แชร์ปสก.ยื่นพอตรอบ1แพทย์ มข.(ใช้ BMAT)
สวัสดีน้องๆ dek62 ++ ทุกๆคนที่มาอ่านกระทู้นี้จ้า กระทู้นี้เป็นกระทู้เกี่ยวกับการแชร์ประสบการณ์การยื่นพอตหมอ มข. รอบ1แต่บอกก่อนว่าเราไม่ติดนะ 555+ แต่เราก็อยากมาเล่าประสบการณ์และให้ข้อมูลเล็กๆน้อยๆ เผื่อเป็นประโยชน์กับน้องๆที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าหมอรอบไหนดี.....
ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าอาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่เราใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆ เราเริ่มเตรียมตัวจริงจังตอนม.4อันที่จริงเราไม่ยึดติดกับสถาบันมาก ประมาณว่าถ้าได้ ตจว.เราก็โอเค แต่ในใจลึกๆก็อยากอยู่กรุงเทพเหมือนกัน เพราะไม่อยากไปไกลบ้าน และก็แอบมีที่ในฝันเหมือนกัน (คณะแพทย์แถวท่าน้ำอ่ะ ^^) แต่เราเป็นเด็กธรรมดาไม่ได้หัวดีอะไร คนเก่งๆก็มีเยอะ เราจะไปสู้เค้าได้หรออ(ความคิด ณ ตอนนั้น)
พอเราขึ้น ม.6 (เราเป็น dek 61) ปีเราเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง เป็นปีที่คณะแพทย์หลายๆที่เริ่มใช้คะแนน BMAT ในการยื่นเข้า เหมือนแต่ก่อนคณะแพทย์แต่ละที่จะจัดสอบเอง แต่พอมาปีเรากลายเป็นว่าระบบเปลี่ยน ข้อสอบต้องเป็นข้อสอบกลางเท่านั้น (พวก gatpat 9 วิชาสามัญ) มหาลัยจะออกข้อสอบเองไม่ได้ มหาลัยหลายๆแห่งเลยแก้ปัญหาโดยการใช้ข้อสอบ BMAT (เป็นข้อสอบเข้าแพทย์ของประเทศอังกฤษซึ่งค่อนข้างมีมาตรฐานมาก)
เข้าเรื่อง....
การเข้ารอบ 1 แพทย์ มข. มี 2 โครงการคือ mdx และ md02
mdx จะเปิดรับ นร. ทั่วประเทศแต่ md02 จะเฉพาะ นร. ในจังหวัดที่ทางมหาลัยระบุเท่านั้น โครงการที่เรายื่นคือ mdx โครงการ mdx จะมีกำหนดเกรดรวมขั้นต่ำ 3.5 , มีผลสอบภาษาอังกฤษ (โดยน้องๆสามารถเลือกสอบได้ มีทั้ง TOEFL, IELTS ,CU-TEP, KEPT) และมีผลสอบ BMAT part 1 และ part 2 รวมกันเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 เต็ม 9 (ปี 61) แต่ ปี 62 เปลี่ยนเป็น 4.5
****ทั้งนี้น้องๆ ควรจะดูรายละเอียดจากทางมหาลัยดีๆเพราะแต่ละปีจะไม่เหมือนกัน****
เราขอเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับภาษาอังกฤษแต่ละตัวที่เราไปสอบมาละกัน
-เราสอบภาษาอังกฤษ 2 ตัว คือ CU-TEP และ KEPT เนื่องจากค่าสอบถูกสุดแล้ว 555+
สำหรับเราคิดว่า KEPT ง่ายกว่า CU-TEP อยู่มากนะ แต่ติดตรงที่ KEPT ต้องไปสอบที่ขอนแก่น
-ส่วน BMAT จะแบ่งเป็น 3 part
Part 1 : คล้ายๆข้อสอบความถนัดแพทย์พาทย์เชาว์บ้านเราแต่เป็นภาษาอังกฤษ เราคิดว่าพาทย์นี้ยากสุด โจทย์ค่อนข้างยาวและต้องแข่งกับเวลา
Part 2 : เป็นโจทย์ เลข+วิทย์ จะไม่ลึกเท่าข้อสอบเข้าหมอบ้านเรา ที่สำคัญคือต้องแปลโจทย์ให้ออก
Part 3 : เป็นพาทย์ writting เค้าจะให้หัวข้อมาแล้วให้เราเขียนเรียงความ พาทย์นี้ มข. ไม่กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำเหมือนสองพาทย์แรก
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด.......
CU-TEP - ค่าสอบรอบละ 900 เราสอบไป 3 รอบ (เพื่อเอาคะแนนที่ดีที่สุดไปยื่น) รวมเป็น 2700
KEPT - ค่าสอบรอบละ 500 เราสอบ 2 รอบ (วันเดียวกัน เช้า- บ่าย) รวมเป็น 1000
BMAT - อันนี้โหดสุดค่าสอบ 7000
ถ้ารวม ค่าสอบ+ค่าติว CU-TEP และ BMAT+ค่าเดินทางไปสอบ KEPT ที่ขอนแก่น ก็ปาไปสองหมื่นเกือบสามหมื่นเหมือนกัน ซึ่งสำหรับเรามันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากกก เพราะบ้านเราก็ฐานะปานกลางไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย แต่ถามว่าถ้าติดมันคุ้มค่ากับการลงทุนมั๊ย คำตอบคือ คุ้มมากเช่นกัน และอีกเหตุผลหนึ่งที่เราตัดสินใจลองสอบรอบนี้คือ รอบนี้ก็เป็นอีกโอกาสนึงในการเข้าหมอ เลยตัดสินใจลองดูซักตั้ง
วันประกาศผลสอบ BMAT………
เนื่องจากคะแนนภาษาอังกฤษของเราผ่านเกณฑ์และเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็เหลือแค่รอลุ้นผลสอบ BMAT ที่ออกหลังสุด เกณฑ์คือต้องมีคะแนนรวมเฉลี่ยสองพาทย์แรก 5 ขึ้นไป (เต็ม 9) ตอนนั้นจำได้ว่าพอตื่นนอนปุ๊บก็รีบกรอกรหัสแล้วดูผลเลย บอกก่อนว่าตอนนั้นเราหวังไว้มากพอสมควรว่าต้องเกิน 5 เพราะตอนสอบรู้สึกว่าพอทำได้และเราลงทุนกับรอบนี้ไปค่อนข้างเยอะมากๆ พอเปิดผลสอบปุ๊บมาเราเอาคะแนนสองพาทย์มาบวกกันแล้วหารสอง
ผลคือ.....ไม่ถึง 5 !!!!!! จำได้ว่าได้ 4.9 ปลายๆ แบบอีกนิดเดียวเอง..... ตอนนั้นเราอึ้งไปเลย แบบในหัวมันตื้อไปหมด เดินออกจากห้องมาบอกแม่แล้วก็ร้องไห้ แต่แม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเราและปลอบใจว่าดีซะอีกจะได้ไม่ต้องไปไกลบ้าน ตอนนั้นก็ร้องไห้ไปหลายวันเหมือนกัน เป็นความรู้สึกกลัวด้วยว่าถ้าไปรอบ 3 แล้วเราจะพลาดอีกมั๊ย ?? บวกกับ เสียดายตังพ่อแม่ด้วย 555+ ตอนแรกก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะยื่นดีหรือไม่ยื่นดี เพราะเราคิดว่าคุณสมบัติไม่ผ่านยังไงก็ไม่น่าติด
แต่ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วน่าจะลองยื่นไปให้รู้แล้วรู้รอด สรุปเราก็ยื่นไป ผลก็คือ...........ไม่ติดจ้า (ก็แหงอยู่แล้วคุณสมบัติไม่ผ่านมันจะไปติดได้ยังไง 555+)
อ๋ออ ลืมบอกไป ที่เราชอบเรียกกันว่า “ยื่นพอตรอบ 1” ความจริงแล้วคือไม่ต้องทำพอตเป็นเล่มๆนะ ปีเราจะให้เข้าเว็บแล้ว insert ภาพ/หลักฐาน ที่เราได้รับรางวัล/เข้าร่วมแข่งขันหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆแล้วบรรยายใต้ภาพสั้นๆเฉยๆ (สำหรับคณะแพทย์ มข. นะที่อื่นเราไม่แน่ใจว่าเหมือนกันมั๊ย)
เหตุผลที่ทำให้คะแนนไม่ถึง...........
เราคิดว่าเรายังเต็มที่ไม่มากพอ เราเพิ่งมาเตรียมตัวจริงจังก่อนสอบ BMAT ประมาณไม่กี่อาทิตย์ก่อนสอบ ที่ผ่านมาเราเตรียม 9 วิชาสามัญและความถนัดแพทย์มาตลอด เราไม่โทษใครนอกจากตัวเราเองที่แบ่งเวลาไม่เป็น เรากลัวว่าถ้าทิ้ง 9 วิชาสามัญมาทุ่ม BMAT แล้วถ้าเราไม่ติดรอบแรกเราจะเสียเวลาในการอ่าน 9 วิชาสามัญไป (อีกประมาณ 6 เดือนสอบ 9 วิชาสามัญ) เราประมาทคิดว่า BMAT ไม่ยากมากไม่ต้องอ่านเยอะก็ได้ เอาเวลาไปเตรียม 9 วิชาเผื่อไว้ดีกว่า ถ้าเราแบ่งเวลาดีๆ ก็อาจจะติดรอบแรกไปแล้ว สุดท้ายพอรู้ตัวว่าไม่ติดรอบ 1 จริงๆ เราก็มาเต็มที่กับรอบกสพท. คราวนี้จริงจังมาก แบบใช้พลังเฮือกสุดท้ายที่มีทั้งหมด 555+ ผลสุดท้ายเราก็ติดรอบกสพท.(ติดคณะแพทย์ในฝันของเรานั้นแหละ^^)
สรุป............
พี่อยากให้น้องที่อยากเข้าแพทย์ตัดสินใจดีๆว่าเราเหมาะกับรอบไหน ถ้าน้องเก่งภาษาอังกฤษ,ไม่เดือดร้อนเรื่องค่าสมัครสอบต่างๆที่ค่อนข้างสูง และพอมีผลงานการแข่งขันหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ รอบ 1 ก็ป็นตัวเลือกที่ดีและน้องคนไหนที่ตัดสินใจเข้ารอบ 1 แล้วก็อยากให้น้องๆนำข้อผิดพลาดของพี่เป็นบทเรียน แต่ไม่ว่าน้องจะตัดสินใจเข้ารอบไหนก็ตาม น้องต้องมุ่งมั่นกับสิ่งที่น้องเลือก ให้บอกตัวเองเสมอว่า “เราทำได้ !!!” ทำอะไรเราต้องทำให้สุด
สุดท้ายนี้เราก็อยากเป็นกำลังใจให้น้องๆทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้าแพทย์ มันอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่พี่รับรองว่าผลลัพธ์มันคุ้มค่ากับความพยายามของเราอย่างแน่นอน
****นี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกของเราหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า****
14 ความคิดเห็น
ขอบคุณครับ เป็นประโยชน์สำหรับน้องๆรุ่นหลังมากครับ
พี่ช่วยแนะนำการเตรียมตัวสอบbmat ด้วยได้มั้ยค้าา คือแบบ คะแนนพี่สูงมากสำหรับหนู
เราแนะนำว่าให้ฝึกทำข้อสอบเก่าย้อนหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าลืมจับเวลาด้วยละ ส่วนนส.เราใช่เล่ม BMAT700 เป็นนส.แบบฝึกหัด จะแยกโจทย์ออกเป็นพาร์ทๆ
มีเฉลยละเอียด ให้ฝึกทำก่อนทำข้อสอบจริง
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ️️
หนังสือซื้อที่ไหนเหรอคะ?
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ มีประโยชน์มากค่ะ พี่เก่งมาก อยากรู้ว่าหลังจากรู้ผลBMAT ไปแล้วเตรียมตัวรอบ กสพท.ยังไงบ้างคะ
ตอนนั้นเหลือเวลาอีกประมาณ6เดือนจะสอบ9วิชาสามัญ ช่วงนั้นเราเริ่มทำข้อสอบเอ็นทรานส์เก่าๆแต่ละวิชาแบบรวมบท(ก่อนหน้านี้ทำแบบแยกบท) และควรเหลือเวลาไว้1-2เดือนในการทำฝึกจับเวลาทำข้อสอบจริงเก่าๆของ9วิชาสามัญ การฝึกทำข้อสอบจริงสำคัญมากมันทำให้เรารู้ตัวเองว่าความรู้และสปีดในการทำข้อสอบเราของเราเพียงพอต่อการไปสอบรึยัง ถ้ายังก็ต้องรีบแก้ไข และยังทำให้เรารู้แนวข้อสอบจริงอีกด้วยเช่นตอนเราสอบ9วิชาสามัญวิชาฟิสิกมีโจทย์หลายข้อที่คล้ายข้อสอบเก่าที่เราฝึดทำมา แบบไม่ได้เหมือนแบบเปะๆแต่ใช้แนวคิดเดียวกันในการทำ ส่วนความถนัดแพทย์เราเตรียมมาเรื่อยๆตั้งแต่ขึ้นม.6 พาทย์ที่สำคัญมากๆคือพาทย์เชื่อมโยงควรทำได้เต็ม ส่วนพาทย์อื่นๆก็ฝึกทำเรื่อยๆให้พอรู้แนว
คนที่คนที่ติดรอบพอร์ตเขาก็มีความสามารถในแบบของเขา นอกจากวิชาการ โปรไฟล์ต้องเยี่ยม
ขนาดคนติด กสพท ศิริราชได้ ยังพลาดรอบพอร์ต
ผมเห็นบางคนติดแพทย์จุฬารอบ กสพท ยังพลาดรอบพอร์ตมาแล้ว
คนเราถนัดคนละทาง มากันคนละรอบ แต่ละคนก็ต้องเก่งกันไปคนละแบบ
พึ่งเคยได้อ่าน เก่งมากเลยค่าา
จขกท.เรียนพิเศษบ้างมั้ยคะ ถ้าไม่รบกวนเขียนกระทู้แนะนำการเจรียมตัวสอบ ที่เรียน หรือหนังสือหน่อยได้มั้ยคะ ขอบคุณค่ะะ
สอบรอบตุลานี้ ยื่น มข ทันใช่มั้ยคะ ปีนี้ ทปอ.วุ่นวายมาก งงไปหมด รอบกันยาก็สมัครไม่ทัน กลัวยื่น มขไม่ทันอ่ะค่ะ มหาลัยจะรอคะแนนจากระบบใช่มั้ยคะ เห็นเพื่อนบอก
สวัสดีค่า ขอถามว่าพี่เตรียมตัว BMAT ประมาณกี่เดือนคะะ
BMATสอบได้แค่ตอนม.6รึป่าวคะ หรือสอบได้ตั้งแต่ ม.5 เลย
สอบได้ค่ะ มอห้าสอบได้
ขอบคุณนะค้าบบ ตอนนี้คือหนูเตรียมตัวมั่วไปหมดรอบแรกก็อยากได้เพราะคิดว่าตัวเองไหวอิ้งแต่ค่าสอบเคยคุยกับคุณแม่แล้วท่านก็ไม่ได้พูดอะไรแต่เรารู้อยู่เต็มอกว่ามันเยอะเกิน T__T แต่จะพยายามให้เต็มที่ค่ะ
ต้องเก่งภาษาอังกฤษขั้นไหนคะ ถึงจะสอบbmatได้
เก่งแล้วนะคะ ติดรอบกสพท ได้ // ปรบมือ
ขอบคุณค่ะมีประโยชน์มากเลยค่ะ
มีประโยชน์มากครับ เป็นข้อมูลให้รุ่นน้องต่อไป
อยากรู้ว่าcu tep ต้องได้ประมาณเท่าไหร่ครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?