ขอถามหน่อยค่ะว่าตอนประถมคุณได้ค่าขนมไป โรงเรียนเท่าไหร่ แล้วมีเงินเหลือเก็บไหม ในวันหนึ่งคุณใช้ซื้ออะไรบ้าง แบ่งเก็บอย่างไร
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
23 ความคิดเห็น
10-20 บาท
ปั่นจักรยานไปกลับโรงเรียน
อาหารกลางวัน 5 บาท
ขนม แล้วแต่ว่าอยากกินเท่าไร บางวันก็กินจนเงินหมด บางวันก็ไม่กินเลย
เอ๊ะ กำลังโดนหลอกให้บอกอายุแน่ๆ !
555 เอิ่ม นี้พี่หนูกี่ปีนร้า 555 ล้อเล่นๆๆ
55555 ของผมยี่สิบบาทตลอดสายครับ ตั้งแต่ประถมยันจบ ขนาดทุกวันนี้แฟนยังให้ยี่สิบทุกวัน แต่เวลาอยากได้อะไรให้บอกเจ๊อ่ะคร้าบ เหมือนมีแม่สองคนยังไงไม่รู้
แปลว่าภาวะเงินเฟ้อไม่มีผลเลย
อย่าคิดมากค่ะผู้ชายที่มีแฟนเป็นกระเป๋าส่วนใหญ่ก็ได้เท่าคุณนั่นแหละค่ะ
โอ้ยยย ก็ยังดีกว่าไม่มีแฟนให้ขอตังนะคะ 555
ไม่บอกค่ะ
โอเครไม่อยากรู้ก็ได้ 555
ผมได้วันละ25บาทตอนประถม แต่ตอนนี้ม.ปลายแม่สอนให้รู้จักการบรอหารเงินให้อาทิตละ400฿(80฿/วัน)แล้วจัดสันเองถ้าหมดคือหมด
เหมือนกันเลยค่ะ ทุกวันนี้ได้ไปอาทิตละ 300 พอ
เอาไป 20 บาท มักจะเหลือไว้ 13 บาท ค่ารถเมล์ 2.50 - 3 บาท จำไม่ได้ เหลือ 10 บาทหยอดกระปุก
แต่บางวันเหลือ 10 บาท ก็จะเดินกลับบ้านแทนค่ะ ให้อารมณ์ว่ายังไงก็ต้องเหลือให้ได้เท่านี้น่ะ
ใช่ค่ะตอนเด็กๆนี้เวลาเก็บตังมีมานะมาก พอไป รร คุณครูก็จะให้เอาไป รร เอาไปดูว่าใครได้เต็มปุกแล้ว 555
10บาท เหลือเก็บ10บาท จำได้ว่าขนมโรงเรียนรสชาติห่วยแตกมาก -0-
มันคือขนมไรคะ จะได้ไม่ซื้อกิน 555
ลูกชิ้นแป้ง ไส้กรอกแป้ง แซนวิชวิญญาณหมู ราวๆนั้น
ที่โรงเรียนไม่มีขนมขบเคี้ยวขาย
ตอนเรียนประถมได้ไปวันละ 40 บาท
เล่นโรลเลอร์เบลดหรือไม่ก็เสก็ตบอร์ดไปโรงเรียน
ค่าอาหารกลางวันจ่ายรวมกับค่าเทอมทีเดียว
ค่าขนมส่วนมากจะใช้จนหมด เพราะยังไงกลับไปบ้านก็ได้ใหม่
รู้สึกเหมือนโดนหลอกถามยังไงก็ไม่รู้สิ
รู้ถึงอะไรบางอย่าง 55555
หลงกลเธอแล้วทำไงด้ายยยยยยย
555 โดนหลอกยังไงคะเนี้ย เราป่าวนะ
ตอนประถมได้วันละ 10 บาท มีรถรับส่ง อาหารกลางวันรร.จัดให้เลยเอาไว้กินขนม ซื้อเครื่องเขียนจากร้านสหกรณ์ ที่เหลือหยอดกระปุก จำได้ว่าตอนป.2 ครูมาชวนซื้อดอกป๊อปปี้ช่วยทหารผ่านศึกเลยอดขนมไปสามวันสะสมตังค์ไปซื้อ พอพ่อรู้เข้าก็สวดยับว่าจะทำบุญอย่าทำให้ตัวเองลำบากไม่งั้นมันจะกลายเป็นทำบาปกะตัวเอง ทำบุญเท่าที่ทำได้ ก็งงไปค่ะ 555 ตอนนั้นยังเด็กเกิน ไม่เข้าใจ
มาม.ต้นได้วันละ 20 แล้วขยับเป็น 50 พอเข้าม.ปลายพ่อให้เป็นสัปดาห์ ให้หัดบริหารเงินเอง แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ค่าข้าวกลางวัน ค่ารถยังไม่ต้องเสีย เสียแต่ค่าข้าวเช้ากะขนม กะเอาไปซื้อพวกอุปกรณ์การเรียน จนวันนึงตังค์หมด ไม่เหลือสักบาทเพราะอาทิตย์นั้นต้องซื้ออุปกรณ์เยอะมากเลยไปขอพ่อ โดนพ่อดุว่าใช้ยังไงให้หมด ทำไมไม่รู้จักประหยัด บลาๆ เลยบอกว่าอาทิตย์นี้ค่าอุปกรณ์มันเยอะจริงๆ หนูไม่ได้เอาไปซื้ออะไรอะไรเลยนะพ่อ พ่ออึ้งไป แล้วสวดยับว่าค่าอุปกรณ์มันเบิกได้ต่างหากเฟร้ยยยย ค่าขนมมันก็คือค่าขนม เราแบบ.... อ้าววววว อุตส่าห์อดข้าวอดขนมมาตั้งนาน สรุปคือเบิกต่างหากได้เหรอ แงงงงงงง
สมัยเราค่าข้าวจานละ 15-20 น้ำแก้วละ 5 ขนมจุบจิบไม่มีขาย ถ้าจะกินขนมคือต้องซื้อไอติมตู้หรือไอติมโคนกิน
ของเราเป็นไอติมถังอะจำไม่ได้ว่าเรียกอะไรที่มีสีแดงสีเขียวอะที่มันหมุนๆได้อะ ไอติมหลอดปะไม่แน่ใจ 555
หึหึ... อย่าดูถูกเด็กยุค 80' นะเฟ้ย!!! (ใครดูถูกฟะ?)
ค่าขนมวันละหกบาทฮะ สมัยนั้นลูกชิ้นทอดสามลูกสองบาท ถ้าสั่งห้าบาทได้เกือบเต็มถุง แต่ถ้าหุ้นตังค์กับเพื่อนสั่งสิบบาทล่ะก็... กินได้ทั้งหมู่บ้าน!!! 555+ (ขี้โม้) ข้าวที่โรงอาหารจานเล็กสองบาท (กับข้าวหนึ่งอย่าง) จานใหญ่ห้าบาท (กับข้าวสอง+ไข่) โค้กขวดละห้าบาท ขวดใหญ่แปดบาท ขนมสองถึงห้าบาท และที่ขาดไม่ได้เลยคือยำยำช้างน้อย! ยุคนั้นใครพลาดรสชาติของมันนี่บอกเลยว่าเอ็งทำผิดมหันต์! 555 ราคาจำไม่ได้เพราะปกติไม่ซื้อเอง อาศัยจกของชาวบ้านเอา เพราะเงินเราลงกับลูกชิ้นทอดไปแล้ว (ฮา)
ส่วนโตเกียวนี่ได้ลิ้มรสชาติมันตอนขึ้น ม.ต้นฮะ (ย้ายโรงเรียน) อันเล็กสองบาท ใหญ่ห้าบาทและที่ชอบสุดคือขนาดยาวเท่าไม้บรรทัดสิบบาท 55
*เพิ่มเติม : เราลืมเรื่องน้ำเจ็ดสีไปได้เยี่ยงไร? สมัยประถมเคยมีใครกินมั่ง? น้ำเจ็ดสีก็เหมือนมณีเจ็ดแสงนั่นแหละ เฮ้ย! ใช่ที่ไหนเล่า!!! น้ำเจ็ดสีก็คือการที่คนขายกดน้ำอัดลมทุกรสใส่รวมกันมาในแก้ว/ถุงเดียวนั่นแล... (มีโค้ก , สไปร์ท , แฟนต้าน้ำแดง , เขียว , ส้ม , องุ่น แล้วก็ซาสี่ล่ะมั้ง? จำไม่ได้ค่อยได้ล่ะ 55)
มาม่าช้างน้อยนี่เรากินประจำ(แอบกินในห้องเรียน 555) ราคาซองละสองบาท แต่ที่พีคที่สุดก็ต้องนี่เลยมาม่าต้มยำกุ้งน้ำใสห่อเดียวเวียนจกกันได้ทั้งห้อง 555
มาม่าต้มยำนี่รู้สึกว่ามันเผ็ดไปหน่อยฮะ (ออกหวาน ๆ แต่ก็เผ็ดเครื่องแกงด้วย) แต่ช้างน้อยนี่แหละ ตัวฆ่ามิตรภาพมานักต่อนักแล้ว! (แย่งกันกิน 555+)
ดูจากราคาของแล้วน่าจะมาจากยุคเดียวกัน ช้างน้อยซองละ 2 บาทค่ะ
ถ้าเกิดทันยุค 80 ก็จับมือฮะ (ฮา)
อิอิ รู้อายุกันล่ะ
เฮ้ย!! พวกเดียวกันมากองรวมกันตรงนี้ ทันทุกอย่าง เองลืมขนมไข่จิกจกไปได้อย่างไร หรือไม่รผุ้จักกันวะ แล้วก็ไอติมถังๆที่หมุนๆอะ ของเราไม้ละ 1 บาททันอยู่นะใครรู้จักบ้าง
ไอติมหลอด เทน้ำอัดลมใส่หลอด เอาไม้จิ้มแล้วเขย่าๆ ในถังน้ำแข็งผสมเกลือ
9-6 ไอติมถังหมุน ๆ ในตำนานนี่ผมทันยุคปลาย ๆ แล้ว (ที่โรงเรียนไม่มี แต่เห็นจากทื่อื่นจ้า) ส่วนขนมไข่จิกจกนี่ลักษณะเป็นยังไงน่ะ? บรรยายให้ฟังหน่อยอาจจะเคยเห็นก็ได้ (สมัยนั้นมีไม่กี่อย่างหรอก 555)
อ่ะ! ไหน ๆ ก็จัดมาแล้ว... ลูกอมปิศาจ ไอติมหลอดคู่ (ไอ่ที่มันติดกันเป็นฝาแฝดเวลากินต้องหัดครึ่งแล้วดูด) ขนมไม้ ไพ่ดราก้อนบอลจากโอเดงย่า / ไพ่สะสมไว้แลกของรางวัลโดเรม่อน (เจ้าของร้านใจดีไปขอแกะดูในกล่องได้ว่ามีไพ่ไรบ้างก่อนซื้อ แต่ขนาดนั้นแล้วยังสะสมไม่ครบเลยสักครั้ง 555) หลอดและแท่งเป่าลูกโป่งฟองสบู่ ฯลฯ
...และอีกสารพัดความทรงจำในวัยเด็ก ที่เด็กยุคสหัสวรรษใหม่ไม่มีวันเข้าใจและเข้าถึงฟิลนี้!!!! 5555+
หมากฝรั่งรูปบุหรี่กล่องละ 2 บาทด้วย
เมื่อก่อนชอบสะสมสติกเกอร์ดราก้อนบอล กับโดเเรม่อน หมดตังกับมันทุกวันแต่สะสมไม่เคยจะครบ โดนแม่ด่าประจำเรื่องนี้ 5555
พูดถึงสติกเกอร์โดเรม่อนเนี่ย... สมัยเด็ก ๆ อากงรู้ว่าผมชอบสะสมมาก พอแกไปซื้อของที่พาหุรัดเลยซื้อเหมาแพคใหญ่มาให้เลย โหย! แวบแรกที่เห็นนี่คือแบบเสร็จตรูล่ะ!! มาแพคใหญ่แบบนี้มันต้องได้อย่างน้อยสักเล่มนึงแน่ ๆ โอ๊ยย เอาสมุดสะสมมากางดูของรางวัลล่วงหน้าเลยจะเอาอันนี้ ๆ 555 แต่ที่ไหนได้! พอแกะมาจริง ๆ แม่มซ้ำกันหมดทุกกล่องเลย สาดดดดดดดด!!!!! (ฮา)
ถ้าสมัยนั้นมีกรมคุ้มครองผู้บริโภคล่ะก็ ทุกท่านอาจจะได้เห็นเด็ก ป.2 ไปฟ้องร้องโรงงานผู้ผลิตโดเรม่อนก็เป็นได้ 555+
ของเราก้ซ้ำเป็นร้อยค่ะ ขนาดเอาไปแลกกับเพื่อนแล้วยังเหลืออีกบานเลย คือตอนนั้นแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันพิมพ์สติกเกอร์มาครบหมายเลยจริงเปล่าฟ่ะ
มีเยอะต้องเอาไปเก็งกำไรด้วยการเขี่ยไพ่กับเพื่อนสิฮะ! (ฮา)
อา... นึกถึงยุคนั้น ยุคสมัยแห่งการ์ด! ใครที่เขี่ยไพ่เก่ง ๆ จะได้รับการปฎิบัติจากคนรอบข้างเยี่ยงพระเจ้า โดยเฉพาะคนที่มีไพ่เก็บไว้เยอะ ๆ และคนที่เก่งกาจที่สุดในยุคนั้นก็คืออาจารย์ฝ่ายปกครองนั่นเอง (เพราะยึดไพ่จากนักเรียนเอาไว้มากที่สุด 55555+)
อันนั้นเราก็เคยโดนค่ะ แต่โชคดีที่มีสต็อกสำรองแยกเอาไว้เสมอยึดได้ยึดไป พออาจารย์ไปเราก็ตั้งวงต่อ 555
ประถมเราได้อาทิตย์ละ 50 บาท
มัธยมต้นได้อาทิตย์ละ 100 บาท
มัธยมปลายได้เดือนละ 1000 บาท *บางเดือนพ่อไม่ให้เพราะพ่อถามเหลือเท่าไร แล้วบอกว่าทำไมเหลือเยอะจัง 555+*
-x- แทบไม่ได้ใช้เลย โรงเรียนมีอาหารกลางวัน ตอนเช้าพ่อไปรับไปส่ง อย่างมากซื้อน้ำอัดลม 3 บาท
5555+ นอกนั้นเก็บ
อ่อ ส่วนใหญ่เสียไปกับพวกกิจกรรมที่ต้องมีประดิษฐ์ ซื้อกระดาษสี สมุด ทำงานห้องมากกว่า
ส่วนใหญ่หมดไปกับพวกปากกากับหมึกเพราะอะไร เพราะหายเจ้าค่านายท่าน 555
ประถม เราได้วันละ 20 บาท เหลือกลับมา 25-30 บาท
อย่าถามเลยว่าเหลือกลับมาได้ยังไง แฮ่...
ชนะหมากเก็บตาละบาทใช่ม้าย?(เดา55)
รู้อีกแน่ะ 55555
เราอาศัยความได้เปรียบที่มืออ่อนเพราะเป็นนางรำ
พลิกมือนิ้วแอ่นงอขึ้นมาเป็นทัพพีรองเก็บได้ทุกเม็ดสบายๆ อิอิ
ยกมือ เราก็เล่น 5555
รวมพลมาตั้งวงกันเลย 555
แต่ของเราไม่ได้มีแค่หมากเก็บนะ เราเล่นยิงลูกแก้ว และเป่ากบด้วย
ของเราเป่าตัง 555 อ่า- 555 หมากเก็บไม่ค่อยกินตังกัน ครูจับได้อ่าวหมดกันเงินที่ได้มา อกขนมไปเส่วันนั้น
2บาทคะตั้งแต่ป.1ป.6แต่เราอยู่บ้านนอกจริงๆไม่เสียค่ารถและก้อาหารกลางวันหรี
งื้ออออ ยุคไหนคะเนี้ยไหนพูด เราก็เด็กบ้านนอกเหมือนกันค่ะ เกิดทันในยุคน้ำเเก้วละ 2 บาท
เราก็เด็กชนบท
ประถม 12 บาทคะ เป็นค่าขนม ข้าวฟรี
มัธยม 20 บาทคะ เป็นค่าข้าวเที่ยงล้วนๆ ไม่มีค่าขนมเลย (พูดแล้วรู้สึกแก่ขึ้นมาทันที)
เอ๊ะๆ เด็กยุคไหนคะเนี้ยยุคเดียวกันไหมไหนพูดอายุมา 555 เย้าเล่นนะคะ
ยุคที่แดจังกึมกำลังดังมากทางช่อง3 ติดเรื่องนี่มากพอๆกับHarry Potter. แหะๆ
ตอนเรียนประถมได้หนึ่งพันบาทต่อเดือน พอขึ้นม.ต้น ก็เพิ่มเป็น 3000 บาท พ่อบอกว่าอยากสอนวิธีใช้เงิน ผมบริหารเงินให้เหลือ อย่างน้อย 1500 ทุกเดือนแต่พองานหนังสือมาเท่านั้นแหละ ไม่เหลือสักแดง 5555555
ได้เยอะจังค่ะ จขกท ได้สัปดาละ300 เองอะปัจจุบัน
10 บาท ค่ะ ปั่นจักรยานไป รร. ค่าข้าว 6 บาท น้ำ 2 บาท เหลือ 2 บาทซื้อโตเกียวอันเล็กๆ2 อันตอนเย็นเช่นกัน
มันอร่อยมากตอนเด็กๆ ปัจจุบันลุกแกก็ยังอยู่นะ น้ำแก้ละสองบาทนี้น้ำกระเจี๊ยบกับมะนาวพวกโอวันติลป่าวคะ เราชอบกินน้ำมะนาวกับโอวัลติล 555 สมัยนั้นน้ำอัดลมไม่ค่อยฮิตเพราะข่าวมันเยอะ
ผมได้เป็นรายสัปดาห์ครับ ได้คนละ 50 nzd กับน้องชาย ส่วนใหญ่ก็ค่าบัสค่าอาหาร ผมทานเยอะครับไม่ค่อยเก็บเงิน ปัจจุบันเงินก็หมดไปกับเรื่องกินเสียส่วนใหญ่ ผมคิดเสมอว่าตัวเองอยู่เพื่อกินเกินไปหน่อย (ขนาดนิยายยังใส่ของกินรัวรัว... นี่พิมพ์อยู่ยังคิดเลยว่าจะกินไรดีเย็นนี้ กุ้งกระเทียมก็ 200 บาทละ)
ตอนเด็กน้องรวยกว่า เพราะตกเย็นน้องผมไปรับส่งหนังสือพิมพ์แถวบ้านด้วย ผมชอบอยู่บ้านชิลชิลมากกว่า ตอนโตมาน้องก็เลยรวยกว่าครับ แต่ผมขาดเหลืออะไรก็จะคอยหยิบยืมน้องเสมอ นี่ว่าจะถอย 9S plus ดูว่าปรับราคาหลัง Galaxy Note 9 ออกจะเป็นไง สงสัยจะต้องพึ่งน้องชายอีกล้าว
อ้าว... นอกเรื่องไกลมาก บายดีกว่า บายยยยย
อยากมีพี่น้องบ้างจัง
40 แบ่ง-ซื้อของจำเป็นหักจากค่าขนม แบ่งเองทั้งหมด บางวันเหลือบ้างไม่เหลือบ้าง เหลือเก็บไว้ใช้ในวันต่อไป แล้วเติมให้พอดี/พอๆกับค่าขนมในแต่ละวันค่ะ อะไรใช้ได้ไม่ต้องซื้อใหม่ แม้เพื่อนจะบอกให้ซื้อใหม่ก็ยังใช้อยู่ อย่างดินสอ ปากกา
เหมือนเราเลยค่ะไม่ค่อยซื้ออะไรถ้าไม่จำเป็นอย่างยางลบลิขวิคไม่ค่อยติดไปแต่ปากกาชอบหายซื้อบ่อยหน่อย 555
วันละ 40บาท ครับ เงินกลับบ้านวันละร้อย รับจ็อบทุกสรรพสิ่งรู้จักใช้แรงงานตั้งแต่เด็กครับ
โห้ววว พีคสุดที่อ่านมา
ตอนเรียนประถม...25-30บาทอ่า แบบว่า
ตอนรร.คิดค่าข้าว15 บาท แม่จะให้เงิน25บาท
ก็จะเหลือกินขนม10บาท
แต่พอรร. คิดค่าข้าว20 บาท แม่ก็เพิ่มให้5บาทเป็น30บาท
ถามว่าอยู่ยังไง....ใช้ชีวิตเรื่อยๆ หิวก็อดไว้ก่อน เก็บตัง10บาท เข้ากระปุกไว้วันต่อวัน แต่ถ้าแบบสุดๆละ อยากกินมาก
หิวละมองมาหลายวัน ก็จะซื้อไม่เกิน10บาท (กลัวเกินเงินที่แม่ให้ต่อวัน)
วิธีนี้ เค้ามีเงินเก็บตอนเด็กๆ 2เดือนก็500ได้เลยนะ >^<
มีมานะจังเลยค่ะ จขกท นี้แพ้ความอยาก 555 หิวก็กินตล๊อด (เสียงสูง)
555 สุดยอดกระทู้
ขอบคุณนร้า
ดีใจด้วย รู้หมดเลยนะ แต่ละคนอายุเท่าไหร่.. คนไหนไม่ชัวร์ถามได้ 555+
ให้ทาย จขกท อายุเท่าไหร่ 555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?