แม่โกรธเรามากเลยที่เราไม่เรียนบัญชีให้+จะซิ่วกสพท.ปีหน้า แต่พ่อแม่ไม่ยอม ทำอย่างไรดีคะT^T
ตั้งกระทู้ใหม่
เราสอบได้คณะบัญชีของมหาลัยรัฐแห่งหนึ่งทั้งของมธ.กับของมหาลัยใกล้บ้านเลย จริงๆเราไม่ได้อยากสมัครหรอก จะหาว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัวเป็นพวกกั๊กที่ก็ได้นะ
เพราะก่อนหน้านี้วันสมัครแม่เราบังคับให้ลงบัญชีหมดเลย เพราะแม่เราต้องการจะให้เรียน วจก บัญชีของมหาลัยใกล้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านั้นทะเลาะกันหนักมาก แม่ทั้งตบเราพูดประชดต่างๆนาๆ เราทนสิ่งที่แม่อาละวาดไม่ไหวก็เลยสมัครไป
ผลสุดท้ายเราก็ติดม.ใกล้บ้าน ตามที่แม่ต้องการ แม่เราก็โอ้อวดไปทั่วทั้งได้คะแนนสึงสุดของม.ใกล้บ้านบ้าง ทับถมคนอื่นบ้างซึ่งเราไม่มีความสุขเลย
แต่วันไปสอบสัมภาษณ์เราก็ไปสอบตามปกตินะคะ พออาจารย์ถามเราก็บอกไปตามตรงว่าไม่อยากเรียน อาจารย์ก็บอกว่าเสียดาย ก่อนที่จะคืนสิทธิ์้เรา
แม่โกรธเรามาก ทั้งด่าเรา ตบตีสารพัด จนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว แม่ก็เอาแต่พูดประชด เราก็อธิบายส่าเราไม่อยากเรียนบัญชี เราอยากเรียนสัตวแพทย์มากกว่า เพราะเราต้องการจะรักษาสัตว์ ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวสวยๆทำงานเงินดีๆก็ได้ เพราะการช่วยเหลือและวิจัยสิ่งมีชีวิตใหม่ๆมันคือความฝันของเราเลย แม่ก็ดูถูกความฝันสารพัด บอกว่าไร้สาระ เป็นคนอกตัญญู เราเหนื่อยและเครียดมากๆ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว
เราเคยไปค่ายบัญชี เรารู้สึกว่าคณะนี้มันไม่ใช่ ธุรกิจกฎหมายอะไรแบบนี้เราไม่ชอบเลยคิดว่าไม่มีความสุขแน่ๆ คนรู้จักเราจบบัญชีจากม.ชื่อดังมา เขายังบอกเลยถ้าไม่ชอบจริงอย่าเรียน เราก็เลยไม่อยากเรียน
เราควรจะทำอย่างไรดีคะ เพื่อให้แม่เราเลิกประชด หรือยอมรับในความฝันและสนับสนุนเต็มที่ เราควรเรียนบัญชีเพื่อแม่ไปก่อนดีมั้ย ถ้าเราเรียนบัญชีไปก่อนเรากลัวว่า ถ้าอายุเราเกินจะสมัครคะสัตวแพทย์ไม่ได้อ่ะค่ัควรทำอย่างไรดีคะ
ปล.ตอนนี้เราลงวิทยาคอมของมศว รอบแอดอ่ะค่ะ คิดว่าน่าจะติด และน่าจะไปเรียนเลย ถ้าเราทำกิจกรรมน้อย ลงวิชาน้อยๆจะเป็นอะไรมั้ยคะ กลัวภาระเยอะจะอ่านหนังสือไม่ทันอ่ะค่ะ พ่อแม่พูดคุยเรื่องซิ่วทีไรจะทะเลาะทุกที
14 ความคิดเห็น
มุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน
คณะที่บอกมา มี สัตวแพทย์ วิทย์คอม บัญชี แพทย์ ด้วยมั่ง
ทั้งหมดนี่ มีทั้งข้อดีและไม่ดี เสมอ
ในมุมมองของเรา มีเรียน 4 ปี และ 6 ปี
มองในแง่ความมั่นคง มีหน้ามีตาในสังคม มีเงินใช้
สำหรับ 4 ปี ให้ บัญชี สำหรับ 6 ปีให้แพทย์
มาเปรียบเทียบ แพทย์ กับ บัญชี
แน่นอนว่า บัญชี เรียน ง่ายกว่า ถ้าขนาดหวังเรียนแพทย์ ก็น่าจะสอบได้ บัญชี จฬ มธ มก มศว แน่นอน
สองาขานี้ ผมให้บัญชี ดีกว่า จบเร็วกว่า
แพทย์ ต้องแย่งกันต่อเฉพาะทาง อดหลับอดนอน ที่แน่ๆ สุขภาพจิต
แม่อยากให้ลูกได้ดี น่าเสียดาย
อยากให้ลูกได้ดี หรืออยากให้ลูกสานต่อความฝันที่ตัวเองเป็นไม่ได้ ??
FYB โทษนะครับบัญชีก็ไม่ได้สอบยากอะไรเวอร์ขนาดนั้น จะทำตัวเวอร์ไปทำไมไม่เข้าใจ
เรื่องของเค้าครับ-กอล์ฟ ไม่ต้องเsอก
หัวอกเดียวกันครับแต่คุยจนยอมให้อยู่บ้านละ อนาคตเราใครก็มาบังคับไม่ได้ครับ สู้ๆ
เข้าใจหัวอกน้อง เพราะผ่านมาแล้ว และน่าจะทุกคนก็คงเคยประสบมา
"ถ้าเราทำกิจกรรมน้อย ลงวิชาน้อยๆจะเป็นอะไรมั้ยคะ กลัวภาระเยอะจะอ่านหนังสือไม่ทันอ่ะค่ะ "
<---ประโยคนี้ แปลว่าจะเรียนไปก่อนเหรอคะ?
แต่ก็จะลงสัตวแพทย์อยู่ดี ในปีหน้า?
...เมื่อน้องไปเรียน น้องหนีไม่พ้นในเรื่องการปรับตัว การทำความเข้าใจกับสิ่งที่น้องเรียน การศึกษาตารางเรียน การสังเกตอ.ที่สอนว่าชอบสั่งงานตอนไหน เป็นสัปดาห์หรือต่อคาบหรือในคาบแล้วส่งเลย อ.คนนี้ชอบเช็กชื่อไหม (เพราะปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เราสามารถตัดสินใจว่าจะทำตัวเหมือนgudetamaหรือเป็นหนอนใส่แว่น อ่านหนังสือยุวบนหอได้ไหม )
ในเมื่อเป้าหมายจริงของน้องคือสัตวอยู่ดี ...
-->ลงเรียนน้อยได้ไหม? แล้วแต่ม. ของม.พี่มันจะมียื่นร้องทำหนังสือขอลงเรียนน้อยกว่าหน่วยกิตที่กำหนด เพราะอะไร บลาๆ
--->ทำกิจกรรมน้อยได้ไหม? แล้วแต่คณะของน้อง
ว่ารุ่นพี่โหด หรือไม่อะไร(แล้วน้องกล้าแหกแหวกฎไหม? ) และขึ้นกับคณะที่น้องจะเรียนชอบจัดกิจกรรมหรือเปล่า? แล้วบังคับไหม
--->กลัวอ่านหนังสือไม่ทัน (ถ้าน้องมีเป้าหมายจริงๆแล้วและอยากทำมันจริงๆ เราเชื่อว่าน้องจะสามารถจัดตารางเวลาได้ น้องต้องอดทน ไม่นอกลู่ อยู่ในม. มันมีอะไรเยอะแยะที่อาจพาเราไขว่เขว่ได้ น้องต้องนึกถึงความฝันน้อง )
รักและอยากทำจริงหรือเปล่า?
ถามตัวเองดู ถ้ามั่นใจลุยโพดด!
--->ส่วนเรื่องของแม่นั้น นึกถึงความหวังดีของแม่
ยังไงเราหนีไม่พ้นจากแม่(ตอนนี้แม่อาจเป็นพายุ แต่สุดท้ายเมื่อจบจากรั้วมหาลัย เผชิญโลกของความเป็นจริง แม่จะคอยเป็นที่กำบังฝนแดดลมให้เรา:) คำประชดนั้น อาจน้อยใจที่เราไม่ยอมฟังเค้า พูดเรื่องซิ่วทีไรทะเลาะทุกที-->เลี่ยงก่อนถ้ายังไม่พร้อม(วกไปเรื่องอื่นหรือหนีไปทางอื่นอย่างดีๆ) ถ้าน้องพร้อมซิ่วแล้ว เมื่อน้องเอ่ย 'ซิ่ว' น้องต้องรู้อยู่แล้วว่า พายุจากพ่อแม่น้องต้องมาแน่ๆ ในขณะเดียวกันน้องอย่าลืมลูกเป็นที่ดี อย่าลืมพ่อแม่ เค้าโกรธเรา. เราย่อมรู้ว่าทำไมเค้าโกรธ งั้นเราอย่าโกรธเค้าคอยดูแล และสังเกต อย่าทำให้สิ่งเหล่านี้มันทำร้าย คำว่า 'เรา' ในครอบครัว
-->ที่ซิ่ว เพราะรักในฝันที่อยากใหเป็นจริง
-->ที่ไม่ฟัง ไม่ได้อยากชวนทะเลาะ
-->ดูแลเค้า ในขณะที่ทำสิ่งที่เค้าไม่ชอบ เพื่อบอกให้เค้ารู้ว่าน้องยังรักท่านเสมอ
.....ยาวเลยแฮะ
เข้าต้องการวิธีแก้ปัญหาครับ ไม่ได้มาสาธยายห่าเห่วไรแบบนี้ สมองกลับด้านหรอ
เหมือน-เหวออ่ะจขเม้น โพสhere ไรสะยาวเลย
น่าเห็นใจ...เรียนไปก่อน..นี่หมายความว่า? ถ้าคิดว่าปีหน้าซิ่วได้แน่ๆ แต่ต้องไปเรียนตามใจพ่อแม่ ก็ลงหน่วยกิตน้อยๆ และเน้นการอ่านหนังสือซิ่วเป็นหลัก..ผลเกรดจะเป็นอย่างไร สนใจไหม? คือถ้ามั่นใจว่าซิ่วได้แน่ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจผลเพราะไม่ได้เอามาใช้แน่ๆ แต่หากยังไม่แน่ใจว่าจะซิ่วได้ไหม..ก็ต้องสนใจเกรดที่จะได้ด้วย...
ก็ยังดีกว่าโดนพ่อแม่บังคับให้เรียนหมอ
ช่วยแนะนำอะไรจขกทไม่ได้เลย มาให้กำลังใจแทนนะคะ สู้ๆนะ
จขกทเคยเรียนกวดวิชาตามสถาบันอะไรมั้ยคะ เคยได้ยินว่ามีคนให้พี่ที่กวดวิชาในสถาบันดังๆคุยกับพ่อแม่ให้แล้วได้ผล ลองดูนะ
เรียนตามที่ชอบครับ แม่คุณไม่ได้มาเรียนแทนคุณ ชีวิตและอนาคตของคุณเป็นของคุณคนเดียว อย่าให้คนอื่นมาชักจูงได้ครับ เพราะดูแล้วแม่คุณคงไม่ฟังเหตุผลของคุณแน่ๆ แนะนำว่าถ้าเข้ามหาลัยแล้วก็อยู่หอเลยจะดีกว่าครับ สบายใจทั้ง 2 ฝ่าย(หรือเปล่า)
ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนเรียนไม่ชอบ อันนี้ ตัดสินใจได้เลยว่า มันไม่ใช่ทางของน้อง เพราะฉะนั้นเดินหน้าไปตามความฝันของตัวเองจะดีที่สุด เพราะเราเปนผู้เรียนและทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบ ซึ่งถ้าจะเรียนเพื่อเอาใจใครโดยที่เราต้องทุกข์ใจไปและทนเรียนไปก้อไม่รุ้ว่าจะจบหรือเปล่า ตอนนี้คืดว่าอยากเรียนคณะไหนให้ยื่นผลไปก่อน รอให้ ผปค. ใจเยนลงแล้วค่อยๆเข้าไปคุยกันว่า ถ้าได้เรียนในสิ่งที่ชอบเราจะทำได้ดีที่สุดบอกไปว่าก้อลงแอดคณะที่คุณแม่ชอบไปให้แล้วและก้อติดแล้วถ้าทนเรียนไปคงไม่จบแน่ อย่างมากก้อโดนงอนไปซักพักเดียว
ก้อดีเองนะ เอาใจช่วยนะสู้ๆๆๆๆๆ
เรื่องทางบ้านผมขอไม่ออกความเห็นนะ เพราะผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของคุณเป็นอย่างไร แต่ที่จะมาแนะนำคือเรื่องการเรียนในมหาลัย การที่จะลงเรียนน้อยๆตามใจตนเองนั้น เป็นความคิดที่ผิดนะ ควรลงตาม "คู่มือการศึกษา" ของปีนั้นๆ เพราะว่าในมหาลัยมีแผนการเรียนวางไว้อยู่แล้ว หากทำตามแผนไม่ได้ก็อาจจะเป็นพี่เปอได้เอาง่าย เนื่องจากบางวิชาต้องผ่านวิชาปรับพื้นฐานมากก่อน เช่น ต้องผ่านวิชาศึกษาทั่วไป ฟิสิกส์ทั่วไป 1 และ แคลคูลัส 1 (ในปี 1) ก่อนถึงจะเรียนวิชาวิชาเฉพาะ วิศวกรรมอาหาร (ในปี 2) ได้ แล้วถ้าหากสอบตกวิชาศึกษาทั่วไป ยังพอมีโอกาศให้แก้ตัวในภาคเรียนต่อไป (เพราะเปิดทุกเทมอ) แต่ถ้าหากตกวิชาเฉพาะ นี้แล้วแต่ดวงเลยว่า อ. ในภาคมีเวลามาเปิดสอนในภาคเรียนต่อไปไหม หรือไม่หากตกนิดหน่อยก็ต้องรอปีหน้าเรียนพร้อมกับรุ่นน้องเลย แต่ถ้าหากคิดจะซิ่วอยู่แล้วไม่ต้องไปเรียนในเสียเวลา เสียเงินหรอกครับ เตรียมตัวสอบไม่ดีกว่าหรอ
เราว่าต้องให้คนอื่นมาช่วยพูดแล้วแหละ ถ้ามันไม่ใช่ เรียนไปยังไงก็ทุกข์ใจ ผลที่ได้มันก็ไม่ดี
ถ้าจะเรียนไปด้วยแล้วจะซิ่วด้วยก็ต้องจัดเวลาดีๆนะ เริ่มอ่านตั้งแต่ตอนนี้เลยยิ่งดี เพราะการขอลงเรียนน้อยนี่ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน ถ้าขาดบ่อยก็หมดสิทธิ์สอบ อันนี้ส่วนตัวเราคิดว่าอยู่หอน่าจะดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องปะทะกันทุกวัน แต่อาจจะยากตรงจัดสรรเวลานี่แหละ ยังไงก็สู้ๆนะคะ
น้องลองค่อยๆคุย แล้วใจเย็นๆนะ
ขอเล่านิดนึง ตอนปีพี่ พี่ติดคณะวิทย์ของมหาลัยใกล้บ้านรอบรับตรง(ก็ประมาณรอบ3ของน้องเนี่ยแหละ) แต่พี่อยากรอแอดมากกว่า เพราะอยากได้อีกคณะนึงของอีกมหาลัย ช่วงนั้นก็ทะเลาะกันหนักมาก พ่อ แม่ พี่ น้อง ตา ยาย น้า ญาติๆ ทุกคนไม่ให้แอดทั้งหมด
จนสุดท้ายพี่ก็ขอประณีประณอม ขอเรียนก่อน1ปี ถ้ายังอยากซิ่วอยู่ จะซิ่ว (ทุกคนคิดว่าพี่จะเสียดายเวลา ไม่กล้าซิ่ว) ปัจจุบันพี่ซิ่วจนตอนนี้ปี3ละ มีความสุขมาก
สำหรับน้องพี่ก็แนะนำวิธีพี่นะ หาตรงกลางของครอบครัวน้องให้ได้ (พี่คิดว่าลองยื่นเงื่อนไขว่า ปีหน้าซิ่วสัตวะพร้อมบัญชี ถ้าไม่ติดสัตวะจะยอมเรียนบัญชีโดยไม่มีข้อแม้ เป็นแรงกระตุ้นให้เราอ่านหนังสือด้วย พ่อแม่ก็น่าจะยอมด้วย)
หัวอกพ่อคนหนึ่ง
คุณควรเรียนตามใจแม่ไปก่อน(แค่ประคองให้เกรดพอสมควรเพราะคุณทำได้อยู่แล้ว)แล้วอ่านหนังสือให้หนักขึ้นปีหน้าเอาคะแนนแอตไปโชว์ว่าเราสามารถทำได้หากคุณเป็นลูกผมรับได้
ถ้าเรียนสิ่งที่ไม่ชอบและอ่านหนังสือสอบปีหน้า ผมว่าน้องคงไม่ไหวและทุกข์กับสาขาที่ตนเองไม่อยากเรียนครับ
เสียดายน่าเอา บช.ไปก่อน พอเปิดเทอมปุ๊ปถ้าเค้าให้ดร็อปก็ดร็อปเลย คุยกับที่บ้านถ้าไม่ได้สัตวแพทย์จะกลับไปเรียน บช.
สัตว์แพทย์ แถวบ้าน ฝั่งหนึ่งเป็นคลินิค ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาล ลำพัง ฝั่งเดียวคนยังไม่ค่อยเข้าเลย แข่งขัน สูง มาก นักอาชีพ บัญชี ส่วนใหญ่ไม่มีใครชอบทำหรอก พี่สาวจบมา เกียตนิยม ปัจจุบันใกล้เกษีณร งานยังมีให้ทำอยู่เลย ตัวผู้เขียนจบสถิติ โท คอมไซดย์ ปัจจุบันงานไม่มี ต้องไปทำอาชีพอื่น ๆๆ ส่วนคอมทำเป็นงานอดิเรก ความสุข ในแต่ละวัย มันต่างกัน อย่าซีเรียส มันมาเกินไป น่ะหนู
ให้แม่ไปสมัครเรียนบัญชี
เห็นด้วยอย่างยิ่ง 55555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?