Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว#เรียนรู้เกี่ยวกับสเปรย์กันน้ำ สำหรับรองเท้า กระเป๋า และเครื่องหนัง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ
เราเป็นมือใหม่ อยากหัดทำรีวิว สิ่งที่เราสนใจหรือคะ? เน้นๆเลยก็จะมี รองเท้า/กระเป๋า, อาหาร, ท่องเที่ยว เรามีแอคใน Twitter ด้วยนะ  @collonilclmvt และ IG: collonil.clmvt ถ้าหากเพื่อนๆมีความสนใจคล้ายๆกับเรา ก็กดติดตามกันได้นะคะ จะได้อัพเดทข้อมูลข่าวสารกันได้ไวไว

รีวิวที่เราอยากทำก็คือ รีวิวเกี่ยวกับการดูแลรักษาและทำความสะอาดรองเท้า กระเป๋า ทั้งรองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ เพราะมีเพื่อนๆอีกมากที่ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร, หนังแบบนี้ ต้องดูแลยังไง, ทำยังไงให้รองเท้า/กระเป๋าสวยเหมือนเดิม บางคนก็กล้าที่จะลองผิด ลองถูก แต่บางคนก็ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกระเป๋า/รองเท้า สมัยนี้ราคาก็ไม่ใช่น้อย เราจึงอยากมาแนะนำวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้องจากประสบการณ์ตรงของเราเอง เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคน เราจะค่อยๆทะยอยทำรีวิวมาให้นะคะ เพื่อนๆคนไหนสนใจก็เข้ามาสอบถาม กดติดตามกันได้นะคะ

ช่วงนี้ก็เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว มาดูกันว่า เราควรเตรียมตัวรับมืออย่างไร เพื่อถนอมรักษารองเท้า/กระเป๋า ของเรา

เริ่มต้นที่สเปรย์กันน้ำกันเถอะ!



สมัยก่อนคนไทยยังไม่ค่อยมีใครรู้จักสเปรย์กันน้ำหรอกนะ เพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์ของทางยุโรป สาเหตุมาจากบ้านเมืองเขามีหน้าหนาว มีหิมะ รองเท้าบู๊ทหนังหรือเสื้อแจ๊คเก็ตหนังแท้ จึงเป็นเครื่องแต่งกายที่ช่วยกันหนาวได้เป็นอย่างดี แต่หนังแท้ก็ย่อมมีราคาสูง และศัตรูของหนังก็คือน้ำ/ความชื้น เพื่อนๆคงจะเคยเจอเหตุการณ์ที่เก็บรองเท้าหนังไว้ในตู้นานๆ พอมาดูมันอีกทีก็ขึ้นราซะแล้ว น่าเสียดายนะคะ

ส่วนประเทศที่มีหิมะ เขาจะเจอปัญหาหลักก็คือ รองเท้าโดนหิมะกัด หมายถึงทั้งหิมะบนเขาและหิมะในเมืองเลยค่ะ

เอ๊ะ.....แล้วหิมะบนเขากับหิมะในเมืองมันต่างกันอย่างไร หิมะบนเขาก็คือหิมะล้วนๆที่ไม่มีอะไรเจือปน แต่หิมะในเมืองโดยเฉพาะบนถนนและข้างทาง อย่าเผลอไปลองชิมนะคะ เพราะทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลถนนหนทาง เขาจะสาดเกลือเพื่อให้หิมะละลาย

ในระหว่างที่หิมะยังไม่ละลาย ผู้คนก็เดินย่ำไปบนหิมะที่มีเกลือผสมอยู่ ทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อรองเท้าหนังค่ะ เพราะมันทำให้เกิดคราบหิมะกัดบนรองเท้า และยากที่จะขจัดคราบให้หายไป บางคนถึงขั้นต้องโยนรองเท้าทิ้งกันเลยทีเดียว เพราะรองเท้าหมดสวย

คราบหิมะนี้สามารถเกิดขึ้นบนรองเท้าหนังเรียบ, รองเท้าหนังกลับ และรองเท้าผ้าใบ ดังนั้นประเทศทางยุโรปจึงได้คิดค้นวิธีป้องกันน้ำเพื่อปกป้องรองเท้าไม่ให้เกิดความเสียหาย โดยเริ่มต้นมาจากแว๊กซ์และพัฒนามาจนเป็นสเปรย์กันน้ำที่สามารถกันน้ำ กันความชื้นและกันรา อย่างทุกวันนี้

             คราบหิมะกัด ทำให้เกิดรอยด่าง ไม่สวยงามบนรองเท้า


       คราบหิมะกัด ทำความสะอาดได้ยากมากๆ หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย


           หนังที่มีสีเข้มขึ้นและรอยด่างขาวๆล้วนมีผลมาจากคราบหิมะกัด

เหตุผลที่เราควรใช้สเปรย์กันน้ำ
1. เชื้อรา บ้านเมืองเราอยู่ในเขตร้อน-ชื้น ถึงเราจะไม่มีหิมะ แต่เรามีฝนและความชื้นสูง ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดเชื้อรา เราจึงใช้สเปรย์กันน้ำเพื่อปกป้องรองเท้า/กระเป๋า และเครื่องหนังที่เราหวงแหน ให้มีสภาพดี สวยงาม และยืดอายุการใช้งานได้

2. ไอเกลือจากทะเล เพื่อนบางคนอาจเคยเจอปัญหานี้ สะพายกระเป๋าหนังสวยๆ ขึ้นเรือท่องเที่ยวทางทะเล หวังจะมีรูปสวยๆ แต่กลับบ้านแล้วต้องตกใจ เมื่อสีของกระเป๋าหนังเปลี่ยนไป ซีดลงหรือเกิดรอยด่างดวง ทั้งจากไอเกลือและน้ำทะเลที่อาจกระเซ็นใส่

3. รอยด่างจากคราบน้ำ โดยเฉพาะบนหนังฟอกฝาดและหนังกลับ ที่เกิดรอยด่างได้ง่ายมากๆและทำให้หนังมีสีเข้มขึ้น บางคนเรียกรอยประสบการณ์ ใช่ค่ะหนังแท้มีสเน่ห์ตรงที่ยิ่งใช้ สียิ่งเข้มขึ้น เหมือนสาวผิวแทน แต่ขอแบบเนียนสวยนะคะ ไม่ใช่แบบกระดำกระด่าง

4. ความชื้น แน่นอนว่าถ้ากระเป๋าเราโดนน้ำหรือเปียกน้ำ สัมภาระที่เราบรรจุอยู่ในกระเป๋าก็จะโดนความชื้นไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นกระเป๋าใส่อุปกรณ์เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพ ยิ่งต้องระวังนะคะ เพราะกล้องมีราคาแพง เราคงไม่อยากเก็บกล้องไว้ในกระเป๋าอมความชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราบนเลนส์กล้องได้ค่ะ

5. คราบสกปรก นอกจากสเปรย์จะกันน้ำแล้ว มันยังช่วยกันคราบสกปรก ฝุ่น ดิน โคลน ไม่ให้เปื้อนฝังลึกลงในเนื้อวัสดุ หรืออีกแง่หนึ่ง หมายถึง เราสามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

6. คราบสกปรกโดยเฉพาะบนหนังกลับ หนังกลับลักษณะผิวจะมีขนเส้นใย มีความสวยงามที่ทำให้หลายคนหลงใหล แต่หารู้ไม่ว่า หนังกลับทำความสะอาดได้ยากมากๆ ดูแลรักษายากกว่าหนังทั่วไป สำหรับหนังกลับ เมื่อแรกเริ่มที่ซื้อมาใหม่ๆ เพื่อนๆควรปกป้องมันด้วยสเปรย์กันน้ำโดยทันทีก่อนนำไปใช้งาน **ขอย้ำเลยนะคะ**

7. คราบน้ำมันจากมือเราเอง หูกระเป๋าของสาวๆมักจะเห็นได้ชัด ยิ่งถ้าทำจากหนังฟอกฝาดหรือเรียกอีกอย่างว่าคาวไฮด์ ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่า หนังที่เคยมีสีอ่อนกลับเข้มขึ้นจนคล้ำ วงการเครื่องหนังเขาเรียกว่าเกิด patina หนังมีสีเข้มขึ้นตามอายุการใช้งาน อย่างที่บอกว่ามันคือสเน่ห์เฉพาะตัวของหนังแท้ แต่บางคนก็ไม่ชอบเพราะมันดูเก่า อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลล่ะค่ะ แต่ที่แน่ๆก็คือ มือของเรามีทั้งเหงื่อและน้ำมันจากรูขุมขน ที่เป็นเหตุให้หูกระเป๋าคล้ำเร็วกว่าส่วนอื่นๆ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็จะช้อปปิ้งรองเท้า/กระเป๋ากันได้อย่างสบายใจขึ้นนะคะ 555 เพราะเรารู้วิธีปกป้องและถนอมรักษามัน ให้มีสภาพดีและใช้งานได้อย่างยาวนาน

หลักการใช้สเปรย์กันน้ำ
สเปรย์ก็คือสเปรย์ หลักการของสเปรย์ก็จะเหมือนกับที่เราใช้สีสเปรย์ หรือสเปรย์เช็ดกระจก นั่นคือ ถ้าเราฉีดพ่นแบบจ่อใกล้พื้นผิว มันก็จะรวมตัวกันเป็นของเหลว แต่ถ้าเราฉีดพ่นโดยเว้นระยะห่างจากพื้นผิวประมาณ 30 ซม. ละอองสเปรย์ก็จะคงสภาพเป็นละอองเข้าปกคลุมพื้นผิววัสดุ

ที่สำคัญ ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทดี เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมสเปรย์เข้าไปในร่างกาย

เรามาดูขั้นตอนการใช้งานพร้อมภาพประกอบกันดีกว่าค่ะ
1. ถือกระป๋องสเปรย์แนวตั้ง เขย่ากระป๋องสเปรย์ เพื่อให้สารเคมีภายในกระป๋องไม่นอนก้น และมีการกระจายตัวทั่วๆกันภายในกระป๋อง



2. ฉีดพ่นสเปรย์ โดยเว้นระยะห่างจากพื้นผิววัตถุประมาณ 30 ซม. และรักษาระยะห่างนั้นไว้ตลอดเวลาที่ฉีดพ่นสเปรย์จนทั่วทั้งวัตถุ



3. ทิ้งไว้ให้พื้นผิววัตถุแห้งดี ประมาณ 10 นาที แล้วฉีดซ้ำดังเดิมเป็นรอบที่ 2 ทิ้งให้แห้งอีก 10 นาที และฉีดพ่นสเปรย์ดังเดิมเป็นรอบที่ 3



4. การฉีดพ่นสเปรย์กันน้ำควรทำอย่างน้อย 3 รอบ เพราะเราต้องการให้อนุภาคเล็กๆของสเปรย์ เข้าปกคลุมพื้นผิวให้ทั่วถึงมากที่สุด นึกถึงสีสเปรย์ ถ้าเราพ่นเพียงรอบเดียว ละอองสเปรย์จะปกคลุมเบาบาง มีความหนาแน่นต่ำ พื้นผิวบางส่วนก็ไม่มีละอองสี เราจึงต้องพ่นซ้ำๆหลายๆรอบ

5. ประสิทธิภาพการป้องกันน้ำ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ได้ราวๆ 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น ขึ้นกับชนิดสเปรย์กันน้ำ และการนำรองเท้า/กระเป๋าไปใช้งาน สเปรย์กันน้ำบางชนิดมีประสิทธิภาพสูง อยู่ได้นานเกิน 1 เดือน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับการนำไปใช้ หากเราสะพายกระเป๋าและผิวกระเป๋าถูกเสียดสีกับเสื้อผ้าเป็นประจำ ก็มีผลทำให้ประสิทธิภาพการปกป้องค่อยๆลดลง



หมายเหตุ
1. ไม่ควรสเปรย์แบบจ่อใกล้พื้นผิว เพราะเราต้องการให้ละอองเข้าปกคลุมพื้นผิวในรูปแบบละออง เหมือนชั้นฟิล์มบางๆปกคลุมบนผิววัสดุ หากพ่นจนพื้นผิวเปียก ประสิทธิภาพการกันน้ำจะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร
2. ควรถือกระป๋องสเปรย์ในแนวตั้งตลอดเวลาที่ฉีดพ่น และทิศทางการฉีดพ่นควรตั้งฉากกับพื้นผิว
3. หลีกเลี่ยงการเก็บสเปรย์ในพื้นที่ที่มีแดดส่องถึงโดยตรง หรือใกล้กับแหล่งกำเนิดความร้อน
4. ควรเลือกใช้สเปรย์กันน้ำที่มีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่ดี หากคุณภาพและมาตรฐานการผลิตต่ำ ประสิทธิภาพการกันน้ำอาจจะอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ หลังจากฉีดพ่นใหม่ๆเท่านั้น
5. ควรเลือกใช้สเปรย์กันน้ำชนิดที่ระบุว่า Breathable หมายถึง ชั้นฟิล์มละอองสเปรย์ที่ปกคลุมพื้นผิว ปิดกั้นเพียงน้ำและความชื้น แต่ยังสามารถปล่อยให้อากาศไหลผ่านชั้นวัสดุได้ตามปกติ จุดนี้จะไม่ทำให้การสวมใส่รองเท้าหรือแจ็คเก็ต รู้สึกร้อนอบอ้าว เหงื่อแตก เพราะยังคงมีการระบายอากาศและอุณหภูมิได้ตามปกติ

เพียงเท่านี้ เพื่อนๆก็สามารถใช้สเปรย์กันน้ำได้อย่างถูกวิธี และทำกันน้ำให้รองเท้า/กระเป๋าได้เองที่บ้าน เตรียมพร้อมรับหน้าฝน หรือเตรียมความพร้อมก่อนไปเที่ยวสถานที่ที่มีหิมะ โดยไม่ต้องกังวลถึงความเสียหายต่อรองเท้า/กระเป๋า ของเราแล้วค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>