มีบันทึกการอ่านไว้ทำไมหรอ
ตั้งกระทู้ใหม่
ใครขี้เกียจอ่านก็เลื่อนไปอ่านบทสรุปเลย
เนื่องจากโรงเรียนของกระผมได้มีการให้เขียนบันทึกการอ่าน ซึ่งเป็นงานในสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ท่านอาจารย์ได้ถ่ายเอกสารและทำเป็นรูปเล่มมา 120 หน้า(รวมปก) ซึ่งภายในมีเพียงบันทึกการอ่านที่ให้นักเรียนอ่านหนังสืออะไรก็ได้ แล้วเขียนลงไปในแบบบันทึกการอ่าน กำหนดส่ง 2 เดือน ซึ่งภายในหนังสือมีแบบบันทึกการอ่าน 198 หน้า หน้าละ 2 ตอน รวมเป็น 396 หน้า ซึ่ง 2 เดือนมี 60 วัน เราต้องทำอย่างน้อยเฉลี่ยวันละ 6 ตอน หรือวันละ 3 หน้า ดังนั้นเราต้องอ่านหนังสือ 3 เล่มต่อวัน สิ่งพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ที่บ้านกระผมมีหนังสือเรียนทั้งหมด 13 เล่ม หนังสือเรียน 8 เล่ม ส่วนอีก 5 เล่ม เป็นหนังสือนิยายและสารานุกรมของกระผม นี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ยังมีปัญหาใหญ่มากกว่านี้ เนื่องจากยุคสมัยนี้เป็นยุคอินเทอร์เน็ต เราสามารถค้นคว้าสิ่งต่างๆ ได้ภายในเว็บไซต์ต่างๆ กระผมสามารถค้นคว้าหนังสือจากอินเทอร์เน็ตก็ได้ จาก E-book ก็ได้ แต่บางคน ย้ำว่าบางคน ไปลอกจากบันทึกการอ่านที่รุ่นพี่เป็นห่วงน้องๆ จาก Facebook บ้าง จากคนที่เคยทำมาบ้าง ขอยืมเพื่อนคนที่ทำเสร็จมาลอกบ้าง
ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นในหัวของผมมากมาย
จากคำนำในหนังสือได้บอกไว้ว่า "แบบบันทึกการอ่าน ส่งเสริมทักษะการอ่าร คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา"
"ก็ในคำนำเขาบอกส่งเสริมทักษะการอ่านนี่ แล้วถ้าลอกจะมีประโยชน์อะไร" นี้คือมุมมองความคิดของคนที่ทำบันทึกการอ่านเอง
เรามาดูมุมมองของคนที่ลอกบ้าง
ส่งเสริมการอ่าน = อ่านจากต้นฉบับ
คิดวิเคราะห์ = นำคำไปวิเคราะห์ที่สมองว่าต้องเขียนอะไร
เขียน = ใช้ปากกาลูกลื่นเขียนลงไป
เพื่อยกระดับการศึกษา = ??????
มันคืออะไร ยกระดับการศึกษาโดยการลอกของคนอื่นหรอ แล้วบันทึกการอ่านมันจะมีประโยชน์อะไร บางคนอ่านวิเคราะห์แทบตาย สุดท้ายมาแพ้คนลอก
แล้วทำไมต้องลอกละ
มีเหตุผลหลายประการ เช่น
1.ดินพอกหางหมู
ยกตัวอย่างเหตุการณ์
นิพลเป็นคนชอบเก็บงานไว้ทำเมื่อถึงสัปดาห์สุดท้ายต้องส่ง เมื่อถึงสัปดาห์สุดท้าย เขาเห็นงานที่ต้องทำ
ทั้งหมด 5 งาน เขาคงไม่มีทางมานั่งอ่านหนังสือเป็น 100 เล่มเพื่อบันทึกการอ่านเล่มเดียวหรอก เพราะคง
ไม่ทันเขาจึงต้องไปหาหลอกตามอินเทอร์เน็ต
2.อยากเสร็จไว
ยกตัวอย่าง
นิดาเป็นคนที่ชอบสะสมงานให้ค้าง ดังนั้นเขาจึงต้องรีบทำงาน แต่เขาเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ สุดท้ายเขาก็
ต้องไปหาลอกอยู่ดี
บทสรุป
ทั้งคนลอกและทำเอง สุดท้ายก็ต้องไปส่งอาจารย์เพื่อให้คะแนนอยู่ดี ถามว่าอาจารย์คนเดียวจะมานั่งอ่านบันทึกการอ่านกว่า 300 เล่มไหม ขอตอบเลยว่าไม่ แค่เช็คแล้วก็ให้คะแนน แล้วอาจารย์จะทำไงกับบันทึกการอ่านที่กองเท่าภูเขาละ ฮ่าๆๆ ท่านๆก็คงรู้กันอยู่ อาจารย์บางท่านจะคัดของเฉพาะคนเรียนเก่ง โดยไม่สนใจว่าภายในมีอะไร ขอแค่ว่าเด็กเจ้าของบันทึกนั้นเรียนเก่ง ไปตั้งโชว์คณะกรรมการที่มาเยี่ยมโรงเรียน ทำเป็นผลงานของตนเอง อ้าว แล้วบันทึกที่เหลือละมันหายไปไหน เก็บใส่ลังบ้าง ชั่งกิโลขายบ้าง สุดท้ายนักเรียนจะได้อะไรจากบันทึกการอ่านละ มาแชร์ความคิดเห็นกันหน่อย
12 ความคิดเห็น
เพื่่อให้เราอ่านหนังสือค่ะ
การอ่านคือคุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จการที่มีนักเรียนบางคนโกง นั่นแสดงว่าเขาทุจริต
หน้าที่ของทุกคนก็คือเมื่อเห็นการทำทุจริตก็ต้องแจ้งผู้มีอำนาจในการดูแล เราในฐานะที่เป็นนักเรียนเมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานคือการอ่านเราก็ควรทำอย่างเดิมที่โดยไม่ต้องสนใจว่าจะมีใครโกงหรือไม่ ยกเว้นว่าเราไปเห็นพฤติกรรมนั้นเราก็ต้องดเนินการแจ้งกับครู
ส่วนหน้าที่ของครูก็คือต้องตรวจความก้าวหน้าทุกอาทิตย์ การที่ครูไม่ทำนั่นแสดงว่าครูนั้นบกพร่องต่อหน้าที่ การที่ครูจะมาบอกว่างานเยอะไม่ใช่เหตุผลทีจะมาอ้างได้เพราะหน้าที่ของครูคือต้องสอนหนังสือให้ได้ดีที่สุด
ทำอย่างไหนได้อย่างนั้นค่ะ ทักษะการอ่านจับใจความแล้วนำมาเขียนสรุปเนี่ยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนคนที่ทำจริงๆก็จะได้ตรงนี้ ส่วนคนที่ลอกเขาจะไม่ได้ฝึกกระบวนการนี้ และทักษะนี้จะมีประโยชน์ในอนาคตแน่นอนค่ะ อย่างเช่นการเขียนเล่มปัญหาพิเศษระดับปริญญาตรี ที่ต้องมีการอ่านเอกสารจากหลากหลายที่แล้วนำมาวิเคราะห์เขียนใหม่เพื่ออ้างอิงในงานของเรา
ส่วนเรื่องอาจารย์นำผลงานไปทิ้ง เก็บไว้ไหน หรือไม่ได้อ่านอันนี้ก็พูดอะไรมากไม่ได้นะคะ เพราะเราไม่ได้เป็นครูหรือเรียนครูมา แต่บางทีก็จะเห็นว่าอาจารย์หนึ่งคนไม่ได้มีแต่งานสอนอย่างเดียวค่ะ
ไม่มีประโยชน์เลย ถามจริงทีเขียนๆใส่ไปนี่ใครอ่านจริงบ้าง มีเราคนหนึ่งอ่ะ ลอกจากหนังสือมาเขียน โคตรเสียเวลาชีวิตอะบอกเลย ดีที่หลุดพ้นมาได้แล้ว...
ไม่มีประโยชน์สำหรับที่โรงเรียนเรา
ครูต้องการให้อ่านในสิ่งที่ครูสนใจ ไม่ใช่นักเรียนสนใจ
ถ้าเขียนในสิงที่นักเรียนสนใจมันคือความไร้สาระ
บางทีเราอ่านการ์ตูนบ้าๆบอๆแต่อ่านเป็นภาษาอังกฤษทั้งได้ความรู้ทั้งสนุก ซึ่งครูเขาไม่เห็นด้วยอย่างแรง
ส่วนตัวผม การเรียนมันคือการเรียนรู้ครับ ส่วนใครมันจะไม่เรียนรู้ ก็ช่างเขาครับ ถ้าคิดว่าทำแล้วมันมีประโยชน์ต่อเรา ก็จงทำต่อไปครับ
บันทึกการอ่าน ก็ตามชื่อครับ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนอ่านหนังสือมากขึ้น
ซึ่งสำหรับผม มันไร้สาระมากครับ หนังสือบางเล่มที่ผมเลือกอ่านมี 800 หน้า (ไม่ว่าจะเป็นเทพปกรนัมณ์ หรือ Mathematical analysis) แต่ผมกลับบันทึกได้แค่หน้าเดียว (ตอนผมทำนะ ปัจจุบันไม่รู้ปรับปรุงอะไรไปบ้างหรือเปล่า) และบางครั้ง จำนวนหน้าที่ให้บันทึก เวลา และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ไม่สัมพันธ์กันครับ เช่น ในเดือนนั้นอยู่ในระหว่างสอบปลายภาค หรือเรามีงานแข่งขันของโรงเรียน งานที่ต้องช่วยพ่อแม่ และอื่น ๆ
และผมคิดว่าสำหรับบางโรงเรียน บางโปรแกรมการศึกษา เรียนวันละ 10 คาบ ไหนจะมีเรียนพิเศษ เสาร์ - อาทิตย์อีก การที่ต้องมาหาหนังสืออ่านวันละ 3 เล่ม รวมกัน 200 เล่ม โดยห้ามซ้ำกันภายใน 1-2 เดือน ผมว่ามันไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่ครับ ยกเว้นจะไปเหมาหรือยืมหนังสือนิทานอีสป หรือเรื่องเล่าขำขันตลก ๆ ไร้สาระ ที่ห้องสมุดทุกวัน (ซึ่งห้องสมุดบางโรงเรียนก็ดีเหลือเกิน) อันนั้นก็ตามสะดวกครับ
ผมเลยจัดการครับ หนังสือทุกเล่มที่ผมบันทึก ถูกคิดค้นโดยผมเองครับ ไม่ว่าจะชื่อเรื่อง ผู้แต่ง จำนวนหน้า สำนักพิมพ์ เพราะผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตผมครับ
เหนด้วยครับ
เบื่อมากรร.ให้เดกม.3มาทำอะไนแบบนี้เพื่อคือแทนที่จะให้เดกเอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบเข้าม.4
คือแบบนานมีบุคนี่ก็แย่จิงทำของแย่ๆมาขายรร.
มันก็จริงอะนะ แต่อย่างน้อยถ้าได้เขียนเองมันก็จำเนื้อหาได้บ้างแหละ
เขียนเฉพาะท่อนที่ต้องการจำก็พอค่ะ แต่รู้สึก
คล้ายกับข้อสอบอัตนัย แบบฝึกหัดแต่ไม่รู้จะถูก
หรือเปล่า ถ้าใช้ปากกาจดแน่นอนต้องเปลืองหมึก
ถ้าใช้ดินสอ เขียนทับปากกาน่าจะเวิกด์ค่ะ
เด็ก ๆที่บ้านก็อ่านอยู่นะ แต่ยังสรุปและหาข้อคิดเองไม่เป็น ยังต้องช่วยสรุปข้อคิดให้
มันทำไปทำไมวะ-รักการอ่านเนี่ยหรือรร.ได้ตังจากการขายสมุดรักการอ่าน
จิงๆนะผมว่ามันมีไว้สำหรับเดกอนุบาลอะแล้วนี่ให้เดกม.3มาทำ
คืออยากถามว่าแทนที่จะเอาเวลามาทำอะไรแบบนี้สู้เอาไปอ่านหนังสือสอบดีกว่าปะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?