มีขั้นตอนวางโครงสร้างการเขียนนิยายยังไงกันบางครับ
ตัวอย่างที่ผมรีไรทใหม่
เรื่องนับถอยหลังเชื้อโรคมรณะ จำนวน หน้า 25 หน้า 1 หมื่น ตัวอักษร ต่อตอน
ตอน 1 เกิดเรื่องแล้วรีบหนี อธิบายฉาก
ฉาก นั่งกินข้าวนัดไปเที่ยวเขาใหญ่ 10 บรรทัด
ที่นี่ คือกรุงเทพแดนศิวิไลซ์ ผมคือกริชทำอาชีพส่งเอกสาร ความใฝ่ฝันคือมีบ้านเล็ก ๆมีแฟนที่น่ารักแต่ชีวิต
จริงมัน มันต่างออกไป ผมอายุ 20
“-ห่าทำไร ชักช้า” คนที่นั่งบ่นผมคือญาติห่าง ๆ ของผมชวนผมมา ขี่รถส่งเอกสารที่กรุงเทพ ชื่อพี่เค้าคือเอก อดีตนักมวย อายุสามสิบ ( แต่สงสัยโดนชกมาหนักไปหน่อยเลยไม่ค่อยเต็มสักเท่าไรในสายตาผม) “มานั่ง ๆ บะหมี่ สอง อาแปะ” ผมก็รีบเดินมานั่งที่เก้าอี้ กริขตอบ“ส่งเอกสารพึ่งเสร็จพี่ วันนี้เลี้ยงผมด้วย ไม่มีตังค”” -นี้เลี้ยงทุกที่ เอาก็ได้ “ แล้วอาทิตย์นี้ไปนอนดูดาวเขาใหญ่ กับที่ทำงานไหม เห็นบอกมีพายุดาวตก 5 วัน จะได้ ไปเปิดหูเปิดตา “ได้พี่
กินเสร็จแล้วผมไปวิ่งเอกสารต่อ “
ฉาก ข่าว บรรยายพายุฝนดาวตกประมาณ 5วัน 5 บรรทัด
ระหว่างที่กำลังเดินไปรับเอกสารในตึก แถวถนนเพรชบุรี กริชเปิดมือถือฟังเพลงจากดีเจสาว และก็ได้ยินข่าว
ข่าว รายงานดาวหางสีฟ้าเข้าใกล้โลกในระยะ จะมี เศษฝุ่นละอองตกใส่โลกเป็นปรากฎการที่ นาน ๆ จะมีสักครั้ง ควรหาโอกาสดู ดีเจสาวหมวยกำลังอ่านข่าว ด้วยเสียงที่สดใสฟังแล้วหัวใจอบอุ่น กริชตัดสินใจจะไปนอนดูดาวเนื่องจากดีเจก็จะไป
ฉาก นักข่าวเข้าพื้นที่
ฉาก เข้าห้องพัก และ ไปนั่งดูดาว
ฉาก เก็บชิ้นส่วนดาวตก
ฉาก เกิด เรื่อง ทั่วโลกหลังจากวันที่สอง
ฉาก ล้มป่วย และเพื่อนเจอกินคน
ฉาก ฝูงสัตวเข้าโจมตี
ฉาก พระเอกตื่นนอนไปเจอคนติดเชื้อ
ฉาก พระเอกปีนขึ้นหลังคา
ฉาก กลุ่มเพื่อนหญิง ร้องให้ช่วย
ฉากพระเอก ไปช่วยกลุ่มเพื่อนหญิง
ฉาก ภาพข่าวเชื้อในเขาใหญ่ ไปถึงทีวี รายงาน
ฉากนายก พบประชาชน
11 ความคิดเห็น
ไม่มีครับ เขียนไปเรื่อยๆ นึกอะไรออกก็เขียน พอนึกไม่ออกก็ดอง ... T T
คือ ตอนแรกก็แบบนั้นเลย แต่อยากเริ่มวางโครงสร้างให้พร้อมที่จะขายเลย ไปดูว่านิยายที่ลงขายกันต้องมีอะไร บาง เช่น 1 ตอน ต้องมี ตัวหนังสือประมาณเท่าไร มีเส้นเรื่องที่เรียงลำดับเหตการณได้ดีกว่า ไหมอะไรแบบนี้ที่มือาชีพต้องทำ
ผมยังเขียนเล่นๆไม่คิดทำขายน่ะครับ แต่เหมือนเพิ่งอ่านเจอไปนะครับ ที่ว่าสนพ. ให้นิยายเล่มนึงมี 220 หน้า หรือไงเนี่ย ที่ผมเขียนอยู่ตอนนี้เกินไปเยอะแล้ว 555 ถ้าแบบนี้ก็ต้องวางพล็อตให้พอดีด้วย สู้ๆนะครับ
ส่วนตัวเราไม่ได้วางละเอียดอะไรเลยค่ะ เขียนคล้ายๆบุลเล็ตว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ละบรรทัด เป็นวลีๆ ไป แล้วแต่ละบรรทัด เกิดอะไร น่าจะไม่เกิน 1 หน้าครึ่ง A5 มั้ง แค่นี้แหละ
ถ้าเขียนไปนานๆ คุณจขกท จะหาจังหวะการดำเนินเรื่องของตัวเองได้เอง มันก็คล้ายกับนักวิ่งที่มีเพซของตัวเองน่ะ ลองหาให้เจอ แล้วการเขียนโพย การเขียนเรื่องมันจะสอดคล้องกับจังหวะนี้เอง
เราเขียนเรื่องต่อตอนที่ 7-10 หน้า A4 มาตลอด นี่คือจังหวะของเรา เังนั้นไม่ว่าจะเป็นโพย เป็นเรื่องแต่งสมบูรณ์ จะสอดรับกันโดยไม่ต้องมากำหนดหน้า กำหนดตัวอักษรแต่อย่างใด
หาได้เร็วก็ดี แต่ถ้าหายังไม่เจอก็ลองเขียนไปเรื่อยๆ แล้วหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองดูค่ะ
ยังหาไม่เจอเลยครับ แต่ใช้วิธี ไปศีกษาจากข้อมูลที่พอจะค้นหาได้
ศึกษาก็ดีค่ะ แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือ Learning by doing
สังเกตเห็นนักเขียนรุ่นใหม่มาเยอะ พยายามหาวิธี หาทางลัด หาคู่มือว่าเขียนยังไงให้ได้ปัง ให้ได้ดี ตรงนี้ไม่มีปัญหาหรอก หาข้อมูลไว้ก็ดี แต่อย่าให้มันท่วมหัวอย่างไร้แก่นสาร
มันก็เหมือนคนทำอาหาร นั่งศึกษาตำราอาหารเป็นร้อยเล่มแต่ไข่เจียวยังไม่เคยทำสักฟอง แล้วหวังว่าตัวเองจะทำอาหารชาววังได้ ถ้าศึกษาแบบพอจะรู้ว่านิยายคืออะไรก็โซโลเลยค่ะ จะทำอะไรให้ได้ดี มันต้องลงไปล้มลุกคลุกคลาน อย่ายืนอยู่บนหอคอยงาช้าง กลัวล้มเหลว กลัวเจ็บตัวก็ยากจะคว้าสิ่งที่หวังได้ค่ะ
-เราเขียนเป็น short note
-บางทีก็เขียนเป็นเรื่องย่อ
-หรือเขียนไปเรื่อยๆ แบบไร้แก่นสาร มันจะได้ทั้งพล็อตทั้งเนื้อ
แต่ละคนมีเทคนิคและความถนัดต่างกัน ถ้า stick มากอาจจะเกร็งจนเขียนไม่ออกก็มี (โรคกลัวความผิดพลาด perfectionist)
ขอบคุณครับ ผมกำลังหาวิธีวางโครงสร้างเพราะถ้าใช้แต่ เขียนตามใจผมคิดว่าเส้นเรื่องจะไม่เรียงลำดับ ยิ่ง สเกลเวลา ยิ่งไปใหญ่ร่วมถึงสเกลพลัง เลยไปดูของต่างประเทส มาเค้าค่อยข้างวางระเบียบสิ่งที่จะเขียน ล่วงหน้าไปเลยจนครบก่อน แล้วค่อยมาใส่ คำบรรยาย ที่นี้ กำลังหาวิธีวางและทำไงให้คนอยากติดตาม
อ่านที่คห.2 ของคุณ G.tengu
https://www.dek-d.com/board/view/3864760/
ขอบคุณครับ คือพอดีเขียนไป เขียนมาตามใจรู้สึก เส้นเรื่องจะไปซ้ายดี เอาเส้นเรื่องค่อยๆ แสดงความเก่ง หรือขวาดี ตื่นมาก็โหดเลย แบบฆ่า ได้ทุกอย่างใครขวางก็ฆ่า แต่มันก็ขาดความสมจริงไป เลยต้องหาข้อมูลว่ามืออาชีพ มักวางเส้นเรื่องไว้กับ สำนักพิมพแล้วก่อนที่จะลงมือเขียน และต้องสรุป ให้จบพอดีเล่ม
นักเขียนที่มีฐานลูกค้าแน่นอนเขาถึงไม่ง้อสนพ.ค่ะ
สนพ.มักบังคับจำนวนหน้า (มันเป็นจุดคุ้มทุนของเขาน่ะค่ะ) เร็วๆ นี้ก็เจอนักเขียนบ่นในทวิตค่ะว่าส่งงานให้สนพ.แล้วโดนตัดออกเพราะจำนวนหน้า ส่วนสนพ.เขามองว่า นักเขียนออกนอกระบบพิมพ์เองสุดท้ายก็กลับมาซบสนพ.เพราะระบบบรรณาธิการ (จากบก.ผู้หนึ่งตอนเราไปงานอบรมการเขียนฟรีครั้งหนึ่ง)
แต่นักเขียนที่ไม่พึ่งสนพ.เขาจ้างบก.ส่วนตัวคอยดูแลงานนะคะ เวลาใครถามให้แนะนำการรวมเล่มเราถึงบอกว่า ถ้าเจอบก.ที่เข้ากันกับงานคุณได้จับตัวไว้ให้มั่นค่ะ เพื่อนเราบอกว่า ถ้าบางประโยคหรือบางคำที่บก.อยากให้แก้แต่นักเขียนอยากคงไว้มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องปรับหมด ดังนั้นต้องหาคนที่จูนกันรู้เรื่องค่ะ
รวมถึงนักเขียนนักแปลหลายคนที่พิมพ์เองเขาพูดตรงๆ เลยค่ะว่า ที่บางครั้งไม่อิงสนพ.เพราะถ้าอยู่กับสนพ. เขาอย่างเขียนภาคลูก ภาคแตกแขนงแยกย่อยโปรเจคจะโดนเบรคหมดค่ะ แต่ถ้าพิมพ์เองเขาอยากเขียนตรงไหนก็ทำได้ มีนักแปลท่านหนึ่งเปิดสนพ.เองเพราะเขาบอกว่าค่าตอบแทนเท่ากัน ทำกับสนพ. เขาอยากได้ปกแบบนั้นแบบนี้สนพ.ก็ไม่ยอม เช่นอยากได้อักษรจีนบนปกตัวใหญ่ๆ สนพ.ไม่ยอมให้ชื่อไทยใหญ่กว่า คนนอกอาจมองว่าแค่นี้? บางคนไม่ได้มองว่าแค่นี้ค่ะ
เห็นเมนต์ #5 แล้วเลยเข้าไปส่องนิยายคุณ จขกท. แล้วก็นึกถึงกระทู้ที่ตอบเมื่อเช้ามืดเลย https://www.dek-d.com/board/view/3876490/
ปัญหาคงไม่ใช่แค่โครงสร้างแล้วล่ะค่ะ นอกจากคุณต้องอ่านเพื่อสังเกตและจับจุดเพื่อการเขียนแล้ว
เอาไว้เผื่อศึกษาก็แล้วกันค่ะ
อาจจะต้องใช้เวลา เราก็เก็บ exp. มาหลายปีกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง
ย่อหน้าแรกนั้นสำคัญไฉน
https://www.dek-d.com/board/view/3821862/
รวมเทคนิคการเป็นนักเขียนออนไลน์
https://my.dek-d.com/zoname/writer/view.php?id=608340
Tip นักเขียน : เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของ Keisei
https://my.dek-d.com/keisei/writer/view.php?id=704029
เขียนนิยายง่ายๆ ในแบบคุณ !
https://my.dek-d.com/k-kiangkyo/writer/view.php?id=1451905
Archplot มาวางพล็อตนิยายด้วยแผนภาพสามเหลี่ยมกันเถอะ!
https://www.dek-d.com/writer/36811/
7 องค์ประกอบ วางพล็อตยังไงใช้ได้จริง
https://www.dek-d.com/writer/37134/
สร้างพล็อตเรื่องทั้งที..ต้องมีอะไรบ้าง?
https://www.dek-d.com/writer/29043/
อยากเป็นนักเขียนต้องรู้ทรีตเมนต์และพล็อต เหมือนหรือต่างกันอย่างไร มาดู!
https://www.dek-d.com/writer/50223/
พิมพ์ดีด คนสวนและสถาปนิก
https://pimdeedblog.wordpress.com/2016/01/10/บันทึกเรื่อยเปื่อย-character-based-กั/
https://pimdeedblog.wordpress.com/2016/01/21/บันทึกเรื่อยเปื่อย-character-based-กั-2/
https://pimdeedblog.wordpress.com/2016/02/09/บันทึกเรื่อยเปื่อย-character-based-กั-3/
https://pimdeedblog.wordpress.com/2016/02/24/บันทึกเรื่อยเปื่อย-character-based-กั-4/
https://pimdeedblog.wordpress.com/2016/03/11/บันทึกเรื่อยเปื่อย-character-based-กั-5/
อีบุ๊คโหลดฟรี
Writer's Guide in 21 DAYs
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=64962&page_no=1
เขียนนิยาย เล่มนี้โหลดตัวอย่างฟรี 100 หน้ามาอ่านก็ได้ความรู้ไม่น้อยแล้วค่ะ
https://www.mebmarket.com/ebook-36758-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2&page_no=1
สำหรับภาษาไทยแนะนำให้ศึกษาจากเว็บไซด์ของทางราชบัณฑิตฯ ค่ะ
http://www.royin.go.th/?page_id=130
นอกจากคู่มือการเขียน หนังสือที่อยากแนะนำได้แก่
คลังคำ https://www.naiin.com/product/detail/60377
1000 คลังคำศัพท์นิยาย http://thaibook4u.com/onlineshop/product/1000-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%Eแอพ0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/
อ่านอย่างไร เขียนอย่างไร /พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต สองอันนี้โหลดแอพฟรีได้
-การเขียนนิยายทำให้เราตั้งใจศึกษาภาษาไทยมากค่ะ เรากลัวการสะกดผิด ใช้คำผิดความหมายอะไรแบบนี้ ดังนั้นอยากเขียนนิยายให้ดีก็ต้องศึกษาภาษาไทยแหละค่ะ เราเด็กสายวิทย์ค่ะ แต่โชคดีที่มีครูภาษาไทยเป็นครูประจำชั้นทั้งม.4-6 เลยมีที่ปรึกษาส่วนตัว ก็ต้องตั้งใจอ่านหลักภาษา ชนิดของคำ หน้าที่ของคำ พวกนี้สำคัญไม่ใช่แค่ภาษาไทยหรอกค่ะ จะเรียนภาษาไหนก็สำคัญ
-ภาษาสวย อันนี้ได้จากการเก็บประสบการณ์ค่ะ เราเคยตอบไปในกระทู้ก่อนหน้า ขอยกมาละกัน คือ การอ่านมาก โดยที่ไม่ได้อ่านผ่านๆ อ่านแล้วมองคิดตามเก็บข้อมูลมันจะได้ 'คลังคำ' แก่เราค่ะ บางทีถึงกับติดคำติดประโยคที่ชอบมา แต่ควรระวังเวลาใช้จริง
-ลองศึกษาหนังสือรวมบทกวีดูนะคะ ภาษาคุณจะสวยงามเลยล่ะ แบบว่า...ล่องลอย แต่ไม่ใช่เมากาว นักเขียนที่เราชอบนะคะ
คาริล ยิบราล : ปรัชญาชีวิต (สนพ.ผีเสื้อ) สวนศาสดา (ต่อจากเล่มก่อนหน้าสนพ. แสงดาว) ทรายกับฟองคลื่น (สนพ.ผีเสื้อ)
ระพินทรนาถ ฐากูร : หิ่งห้อย (สนพ.ผีเสื้อ) คนสวน The Gardener (สนพ.มูลนิธิเพื่อสังคม)
อเลซซานโดร บาริกโก : โนเวเซนโต้ (สนพ.ผีเสื้อ เล่มนี้เป็นนิยายแต่งดงามค่ะ)
วันนี้นั่งเฝ้า Lazada กับ Shopee สลับกับเล่นบอร์ด เจอ 3-5 อันเดียวคุ้มเลย ^ ^ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่แบ่งปันครับผม
เราเป็นคนสมองตัน นานๆทีสมองแล่นต้องรีบวางพล็อตเลยแล้วมุ่งเขียนให้จบ เพราะเราไม่โชคดีหรือมีพรสวรรค์ขนาดที่นั่งเฉยๆแล้วมีพล็อตโผล่ขึ้นมาเอง
ส่วนตัวเราเขียนนิยายรักวางแผนตามนี้ค่ะ
1. ไอเดียของเรื่องเอาไว้ย้ำจุดประสงค์หลัก ( เช่น ความรักบริสุทธิ์ เยียวยาหัวใจที่หยาบกระด้าง)
2. พล็อตหลัก เพื่อเป็นแนวทางคร่าวๆ (เช่น พระเอกเห็นแก่ตัว สวรรค์กลั่นแกล้งให้กลายเป็นหมา ไปเรียนรู้ความรักและความอ่อนโยนจากนางเอก ทำให้เขาค่อยๆ เข้าใจคนอื่นมากขึ้น)
3. ธีม (รักโรแมนติก มีดราม่าเล็กน้อยที่พระเอกไม่เข้าใจตัวเอง)
4. วางพล็อตละเอียด ( สร้าง ปม1 (20% ของความยาวเรื่อง) ปม2 (40%) ปม3(60%) ชนวนปมหลัก (70%) และปิดด้วยปมหลักที่ทำให้ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ (80%) ปิดเรื่องให้ประทับใจ)
5. สร้างพล็อตย่อย วางคาแรคเตอร์ตัวละคร และเรื่องราวที่เชื่อมปมในข้อ 4. เข้าด้วยกันค่ะ
ปล.เขียนไปสามเรื่องแล้วค่ะ ไม่ได้วางความยาวไว้ ทำให้นิยายยาวมากเพราะเติมพล็อตย่อยเยอะเกินไป (เรื่องล่าสุดจะ 500 หน้าแล้ว)
เรื่องต่อไปคิดว่าต้องกำหนดควบคุมความยาวดีๆ คาดว่าจะยาวประมาณ 250-300 หน้าก็พอ TT
ขอบคุณครับ พอดีสนใจ การทำเล่ม เลยพยายามฟิกให้พอดี กับไปดูว่าเค้าเขียนขายเป็นตอนกันยังไง เลยวางไว้เลย ว่าต้องมี อะไรบาง
ผมเข้าไปอ่านงานคุณแล้ว ขอเสียมารยาทผมคิดว่าคุณอ่านนิยายน้อยมาก
ผมเห็นคุณจะเล่นท่ายากเล่าเรื่องเกี่ยวกับเวลา เลยขอเบรคหน่อยว่าพื้นฐานของนิยายคือการเล่าเรื่องและสื่อสารกับคนอ่าน
ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองมีความสามารถในการเล่าเรื่องขนาดไหน ให้ลองเขียนเรื่องราวชีวิตประจำวันของคุณในวันนี้ออกมาดู จะใส่สีตีไข่โรยผักชีอย่างไรก็ได้ให้ออกมาอ่านแล้วน่าสนใจ ถ้าคุณเขียนออกมาแล้วคิดว่ามันน่าสนใจ ก็ลองให้คนอื่นอ่านดู ถ้าเขาเห็นว่ามันน่าสนใจจริง ๆ ก็ โอเค คุณจะเล่นท่ายากอะไรก็เรื่องของคุณล่ะ
แต่ถ้าตัวเองอ่านเองแล้วยังไม่รู้สึกว่าชีวิตประจำวันที่เขียนมันมีความน่าสนใจ แนะนำให้ไปหานิยายมาอ่านให้มากสักหน่อย ไม่รู้จะซื้อเล่มไหนก็เดินเข้าร้านหนังสือไปยืนอ่านก็ได้ ดูที่มันน่าจะเป็นเรื่องแนวเดียวกับคุณ ซึมซับวิธีการเล่าเรื่องก่อน ทฤษฎีทั้งหลายมันช่วยอะไรไม่ได้เลยถ้าคุณเล่าเรื่องและสื่อสารกับคนอ่านอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้
ขออภัยที่เขียนอะไรทำร้ายจิตใจขนาดนี้ แต่ดูจากหลายกระทู้ที่คุณตั้งผมคิดว่าคุณมีความตั้งใจจริง คอมเม้นแรงแค่นี้คงไม่ถึงกับทำให้เลิกเขียนนิยาย
นั้นละครับ เลยคิดว่า อ่านมาน้อยจริง เลยต้องมาถามว่า เรื่องไหน บางที่ หน้าสนใจ ส่วนการเขียนก็ลองเขียนๆ ดู แล้วรู้สึกมันยัง ไม่ดีก็เลยรื้อใหม่ เนื่องจากยังจับจุดได้ไม่ดีครับ
คอมเม้นไม่มี ผลครับ ติมา รับไว้หมดเลย ขอแค่ไม่ใช้คำรุนแรงมากเกินไป เราจะได้รู้ว่า เออคุณขาด นะ
คนติ ติด้วยการอ่านจริง ไม่ใช้เงียบไป
ส่วนมากก็เริ่มจากการคิดคาแรคเตอร์ของตัวละครรวมถึงเนื้อเรื่องแบบย่อ ๆ เอาไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ แตกรายละเอียดปลีกย่อยออกไปเป็นส่วน ๆ แต่ไม่เคยกระประมาณตายตัวว่าแต่ละตอนจะต้องสั้นหรือยาวแค่ไหน เขียนไปตามอารมณ์ล้วน ๆ ค่ะ
การคิดคาแรคเตอร์ ตรงนี้ อยากให้สวยหล่อ แต่ก็เออ ไม่ค่อยเข้ากับชีวิตเลย เลยติดภาพอยู่
คาแรคเตอร์ที่คิดออกมาจะเป็นพวกอุปนิสัยหรือบุคลิกท่าท่าการวางตัวมากกว่าค่ะ ส่วนหน้าตานี่่มาทีหลังเลย
เหตุการณ์มีอะไรบ้าง คิดไว้ในใจ หรือจดไว้ในกระดาษ
ตัวเอกต้องทำอะไรบ้าง บางครั้งก็ละเอียด บางครั้งก็ไม่ละเอียด
จุดจบของเหตุการณ์นี้คืออะไร แล้วส่งต่อเหตุการณ์ต่อไปอย่างไร
แบ่งเหตุการณ์เป็นหลายขนาด ขนาดทั้งเรื่อง ขนาดภาค ขนาดตอนย่อย บางครั้งก็ละเอียด บางครั้งก็ไม่ละเอียด มีช่องที่ว่างอยู่อีกมากที่สามารถเติมไอเดียเข้าไปได้ และตอนจบก็สามารถพลิกแผลงเปลี่ยนได้ แต่มีไอเดียที่จะจบไว้ตั้งแต่เริ่มต้นงานเขียน
มีโครงสร้าง แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด บางครั้งเปลี่ยนแล้วโครงสร้างก็เปลี่ยนด้วย แต่ไม่ใช่เขียนไปเรื่อย ๆ คิดอะไรออกก็ใส่เข้ามา
ตอนนี้ต้องจดหมด ครับ จด ยันฉากที่นึกละ 555 ชื่อตัวละครว่าจะใส่ยังกลัวคุกเลย
เขียนแบบป่วยๆ ไปก่อนครับ 5555+
พอเขียนเสร็จ 1 ตอน เรียบเรียงคำพูดและลำดับเนื้อหา
พอเขียนจบ ปุ๊บ ! อย่ากลับมาอ่านเพราะ อ่านยังไงก็เข้าใจในแบบของเรา
ลืมไปก่อนซัก 3-7 วัน ค่อยกลับมาอ่าน
มันจะมองเห็นจุดแตกต่างของเนื้อหา ที่เราอ่านแล้วไม่เข้าใจ แล้วค่อยแก้เนื้อหาใหม่
ลองเอาไปปรับใช้ดูได้ครับ 5555+
นั้นละครับ พอทิ้งไป กลับมาอ่านถึงขั้นรื้อใหม่
รู้สึกมันยังไม่เข้าใจอะไรเลย ขาดมากๆ
ผมตอบในฐานะนักอ่านนะครับ ผมอ่านของคุณแล้ว ส่วนมากขาด "คำเชื่อม" เช่น และ , ในขณะนั้น , ทันใดนั้น , ณ ตอนนั้น , เมื่อนั้น , ตอนนั้น , เมื่อสักครู่ , ในเวลานั้น , จนกระทั้ง เป็นต้น ที่จะเชื่อมโยงสถานการณ์
และการบรรยายให้เห็นภาพนั้นสับสนไปมา เช่น ใช้ประโยคซ้ำ
ยกตัวอย่าง ตอนที่ 1 ของคุณ ย่อสุดท้ายนะครับ
""ขนาดนั้นเสียงข้างนอกมากกว่าเดิม เหมือนจะมีอะไรกันอยู่ตรงหน้าห้องมากกว่าเดิม"" (ผมงง)
ลองแต่งเป็นประโยคความสั้นๆ เข้าใจง่ายดูไหมครับ
ลองฝึกใช่คำเชื่อมดูครับ เผื่อจะช่วยให้เราแต่งนิยายได้ไหลลื่นขึ้นและอ่านไหลลื่นขึ้น
และที่จะขาดไม่ได้ อารมณ์ / ความรู้สึก / แววตา ของตัวละคร ในช่วงสถานการณ์นั้นเป็นอย่างไร
//สู้ๆ
ขอบคุณครับ ยังขาดคำเชื่อม เดียวต้องไปนั่งดู
- เราจะวางคาแรกเตอร์ก่อนเลยค่ะ ใส่ลักษณะ จุดเด่นของคาแรกเตอร์ตัวละครหลักพร้อมที่มาที่ไป
- จากนั้นจะเขียนเรื่องย่อแบบย่อมากๆ เหมือนเขียนพล็อตโดยรวมน่ะค่ะว่าเขียนเกี่ยวกับอะไร เรื่องเริ่มต้นยังไง
- อันนี้เป็นวิธีที่เราเพิ่งใช้ได้ไม่นาน เราจะแบ่งเปอร์เซ็นต์อารมณ์ของเรื่องค่ะ ด้วยความที่เราเขียนนิยายรัก แต่นิยายรักแต่ละเรื่องก็ให้อารมณ์ต่างกัน บางเรื่องเป็นโรแมนติก-คอมเมดี้ บางเรื่องเป็นโรแมนติก-ดราม่า เราก็จะแบ่งลวกๆ ว่าเรื่องของเราโทนเรื่องเป็นแนวไหนจะได้ไม่หลุดกรอบ
- ต่อไปเราจะกำหนดตอนว่ามีกี่ตอน แต่ละตอนมีจุดประสงค์แสดงอะไร เช่นว่าเป็นตอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์พระ-นาง ตอนดราม่า ตอนปม ตอนขยายปม บลาๆๆ
- สุดท้ายเราก็จะมาใส่รายละเอียดแต่ละตอนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เริ่มยังไง จบยังไง
- พอได้รายละเอียดแต่ละตอนแล้วก็เริ่มเขียนได้ค่ะ
ขอบคุณครับ สู้ๆ
โห. คุณวางละเอียดว่าต้องลงเป็นบรรทัดเลยเหรอคะ. เราคิดแบบรวมเป็นหน้ากระดาษ a4 ค่ะ ตอนละไม่เกิน 3 หน้ากระดาษ ฟ้อนท์ขนาด 14 เรื่องหนึ่งวางไว้ 30 ตอนค่ะ คือไม่ได้มีกฏตายตัวนะแต่สำหรับเราวางความยาวต่อตอนในแบบตัวเองแบบนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละตอนพาไปด้วยค่ะ
อย่างแรกที่เราวางแผนงานเขียนหนึ่งชิ้นคือ คาแรคเตอร์ กับความสัมพันธ์ ค่ะ
เช่นเรื่องที่เรากำลังเขียนอยู่นี้ เราได้คาแรคเตอร์พระเอกก่อนเลยค่ะ ว่าเป็นคนแบบนี้ๆ น่าจะต้องได้มาเจอกับความสัมพันธ์แบบไหนต่อมา. และนางเอกควรจะเป็นคนแบบไหนเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับพระเอกจนเกิดความรัก. และเรื่องราวที่มาเชื่อมคนสองคนนี้เมนหลักคือเรื่องอะไร ตัวละครอื่นๆ จะมาแบบไหน มีความสัมพันธ์แบบไหนกับตัวพระนาง สภาพแวดล้อม สังคม ครอบครัวของตัวพระนางเป็นยังไง
มันมีเรื่องแตกไลน์ให้เขียนเยอะค่ะแต่เราต้องคิดเป็นจุด และสร้างปม แก้ปมไปทีละจุด โดยกระจายเป็นตอนๆ เป็นพล็อตแต่ละตอนย่อๆ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น. จะนำพาตัวพระนางไปในทิศทางไหน ซึ่งตรงนี้สำคัญมากเลยค่ะ เพราะส่วนมากจะหมดแรง หมดไฟ ไม่ก็ออกทะเลกันเป็นแถว ซึ่งเราก็ออกทะเลมาหลายครั้งหลายหนแล้วเหมือนกันค่ะ
ตอนนี้เลยกลับมาพยายามใหม่อยู่ค่ะ
สู้ๆ ไปด้วยกันนะคะ
ฝึกไว้ครับเพื่อได้ตีพิมพ ว่าต้องลงกี่หน้า แล้วทำไงให้ช่วง ไคลแม็ก ไปอยู่อีกตอน แบบ ซีรีย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?