Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ยาคุมกำเนิด (Birth Control Pill) ใช้อย่างไรไม่ให้ท้อง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ยาคุมกำเนิด (Birth Control Pill) ใช้อย่างไรไม่ให้ท้อง

ยาคุมกำเนิดคืออะไร

ยาคุมกำเนิด (Contraceptive Pill หรือ Birth Control Pill) เป็นยาที่ใช้กับการคุมกำเนิด หากพูดถึงยาคุมกำเนิดแล้ว ส่วนใหญ่จะนึกถึงยาเม็ดแผงคุมกำเนิดที่ใช้รับประทาน ซึ่งบรรจุฮอร์โมนเพสหญิงไว้ ออกฤทธิ์และมีผลต่อการทำงานต่ออวัยสืบพันธ์ุเพศหญิง ทั้งปากมดลูก ทั้งผนังมดลูก และรังไข่ ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ทั้งนี้ ยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

ชนิดของยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดมีด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม Combined Pill ตัวยาจะบรรจุฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ยาจะยับยั้งกระบวนการตกไข่ในเพศหญิง สร้างเมือกที่บริเวรปากมดลูก จนทำให้เชื้ออสุจิเดินทางยากขึ้น และไม่สามารถเข้าไปผสมกับไข่ได้ และผลก็คือ ทำให้ผนังมดลูกบาง เพื่อไม่ให้ไข่ฝังตัวที่ผนังมดลูกได้สำเร็จ และอีกชนิดคือ ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดียว (Progestrogen-only Pill) ตัวยาจะบรรจุฮอร์โมนโปรเจสโตเจนไว้แค่อย่างเดียว เมื่อรับประทานยาแล้ว จะทำให้เกิดการสร้างเมือกหนาบริเวณปากมดลูกได้ยากขึ้น และทำให้ผนังมดลูกบางลงจนไม่เอื้อให้เกิดการฝังตัวของไข่ที่ผสม ส่งผลให้ระบบท่อนำไข่ ให้ไข่ผ่านเข้าไปได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนตัวเดียวยังถูกแนะนำให้ใช้ในกรณีของผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร และในสตรีบางท่านที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เช่น ผู้หยิงที่มีอาการลิ่มเลือดอุดตัน การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมจะได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้น โดยจะส่งผลต่อทารกผ่านการให้น้ำนมด้วย และมีผลต่อสุขภาพของผู้ที่ป่วยด้วยภาวะบางประการ

ยาคุมกำเนิด นอกจากมีฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยาคุมที่บรรจุฮอร์โมนเพศจะส่งผลในทางรักษาต่อผู้ที่มีอาการปวดประจำเดือนมาก กลุ่มอาการต่าง ๆ ก่อนมีประจำเดือน และอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ยาคุมกำเนิดมีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไร

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม

  • หลังใช้ยา อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น เช่น อาการปวดหัว คลื่นไส้ ปวดบริเวณหน้าอก มีน้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด มีเลือดไหลก่อนวันที่ประจำเดือนมาจริง หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือน แนะให้คุณผู้หญิงควรเปลี่ยนยา หรือเปลี่ยนไปใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น
  • ในผู้ใช้บางราย อาจทำให้เกิดความอันโลหิตสูง หากเป็นความดันโลหิตสูงอยู่แล้วควรระวัง
  • หากอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป และเป็นคนที่สูบบุหรี่ หรือกำลังใช้ยาอื่น ๆ อยู่ ไม่ควรใช้ยานี้

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนเดียว

  • หากใช้ยาเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้ผิวเป็นฝ้า กระได้
  • อาจมีผลกระทบต่อประจำเดือน เช่น ประจำเดือนอาจมาไม่ปกติ บางครั้งมาน้อย บางครั้งมามาก หรือมาบ่อยขึ้น
  • บางรายอาจมีเลือดไหลก่อนจะถึงรอบประจำเดือนจริง
  • งดใช้ยาคุมกำเนิดหากกำลังป่วย คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วงอย่างรุนแรง
  • หากใช้ยาอื่นร่วม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

หากต้องการให้การรับประทานยาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ ต้องใช้ยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องอยู่เสมอ ทั้งในแง่ของปริมาณการใช้ และตามกำหนดเวลาการใช้ หากลืมรับประทานยา ให้ปรึกษาเภสัชกร และทำตามคำสั่งของเภสัชกรอย่างเคร่งครัด

วิธีใช้ยาคุมกำเนิด

สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด ให้รับประทานวันละ 1 เม็ด โดยเริ่มจากเม็ดแรกตามวันในสัปดาห์ที่มีสัญลักษณ์อยู่บนแผง แล้วรับประทานไปเรื่อย ๆ ติดต่อกันทุกวัน เมื่อยาหมดแผง หยุดรับประทานยา 7 วัน (ซึ่งเป็นวันที่ประจำเดือนมา) เมื่อเข้าสู่วันที่ 8 ไม่ว่าจะจำเดือนจะหมดหรือยังมาอยู่ ก็ต้องเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ต่อไปได้ทันที โดยต้องรับประทานยาทุกวันในเวลาเดียวกันเสมอ หากลืมรับประทานยาภายใน 24 ชั่วโมง ให้รับประทานยาทันทีที่รู้ตัว และรับประทานยาเม็ต่อไปตามปกติ แต่หากลืมรับประทานยานานเกิน 48 ชั่วโมง ให้ข้ามไปรับประทานยาตามวันปัจจุบัน และใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นช่วยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ หรือหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลา 7 วันหลังกลับมารับประธานยาแล้ว

ส่วนยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด ให้รับประทานวันละ 1 เม็ด ติดต่อกันทุกวัน และเมื่อยาหมดแผง สามารถเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ได้ทันที และการรับประทานยาจะต้องเป็นในเวลาเดียวกันเสมอ หากลืมรับประทานยาภายใน 3 วัน หรือ 12 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับชนิดของยา) ให้รับประทานยาเม็ดทันทีที่รู้ตัว ให้รับประทานเพียงเม็ดเดียว และรับประทานยาเม็ดต่อไปตามเวลาปกติ และต้องหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลา 2 วันถัดมา หรือใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ แทน ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนตัวเดียวจะใช้เวลา 2 วัน ในการสร้างเมือก ที่หนาป้องกันสเปิร์มไปผสมไข่ได้

ผู้ที่ต้องการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ควรรับประทานยาเม็ดแรกในเวลาที่สะดวก และเหมาะสม เพราะต้องรับประทานยาในเวลาเดิมทุกวัน

หากสงสัยและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ให้ศึกษาข้อมูลบนฉลาก รวมทั้งปรึกษาแพทย์และเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มใช้ยา

ยาคุมกำเนิดที่ใช้บ่อยและมีประสิทธิภาพมากในท้องตลาด

  • Yasmin: ยัสมิน มี 21 เม็ด มี Drospirenone 3 มิลลิกรัม / EE 0.03 มิลลิกรัม ส่วน Yaz (ยาส มี 28 เม็ด และมีฮอร์โมน 24 เม็ด) จะมี Drospirenone 3 มิลลิกรัม / EE 0.02 มิลลิกรัม โดยตัว Drospirenone มีฤทธิ์คล้ายยาขับปัสสาวะ จะเหมือนว่าเป็นยาขับปัสสาวะอ่อน ๆ จึงช่วยลดอาการบวมน้ำ ทำให้น้ำหนักตัวคงที่ไม่เพิ่มขึ้น เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่อยากอ้วนหรือบวมน้ำ นอกจากนี้ ยังช่วยอาการคัดตึงเต้านม ช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน และมีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย จึงช่วยลดสิวที่เกิดจากฮอร์โมนเพศชาย ลดไขมันบนใบหน้าและเส้นผมได้
  • Diane-35: ตัวนี้ระดับเอสโตรเจนจะสุงมาก จึงให้ผิวดูมีน้ำมีนวลขึ้น ช่วยลดฮอร์โมนเพศชายในร่างกายได้ จึงช่วยลดอาการหน้ามัน ผมมัน ผมร่วง ขนดก และสิวจากฮอร์โมน แต่ผลข้างเคียงก็จะมีเช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ปวดศีรษะ คัดเต้านม เลือดออกกระปิดกระปอยทางช่องคลอด และยังมีอาการบวมน้ำได้ในบางราย

หากสุภาพสตรีท่านใดไม่สะดวกมาพบแพทย์ ก็สามารถซื้อยาทานเองได้ แต่ต้องศึกษารายละเอียดให้รู้ชัดก่อนใช้ หรือลองปรึกษาเภสัชกรในร้านยาใกล้บ้านก็ได้ เมื่อใช้เป็นระยะเวลาติดต่อกันนาน ๆ เช่น 1 ปีขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเสมอ

ยาคุมกำเนิดไม่มียี่ห้อไหนที่ดีที่สุด และเหมาะกับทุกคนมากที่สุด เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงต้องเลือกที่เหมาะกับสรีระของแต่ละคน

หากถามว่ากินยาคุมแล้วอ้วนไหม ต้องตอบว่า ขึ้นอยู่กับชนิดของยาและสรีระของแต่ละคน ถ้าเป็นคนที่อ้วนง่ายหรือมีแนวโน้มว่าจะอ้วนง่ายแยู่แล้ว รับประทานยาคุมก็จะเห็นว่าอ้วนทันที แต่ถ้าเป็นคนผอมอยู่แล้ว จะกินเท่าไรก็คงจะไม่อ้วน

เว็บไซต์ “ถามหมอ” อยากให้ทุกคนมี สุขภาพดี หมั่นตรวจสุขภาพ ดูแลตัวเองให้มี สุขภาพดี และลงทะเบียนรับข่าวสารเกี่ยวกับ เช็คสุขภาพ เพื่อพร้อมสุขภาพร่างกายให้เป็นคนมี สุขภาพดี เสมอ อนึ่ง เว็บไซต์ “ถามหมอ” ไม่ได้ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

แสดงความคิดเห็น

>