ทำไงให้ตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง!!!
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
9 ความคิดเห็น
สวัสดีคะ><เจ้าของกระทู้ จากที่อ่านมาเป็นคนที่ไม่เก่งเลขเหมือนเราเลย
ขอเเบ่งวิชาสายวิทย์เป็น 2Partเนอะ
กลุ่มวิชาสายคำนวน(ฟิสิกส์ เลข)
เน้นทำโจทย์บ่อยๆคะ>< ถ้าอ่อนทางด้านนี้จริงๆแนะนำให้ไปเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวซักระยะนึง(ย้ำนะคะตัวต่อตัวอย่าเรียนวีดีโอเพราะถ้าเราอ่อนด้านนี้อยู่แล้วจะยิ่งตามไม่ทัน อย่างเราที่ไม่เก่งฟิสิกส์เพราะพื้นฐานคณิตแย่มากไปเรียนรวมกับเพื่อนไม่ไหว ต้องเรียนเดี่ยวๆทำความเข้าใจจุดที่ตัวเองพลาดแล้วค่อยๆไป) ต้องตับจุดให้ได้ว่าทำไมไม่เก่งเรื่องนี้
กลับมาบ้านให้ทบทวนคะ ยื้มหนังสือเล่มนึงลองทำโจทย์ ทำไม่ได้ พลิกไปดูเฉลย รอบแรกไม่เก็ทไม่เป็นไร มาดูข้อต่อไป ดูกันไป3รอบก็จะเก็ทเอง//ไม่ก็ถามครูถามเพื่อนก็ได้คะ ฟิสิกส์แนะนำเล่มติวสบายๆฟิสิกส์เล่มหนึ่งโจทย์จะเริ่มจากง่ายๆไปยาก หลายครเข้าใจผิดว่าวิชานี้แค่อ่าน แต่จริงๆพวกคำนวนต้องเน้นโจทย์และความเข้าใจคะ
มาหมวดความจำ
ชีวะ เคมี(บางข้อ) วิชาโปรดเราเลย555 เเนะนำให้อ่าน3 รอบ รอบแรก ไฮไลท์ ไม่ต้องไปจำมันนน นาน555
รอบสอง อ่านที่ไฮไลท์
รอบสาม เขียนสรุปดูให้พอมัน ศัพท์ตัวไหนยากๆ เปลี่ยนมันให้สนุก!! เช่น Pasmoptysis ที่เป็นศัท์ชีวะเเปลว่าเซลล์เต่ง(เกิดจากการOsmosisที่สารละลายภายนอกมีความเข้มข้นน้อยกว่าเข้าไปในเซลล์พืชแบบHypolysis) เราจำว่าตรงกลาง PTY >>Pretty >>สวย>>นมใหญ่>>เต่งตึง พ่าม!!
//อันนี้วิธีเรานะ แนะนำอย่าไปจำตามใครๆคิดเองจำเองดีกว่า><
รอบต่อไป หลับตา นึกถึงภาพในหัวการจัดเรียง บลาๆ ค่อยๆซูมเข้าไปว่าในนั้นมีอะไรบ้างทำหน้าที่อะไร จำไม่ได้พลิกอ่านอัดเทป วาดรูปเหมือนเรากำลังอธิบายคนๆหนึ่ง
รอบกันพลาด ทำข้อสอบ
อันนี้เป็นของวิชาหลักๆคร่าวๆส่วนวิชาภาษาเราเน้นทำความเข้าใจให้มีอารมณ์ร่วมไปกับมันคะ
อย่างแรกเลยคือต้องวางแผนการเรียนแล้วก็ตารางอ่านหนังสือของแต่ละวัน แบบตั้งเป้าหมายไรงี้ว่าจะต้องอ่านหรือทำโจทย์ให้เสร็จแต่ละบท ส่วนเลขให้เน้นทำโจทย์เยอะๆ มันจะช่วยให้คิดเร็วอัตโนมัติ เข้าใจคอนเซปท์หลักๆของมันก็พอ พอใกล้สอบปลายภาค อย่างพวกวิชาใช้การจำ ให้สรุปลง1หน้ากระดาษทั้งหมดหรือลงสมุดเล็กๆ ไว้กับตัว จะได้หยิบขึ้นมาอ่านระหว่างเวลาว่างได้
แนะนำให้อ่านหนังสือ "เทคนิคการจำไม่ลืม ของคะบะซะวะ" เราเคยทำเทคนิคของนส.เล่มนี้ ให้ฝึกอ่าน ทำบ่อยๆ3-4 ครั้ง ภายใน7-10วัน สมองจะย้ายข้อมูลจากความจำระยะสั้นไประยะยาว ประมาณนี้ สู้ๆนะคะ :)
เม้นบนสอนเรียนพิเศษแบบฮาร์ดคอร์ไปแล้ว งั้นเดี๋ยวทางนี้สอนวิธีเรียนเองละกันครับ ^ ^
สำหรับสอบปลายภาคที่จะถึง เรื่องการทบทวนนี่เหมือนกันเลย คือขี้ลืม 555 วิธีที่แนะนำเลยคือ จดสิ่งที่ต้องจำไว้แยกต่างหาก ย้ำว่าที่ต้องจำ!! คำอธิบายเรื่อยเปื่อยไม่ต้องเอามา เน้นที่อ่านง่ายและจำเป็นครับ จากนั้นก็หยิบมาทบทวนทุกวันเช้าเย็น พยายามจำไปเรื่อยๆ จะได้เอง
ส่วนวิชาเลขกับวิทย์ การทำโจทย์เป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ แต่แนะนำให้ทำเป็นระบบ เรียงจากง่ายไปยาก แบบนี้สูตรที่ใช้บ่อยๆจะติดหัวมาเอง จากนั้นค่อยลองโจทย์ประยุกต์
ส่วนสำคัญของการเรียนสายวิทย์ คือความเข้าใจครับ พยายามทำความเข้าใจกับทุกอย่างในห้องก่อน แล้วเนื้อหาส่วนที่ต้องท่องจำค่อยกลับมาอ่าน ส่วนใหนไม่เข้าใจให้รีบถามครูหรือเพื่อน จากนั้นที่เหลือก็คือฝึกและฝึก
เนื้อหาม.ปลายมักจะมีเช็กพ้อยต์ คือพอจบเรื่องนึงจะเริ่มเรื่องใหม่ที่เนื้อหาแทบไม่เกี่ยวกับของเดิมเลย เพราะฉะนั้นถ้าเรื่องที่แล้วพลาด เรามาตั้งใจเริ่มเรื่องใหม่พร้อมกันอีกครั้งได้ครับ // แต่อย่าทำบ่อย เดี๋ยวจะมีปัญหาตอนเข้ามหาลัย 5555
สุดท้ายก็ขอให้โชคดีครับ ชีวิตม.ปลายลำบาก แต่พวกเราจะผ่านมันไปด้วยกัน ><
อย่างแรกก็เริ่มตันด้วยการเขียน นะ , คะ ค่ะ ให้ถูกก่อน
อ่อจ้า
ก่อนจะสรุปให้วางแผนก่อนนะคะว่าจะอ่านหัวข้ออะไรบ้าง อย่างเราจะใช้การเขียนค่ะ ว่าบทที่มีหัวข้ออะไร แล้วก็แบ่งอ่าน อย่าอ่านทีเดียวรวดน้า พออ่านแล้วก็จำค่ะ แล้วก็เขียน ทำแบบนี้สลับกับการทวนหัวข้อก่อนหน้าไปเรื่อยๆค่ะจนจบเรื่องนั้น
พอสรุปเสร็จก็ทบทวนอีก ทวนเยอะๆค่ะจะจพได้เอง
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ
ถ้าเรื่องคำนวณ ยกมือขึ้นสูงๆเลยว่าไม่ค่อยจะเข้าหัว แต่ขอแชร์วิธีที่ใช้เอง แล้วมันได้ผล (ตอนนี้เรียนจบ ทำงานแล้ว ตอนสมัครงานบางที่ยังสอบคำนวณอยู่เหมือนกัน) ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ อันไหนผิดก็ทำใหม่ ซ้ำๆ มันจะออโต้จำได้เลย
ถ้าเราโฟกัสที่เป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นๆ เช่น ทำแบบฝึกหัด ทำโจทย์ จำสูตร ในทุกเย็น สองชั่วโมง วัน จ พ มันทำให้เราพุ่งไปได้อย่างมุ่งมั่นเลย #ปล่อยวาง เรื่องอื่นๆ เพราะยังไม่ถึงเวลาของเรื่องนั้นๆ #การปล่อยวางสร้างโอกาสใหม่ได้เสมอ
1. ก่อนจดสรุปอ่านเนื้อหาเข้าใจหรือยัง
2. อ่านเข้าใจจนอ๋อ หรือแค่จำได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
3. ต่อเนื่องจากข้อสองจะลืมมันก็ไม่แปลก
4. พี่เรียนเอกฟิสิกส์ยังจำสมการไม่ได้ทั้งหมดเลย จะลืมมันก็ไม่แปลกนิ
5. ฟิสิกส์อย่าเรียนด้วยวิธีการจำสูตรไปทำโจทย์ มันเป็นวิธีการเรียนฟิสิกส์ที่ไม่ถูกต้อง มันทำให้ฟิสิกส์กลายเป็นเรื่องของวิธีการแก้โจทย์ปัญหา 101
6. ต่อเนื่องจากข้อ 5 ฟิสิกส์คือธรรมชาติ การทำโจทย์คือการคาดการณ์ธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น คือการอธิบายธรรมชาติในสภาวะหนึ่ง
7. ต่อเนื่องจากข้อ 6 เข้าใจหลักการธรรมชาติของฟิสิกส์ซะก่อน หรือก็คือเข้าใจทฤษฎีซะก่อน สมการทั้งหลายคือสิ่งที่ใช้อธิบายธรรมชาติ เข้าใจทฤษฎีซะก่อน สมการคือส่วนประกอบเล็กๆเท่านั้น หากไม่เข้าใจทฤษฎีแล้วการทำโจทย์ฟิสิกส์คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
8. การเปิดดูสูตรไม่ใช่สิ่งเลวร้าย การเปิดดูเฉลยโดยไม่พยายามคิดต่างหากคือสิ่งที่ไม่ควรทำ
9. วิธีการแก้ปัญหาคืออย่าอ่านด้วย mind set ว่าพยายามจะจำมัน จงอ่านด้วย mind set ว่าพยายามที่จะเข้าใจมัน การจำได้จะตามมาหลังจากเข้าใจมันแล้ว
10. การทำโจทย์มีความสำคัญในการสอบแข่งขัน หรือแม้กระทั่งการทำความเข้าใจฟิสิกส์เองก็ตามที แต่การทำโจทย์ไม่ใช่ทั้งหมดของฟิสิกส์ การเรียนฟิสิกส์ด้วยความคิดจะทำโจทย์คือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
11. วิทยาศาสตร์ทุกสาขาคือธรรมชาติ รวมไปถึงชีววิทยาที่บอกกันว่ามันคือวิชาความจำ แต่การเรียนชีววิทยาด้วยการจำคำศัพท์ จำกระบวนการทำงานอย่างเดียว ไม่ใช่การเรียนชีววิทยาที่ถูกต้อง
12. อ่านชีววิทยาให้เข้าใจกระบวนการของมัน เช่น ระบบย่อยอาหารเริ่มจากปาก ผ่านหลอดอาหาร ย่อยที่กระเพาะ ย่อยต่อที่ลำไส้เล็ก ดูดซึมกากที่ลำไส้ใหญ่ จากนั้นค่อยไล่ดูว่ามันมีศัพท์อะไรอยู่บ้างเมื่อ"เข้าใจ"ภาพกระบวนการของมันแล้ว (เข้าใจกระบวนการจะทำให้จำชีววิทยาได้ยืนยาว) แต่การอ่านชีววิทยาแล้ว"จำ"ได้ อีกไม่นานก็ลืม
13. อย่าคิดว่าตัวเองหัวช้า แค่วิธีการอ่านที่ใช้อาจจะไม่เหมาะกับธรรมชาติของตัวเราเอง หรือไม่เหมาะกับธรรมชาติของวิชาที่เรียน ไม่มีใครหัวช้าบนโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเรียนรู้ได้แค่ให้เวลากับมัน
14. การคิดเลขช้าไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์แต่ประการใด การคิดเลขเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคณิตศาสตร์ที่สามารถฝึกฝนให้เร็วขึ่นได้ เช่น เทคนิคจินตคณิต หรือฝึกการคิดเลขอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน สิ่งที่บ่งบอกความสามารถทางคณิตศาสตร์ คือการคิดแนวทางการแก้ไขปัญหาเชิงคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนด้วยวิธีการที่เข้าใจง่ายที่สุด หรือก็คือความสามารถในการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะ อย่างมีระบบเป็นขั้นเป็นตอนนั้นเอง
15. ต่อเนื่องจากข้อ14 การทำโจทย์จนคล่องไม่ใช่ความเก่งเชิงคณิตศาสตร์แต่อย่างใด แต่มันคือความชำนาญจากการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำๆ เป็นเวลานาน
16. การเรียนพิเศษไม่ว่าแบบใดไม่ได้ทำให้คนเก่งขึ้นมากนัก ไม่มีใครเก่งจากการนั่งฟังในห้องเลคเชอร์ การเรียนพิเศษไม่มีความจำเป็นถ้าหากอ่านหนังสือมากพอ ถ้าไม่เข้าใจที่จุดไหน การถามอาจารย์ผู้สอนในโรงเรียนคือเส้นทางการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
17. ต่อเนื่องจากข้อ 16 การเรียนพิเศษมันมีข้อดีที่เห็นได้ชัดอยู่อย่างเดียวคือเอาไปสอบแข่งขัน ความรู้หาได้จากหนังสือหากมีความพยายามมากพอจะอ่านมัน ซึ่งจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งมากกว่าไปนั่งฟังเนื้อหาที่คนอื่นย่อยมาให้แล้ว
18. การจดแยกส่วนที่ต้องจำ และทำโน๊ตสรุปไว้อ่านคือสิ่งที่ดี เมื่อมีความเข้าใจในเนื้อหามากพอ อย่ารีบด่วนจะทำ ไม่งั้นการกลับมาแล้วงงไม่ใช่เรื่องแปลก
19. จุดสูงสุดของการเรียนวิชาความจำอย่างสังคม หรือชีววิทยา คือเล่าเรื่องที่อ่านออกมาได้อย่างไม่ติดขัด
20. เช่นเดียวกับฟิสิกส์ การเห็นธรรมชาติแล้วอธิบายมันได้ในทันทีคือจุดสูงสุด เช่น เห็นใบไม้ร่วงลงจากกิ่ง ถ้าอธิบายมันได้เป็นฉากๆ นั่นคือการเข้าใจฟิสิกส์อย่างชัดเจน และถ้าคำนวณมันออกมาในรูปแบบตัวแปรได้ นั่นคือฟิสิกส์ในระดับมหาวิทยาลัย
จากที่อ่านดู สรุปว่า น่าจะเป็นคนไม่ตั้งใจเรียน อย่างจริงจังใช่ไหม ถ้าไม่ตั้งใจเรียน ก็จะเรียนไม่เก่ง อ่านหนังสือไม่ทัน จำเนื้อหาไม่ได้ ก็ถูกต้องแล้วนะครับ
คำถามคือ เราไม่รู้ว่า การตั้งใจเรียนอย่างจริงจังยังไงเหรอครับ
หรือคำถามคือ เราจะเรียนให้เก่งขึ้นได้ยังไง
เพราะถ้าจะเป็นคนเรียนเก่งจริงๆ มันยากอยู่นะ เพราะต้องใช้ความพยายาม อดทน มีระเบียบวินัย... หลายๆอย่าง ขึ้นอยู่ที่ว่า ใจเราสู้แค่ไหน
สวัสดีค่ะ
การจำสูตรเราก็ว่าเป็นสิ่งที่อยากพอๆการคิดคำนวณ แต่ในแต่ละคนจะมีวิธีจำแตกต่างกันไป ลองใช้วิธีเราดูนะ ก่อนที่เราจะสอบเราจะหาสมุด1เล่มมาและจดสูตรทุกสูตรก่อน และหาเพื่อนมาลองติวกับเรา และให้เขาพูดชื่อสูตร และเราตอบเป็นสูตร สลับกันไปมาเดี่ยวก็ได้เอง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?