผ่าน โอเค คะแนนดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งเนอะ
 
3.รอบรับตรง = รอบนี้แหละ ปัญหาที่แท้ทรู เพราะว่า เว็บล้ม! อย่างจริงจัง พวกเราเด็กปี 61 ได้ฉายา #dek61 ล้ม แบบ ล้มบ่อยมาก ไม่ว่าจะเว็บสมัครอะไรก็ตาม จะมีปัญหาตลอด ขอแนะนำน้องปี 62 ว่า ถ้าจะสมัครก็อย่าเพิ่งรีบสมัครเร็ว เพราะ รุ่น 61 ต้องแก้ไขเอกสารตลอด แนะนำว่า ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีที่สุดและอย่างละเอียด เพราะว่า ปี 61 ต้องแก้ไขตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนสมัครสอบ วิชาต่างๆ หรือแม้กระทั่งสมัครเรียนในรอบต่างๆ ถ้ารีบมาเกินไปจะทำให้มีปัญหาตาม ควรจะศึกษารายละเอียดให้ดีนะ
แต่ปัญหามันไม่ได้จบที่ตรงนั้นไง ปัญหาที่แท้จริง นอกจากเว็บล้ม แบบไม่น่าให้อภัย ก็คือ การกั้กที่นั่ง ถึงทางทปอ จะเปลี่ยนระบบใหม่เพื่อแก้ปัญหาตรงนี้ แต่มันก็มีปัญหา คือ รอบนี้สามารถติดได้ ทั้ง 4 คณะที่เราเลือก ฟังเหมือนจะดูดี แต่ดันติดตรงที่เพราะว่า คนที่มีคะแนนเยอะ (สายแพทย์) มีสิทธิ์มากกว่า คนคะแนนปานกลางถึงน้อย (เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น) คนที่จะเรียนสายแพทย์ เขาก็ไม่ได้อย่างจะกั้กที่นั่งหรอก แต่ก็อย่างว่าแหละ มัันมีให้เลือกตั้ง 4 ช่องทาง จะไม่ให้เขาเลือกก็ไม่ได้ เพราะทุกคนต้องมีทางเลือกเพื่อไว้ สำรองกันตาย พอกั้กที่ก็มีปัญหา
ทางทปอก็ได้แก้ไขปัญหาไว้ คือ การเปิดรับ รอบ 3/2 หรือ รอบ 3.5 มีรายละเอียดเยอะมากกกก ขออธิบายไว้แค่นี้ แต่ที่แน่ๆ มีเรียกตัวสำรองแน่นอน ซึ่งทางทปอ. ได้แก้ไขไว้แล้ว ณ จุดนี้

แต่ว่าปี 61 นั้น คงตกรอบนี้เยอะมาก เหตุผลเพราะเรียกรับเยอะมาก ไม่สามารถรับได้ทุกคน คือ ผลสัมภาษณ์เพราะจำนวนมากเกินไป ของทางมหาลัย ซึ่งน่าจะเกิดจากการประสานงานและข้อมูลที่ไม่ลงตัว ทางทปอ ยืนยันไว้ว่า รอบ 3 ทุกคนที่มีรายจะติดหมด (แต่ถ้าไม่ติดเรื่องคุณสมบัติ) แต่ผลออกมาก็ผิดพลาด ตามที่คิดไว้ เพราะมีการเรียกคนสัมภาษณ์เยอะไว้มาก ไม่สามารถรับได้ผล ทางทปอ ก็ได้คืนสิทธิ์ให้นักเรียน (แต่ก็มีกระแสไม่พอใจทางอินเทอร์เน๊ตและวิจารณ์ไว้เยอะมาก)
 
4.Admission =  ตอนนี้เรายังไม่เจอปัญหาอะไร แต่แน่นอนว่ามีเซอร์ไพร์ คือ ปีนี้ มีการสมัครรอบ Admission น้อยที่สุดในรอบประวัติการณ์ของการสมัคร Admission หากถามว่าน้อยลงขนาดไหน ก็เรียกได้ว่า 54,782 คน ลงสมัครจากยอดรับ 83,953 คน!!! ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้ว ที่ว่าสมัครน้อยลงในรอบ 12 ปีที่เคยเปิดรับสมัครมา (คาดการณ์ว่ายอดผู้สมัครจะน้อยลงอีก) ซึ่งทำให้มีหลายคนอยากจะสละสิทธิ์ในรอบที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ หากไม่สละสิทธิ์ที่เรียนที่เราได้ ซึ่งต้องยืนความขอร้องไปทางมหาวิทยาลัย ในการสละสิทธิ์นี้
 
5.รับตรงอิสระ = รับตรงอิสระ เอาตามตรง เราก็ไม่ได้ตามรายละเอียดส่วนนี้ เพราะว่า เราจะไม่ต่อในรอบนี้ ซึ่งต่อเรามีเหตุผล ซึ่งจะเขียนในบทความหน้า
เพื่อนๆ สามารถไปหารายละเอียดได้จากทวิตพี่ลาเต้ ที่อัพเดทความคืบหน้าการสมัครเรียนทุกปี (กราบในความเสียสละและมานะส่งน้องให้ไปเรียนมหาลัย) ( /\ )
 
หากเพื่อนๆ น้องๆ ที่ได้อ่านมาจนถึงตอนนี้ คงจะมีคำถามมากมายที่อยากรู้ (แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็แล้วไป 555) ซึ่งจะอธิบายไว้ต่อไปนี้
เป็นคำถามที่หลายคน หากได้มาเผชิญมาถึงจุดนี้ ก็จะทราบถึงปัญหา...
แต่ถ้ายังอ่านไม่เข้าใจ ไปทำความเข้าใจในเว็บนี้ได้  แต่เชื่อเถอะว่าเราอธิบายอ่านเข้าใจง่ายกว่าไปอ่านเอง


http://tcas.cupt.net/about.php

-ถ้าสมมุติว่าเราเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ไปแล้ว ในรอบ 1,2,3 แต่ต้องการมาสมัครในรอบ 4 หรือ 5 จะทำไงดี?
>>> สิ่งที่ทำให้คือ สิ่งคำขอร้องไปทางมหาวิทยาลัย ในการสละสิทธิ์ เพื่อไปรอบต่อไป คืนสิทธิ์ เพราะอย่าลืมว่า รอบต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการคีย์ข้อมูล และทุกคนต่างๆมีสิทธิ์ เพียงแค่ 1 สิทธิ์ การที่ต้องการไปรอบต่อไป ก็ต้องสละสิทธิ์เพื่อไปสมัคร แต่ว่าจะสมัครในรอบ 4 หรือ 5 ก็ต้องเลือกว่าจะไปรอบไหน เพราะอะไร ทปอ ให้เราได้เลือกเอา ว่าจะรอบไหน ก็ตามนโยบาย 1 สิทธิ์ เท่ากับ 1 รอบที่ต้องเลือก (คิดดีๆ เพราะในปี 61 รอบ 5 ดันเปิดรับสมัครพร้อมกับ รอบ 4 )
 
หาเพื่อนๆหรือรุ่นพี่ มีประสบการณ์อะไรที่จะแชร์ หรือเพิ่มเติมก็เสริมได้เลยนะคะ ผิดพลาดประการใด ต้องขอโทษขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยจริงๆค่ะ หากหาข้อมูลผิดพลาด เพียงอย่างแชร์ประสบการณ์ให้รุ่นน้องๆ ต่อไป หากได้เจอระบบ TCAS อยู่ จะได้รับมือได้ หากสงสัยอะไรถามได้นะคะ ถ้าตอบได้จะหาคำตอบมากตอบ ขอบคุณค่ะ!  ^^

แสดงความคิดเห็น

>

17 ความคิดเห็น

Naty nutt 17 มิ.ย. 61 เวลา 23:43 น. 1

มันคือความลำบากครั้งหนึ่งที่เด็กแอดปี 61 ทุกคนต้องเจอ เรื่องนี้ต้องยอมรับ


มันก็จะมีทั้งช่วงเวลาที่ฮึดสู้ หมดแรง ท้อถอย กดดัน ร้องไห้ ไฝว้กับมนุษย์ป้าข้างบ้าน ฯลฯ สารพัดความหนักหน่วงที่พวกเราต้องเจอ


แต่ก็อยากให้มองโลกในแง่ดี ถ้าเราเข้มแข็ง ถ้าเราผ่านมันไปได้ แล้วเวลาผันผ่านไปในอนาคต เมื่อเรามองย้อนกลับมา เราจะต้องภาคภูมิใจในตัวเองแน่นอน ภูมิใจว่าเราสามารถผ่านมันมาได้นะ เราเข้มแข็งเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้วนะ


หลายสิ่งหลายอย่างที่เราได้เรียนรู้จากมหากาพย์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้ เราเชื่อนะ ว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์กับเราในอนาคตอย่างแน่นอน


ยิ่งเราต้องต่อสู้ ยิ่งเราต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเห็นค่าของสิ่งที่ฝันเมื่อเราได้มันมาในกำมือมากขึ้นเท่านั้น เมื่อถึงเวลาสอบติดเข้าไปเรียน อย่างน้อยก็ได้ระลึกอยู่ดสมอว่ากว่าเราจะไปยืนอยู่จุดนั้นได้ เราเคยลำบากขนาดไหน


เพราะการสอบเข้ามหาลัย ไม่ได้ใช้แค่ความรู้ แต่รวมถึงปฏิภานไหวพริบในการแก้ปัญหา และความกล้าหาญในการเสี่ยงยื่นเข้าคณะที่เสี่ยงว่าจะติดหรือไม่ รวมถึงภูมิคุ้มกันในใจที่จะต้องฝ่าฟันทุกอย่างไปให้สำเร็จ


สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับ #dek61 #dek62 #dek63 รวมถึงเด็กคนอื่นๆ ที่ต้องร่วมเวรร่วมกรรม (?) ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปพร้อมกันนะคะ


...จากใจเด็กแอดคนหนึ่ง


ปล. ไม่เคยเขียนตอบกระทู้ไหนยาวขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย 5555

1
Wawa Chanaphat Nk 18 มิ.ย. 61 เวลา 07:46 น. 1-1

สู้ๆจ้า เด็ก dek61 ไม่สิ้น ต้องดิ้นต่อไป เก็บเป็นประสบการณ์ เล่าถึงรุ่นน้อง รุ่นต่อไป

0
Friendktk 17 มิ.ย. 61 เวลา 23:44 น. 2

พอร์ตขนาดเราไม่ได้จ้างทำ แต่ก็พันกว่า เพราะค่าปริ้นกับค่ากระดาษ ค่าเข้าเล่มนี่แหละhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-03.png

0
Wawa Chanaphat Nk 18 มิ.ย. 61 เวลา 07:47 น. 3-1

สู้ๆจ้า เด็ก dek61 ไม่สิ้น ต้องดิ้นต่อไป เก็บเป็นประสบการณ์ เล่าถึงรุ่นน้อง รุ่นต่อไป ถ้าได้ไม่ได้ จะมาเล่าต่อ แชร์ประสบการณ์กัน

0
SoNApS 18 มิ.ย. 61 เวลา 01:05 น. 5

เราเป็นเด็กซิ่วมา


เห็นด้วยกับทั้งหมด


เรื่องค่าใช้จ่ายรับตรงปีก่อน ไม่นับค่าสมัครสอบ GAT PAT Admission สามัญ ค่าพอร์ต ค่าเทอมที่จ่ายเพื่อยืนยันสิทธิ์ ส่วนตัวหมดไปประมาณ 11xxx บาท


แต่ที่หมดเยอะขนาดนี้เพราะ ไม่ติดคณะที่ต้องการ หลังจากนั้นก็สมัครทุกอย่างที่ตัวเองคิดว่าเรียนได้ ยืนหลาย มหาวิทยาลัย หลายคณะ แต่ละที่ก็เก็บไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 300 จนถึง 1500 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะครับ บางทีต้องจ่ายตอนสมัคร บางทีก็จ่ายตอนจะสัมภาษณ์


TCAS รอบ 3 ที่เป็นปัญหาเยอะสุด ประเด็นหลักคือ คนคิดระบบต้องการ แก้ปัญหาเด็กกั๊กที่ ลดค่าใช้จ่าย แต่ค่าสมัครค่อนข้างสูง 900 บาท ไม่รวมค่าธรรมเนียม ซึ่งสมัครไป คนที่คะแนนอยู่ในระดับทั่วไป ก็แทบไม่ติด เพราะการกั๊กที่ สมบูรณ์แบบกว่าปีที่แล้ว 


ปีที่แล้วถามจะกั๊กที่คือจ่ายเงินค่าเทอม ซึ่งอยู่ประมาณ อย่างน้อยสองหมื่น แล้วแต่ที่ อยู่ที่ว่าเราจะจ่ายไหม ไม่จ่ายคนสำรองชื่อก็จะขึ้นมา


ซึ่งส่วนตัวชอบระบบรับตรงแบบปีที่แล้วมากกว่า แต่ถ้าอยากให้ลดค่าใช้จ่ายจริง ควรบังคับให้ทุกมหาวิทยาลัย ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อยืนคะแนน จ่ายเงินหลังติดชื่อสัมภาษณ์ ถ้าจะสัม ค่อยจ่าย ห้ามเกินกี่บาทก็ว่ากันไป 


กับอีกอย่างแก้ที่ตัวนักเรียน ต้องรู้ว่าตัวเองอยากเรียนที่ไหนคณะไหน ไม่ได้ยื่นมั่วแบบผมปีที่แล้ว ค่าใช้จ่ายก็จะต่ำลง


หรือแก้ปัญหา TCAS รอบ 3 คือ ควรจะเอากสพท ออกมาให้ ติดกันไปก่อน (ได้ยินว่าปีหน้าจะเปลี่ยนระบบ กสพท อีก) หรือ ให้ติดเป็นอันดับ แบบแอดมิชชัน หรือ ถ้าต้องการให้ติดได้ทุกอันดับ ควรตั้งกฏไว้ว่า ใครติด กสพท ใน TCAS รอบ 3 จะไม่สามารถไปติดรับตรงอื่นได้ ที่ไม่ใช่ คณะใน กสพท ที่ไม่เข้าร่วม กสพท เช่น เภสัช มข


อีกปัญหาของ รอบ 3 คือการแอบเปลี่ยนเกณฑ์ ตอนคัดชื่อ ซึ่งตนเองก็โดน แล้วเรื่องเงียบหายไปเลย


และปัญหาใหญ่สุดที่เกิดตอนนี้คือคนรอบ 3 หลุดสัมภาษณ์กันเยอะมาก ขัดแย้งกับกฎ ทปอ. ที่ว่าต้องรับทุกคน



รอบรับตรง ที่ยื่นพอร์ต ไม่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยอื่น ใช้เกณฑ์ยังไง แต่มหาวิทยาลัยที่ซิ่วออกมา อาจารย์ แอบให้นักเรียนสอบ (ถ้าจำไม่ผิด กฏคือห้ามสอบ วัดจากผลงาน ผิดขออภัย) ซึ่งเข้าใจอาจารย์ ว่าอยากได้เด็กที่มีคุณภาพ เนื่องจาก คนโดนไทล์กันเยอะมาก อาจารย์ท่านคงกลัวเข้ามาง่ายเกินแล้วเรียนไม่ไหว ซึ่งปีก่อนถ้าเป็นรับตรงพอร์ตแล้ว เป็นประกาศของมหาวิทยาลัยเอง (ที่ซิ่วออกมา) แต่ละคณะจะระบุไว้เลยว่าจะมีสอบหรือไม่ ซึ่งตรงนี้นักเรียนที่ไปก็จะเตรียมตัวทัน ไม่เหมือนปีนี้ที่ไม่บอก โดนสอบก็งงๆ กันไป



อยากฝาก ให้ ทปอ แก้ระบบให้ดีขึ้น เอาข้อผิดพลาดปีนี้ไปพัฒนา หรือทำได้ ก็นำระบบเก่ามาใช้




สุดท้าย อยากให้กำลังใจเด็กแอดทุกคน สู้ๆ

1
Wawa Chanaphat Nk 18 มิ.ย. 61 เวลา 07:51 น. 5-1

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่แชร์นะคะ จะจำไว้เป็นบทเรียน

0
ไก่กรอบซอสมะนาว 18 มิ.ย. 61 เวลา 08:48 น. 7

ตั้งแต่สมัครรอบ 3 จนถึงตอนนี้ มีแต่คำว่ารอ จนนี่รู้สึกว่าตัวเองอดทนขึ้นมากกว่าเก่าอ่ะ เนี่ยแหละข้อดี ถึงจะแลกมาด้วยความเครียด 555555

1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Dek61 18 มิ.ย. 61 เวลา 12:49 น. 9

รอบ4ปัญหาเยอะมากเลยค่ะ แต่จะไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับระบบหรอก เป็นกับความไม่แน่นอนของ ทปอ มากกว่า การที่ประกาศสัมรอบ3กับสมัครรอบ4มาทับกัน เท่าที่ดูมาหลายคนก็เกิดปัญหาตกสัมแต่สมัครรอบ4ไม่ได้ อย่างเคสเพื่อนเราคือตอนแรกคิดว่าไม่ติดเพราะสมัครอบ4ได้ ไปๆมาๆประกาศว่าติด สุดท้ายผลสรุปคือไม่ติด คือมันเละเทะมาก เดี๋ยวรายชื่อนู้นนี่ตก ข่าวล่าสุดคือมีคนผ่านสัมรอบ3แต่โทรไปขอสละสิทธิ์เพื่อจะเอารอบ4 แล้วทปอทำให้”ทัน” เรางงเลยค่ะ ไหนตั้งกฎแล้วว่าผ่านสัมรอบ3 จะคืนสิทธิ์รอบ4ไม่ทันไง มันเหมือนกับว่าไม่มีระเบียบอะไรสักอย่าง ใครต้องการอะไร ผิดพลาดอะไร โทรไปขอไปประสานงานเอง ถึงจะได้อ่ะ คือแม่งห่วย

2
KOTJI 18 มิ.ย. 61 เวลา 12:58 น. 10

ของเราสมัครรอบ5แล้ว ถ้าติดขึ้นมาเขาให้เรารายงานตัววันที่30มิ.ย.นี้ ซึ่งรอบ4ยังไม่ประกาศผลของผู้ที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์เลย เราบอกตรงๆเลยเราก็หวังที่จะได้มหาลัยในการเลือกรอบ4มากกว่ารอบ5อีก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าได้รอบ5ก็ต้องเอา กลัวการผิดหวังแล้วอ่ะ สมัครตั้งแต่รอบ2ยังไม่ได้อะไรเลยTT

1
Wawa Chanaphat Nk 19 มิ.ย. 61 เวลา 11:53 น. 10-1

เหมือนกันค่ะ รอบ 2 เราก็ไม่ได้ รอบ 3 ก็เช่นเดียวกัน

ตารางความไม่แน่นอนของ ทปอ ทำให้เละเทะไปหมด สู้ๆนะคะ ถ้ารอบ 4 ได้คณะดีๆ หากรอบ 5 เค้ายังไม่ได้ให้ยืนยันสิทธิ์

0
milkminerx 18 มิ.ย. 61 เวลา 17:30 น. 11

ใช่ค่ะ อีกอย่างคือใช้เวลานานโขมาก โดยเฉพาะรอบรับตรง เว็บล่มต้องเลื่อนวันสมัคร พอวันเลื่อนทุกอย่างก็เลื่อนตาม จากที่รอนานมากๆอยู่แล้วก็ต้องรอนานเข้าไปอีก ระหว่างที่รอสุขภาพจิตนี่เสียไม่น้อยเลยค่ะ ช่วงนั้นไม่อยากออกจากบ้านเพราะกลัวคำถามที่ว่าติดที่ไหน? จะเรียนอะไร? จะซิ่วมั้ย? มอจะเปิดอยู่แล้ว นี่รอบแอดวันประกาศก็ตั้ง19กรกฎา บอกเลยว่าเด็กรุ่นนี้กว่าจะมีที่เรียนนี่แทบเป็นอ๊องกันเลยค่ะ5555 สู้มีที่เรียนไปด้วยกันนะคะ #dek61

1
Wawa Chanaphat Nk 19 มิ.ย. 61 เวลา 11:54 น. 11-1

ขอบคุณค่ะ มันก็แย่จริงๆ ที่ต้องรอคอย

มาสู้ในรอบนี้ด้วยกันค่ะ

0
หมูน้อยหัดเดิน 18 มิ.ย. 61 เวลา 17:45 น. 12

เราติดรอบ3 แต่คณะที่เราลงมีแต่ภาคพิเศษไงเอ่ออก็ลงไปเพราะอยากเรียนคณะนี้ แต่พอเห็นประกาศรอบ5(3.5) คือแม่งมีภาคปกติไง งง? คือรอบ3มาก่อนป่ะทำไมไม่มีให้ลง เข้าใจว่ายังไม่เต็ม แต่ทำไมไม่ประกาศให้ลงแต่แรกอ่ะ ค่าเทอมก็แพงกว่า อยากรู้คิดไรกันอยู่ เว็บก็ล้ม แบบบ่อยมาก อดนอนเข้ามาเว็บตี2-3งี้มันได้หรอ เหนื่อยใจกับ#TACS #dek61 จงสู้ต่อไปเพื่ออนาคต เป็นกำลังใจให้น่ะ #dek62 สู้ๆน่ะน้องงง



1
Wawa Chanaphat Nk 19 มิ.ย. 61 เวลา 11:56 น. 12-1

ขอให้ปีนี้เป็นบทเรียน ถึงผู้ใหญ่

รุ่นหน้า อย่าได้มาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกค่ะ

สู้ๆนะคะ

0
kiddevila 18 มิ.ย. 61 เวลา 20:26 น. 13

เรื่องพอร์ตนี่ เราก็ติดรอบ1นะคะ

ที่จะพูดต่อไปนี้คือเราไม่รู้จะใช้กับทุกคนได้มั้ยนะ ก็ต้องพิจารณาเป็นคณะไปอะว่า คณะที่อยากจะเข้าเน้นศิลปะมั้ย

เราอยากเข้าคณะวิศวะ ไปสัมภาษณ์รอบพอร์ท พอร์ทเราคือซื้อกระดาษที่หนากว่าเอสี่มาแพ็คนึง ประมาณ100บ.

จากนั้นก็นั่งตัดต่อ *ส่วนใหญ่เราใช้wordเลยเพราะขี้เกียจทำphotoshopช่วงนั้นคอมค้างบ่อย ทำเป็นตารางสรุปเรียบเรียง มีใส่รูปเล็กน้อย แบ่งพาร์ทชัดเจน ตกแต่งกลางๆเน้นเรียบๆ*

ตัดต่อเสร็จก็ปริ้นลงกระดาษที่ซื้อมา

วิธีเข้าเล่มก็ เอาสันรายงานเสียบ


ที่จะบอกคือพอร์ทบางทีเค้าพิจารณาแค่เนื้อ บางทีเขาเปิดผ่านๆตรงหน้าภาคผนวกที่เราสแกนพวกเกียรติบัตรแค่นั้นด้วยซ้ำ

แต่ก็นะ ถ้าลงคณะที่เอาศิลปะด้วยก็ต้องทุ่มกันหน่อย

0
นักบินอวกาศ 19 มิ.ย. 61 เวลา 15:06 น. 14

เพื่่อนเราหมอรอบพอร์ต คสม.ภาษาอังกฤษ ก็จะมีเปิดรับหลาย ม. และคะแนนที่ต้องยื่นด้วยคือ ไอเอลหรือขเอสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอื่นๆและ BMAT รวมค่าสอบสองอันนี้ 14,000 พระเจ้าาา ยังไม่รวมค่าอื่นๆนะ ลดค่าใช้จ่ายมากๆ ถ้าไม่ใช่เด็กที่พร้อมจริง ทั้งเงิน+ค.รู้คือคงไม่ได้สมัคร ยิ่งเด็กตจว.จะเสียเปรียบเด็กกทม.เรื่องการเข้าถึงการศึกษากับเรียนพิเศษมันเป็นปัญหาลูกโซ่อ่ะ พูดถึงเรื่องนี้ก็โยงๆๆ ไปได้ไม่จบ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปออกแกทเชื่อม เด็กคงได้เต็มค่อนประเทศ55555

0
DararaSami 21 มิ.ย. 61 เวลา 03:20 น. 16

ทุกวันนี้ ที่นั่งในมหาวิทยาลัยมีมากกว่าเด็กที่ต้องการเรียนเสียอีก ทำไมถึงยังมีปัญหาเด็กไม่มีที่เรียนอีก เพราะอะไรรู้ไหม... เพราะเด็กเลือกเรียนไง

แล้วก็จะมีคนมาตอบว่า ทุกที่ไม่ได้ดีเหมือนกัน บางม.ค่าเทอมถูกกว่า อยากเรียน ม. ในฝัน อยากได้คณะที่ชอบ บลาๆ เหตุผลอะไรก็ได้ที่จะมาสนับสนุนความเลือกเรียนของหนูอะ

-ถ้ามหาลัยดังๆมีที่นั่งเหลือแม้จะคัดเด็กรอบท้ายแล้ว สุดท้ายก็ต้องหาทางเปิดรับเพิ่ม เพราะเด็กไม่ได้ตามเป้า มหาลัยมันก็จะเจ๊งได้

-ถ้าถึงรอบนั้นแล้วหนูยังสอบไม่ติด หนูไม่ต้องไปโทษใครแล้ว หนูต้องยอมรับความจริงว่าหนูสอบไม่ติด อาจจะใฝ่ฝันไว้เกินตัว ต้องทบทวนให้ดี หรือลองสู้ใหม่ปีหน้า ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย แค่นี้เอง

-แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงตอนนั้น หนูต้องสู้ ปากกัดตีนถีบให้ถึงที่สุด!!!

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น