รีวิว เมื่อฉันสมัครแอร์โฮสเตส :)
ตั้งกระทู้ใหม่
เรามือใหม่หัดเล่นเว็บเด็กดี ผิดพลาดประการใด ขออภัยกันไว้ตั้งแต่ต้นเลยแล้วกัน อิอิ
เอาละๆ ไม่เสียเวลาเนาะ เข้าเรื่องเลย ก็ตามหัวข้อกระทู้นะคะ เราไปสมัครแอร์มาค่ะ ครั้งแรกในชีวิตเลย
บอกก่อนว่าไม่ใช่อาชีพในฝันตั้งแต่เด็กๆ และไม่ได้เตรียมความพร้อมอะไรมาแต่เนิ่นๆเลย
รู้แต่ว่าอยากลองดูสักครั้ง บวกกับเพื่อนสนิทก็เชียร์ให้ลองไปสมัคร
โดยสายการบินล่าสุดที่เลือกไปลงสนามคือ กาต้าร์และไทยไลอ้อนแอร์ค่ะ
แน่นอนว่ามือใ-่างเรา ถ้าไม่ได้คิดจะลงเรียนแอร์แบบ Full crouseแล้ว
การเตรียมตัวด้วยตนเองจึงค่อนข้างหนัก เพราะจากชื่อสายการบินแล้วอย่างกาต้าร์งี้ อย่างที่รู้ๆว่าคนสมัครนับพันค่ะ
เริ่มจากศึกษาหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการสมัครแอร์ จากในกูเกิ้ลนี่แหละคะ
ไม่ก็ดูยูทูปเอา ศึกษาการใช้ชีวิตของแอร์ ข้อดีข้อเสีย ชั่งน้ำหนักว่าเรารับได้ไหม
การเตรียมตัว กรูมมิ่ง(การแต่งตัว) , บุคลิกภาพ, ทักษะภาษา , คุณสมบัติอื่นๆ
อะไรบ้างที่เราขาดไป ต้องเพื่มเติมหรือปรับแก้ตรงไหน
ซึ่งจากที่ไม่เคยสนใจอาชีพนี้เลย พอเข้ามาศึกษาจริงๆก็พบว่ามีการลงทุนค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ
นับตั้งแต่การถ่ายรูปเพื่อนำไปติดในใบสมัคร ที่ต้องมีขนาดมาตรฐาน 2 แบบคือแบบยืนและครึ่งตัว
โดยต้องแต่งตัวให้เหมาะสมสวยงาม ดูแล้วกรรมการชอบเลย
เพราะบางสายการบินเค้าให้ความสำคัญกับรูปถ่ายมากกว่าResume
หรือประวัติส่วนตัวอีกนะคะ
ดังนั้นหลังจากหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการสมัครแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือถ่ายรูปค่ะ
สมัยนี้ร้านถ่ายรูปที่รับถ่ายสำหรับสมัครแอร์โดยเฉพาะมีเยอะแยะมากนะคะ เรียกว่าทำเป็นธุรกิจจริงจังสุดๆ
ก่อนเลือกสามารถเข้าไปดูผลงานในเว็บไซด์ของแต่ละร้านได้เลยค่ะ ชอบแบบไหน สะดวกไปร้านไหนก็ลุยเลย
โดยสนนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทค่ะ ราคาแรงน่าดูเลยใช่ไหมละคะ
แต่รูปมาคือสวยสมบูรณ์แน่นอนค่ะ เพราะเป็นราคารวมขนาดpassport (คือรูปขนาดเท่าพาสปอร์ตค่ะ)
และเป็นราคารวมรูปขนาดเต็มตัว โดยมีบริการเสื้อผ้าและแต่งหน้าทำผมด้วยค่ะ
หรือใครจะเอาเสื้อผ้าไปเองก็ไม่ว่ากันค่ะ ของเราคือใช้บริการของเค้าทุกอย่างเลย เสร็จสรรพ
รอประมาณ2-3วันก็มารับรูปค่ะ
เหตุผลที่ควรถ่ายรูปก่อน เพราะบางสายการบินให้เราสมัครออนไลน์ค่ะ ซึ่งอาจมีการส่งใบสมัครและส่งรูปถ่ายด้วย
ดังนั้นควรถ่ายแต่เนิ่นๆค่ะ และรูปเซตนึงสามารถใช้สมัครหลายสารการบินได้ด้วยนะคะ
หลักจากได้รูป ก็เริ่มเขียนCV หรือ Resume หรือก็คือประวัติส่วนตัวค่ะ
ซึ่งรูปแบบก็มาตรฐานทั่วไปค่ะ
ข้อมูลก็เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ แต่แแนะนำว่าอย่ากอปปี้เนื้้อหาจากในกูเกิ้ลค่ะ
สมัยนี้แล้ว กรรมการดูแปบเดียวเค้ารู้ค่ะ ให้เขียนด้วยตัวเอง ต่อให้เนื้อหาคล้ายในกูเกิ้ล
พอได้ประวัติส่วนตัวและรูปถ่ายแล้ว ในกรณีของเราสมัครสายการบินไทยไลอ้อน
จะต้องปริ้นท์แบบฟอร์มใบสมัครของเค้ามากรอกข้อมูลและติดรูปถ่ายค่ะ
ส่วนที่กาต้าร์จะเตรียมไปแค่ CVและเอกสารอื่นๆตามที่เค้าร้องขอค่ะ
โดยทั้งสองแห่งจะต้องนำไปยื่นตามเวลาที่เค้ากำหนดค่ะ
เริ่มที่ไทย ไลอ้อนกันก่อน ที่นี่รุบะว่าไปยื่นเอกสารอย่างเดียวก่อนค่ะในวันแรก
โดยไม่ได้ระบุอะไรในเว็บไซด์เลยว่าต้องแต่งตัวอย่างไร บอกแค่สถานที่และเวลา
ดังนั้น หลายคน "ประมาท" ในขั้นตอนนี้ค่ะ รวมถึงเราด้วย
เพราะถามเพื่อนที่เคยสมัครเรื่องวันยื่นเอกสารของที่นี่
กลับได้คำตอบว่าแค่ยื่นเอกสารเฉยๆ ไม่ต้องแต่งตัวเต็มอะไรมากมาย
ทำให้เราชะล่าใจค่ะ แต่ยังดี๊ ที่แต่งหน้าไประดับนึง
ไม่ถึงกับเต็มเท่าตอนถ่ายรูปที่ร้าน แถมไม่มัดผมไปด้วย แต่ก็หนีบผมไปสวยงามค่ะ
เพราะทำผมไม่เป็น และเข้าใจว่ายื่นเอกสารแปบเดียว
พอไปถึงจริง ทางพี่เจ้าหน้าที่ขอเอกสารพร้อมขอถ่ายรูปด้วยค่ะ
ตอนนั้นก็งง นึกในใจ ไหนเพื่อนบอกยื่นเอกสารงัยว่ะ
ก็เลยโดนคอมเม้นท์เรื่องผมไปค่ะ ว่าทำไมไม่มัดมา ด้วยคิดว่าตัวเองผมสั้น
และด้วยเหตุการณ์แบบนั้นก็เลยคิดว่าคงไม่ได้แล้วค่ะ นอยด์ไปสองสามวันเลย
ยังโชคดีค่ะ ที่ยังมีกาต้าร์รอให้หวังอีกที่ เราก็เลยทำใจที่แรก แล้วมุ่งมั่นที่สองค่ะ
โดยกาตาร์นี่คือต่างจากไทย ไลอ้อนพอสมควร เพราะเป็นสายการบินตะวักออกกลาง
และต้องไปประจำที่ประเทศกาต้าร์ด้วย
ดังนั้นภาษาอังกฤษสำคัญมาก เนื่องจากเพื่อนร่วมงานอาจจะต้องเป็นต่างชาติล้วน
เราก็เลยมุ่งมั่นฝึกฝนภาษาและหาข้อมูลคำถามทุกอย่างค่ะ แล้วก็ลงเรียนคอร์สเรียนสั้นๆ1 วัน
ดู๊วว ดูว ลงทุนเรียนเลยค่ะ แต่ราคาไม่แพงมากนะคะ และเรียนแค่วันเดียว
เอาจริงๆคือไม่ได้เน้นอะไรมากมายเลย
นอกจากเทคนิคเล็กน้อย ซึ่งบางอย่างก็ยอมรับว่าเหมือนกับที่หาข้อมูลในกูเกิ้ลก่อนหน้านี้
แต่แค่อยากได้ความมั่นใจค่ะ ซึ่งก็ช่วยได้ในระดับนึง
เพราะสุดท้ายเราเองนี่แหละ ต้องพยามด้วยตัวเองในทุกขั้นตอนการสมัคร
และเมื่อถึงวันยื่นใบสมัครที่กาต้าร์ซึ่งอย่างที่ทราบว่าคนเยอะมากๆ เป็นพันค่ะ
อุปรรคมาตั้งแต่วันก่อนวันนี้เลยค่ะ นั่นคือเพื่อนที่จะช่วยแต่งหน้าให้ ทำผมไม่ได้
และไม่สามารถหาช่างได้ทัน ดังนั้น ความหวังแทบริบหรี่
อ่อ ลืมบอกไปเรื่องที่แรก ที่คิดว่าเราคงตกรอบตั้งแต่ยื่นเอกสาร ปรากฏว่าเราผ่านเข้ารอบค่ะ
ซึ่งบังเอินรอบนี้คือยื่นเอกสารผ่านปุ๊บก็มารอบ final interviewเลยค่ะ
ตอนเพื่อนโทรมาบอกคืองงหนักมาก เพราะไม่หวังแล้ว และงงกว่าคือ ไม่มีรอบgruop discussionเหรอ
และวันสัมภาษณ์ไฟนอลก็ดันตรงกับวันยื่นเอกสารที่กาต้าร์ ดีที่เวลาไม่ตีกัน
กลับมาที่กาต้าร์ต่อนะคะ หลังจากหาช่างผมไม่ได้ เรากับเพื่อนก็ปลงใจค่ะ ตกลงกันว่า
ถ้าตอนเช้าหาช่างผมได้ก็สมัครกาต้าร์ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องสละสิทธิ์ที่นี่ แล้วไปมุ่งไทย ไลอ้อนอย่างเดียว
เพราะมีเวลาเตรียมตัวมากกว่า ซึ่งตอนเช้ามากๆกับร้านทำผมนั้น หาร้านที่เปิดยากมากค่ะ
แต่ก็รู้สึกโชคดี ที่สุดท้ายก็มีร้านแถวบ้านเพื่อนเปิดอยู่ กราบบบบ ดีที่เค้าทำผมสมัครแอร์เป็น
สุดท้ายก็ได้มารับบัตรคิวที่กาต้าร์ค่ะ แต่โรงแรมที่รับสมัครอยู่ไกลบ้านพอสมควร
กว่าจะมาถึงก็ได้รับคิวที่900กว่าแล้ว
ทั้งๆที่มาก่อนเวลาเรียกคิวแรกเกือบชั่วโมง ง่ายๆคือมาก่อน9 โมงนั่นแหละคะ
ไม่อยากจะนึกภาพคิวแรกเลยว่าเค้ามากี่โมง
และขึ้นชื่อว่าสมัครแอรค์กาต้าร์ ยากตั้งแต่รอบนี้เลยค่ะ
ถ้าใครเคยสมัครจะเคยได้ยินที่เค้าบอกว่า "รอบสามวิ"
เพราะมันจะเป็นรอบตัดสินชะตางแต่ไม่เกินสิบวิแรกเลยค่ะว่าจะได้เข้ารอบถัดไปไหม
หมายถึงว่าตอนที่เราเดินไปยื่นเอกสารให้กรรมการ กรรมการจะถามคำถามเราสั้นๆค่ะ
ดังนั้นเราเองก็ต้องตอบสั้นๆเช่นกัน
และจะต้องตอบให้โดใจกรรมการค่ะ
ต้องโดนใจขนาดที่กรรมการจะยื่นสิ่งที่เรียกว่า "Secret paper"มาให้เรา
ซึ่งจะบอกสถานที่และวันเวลาสัมภาษณ์ในรอบถัดไปค่ะ
แต่ถ้าตอนยื่นเอกสารและคุยกับกรรมการแล้วแต่กรรมการ
แค่กล่าวขอบคุณ และส่งยิ้มเฉยๆ ไม่มีอะไรยื่นให้อีกก็รู้เลยค่ะว่า "ตกรอบแรก"
และแน่นอนค่ะ ด้วยความตื่นเต้นกับครั้งแรกในการสมัคร
จำได้ว่าตอนเดินยิ้มเข้าไปหากรรมการคือตื่นเต้นมาก เรียกว่าตัวสั่นเลยค่ะ
หลบสายตากรรมการด้วย พอกรรมการถามคำถามเรามา ตอบได้ก็จริง
แต่เค้าก็เอ่ยขอบคุณและยิ้มให้เฉยๆค่ะ
พอเราเห็นว่าคงไม่ได้กระดาษอะไรแล้ว ก็เอ่ยขอบคุณและเดินคอตกจากมาค่ะ 555
เห็นไม๊ละคะ วินาทีชีวิตชัดๆ ดังนั้น แนะนำว่าให้ระงับความตื่นเต้น
และเดินเข้าไปด้วยความมั่นใจเลยนะคะ อย่าตระหนก
ครั้งนี้ครั้งแรกของเราก็ถือเป็นบทเรียนค่ะ
อ่าๆ พอคอตกจากกาต้าแล้วก็ยังนอยด์ไม่ได้นานค่ะ เพราะต้องไปต่ออีกที่นึง
เรียกได้ว่าหมดจากที่แรก ที่นี่ก็กลายเป็นความหวังสุดท้ายค่ะ ไทยไลอ้อนแอร์
และจากประสบการณ์ตอนเช้า ทำให้เรารู้ว่าเราต้องไปตื่นเต้นเกินค่ะ
พอมาที่นี่ก็เลยชิวๆเลยค่ะ เพื่อนที่นั่งรอคิวสัมภาษณ์ในห้องคือเงียบกันมาก
นั่งหลังตรง แต่งตัวแต่งหน้าสวยจัดเต็มสุดๆ
ในขณะที่เราเครื่องหน้าคือดรอปมาก เพราะตื่นมาแต่งตั้งแต่รุ่งสาง แล้วก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย
บอกเลยว่าหน้าเทาสุดค่ะ ฮ่าๆๆ แต่ก็ใจสู้ ถึงขั้นนี้แล้ว ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ค่อยมีโอกาสมาลองใหม่ค่ะ
คิดแค่นี้จริงๆ เพราะซีเรียสจากที่แรก พอมีโอกาสอีกครั้งรู้แล้วว่าความผิดพลาดเกิดจากการpanicล้วนๆ
ผ่อนคลายเลยจ๊ะทีนี่ มองหน้าเพื่อนๆที่มาสมัครด้วยแล้ว ก็สวยกว่าเรากันทั้งนั้น
ยิ่งปลงไปอีก ฮ่าๆ ดังนั้นเพราะถึงคิวสัมภาษณ์เราเลยชิวมากค่ะ
ถามมาตอบไป ไม่เครียด ไม่กดดันตัวเองแล้ว
ทำเท่าที่ทำได้ ซึ่งหลังจากออกจากห้องสัมภาษณ์ก็รู้สึกโอเคกับผลงานตัวเองค่ะ
คิดว่าตอบคำถามได้อยู่ แต่ตรงใจกรรมการไม๊ไม่รู้
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอยู่ดีค่ะ เพราะก่อนเค้าห้องพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้น้องหน้าเทานะ
กรูมมิ่งสำคัญมากกับที่นี่ และก็ถามคำถามคาใจว่าวันนั้นที่ยื่นเอกสารไม่ได้มัดผม
แต่พี่ก็รับเข้ามาเพราะอะไร
พอเค้าบอกเหตุผลพร้อมประโยคที่ว่า "พี่คิดว่าวันนี้น้องจะสวยกว่านี้"
เท่านั้นแหละ เหมือนรู้ตัวอะ 555 รู้ตัวว่ากูพลาดอีกล้าวววว ดังนั้นเราก็เลยปล่อยเลยจ้า
แต่ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายก็ผ่านเข้ารอบนั้นมาเด้อออ 555 คืองงมาก
ทั้งๆที่โดนคอมเม้นท์เรื่องกรูมมิ่งอะไรเยอะแยะ
เพราะเป็นสิ่งแรกที่กรรมการให้ความสำคัญ มันเป็นเรื่องภาพลักษณ์
ผ่านเข้ารอบมาจนถึงรอบว่ายน้ำได่ ทั้งงงทั้งดีใจ
แต่ก็ยังเหลือว่ายน้ำกับตรวจสุขภาพอยู่
เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็ไปสอบว่ายน้ำมาค่ะ ซ้อมอยู่ประมาณอาทิตย์นึง
บอกก่อนว่าไม่กลัวน้ำ แต่ว่ายไม่เก่งหรอก
แน่นอนว่าท่าบังคับก็คือฟรีสไตล์ มีแค่ทักษะว่ายท่ากบเท่านั้นแหละ
แต่ในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมาไกลกว่าที่คิดจนาดนี้แล้ว
ดังนั้นเราจึงพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ
เรามีเวลาซ้อมว่ายน้ำประมาณ4วันก่อนสอบจริง
เราก็ซ้อมค่ะ แต่ไม่ได้ซ้อมวันละหลายชั่วโมงนะคะ
มันทรมานตัวเองเกินไปค่ะ เราว่ายเต็มที่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น
ตอนแรกไม่มีใครสอนค่ะ ฝึกว่ายโดยดูจากยูทูปในวันแรก
โชคดีวันที่สองน้องชายที่เป็นนักว่ายน้ำมาช่วยดูๆท่าให้
และก็ให้คำแนะนำด้วย เน้นว่ายในสระที่ความยาวเท่าสนามจริงค่ะ เราซ้อม ซ็อมแล้วก็ซ้อม
จนในที่สุดวันจริงก็ผ่านมาได้ค่ะ ตอนนี้ก็รอตรวจสุขภาพต่อไปค่ะ
สุดท้ายเราอยากบอกว่า เราเคยคิดว่าตัวเองทำอาชีพนี้ไม่ได้ค่ะ
ซึ่งมันเป็นแค่ความคิดว่าไม่ได้ ทั้งๆที่เราไม่เคยลองทำเลยค่ะ
จนกระทั่งตัดสินใจลงมือทำ ปรากฎว่าผลที่ได้มันเกินกว่าที่คาดไว้ค่ะ
ทำให้เรารู้ว่า "ควรจะลงมือทำก่อน แล้วค่อยพูดว่าทำไม่ได้"
มันเป็นเรื่องจริงนะคะ เราเชื่อว่าหลายๆคนยังเด็กกว่าเรา และมีความฝันหลายอย่าง
อย่าให้มันเป็นแค่ฝันค่ะ ไอที่คนเค้าพูดกันว่า "ถ้าคุณมีฝัน ให้ลงมือทำ"
เรื่องจริงนะคะพี่บอกเลย หรืออยากลองทำอะไร
ถ้ามันเป็นเรื่องสร้างสรรค์ ไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ลองทำเลยค่ะ
จะบอกว่าพ่อพี่ไม่เห็นด้วยเลยนะคะ กับการทำอาชีพนี้
เค้าพูดเลยค่ะว่าพี่ทำไม่ได้ ทั้งๆที่ยังไม่เคยเห็ยพี่ทำ
วันนี้พี่เลยลองพิสูจน์ให้เค้าเห็นค่ะว่าที่เค้าคิดมันไม่ได้ถูกเสมอไป
น้องๆและเพื่อนๆคะ รีบทำในสิ่งที่อยากทำนะคะ แม้สุดท้ายมันอาจจะไม่สำเร็จ
แต่การได้ลงมือก็ทำให้เราได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้แน่นอนค่ะ
ไม่สำเร็จ ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้อะไรเลยนะคะ
โชคดีค่ะ :)
4 ความคิดเห็น
ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
ขอบคุณมากค่าาาา
ดีใจด้วยค่ะ อารมรณ์เหมือนborn to be เลยค่ะ
บางคนอยากเป็นมากก อยากเป็นมานานแต่ยังไงก็ไม่ได้ซักที
แต่นี้เพิ่งมาอยากแล้วก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากเลยนะคะในขั้นแรก ได้ของไทยมาถึงขั้นนี้
เชื่อว่าอนาคตถ้าอยากไปนอกคงสมหวังได้ไม่ยากแล้วละคะ
เราเคยคิดนะว่าเราทำอาชีพนี้ไม่ได้หรอกเพราะเราไม่สวยเเถมส่วนสูงคือไม่ถึงด้วยปัจจุบันก็ยังคิดอยู่5555555 เราว่ามันยากมากๆคนที่เป็นได้คือต้องเก่งมากๆเก่งจริงๆ จขกท.เก่งมากค่ะขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆมาเเชร์นะคะ
ขอบคุณนะคะที่มาแชร์ประสบการณ์รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากๆเลยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?