[ชวนคุย] หลังจากเขียนนิยายจบแล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเขียนเรื่องต่อไปได้คะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เราเพิ่งเขียนนิยายจบค่ะ อาทิตย์กว่าๆ แล้ว เรารู้สึกค้างคากับเรื่องเก่ามาก ทั้งๆ ที่เขียนจบแล้ว ลงจนจบแล้ว แต่ยังไปเขียนเรื่องใหม่ไม่ได้ (เขียนไปได้ตอนเดียว) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องเดิมพอลงตอนจบ คนก็เข้ามาอ่านกันอีกระลอก ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่าคนจะมาจะเท่าๆ เดิม ตกใจมาก เพราะตอนแรกไม่ค่อยมีคนอ่าน 555
อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเหนื่อย เพราะลุยเขียนแบบไม่ได้พัก 3 ภาคในระยะปีกว่าๆ
ตอนนี้หัวมันยังคิดถึงแต่นิยายเรื่องเดิม ตัวละครในเรื่อง บรรยากาศในเรื่อง อยากกลับไปรีไรต์ ทั้งๆ ที่ตอนแรกคิดว่าจะปล่อยไป ไม่ได้จะทำอีบุ๊กหรืออะไร เพราะคนอ่านไม่ได้เยอะมากน่ะค่ะ เลยจะรีบไปเขียนเรื่องใหม่ อันนี้คือที่วางแผนไว้นะ
แต่พอเอาเข้าจริง หยุดคิดถึงเรื่องเดิมไม่ได้ เหมือนนิยายจบอารมณ์ไม่จบ hangover อาการนี้เราเคยเป็นเวลาอ่านหนังสือที่ชอบมากๆ ตอนอ่านจบจะอารมณ์ค้าง พอมาเป็นคนเขียนสงสัยอาการจะหนักขึ้นค่ะ 555
มีใครเคยเป็นแบบนี้บ้างมั้ยคะ แล้วมีวิธีแก้ยังไงบ้าง ต้องใช้เวลานานมั้ยคะ หรือไม่เป็นเลย แชร์กันนะคะ
17 ความคิดเห็น
มันแค่ยังไม่ชิน พอห่างเรื่องเก่าสักพัก
เริ่มเรื่องใหม่ก็พักนึงค่ะกว่าอารมณ์เรื่องใหม่จะมาแบบสมบูรณ์
ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าที่เข้าทางค่ะ และแต่ละเรื่องก็ไม่เท่ากัน
ถ้าอินมากอาจจะค้างนานนิดนึง
เรื่องนี้มันยาวมากด้วยค่ะพี่ เลยอินมาก สงสัยจะนานเลยค่ะ 555
ผมว่าคุณน่าจะไปเขียนแฟนฟิค ปริศนาปราสาทครอสตัน อีกสักภาคนะครับ
( เอาแบบสั้นๆก็พอ ให้เราหายอยาก จะจบแบบ ฮา หรือ แฮปปี้เอนดิ้ง ก็ดูดีทั้งนั้น )
คิดซะว่าเป็นของขวัญให้กับนักอ่านได้ผ่อนคลายไปกับตัวเราด้วยเลย
( จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในนิยายของตนเอง เพื่อใช้เป็นยาช่วยละลายความค้างคาในใจให้จบบริบูรณ์ )
ขอบคุณค่ะ เราว่าเราคงต้องกลับไปรีไรต์ให้มันจบๆ และเขียนตอนพิเศษสักหน่อย คงจะหายค้างคาค่ะ 555
เราก็ค้างนานพอควรเลยค่ะ มันรู้สึกว่ายังไม่อินกับเรื่องใหม่ แต่ก็พยายามจะเขียนนะคะ ล่าสุดกว่าจะหายเกือบครึ่งปี -*- ขอมาเกาะขอบรอฟังคำตอบด้วยคนค่ะ
ครึ่งปีเลยเหรอคะ เราหวังว่าเราจะไม่นานขนาดนั้นค่ะ
เราแต่งเรื่องใหม่ทันทีเลยค่ะ จะมีความสุขเป็นพิเศษด้วย ชอบความรู้สึกเวลาแต่งจบแล้วได้คิดเรื่องใหม่ต่อ ตื่นเต้นดี
แต่เพราะปกติแต่งพร้อมกันหลายเรื่องอยู่แล้วก็เลยไม่มีปัญหากับการปรับอารมณ์ให้ไปอินกับเรื่องใหม่น่ะค่ะ
ดีจังเลยค่ะ เรามันพวกเขียนได้ทีละเรื่อง ไม่งั้นมันจะตีกัน แบบนี้อยากเขียนหลายๆ เรื่องพร้อมกันได้บ้าง 555
มันก็ดีเสียต่างกันนะคะ เราก็อยากจะทุ่มเทกับเรื่องเดียวให้มันดีสุด ๆ ไปเลย จะได้ไม่มีเรื่องที่ดองให้คนอ่านรอด้วย แต่ดันเป็นพวกเบื่อง่ายเลยต้องมีเรื่องอื่น ๆ ไว้แก้เบื่อน่ะค่ะ
นั่นสินะคะ ตอนแรกเราก็เปิดอีกเรื่องไว้ค่ะ แต่งานยุ่งมาก คิดว่าถ้าไม่ปิดเรื่องนั้นจะเขียนไม่เสร็จ เลยมามุ่งเขียนเรื่องเดียวจนจบเนี่ยแหละค่ะ แต่ตอนนี้ก็ดันมีปัญหาอารมณ์ค้าง 555
ปกติเราเขียนพร้อมกันหลายเรื่องค่ะ (แต่ลงทีละเรื่อง) เรื่องหนึ่งจบก็สลับมาเขียนเรื่องที่ไม่จบต่อค่ะ มันก็เลยไม่ค่อยอะไรเท่าไร พอยังไม่เปิดเรื่องใหม่ก็ดีอย่างตรงเราก็เอ้อระเหยต่อไปเรื่อยๆ แต่พอเปิดเรื่องจริงคงทำแบบนี้ไม่ได้
เราว่าต่อจากนี้เราจะเขียนให้จบก่อนแล้วค่อยมาลงค่ะ เพราะว่าเร่งๆ เขียนตอนต่อตอนมันกดดันเหมือนกัน แล้วเราคิดเหมือนกันว่าช่วงนี้จะพักไปก่อน เพราะเรื่องนั้นกว่าจะจบก็เหนื่อยมากๆ ตอนนี้ยังเหนื่อยไม่หายเลยค่ะ 5555
เราเขียนจบแล้วต่อเรื่องใหม่ทันทีค่ะ ไม่มีอารมณ์ค้างคาใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะรู้สึกว่าส่งตัวละครไปยังฝั่งฝันเรียบร้อยแล้ว แต่เราว่าความคิดถึงตัวละครแบบที่คุณจขกท.กำลังประสบอยู่ก็ดีไปอีกแบบนะคะ น่าจะทำให้เขียนตอนพิเศษเพื่อคลายความคิดถึงได้เรื่อย ๆ
ตอนแรกสุดที่เราลงตอนจบเรารู้สึกโล่งมากเลยค่ะ และคิดว่าส่งตัวละครถึงฝั่งแล้ว #น้ำตาซึม ตอนนั้นก็คิดนะว่าจะปล่อยวางได้ แต่พอลงตอนจบไป นักอ่านมาเมนต์กัน ทั้งคนเก่าคนใหม่ บางคนก็เพิ่งมาอ่าน มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรายังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมค่ะ 5555
สำหรับตัวแอมนะคะ เป็นเหมือนเจ้าของกระทู้เลยค่ะ คือเหมือนอารมณ์ ฟิลลิ่งของเรื่องนั้นๆ ยังติดค้างในใจ จบแล้วเหรอ นี่จบจริงๆ ดิ มันคิดถึงอะค่ะ55555 อารมณ์ประมาณนั้นเหมือนกัน ต้องปรับอารมณ์ก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพวะตอนนั้นๆ ด้วยว่าเป็นยังไง แบบเพิ่งเขียนแนวดราม่า จะหักดิบมาเขียน คอมเมดี้ก็แบบ แนวภาษาก็เปลี่ยนหน่อยๆ 5555555 เพราะบรรยายจะคนละแบบ คนละอารมณ์ 555555 เข้าใจเลยค่ะ ตอนนี้ก็เขียนเรื่องใหม่ไม่ได้เหมือนกัน เพราะเพิ่งเขียนจบเรื่องแนวดราม่า 555555
เป็นเหมือนกันเลยค่ะ 5555 แบบมันค้าง มันยังคิดถึงแต่เรื่องเดิม คือนิยายของเราตอนลงเรารีบแต่งรีบลงมาก มีหลานตอนที่ตัดออก เพราะเขียนไม่ทันอะไรงี้ มันก็จะแวบๆ เข้ามาอยู่เรื่อยค่ะ 5555
แล้วเรื่องมันรายละเอียดเยอะ เป็นโลกของมัน จะไปเริ่มเขียนในโลกใหม่ เหมือนก็ยังออกจากโลกเดิมไม่ได้ 555
เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ ๆ
ขอบคุณค่า
หืม...แบบนี้เองสินะที่ยังไม่อัพนิยายเรื่องนั้น ว่าจะอ่านสักหน่อย
นิยายเรื่องใหม่ก็เหมือนบ้านใหม่ที่เราเพิ่งเข้าไปอาศัย ไม่ว่ายังไงลึก ๆ ในใจก็ย่อมคิดถึงบ้านเก่าที่เราเคยอาศัยอยู่
ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งผูกพัน
ยิ่งฝืนลืมยิ่งคิดถึง เพราะจะให้หักดิบลืมเลยก็ไม่น่าได้ ดังนั้นเราควรแบ่งเวลา แบบคิดถึงบ้านเก่าสัก 70 บ้านใหม่ 30 และเราค่อย ๆ ขยับไปทางบ้านใหม่ทีละนิดอะไรแบบนี้อ่ะนะ
อย่าเอาคำว่านิยายเก่ามาปิดโลกของนิยายใหม่ดีกว่า
จะว่าไปปราสาทครอสตันมันโดนเอ็ดเวิคทำลายไปแล้วนิ
ไม่ได้ถูกทำลายนะคะ หนูเล็กกับเพื่อนๆช่วยกอบกู้ไว้ได้ค่ะ
มันคล้ายกับเวลาเราเขียนจบตอนหนึ่ง หัวจะยังวนเวียนกับตอนนั้น และต้องกลับไปแก้ไขใหม่ เราเป็นแบบนั้น แต่ตอนที่เราเขียนนิยายจบ เรากลับขี้เกียจมาก ที่จะกลับไปรีไรท์ เรากลับอยากเขียนเรื่องใหม่มากกว่า ไม่อยากเขียนเรื่องเดิมแล้ว คล้าย ๆ แบบนี้ไหมคะ
เป็นสลับกันเลยค่ะ เวลาเขียนตอนนึงจบเราจะทิ้งไปเลยค่ะ แล้วเดินหน้าต่อ 5555 แต่พอจบเรื่องกลับค้าง
เราเป็นประเภท เขียนแล้วต้องทิ้งไว้ค่ะ มันจะยังไม่นิ่ง ต้องกลับไปแก้ไข เพิ่มเติมอีกสักพักหนึ่งค่ะ พอเขียนจบเหมือนต้องพักผ่อน 55555 เลยขี้เกียจ ><
เป็นเหมือนกันค่ะ เขียนเสร็จแล้วพัก แล้วแก้หลายๆ รอบ แล้วค่อยลง แต่พอลงไปแล้ว จะไม่อยากกลับไปดูอีกเลยค่ะ 5555
เขียนต่อเลยค่ะ^^
เรื่องมันจบแล้วง่า
หมายถึงเปิดเรื่องใหม่เบยยยยย
เราคิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ จริงๆ ด้วยค่ะ เข้าใจผิดเป็นเรื่องเก่าไปได้ 555
เรื่องใหม่เปิดเรื่องไว้แล้วละค่ะ แต่หลังจากลงไปตอนเดียวก็ไม่มีอารมณ์เขียนเลย ฮือ
เราเป็นคนที่แต่งเรื่องเก่าจบเราก็สามารถแต่งเรื่องใหม่ได้ในทันทีเลยค่ะ
แนะนำให้ออกไปเดินเล่นข้างนอก ลองออกไปเที่ยวเล่นบ้าง มองไปรอบๆเผื่อจะมีแรงบรรดาลใจในการแต่งเรื่องใหม่ ขนาดนั่งบนรถเมล์ มองไปยังตลาดตึกราบ้านช่องก็ยังหยิบมาแต่งนิยายได้เลยค่ะ555555555555 เหมือนกับการหาสิ่งใหม่ๆใส่หัวตลอดเวลา เราจะได้ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเก่ามาก หรือไม่ก็หยิบเรื่องเก่านั่นแหล่ะค่ะ มาเป็นแรงบรรดาลใจในการแต่งเรื่องใหม่ อาจจะเอามาพลิกแพลงนิดๆหน่อยๆ แล้วบอกว่าอินสปายมาจากเรื่องเก่าอะไรทำนองนี้แหล่ะค่ะ55555555555555 สู้ๆนะคะ ขอให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆได้ ไฟต์ติ้ง
ดีจังเลยค่ะ เราลองทำมาหลายอย่างเหมือนกัน ออกไปเดิน ไปทำอะไร คือไอเดียเรื่องใหม่มันก็มานะคะ มาเยอะด้วย และเราก็จดๆ ไว้ แต่พอจะเขียน ใจมันไม่ไปค่ะ เพราะเรื่องเก่ามันก็ยังคิดถึงอยู่เหมือนกัน
ขอบคุณนะคะ เราจะหาทางสู้ต่อไปค่ะ
สักสองสามวันค่ะ ถ้าคิดเรื่องอะไรได้ ก็จะจดเอาไว้เลยค่ะ และบางทีมันก็คิดขึ้นมาได้เลยล่ะค่ะ
ดีจังเลยค่ะ แสดงว่าเริ่มใหม่ได้ตลอด
ชั่วชีวิตครับ เพราะเขียนอะไรไม่เคยจบเลย 555
(เค้าล้อเล่น!)
55555 อย่างงี้ก็ได้เหรอ
ยังไม่เคยเขียนอะไรจบเลยฮะ แม้แต่เรื่องสั้น555
แต่แนะนำว่าถ้ายังรู้สึกไม่อยากเขียนก็อย่างเพิ่งเขียน อารมณ์เรื่องเก่ายังค้างอยู่ เดี๋ยวจะทำได้ไม่เต็มที่นัก แหะๆ รอฟีลได้ก็ค่อยเขียนก็ได้มั้งฮะ
แต่นี่ก็เป็นคำแนะนำจากคนที่ยังไปไม่ถึงจุดนั้น 5555 มันก็ชิลๆหน่อยแบบอารมณ์มาค่อยเขียนงี้ เลยไม่ได้เขียนซักทีนี่ไงฮะ ไม่จบซักที เพราะงั้นถ้าจขกท.ได้กำหนดวางแผนมีเดดไลน์ ว่าจะเขียนเรื่องต่อไปแล้ว แต่ยังคิดถึงเรื่องเก่าอยู่ก็ตามที ยังไงก็ต้องเขียนต่อไปนะ จะได้จบอีกเรื่อง มีผลงานตั้งสองเรื่องแล้วนะทีนี้ :D สู้ๆน้า
ขอบคุณนะคะ ตอนนี้เราเลยคิดว่าจะยังไม่เขียนเรื่องใหม่ค่ะ จริงๆ พล็อตมันก็มาเยอะแล้วนะ แต่ยังรู้สึกไม่อินมากพอที่จะเขียน เพราะมันเพิ่งเริ่มไม่นานด้วยแหละ แต่เรื่องเก่ามันเขียนมาเกือบปีครึ่ง T^T ตอนนี้คงจะรีไรต์ของเก่า หรือพักไปก่อนแหละค่ะ
สู้ๆ เช่นกันนะคะ
ตอนเขียนเรื่องแรกจบ ผมก็ทิ้งเวลาไประมาณเดือนนึงครับ ตอนแรกก็ว่าจะ rewrites เรื่องเก่าแต่คิดไปคิดมา เกิดนึกอยากเขียนเรื่องใหม่ ก็เลยลงมือเขียนเลย
แต่เรื่องใหม่ที่ว่าก็มีโยงไปยังเรื่องเก่าเป็นบางครั้งบางคราว เช่น เหตุการณ์ที่มีความสัมพันธ์กันหรืออ้างถึงตัวละครเอกที่เคยปรากฏในเรื่องที่แล้ว เหมือนเป็น ester eggs ให้เราสนุกที่จะเขียนเรื่องใหม่ต่อ (คนอื่นสนุกหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมสนุกนะ 555)
เรื่องใหม่ของเรามันคนละภพกับเรื่องเก่าเลยเนี่ยแหละค่ะ เลยโยงกันไม่ได้ 5555555
ตอนนี้ยังอินๆ กับเรื่องเดิมอยู่เลยค่ะ คงจะรีไรต์ครอสตันไปก่อน
ยังเขียนเรื่องยาวไม่จบเลยแนะนำไม่ได้ ส่วนตัวมีแต่ต้องดึงตัวเองให้กลับมาเขียนต่อ เพราะใจชอบลอยไปนิยายเรื่องใหม่ที่จะแต่ง5555 ถ้าเป้นแบบจขกท.แสดงว่าเรื่องที่เพิ่งจบไปยังมีอะไรค้างคาอยู่หรือเปล่าคะ มีปมที่ยังไม่ได้แก้ไหม? มีตัวละครไหนที่คิดว่ายังสามารถมีฉากได้อีกไหม
ถ้าคิดถึงมากก็ลงสเปเชียลดีไหมคะ จะดีขึ้นหรือเปล่า ;_;
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?