Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บ้านเช่าหลังที่ 2

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
         ครอบครัวเราย้ายเข้ามาอยู่ในร้านตัดผมที่ก่อนนี้พ่อเป็นแค่ช่างประจำจนวันนึง แกได้เซ้งกิจการได้และพาครอบครัวย้ายจากบ้านเช่าชั้นเดียว ในย่านแถวตลาดสดเข้ามาอยู่ แต่ยังไงมันก็ยังเป็นบ้านเช่าอยู่ดีถึงเราจะอยู่ที่ร้านมาได้สักระยะแล้วแต่ผมก็ยังไม่รู้สึกคุ้นกับบ้านที่ต้องขึ้นบันไดไปนอน ในตอนนั้นจำได้ว่าอายุประมาณ 12 ขวบกฎเหล็กของเราที่ต้องเคร่งครัดผมกับน้องชายต้องห้ามทำสิ่งนี้เด็ดขาดคือ ห้ามวิ่งในร้านตัดผมเพราะอาจจะทำให้หูของลูกค้าแหว่งได้ถ้าเราวิ่งไปชนข้อศอกช่างคนใดคนนึง และคงไม่มีทางจะได้รับคำชมหรือรางวัลเป็นขนมคอนเน่ที่เราชอบแน่นอน จะเป็นการเอ็ดเสียงดัง   ฝั่งขวาของร้านจะเป็นกระจกยาวและมีเก้าอี้ตัดผมสุภาพบุรุษที่หนักสัก 400 กิโลผมคะเนในตอนนั้นเพราะมันหนักมาก เรียงกันห้าตัว  ตัวนอกสุดจะเป็น ของพ่อถัดมาเป้นลุงพันและลุงพร ลุงสิทธิ์ ไล่เรียงกันไป เหลือตัวสุดท้ายในสุดที่มักจะว่างและมันจะเป็นเก้าอี้แสนพิเศษในตอนนั้นดูละคร ผมจะแย่งกันสลับกับผลัดเปลี่ยนกันบ้าง  ถัดมาฝั่งซ้ายมือจะเป็นม้านั่งรอตัดผมที่จะมีสุภาพบุรุษมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ พูดคุยเรื่อวงมวยเรื่องการเมือง เรื่องหวยซึ่งล้วนแล้วแต่ไร้สาระสำหรับเรา ขนมคอนเน่สิหรือปาปีก้าอะไรก็ได้ที่อร่อยหรืออะไรที่สนุก ไปเล่นน้ำที่สวนน้ำหรือไปปิกนิกสวนสาธารณะสิคนพวกนั้นไม่ยักกะมีเรื่องสนุกๆแบบนี้คุยกัน ผมไม่เข้าใจแต่ก็ยินดีทุกครั้งที่ช่างตัดผมจะใช้ให้วิ่งไปซื่อบุหรี่สามมิต14 และจะได้เงินทอนมาเป็นลูกอมฮอล 1 เม็ดและมันจะเป็นค่าจ้างสำหรับเด็กรับใช้ผู้น่ารักผมจะชอบถ้าที่ร้านชำหยิบเป็นสีเหลืองให้ และจะเซ็งถ้าได้แฮ็คในพลาสิติคสีแดงหมุนเป็นจีบหัวท้ายหุ้มเม็ดอมรสเผ็ดสีดำเอาไว้ มันไม่อร่อยและไม่ควรเป็นรางวัลของเด็กรับใช้ผู้น่ารัก หลังร้านปิดเราจะกินข้าวกันหน้าทีวีขาวดำ 4 คนแม่จะเล่าเรื่องน่าเบื่อของผู้ใหญ่กับพ่อผมกับน้องจะไม่สนใจมีแค่การ์ตูนทอมกับเจอรี่หลังข่าวที่เป็นสาระสำหรับเรา ในช่วงที่การ์ตูนจบผมต้องรีบปิดหรือเปลี่ยนช่องเพราะมีสิ่งที่น่ากลัวสำหรับผมแค่ได้ยินชื่อหรือคำพูดนั้นเสียงที่ลากเอื่อยมันก็ทำให้ เย็นวาบที่ท้ายทอยกรูขึ้นมาที่ผมและรู้สึกว่าขนตามแขนตามตัวไหวโอนเอนไปตามลมเย็นทั้งๆที่ไม่มีลมหรือมรสุมใดพัดมาในร้านตัดผม  ประโยคนั้นมันน่ากลัวแค่ได้ยินผู้ประกาศข่าวแจ้งว่า พบกับ"ละครมิติมืด"  ผมไม่เคยได้ฟังมันจนจบคำ จะต้องเปลี่ยนช่องหรือถอดปลั๊กทีวีทันทีถ้าอยู่ใกล้เต้าเสียบ น้องชายเคยไถหนังสือการ์ตูน ก้าวแรกสู่สังเวียนเล่มแรกซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่ามันได้มายังไงแต่จำได้ว่าปิดดูรูปมันทุกคืนซ้ำไปมาอยู่นั้น  แต่ตอนที่มันแน่ใจว่าผมปิดตาแต่ยังไม่หลับ มันแค่พูดคำว่ามิติมืดมา ผมก็พร้อมจะยกทุกอย่างที่มันต้องการให้เพื่อที่มันจะได้คืนความกล้าหาญกลับมา ชั้นบนเป็นที่พักอาศัยของเรามันไม่ได้เป็นห้องนอนแบบที่มีประตูสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำอะไร มันเป็นที่โล่งๆ พื้นเป็นไม้กระดานและเอาตู้เสื้อผ้ากับเป็นสองส่วน ส่วนแรกเป็นของผมกับน้องเราจะต้องกางมุ้งและปูที่นอน  ในตอนเช้าเราก็จะต้องเก็บมุ้งและเก็บที่นอน  ก่อนนอนในคืนที่ความกล้าหาญไม่หลงเหลือพ่อจะมาเล่านิทานที่แกแต่งเองมั่วๆของแกให้ฟัง มีเรื่องพ่อหลวงสุก และอีกเรื่องคือกิ่งไม้เก่ง เรื่องโปรดของผมคือเรื่องหลัง กิ่งไม้อะไรกันไปปราบยักษ์ได้ ตอนนั้นผมไม่เคยสนแต่รู้อีกทีก็เช้าโดนปลุกไปโรงเรียน     คืนนึงในฤดูฝนที่วันนั้นฝนไม่ตกเหมือนหลายวันที่ผ่านมาอากาศเย็นและในเวลา ราวสี่ทุ่มที่เรากำลังจะนอนคงด้วยความเงียบมันอาจจะชักนำความกลัวเข้ามาห่อหุ้มจิตใจและผนึกมันไว้แน่นหนา วันนั้นพ่อก็มานอนคุยเล่านิทานตาหลวงสุกซึ้งอาจจะไม่ใช่เรื่องโปรดแต่ในนาทีนั้นผมไม่คัดค้านใด ........เปิดตาขึ้นมาในแว่บแรกก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่เวลาที่ต้องไปโรงเรียนจนสีดำของความมืดคลายตัวลงพอจะเห็นน้องชายนอนหลับตะแคงหันหน้ามาทางขวาหน้าตรงกับผมมันหลับสนิทและอากาศนิ่งเงียบไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งจกหาว บรรยากาศนิ่งเงียบราวกับรอบๆเตียงของคนป่วยกำลังจะตาย เริ่มจะเห็นสิ่งรอบข้างในมุ้งกันยุงสีขาว   ในชุดนอนสีขาวเหลืองลายทางแนวตั้งขนที่แทงจากผิวหนังผมชูชันโบกโบยไปตามลมหนาวเหน็บของจินตนาการ มันน่าสยองและอยากให้มันจบโดยเร็วที่สุดเท่าที่นึกออกและทำคือข่มตาหลับเพื่อเรียกร้องรุ่งอรุณให้เห็นใจและมาถึงในทันที    มันไม่เป็นอย่างที่หวังในความมืดหลังข่มตาลงไม่สิ้นสุดอากาศนิ่งเย็นเฉียบดำเนินต่อไปอย่างช้าๆในความมืดนั้น เหมือนมีความรู้สึกกึงจริงและชัดเจน ผมกำลังรู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างที่สะกิดที่แขนเสื้อของชุดนอนลายทาง ดึงไปซ้ายทีขวาที อย่างช้าๆและชัดเจน มันไม่น่าที่จะเป็นลมประจำฤดูกาลที่พัดลอดผ่านช่องลมใต้หลังคาทะลวงเข้ามาในมุ้งสี่หูที่ไม่ได้กระเพื่อมไม่ไหวติ่งเหมือนก้อนหินที่โดนผังในดินเย็นๆ จริงๆ ทุกอย่างเป็นแบบนั้นเว้นแต่แขนสื้อ ที่ยังโบกไปซ้ายทีขวาที ผมแทบจะร้องไห้ออกพอถึงความรู้สึกนี้ แขนเสื้อก็หยุดนิ่งและความกลัวจวนร้องไห้ได้หายไปอย่างประหลาดจน เริ่มไม่แน่ใจในความจริงที่ล่วงมา  ดูเหมือนจะปรกติผมพยายามเปิดตาเพื่อที่จะย้ำชัดกับตัวเองให้ได้ว่าปรกติจริง รอบๆตัวเริ่มคลายจากสีของความืดลงมาพอจะได้เห็นรายละเอียดความจริงขชัดขึ้นน้องชายยังนอนอยู่ท่าเดิม หมอนข้างในวงแขนไม่หลุดไปไกล ผมส่องสายตามองรอบๆตัวก็พอได้อุ่นใจและกวดขยายอณาเขตการซ่องมากขึ้นเพื่อยืนยันระยะปลอดภัยและตอกย้ำความจริงว่ามันจะไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมกวาดตาไปเจอบางสิ่งที่ผิดที่ผิดทางผิดประหลาดไป ไม่ควรเป็นอะไรหรือของชิ้นใดหรือจะมาวางตรงนั้นหรือยืนตรงนั้นในเวลานี้ หน้าตู้เสื้อผ้า เป็นร่างของคน คนนึงหรืออาจจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ ยืนอยู่ในชุดสีขาวรัดรูป เสื้อแขนยาวสีขาวกระโปรงแคบยาวปิดนิ้วเท้า ใบหน้าขาวราวคลุกแป้ง ไม่ใช่ขาวซีด ดวงตาสีขาวชัดเจน ไร้ซึ่งตาดำผมก็สีขาว แต่ไม่ได้เป็นทรงผมที่ไว้ยาวหรือสยายตามลมพัด มันเป็นผมแบบที่เหมือนกับนักฟุตบอลทีมฮอลแลนด์คนนึง เป็นปมเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน บางช่ออ้วนเท่าตัวหนอนดอกแก้วบางช่อเล็กเท่าไส้เดือนดิน ผมก็ไม่ในใจในความผิดปรกตินี้ว่าทำไมถึงไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย กับสิ่งที่เห็นและสามารถจนจดรายละเอียดนั้นได้อย่างชัดเจน และไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งนั้น รับรู้การมีตัวตนของผมหรือไม่เพราะไม่มีอาการขยับหรือเหลือบมาเห็นหรือมีท่าทีอย่างไร เพราะดาวตาที่ขาวโพรนก็ไม่สามารถสังเกตถึงโฟกัสได้  นาฬิกาเดินไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ผมรู้สึกง่ายๆเรียบๆแค่ว่าปิดตาแล้วเปิดใหม่เดี๋ยวคงหายไป ตาค่อยๆปิดลงและก็บริกรรมนะโมตัสสะ อาราธนาพระรัตนไตรเพิ่มเติมเข้าไป แล้วก็เปิดตาใหม่เพื่อยืนยันและยึดตัวเองเข้ากับความมีอยู่จริงทิ้งภวังค์เมื่อกี้ให้จางไปในจินตนาการ ยังครับ ยังยืนยันไม่ได้ ภาพที่ผมเห็นคือ ยังยืนอยู่ ยังยืนอยู่ในท่าเดิม ต่างกันบางอย่างคือน้องชายนอนคู้กว่าเดิม สิ่งนั้นส่วนหัวเหมือนจะปรับมุมจากท่าเดิมทำให้ผมเห็นหน้าชัดถขึ้นถึงจะไม่มีแววตาก็คงพอเดาได้ว่า ถ้านัยน์ตานั้นมองเห็นหรือใช้การณ์ได้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าผมตื่นอยู่ แต่นั้นไม่แย่เท่าสิ่งสุดท้ายที่ต่างจากเดิมคือเค้าไม่ได้อยู่ตรงที่เดิม  ราวกับตอนที่ผมปิดตามีคนมาชวยกันยกและเอามาตั้งไว้ที่ข้างๆผม ใกล้แค่ผนังมุ้งผ้ากั้นอยู่  ก็ยังรู้สึกเช่นเดิมประหลาดเหลือเกิน นิ่งสงัดผมทำได้เพียงแค่เงยหน้ามองผ่านม่านมุ้งสีขาวกั้นและข่มตาปิดลงอีกครั้งทุกอย่างค่อยเบลอและจางหายไป  ” ตื่นได้แล้วเดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายกันพอดี นายดอยเค้าอาบน้ำเสร็จแล้วนะ เก็บที่นอนอาบน้ำแล้วกินโอวัลตินซะ“  
     เรื่องนี้ผมไม่เคยเล่าหรือนึกถึงให้ความสำคัญหรืออะไรมากมายเราอยู่บ้านหลังนั้นมาอีกหลายปี และจนเจ้าของบ้านขายได้เราจึงย้ายไป เขาขายไปตอนนี้บ้านหลังนั้นไม่อยู่แล้วถูกทำลายแล้วสร้างเป็นร้านอาหาร ผมก็อดแวบถึงสิ่งที่เห็ฯในคืนนั้นไม่ได้แล้วก็นึกต่อไปว่าแล้วเค้าจะเป็นไงบ้างหรือ ตอนนี้ทำอะไรอยู่ทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าคืออะไร เวลาล่วงเลยมานานสิบกว่าปี วันนึงที่ในมือเรามีเบียร์ทั้งสองคนผมเลยเล่าเรื่องนี้ให้ดอยฟัง น้องชายยิ้มประหลาด  และจบบทสนทนาเรื่องนี้ด้วยคำพูดว่า.... “ วันนั้นกูยังไม่หลับ”

แสดงความคิดเห็น

>