สมองตัน! เพื่อนนักเขียนเคยประสบปัญหาเดียวกันไหมคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ขอออกตัวก่อนว่า มินเป็นนักเขียนออนไลน์มาหลายปี (ไม่ขอระบุจำนวน เดี๋ยวอาจจะมีกรณีเรียกมนุษย์ป้าตามมา) ระยะแรกเริ่มต้นนิยายได้ดี ตอนกลางก็สามารถเดินเรื่องได้ แต่ปัญหาเริ่มเกิดกับช่วงปลาย
“มันไม่เวิร์ค!”
“ทำไมเรื่องก่อนเขียนได้น่าอ่านกว่านี้!”
“แล้วทำไมเขียนปม แล้วมันแก้ไม่ได้!”
“ง่วงจัง เขียนต่อไม่ไหวแล้ว (และก็หายไปสามสี่วันและหนึ่งเดือน กลับมาคอมเม้นท์นักอ่านทวงจนรู้สึกผิดแทบไม่ทัน)”
หลากหลายปัญหาเอามาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง จนในที่สุดก็เขียนต่อไปไม่ได้ พิมพ์เท่าไหร่ลบทิ้งหมด ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการแพนิคเฉพาะหรือเปล่า ที่คิดว่าตนฝีมือดรอปลง พลอตที่วางไว้หละหลวมไม่น่าสนใจ (ทั้งๆที่ตอนแรกก็คิดว่ามันดีแล้ว แต่แต่งไปแต่งมาดันไม่พอใจ เติมปมนู่นนี่นั่น สุดท้าย...จบไม่ลง)
จึงอยากมาปรึกษาเพื่อนๆนักเขียนว่ามีวิธีไหนบ้าง
- ที่จะหยุดความคาดหวังในตัวเอง
- สร้างสมาธิตอนเขียน
- วิธีการจบเรื่องอย่างง่าย
8 ความคิดเห็น
เป็นนักเขียนฝึกหัดครับ
มาขอรอคำตอบด้วยคน
ปักหมุด ปักหมุด
อุแหม่ ไม่ได้ช่วยกันเลยนะคะ /ปาดน้ำตา
จับมือรอคอยผู้รู้ด้วยกันค่ะ
ยังดีนะครับเขียนลื่นจนไปสะดุดอยู่แค่ตอนปลาย ของผมนี่ไม่ว่าจะเนื้อเรื่องอยู่ในช่วงไหนวางพล็อควางโครงไว้ชัดเจนอย่างไร ก็ยังไม่เคยสะกดตัวเองให้นั่งพิมพ์เนื้อเรื่องต่อเนื่องให้เป็นเรื่องราวได้เกินหนึ่งชั่วโมงเลยอยู่ๆก็เหมือนสมองมันตัดไปให้คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ จนต้องวอร์มเครื่องกันใหม่สักครึ่งชั่วโมงถึงจะกลับมาได้หรือไม่บางทีวอร์มก็แล้วย้อนกลับไปอ่านก็แล้วรอบไม่ได้สักทีก็ตัดใจรอพรุ่งนี้เลย
ปล.สุดท้ายก็ต้องมาบิวท์กันใหม่และมันก็สะดุดลงภายในหนึ่งชั่วโมงอีกแล้วเช่นเคย หลังๆเล่นของแปลกลองอาศัยสัญชาติญาณดิบอย่างเดียวละครับเขียนตอนเบลอๆแบบง่วงๆตาลายๆ สรุป เอ้าเฮ็ยได้เรื่อยๆเหมือนศิลปินเมาสารเสพติดย์เวลาแต่งเพลงเขียนยาวและอ่านลื่นกว่าตอนมีสติดีอีก
อาศัยลองของแปลก! กำเดาพุ่ง (ผิดประเด็น) จะว่าไปฟังเพลงไปบิวท์อารมณ์ก่อนก็น่าสนใจค่ะ
ขอยืมไปใช้สักหน่อยเผื่อจะได้ผล
แอบเห็นด้วยที่เขียนตอนเบลอ เนื้อเรื่องน่าอ่านกว่าตอนมีสติครบ!
เป็นอะไรที่ปวดใจมาก อยากหายากันยุงมารมควันตัวเองมากค่ะ T^T
ยังไงก็ตาม จับมือเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยเดียวกันค่ะ (พูดเหมือนเจอน้ำท่วม)
จะลองยากันยุงเลยเหรอครับ ออกแนวบำเพ็ญเพรียนทุกกิริยาไปแล้วน่ะนั้น แต่ของแบบนี้ถ้าอารมณ์ร่วมมันได้นี่ไม่มีโครงก็แต่งจบอาร์ตแบบสุดๆไปเลยนะครับ งานจะดีตรงมันออกมาเป็นธรรมชาติแต่ข้อเสียคือใครจะสามารถขนาดบิวท์ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานจนประคองอารมณ์จนแต่งนิยายจบได้ สุดท้ายเราก็ต้องมานั่งบิวท์ตัวเองเป็นช่วงๆไปขาดๆเกินๆตามธรรมดา
ปล.เรื่องเขียนตอนเบลอนี่ถ้าใครมีโอกาสต้องลองนะไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ศักดิ์สิทธิ์กว่าร่างทรงสมัยนี้อีก
ศักดิ์สิทธิ์กว่าร่างทรงเชียวเรอะ! แลดูเริ่มฮาร์ดคอร์
โดยส่วนตัว มินนั่งแต่งนิยายได้นานไม่เกินสี่ชั่วโมง ก็จะมีอาการออฟฟิศซินโดรม (ภาวะหงึกๆหงักๆแบบซอมบี้ที่หลายคนคุ้นเคย) พอลุกขึ้นท่านั่งเท่านั้นแหละ สมาธงสมาธิไหลไปกับพัดลมทันใด T^T
พักหลังเริ่มเปลี่ยนสนามรบ (ที่แต่งนิยาย) มาเป็นเตียงนอนแทน
ดันกลายเป็นหลับสนิทก่อนได้จับโน้ตบุ้ค
กลายเป็นอวสานนักเขียนเท่าทุกวันค่ะ
แบบนี้ก็เหลือสถานที่ซึ่งรวบรวมไปด้วยกลิ่นอายสมาธิแห่งเดียวแล้วละครับ มันเป็นสถานที่อันตราย(อันตรายทางความคิดเอามากๆ) แต่ไม่มีที่แห่งไหนจะเหมาะสมไปกว่านี้แล้วที่จะได้รวบรวมสมาธิให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้มากเท่าที่แห่งนั้นแล้วอีกล่ะ มันคือ "บัลลังก์" ที่ซึ่งมีเพียงคนผู้เดียวที่จะไปนั่งได้ (มีใครเคยไปนั่งพร้อมกันสองคนผมต้องขออภัยด้วยนะครับไม่สันทัดกรณีขนาดนั้นกราบงามๆ =_/\_=และท่านผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายเหล่านั้นมาได้้เช่นไรช่วยอินบ๊อกซ์มาคลายข้อสงสัยผมที)
ลองรุ่นนี้ไหมคะ เพิ่มความหวาดเสียวดี กระจกแตกเมื่อไร...
ชีวิตนักเขียนเริ่มมีความฮาร์ดคอร์มากขึ้นทุกวัน
มินนี่ปาดเหงื่อแอบไปเกาะมุมห้องกันเลยทีเดียว
ขอให้เพื่อนนักเขียนมีความสุขกับบัลลังก์ส่วนตัวกันนะคะ
ของคุณMiran/Lichtอย่าเรียกบัลลังก์เลยครับ แค่เปิืดประตูชำเลืองมองก็เกร็งแล้วครับ นี่มันSawภาคrestroomใช่ไหมครับ วางกับดักเพื่อให่้ร่วงลงไปสินะ คำโปรยนี่หนังคงประมาณ "คุณจะยอมอายหรือตายอย่างอนาถ"
ปล.Miss Sorakiชีวิตนักเขียนมันก็อาร์ตแบบนี้ล่ะครับ ผมมโนขึ้นมาเอง
พักหลังมาเรื่องเริ่มออกทะเลแล้วเนี่ย
แต่ก็ขอบคุณเพื่อนๆนักเขียนช่วยสร้างสีสันและชี้ช่องโหว่ให้มินนะคะ
ปูเสื่อนอนรอฟังคำตอบด้วยคนค่ะ
(ปาดน้ำตา) ช่วยดึงเสื่อให้เข้าที่
รับป๊อปคอร์นรอด้วยกันไหมคะ
ดีค่ะแต่ขอโค๊กด้วยได้ไหมคะกลัวติดคอ ขอบคุณค่ะ
โอเคค่ะ นัดเจอกันครึ่งทาง เดี๋ยวมินเอาไปป๊อปคอร์นไปเอง
คำตงคำตอบอะไรไม่ต้องเอามันละ เรื่องกินสำคัญกว่า
(เล่นมุขได้แม้ในเวลาเครียดเลยทีเดียว ถถถ)
เครียดมากยิ่งเสียสุขภาพจิตค่ะ การคลายเครียดช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ดังนั้นพยายามคิดเรื่องสนุกเข้าไว้แม้จะอยู่ในสถานะการณ์ที่กำลังลำบาก(ตัน)
เราเองก็เขียนนิยายหลายเรื่องพร้อมกันเหมือน จขกท.นั่นเหละค่ะ (ประมาณ 9 เรื่อง) แต่ที่ตัดใจเอามาลงแค่สองเรื่องก็เพราะไม่อยากให้คนอ่านรอตอนต่อไปนาน ตอนนี้อัพทุกสองสามวันสลับกับก็คิดว่ากำลังดีไม่กดดันตัวเองจนเกินไป มีเวลาตรวจทานคำผิดและเกลาสำนวนไปในตัวอีกด้วย
ส่วนเรื่องพล็อตเราวางเอาไว้ค่อนข้างที่จะละเอียดและพยายามที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้สอดแทรกเรื่องอื่นเข้าไปอยู่เสมอ ๆ แม้จะยากแต่ก็ต้องพยายามค่ะ ไม่งั้นมันจะเลี้ยวออกนอกเส้นทางจนหาจุดกลับไม่เจอ
เป็นวิธีที่น่าสนใจค่ะ ตอนแรกอยากพักเรื่องใดเรื่องหนึ่งไว้
ระยะหลังเห็นคอมเม้นท์นักอ่านใจมันฮึด ไม่อยากให้พวกเขารอนานๆ
สุดท้ายกลายเป็นลากทุกเรื่องมาเขียน เรียกได้ว่าเขียนทั้งวันทั้งคืน
พอเรื่องดำเนินมา80%จะเจอปัญหาเดียวกันคือจบไม่ลง
พยายามเลิกกดดันตัวเอง แต่ก็เผลอทุกรอบเลยค่ะ
โดยส่วนตัวมินอัพพร้อมกัน8เรื่องทุกวัน บางเรื่องอัพครั้งละสามตอนก็มีค่ะ
แน่นอนว่าทุกเรื่องอารมณ์ตัดกันหมดทุกทาง
ขนาดเราลงแค่สองเรื่องยังแทบจะเขียนไม่ทันเลยค่ะ ตอนแรกก็เคยคิดแบบ จขกท. ว่าจะพักอีกเรื่องหนึ่งเอาไว้ก่อนเพื่อเขียนอีกเรื่องให้จบ แต่ก็ติดอยู่ที่ว่าทั้งสองเรื่องล้วนเป็นกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่นยิ่งกว่าโมจิเสียอีก จะทิ้งทางไหนก็ไม่ได้ สุดท้ายก็เหมือนกับ จขกท. อีกนั่นแหละค่ะ คือเขียนมันไปพร้อม ๆ กันเลยแถมบางครั้งก็ลงสองตอนรวดอีกด้วย แน่นอนว่าเหนื่อยแต่ก็ไม่ท้อเพราะยังมีคนตามทวงตอนใหม่อยู่เกือบทุกวัน
นี่ก็จบไม่ลงเหมือนกัน นางเอกเมื่อไหร่จะรักพระเอกสักที ฮืออออ
เราใช้วิธีลิสต์ปมที่ยังไม่แก้ออกมาก่อนค่ะ แล้วค่อยคลายไปทีละปมๆ ตอนแต่งนี่ไม่ต่อเน็ตเลยค่ะ ไม่งั้นฟุ้งซ่านแน่ๆ ส่วนเรื่องการกดดันตัวเองนี่เป็นเหมือนกัน หาทางแก้ไม่ได้เลย ได้แต่คอยอ่านเรื่องที่แต่งตลอด ถ้าแต่งแล้วไม่โอเค ก็ลบแต่งใหม่จนกว่าจะพอใจ จะไม่ลงเด็ดขาดถ้าคิดว่ามันไม่โอเค
ยังดีที่แนวที่เราแต่งไม่ดราม่ามาก ไม่แฟนตาซี เส้นเรื่องคือความรักของพระนางล้วนๆ แต่แค่นี้ก็ใกล้ตายละ
เช่นเดียวกันค่ะ แต่ของมินเน้นที่ความรักของตัวละครมากเกินไป
สุดท้ายมาสังเกตอีกที...เรื่องไม่เดินจ้า
พอไปเดินเรื่องแทน ความรักดันสะดุด
สุดท้ายเก็บความตันไปนอนกองกับพื้นมุมห้อง
อย่างแรกคือการกำหนดโครงเรื่อง ไทม์ไลน์ของเรื่องให้ชัดเจนและแต่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้จบ อย่าแต่งซ้อนเพราะมันจะสับสนอารมณ์ อย่างเรื่องนี้แต่งเศร้า อีกเรื่องแต่งอีโรติก งี้สับสนตายครับ(ปล.อันนี้สมมุติ)
ระหว่างแต่งก็พยายามรวบรวมสมาธิอย่างฟังเพลง ไม่เล่นเน็ต ประมาณนี้น่าจะช่วยได้ ที่สำคัญคือการกำหนดวินัยว่าตนเองนั้นต้องแต่งทุกวันครับ
(+-+)
ขอบคุณมากเลยค่ะ ส่วนหนึ่งที่อารมณ์ขาดแบบต่อไม่ติดเพราะทิ้งช่วงนานเกินไป
แต่เรื่องแต่งซ้อนนี่ไม่น่าจะทันแล้วค่ะ อารมณ์ไปคนละทิศคนละทางมาก
เรียกได้ว่าสมองแตกกระเจิง แต่ไม่อยากทิ้งให้นักอ่านคอยนานๆ
วิธีฟังเพลงน่าสนใจมาก จะลองทำตามคำแนะนำดูนะคะ เป็นประโยชน์มากเลย!
เราก็นักเขียนมือใหม่ค่ะ (อย่าดูที่ดาวเราเลย) เพิ่งกลับมาเขียนได้ 2 ปีได้แค่ปีละเรื่อง (มีความสามารถเท่านี้)
-เรื่องความคาดหวัง หากคุณไม่หยุดตัวเอง ใครก็ช่วยคุณหยุดไม่ได้หรอกค่ะ คงเพราะเรามาเขียนเพื่อความสนุกส่วนตัวและเพื่อระบายอารมณ์เลยวางความคาดหวังไว้น่ะค่ะ
-เรื่องสมาธิ ก่อนเขียนเราจะเตรียมน้ำมาวางข้างตัว เปิดพัดลมหรือแอร์ให้มีอุณหภูมิพอเหมาะไม่หนาวไม่ร้อนเกินไป ก่อนจะเปิดคอมเราจะปิดเสียงทุกอย่าง นั่งสมาธิสัก 10 นาทีก่อนค่ะ แล้วค่อยเปิดคอมเขียน เวลาเขียนก็เปิดโปรแกรมสำหรับเขียน กับอากู๋ไว้เท่านี้พอค่ะ ปกติเราไม่ฟังเพลงเวลาลงมือเขียนเราชอบเงียบๆ จะคงสมาธิได้มากกว่า อากู๋ไว้เปิดข้อมูลเฉพาะหน้าที่ต้องการเช็คความถูกต้องค่ะ
-วิธีการจบเรื่องอย่างง่าย ไม่มีหรอกค่ะ เพราะเรื่องเราดราม่าหนักมาก กว่าจะไปถึงจุดนั้นบางทีกองทิชชู่ที่ตอนหลังเราเปลี่ยนเป็นผ้าขนหนูผืนใหญ่ ยังเปียกชุ่มค่ะ คือ ก่อนจะไปทำร้ายตับไตผู้อ่าน คนเขียนก็พังมาก่อนแถมเอฟเฟคมากกว่าอีกเพราะผูกพันกับลูกมาก
นี่ก็พยายามฝ่าม่านน้ำตาเขียนให้จบ แล้วกว่าจะลงเราตรวจทาน 4-5 รอบ ตรวจแต่ละรอบก็ยังไม่หยุด ทรมานตัวเองดีแท้ เหมือนรับผลกรรมที่ทำกับลูก
ปกติเรากำหนดไว้ว่าลงอาทิตย์ละตอนค่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสลัดตัวขี้เกียจเขียนให้จบอาทิตย์ละตอนค่ะ
เป็นความคิดเห็นที่มีประโยชน์มากเลยค่ะ!
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีนะคะ เดี๋ยวมินขอลองนำไปปรับใช้ดู
อากาศน่าจะมีผลต่อสมาธิดังที่ว่า (ไม่แน่ใจว่าเพราะอากาศหรือเพราะความขี้เกียจของตัวเองกันแน่)
ช่วงดราม่า มินจะค่อนข้างกล้าๆกลัวๆค่ะ ไม่กล้าถลำลึกกลัวดึงอารมณ์กลับไม่ไหว
(นิยายทุกเรื่องกระชากอารมณ์บ่อยมากค่ะ ปาดน้ำตา หาเรื่องให้ตัวเองทุกรอบ)
โดยส่วนตัวมินสัญญากับนักอ่านว่าจะเขียนนิยายอัพทุกเรื่อง เรียกได้ว่าปรับอารมณ์แล้ว ปรับอารมณ์อีกเวลาเปลี่ยนเรื่อง สุดท้ายนอนกลิ้ง นั่งปลูกเห็ดอยู่ที่มุมห้อง (ไปต่อไม่ถูก)
อุปกรณ์ข้างมือเราคือ Kalimba (บางคนเรียกเปียโนนิ้ว) ค่ะ เวลาเครียดๆ เราไม่หันหน้าเข้ามุมทำแบบในการ์ตูนเป่าขลุ่ยโอการิน่าหรอกนะคะ เราก็ดีด Kalimba เล่นค่ะ (มันมีคีย์ 17 อัน ค่ะ ดีดเป็นเพลงมั่งไม่เป็นเพลงมั่งเหมาะกับคนไม่ค่อยถนัดดนตรีอย่างเราดี) ดีดก็องแก๊งไปพิมพ์ไปค่ะ ช่วยคลายอารมณ์ได้ดีค่ะ อีกอย่างที่สำคัญคือท่วงท่าในการเขียน นั่งเขียนแบบสบายๆ จะช่วยลดอาการขี้เกียจได้มากกว่าการเลื้อยเขียนนะคะ
มินเป็นนักเขียนที่จะชอบนั่งแช่เป็นเวลานานค่ะ บางครั้ง4-6ชั่วโมงเลยทีเดียว
แต่ปัญหาที่ตามมาคือOffice Syndrome ระยะหลังมานั่งนานไม่ได้เลย
มันหงึกๆหงักๆที่ไหล่และหลัง T^T
พอปวดปุ๊ปอารมณ์เตลิด เขวี้ยงโน้ตบุ้คนอนกลิ้ง
และแล้วนิยายก็ไม่เดิน
กลับสู่ปัญหาเดิม อารมณ์ตัด สมองตัน
แต่วิธีที่เพื่อนนักเขียนแนะนำมา มินจะลองไปปรับใช้ดูนะคะเผื่อจะได้ผลที่ดีขึ้น ^^
บางทีที่บ้านร้อนมากๆ เราก็ยกโน๊ตบุ๊คไปสตาร์บัคส์ใกล้ๆ บ้านเรานะคะ (จริงๆ มีอเมซอนใกล้กว่า ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงด้วย แต่อเมซอนมันไม่มีปลั๊ก) กลิ่นกาแฟมันช่วยให้เราตื่นตัวดี
เรื่อง Office Syndrome มันคงต้องปรับที่ท่านั่งค่ะ คือต้องมีการขยับตัวบ่อยๆ เราทำงานห้องทดลองมีทั้งนั่งทั้งยืน ทั้งเดินครบแหละค่ะ
ฝ่ายนี้ยังเป็นนักศึกษาค่ะ กำลังเรียนพยาบาล
(เวลาเขียนนิยายหายากพอสมควร ส่วนใหญ่ใช้เวลานอนมาทดเกือบทั้งหมด)
ปิดเทอมมาเขียนแบบบ้าคลั่ง มีครั้งหนึ่งที่ไฟล์หายทั้งหมด ท้อมาก เหมือนต้องใหม่ทุกอย่าง
(สาเหตุหลังนี่น่าจะเป็นผลให้เราตันและท้อด้วยเนาะ)
คราวหลังคงต้องดุ๊กดิ๊กให้หายเมื่อยซักหน่อยแล้ว
แต่กลิ่นกาแฟมินไม่น่าจะไหวค่ะ ยิ่งเป็นสายกินแหลก
น่าจะฟาดกาแฟเรียบมากกว่าจะนั่งเขียน ^^;;;
ถ้ามีโครงเรื่องหลักอยู่แล้ว แต่เราเพิ่มเนื้อหาย่อยเข้าไป ทำให้เกิดความไม่สมดุล เนื่องจากเนื้อหาที่เพิ่มเข้าไป มันพาเราออกไปนอกชายฝั่ง ดังนั้นลองตัดเนื้อหาที่ชวนออกนอกทะเลออกไปดู แล้ววกกลับมาที่โครงเรื่องหลักใหม่ มันอาจช่วยทำให้ดำเนินเรื่องต่อไปได้ครับ
โอ้...ความคิดเห็นนี้กระแทกใจอย่างจัง
เดี๋ยวมินจะลองนำไปปรับใช้ดูนะคะ
บางทีเนื้อหาที่เพิ่มมาอาจทำให้เราบรรยายลำบากและรวบยอดยากจริงๆ
บางครั้งเราอยากสร้างสถานการณ์ให้หลากหลาย ดันกลายเป็นสร้างปมใหม่โดยไม่ทันตั้งตัว
ได้อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆทำให้เริ่มเล็งเห็นปัญหาและช่องโหว่เยอะขึ้นมากเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยแนะนำ ^^
ลองกลับไปดูโครงเรื่องที่วางไว้อีกครั้งดีไหมคะ บางครั้งที่เราเพิ่มโน่นเพิ่มนี่มาทำให้เรื่องออกทะเลไป เราก็กลับไปดูโครงเรื่องหลักที่เราวางไว้ตอนแรก แล้วก็จะรู้ว่าตรงไหนที่เราจะนำเรื่องกลับเข้ามาได้
การแต่งหลายๆเรื่องพร้อมๆกันนี่เราไม่ทำค่ะ เพราะเรากลัวจะไม่เข้าใจอารมณ์ของตัวละคร แล้วก็ไม่อินไปตามเนื้อเรื่องที่กำลังแต่งอยู่
ความคาดหวังในงานเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วค่ะ แต่จะมากจะน้อยก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าคุณคิดว่าคุณคาดหวังงานตัวเองมากไป ก็ลองลดลง เปลี่ยนความคาดหวังให้เป็นความสุขในการเขียน แบบนี้อาจจะพอช่วยได้บ้างนะคะ
เวลาเขียนเราจะฟังเพลงไปด้วยค่ะ สำหรับเราเราว่าเพลินดี เขียนไปเรื่อยๆ ลองค่อยๆหาดูก็ได้ค่ะว่าอะไรจะทำให้คุณมีสมาธิเวลาเขียน
อย่าเครียดมากนะคะ ค่อยๆปรับไปเนอะ เดี๋ยวก็ดีเอง ^^
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
วิธีนี้จะลองปรับใช้ดูเนาะ
ตอนนี้เริ่มทยอยตัดเนื้อเรื่องที่เพิ่งเพิ่มออกบางส่วนตามคำแนะนำของเพื่อนๆ
พบว่าแต่งได้คล่องตัวขึ้นเยอะเลย ><
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?