Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ปัญหาเรื่องศาสนากับแม่

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้วันอาทิตย์ จะไปเรียนพระคัมภีร์ แต่ลืมบอกแม่ว่าจะไป พอดีแม่อาบน้ำอยู่ เลยไปยืนพูดว่า
"แม่ วันนี้ไปเรียนพระคัมภีร์นะ"
"ศาสนาคริสต์ดียังไง?! แกนับถือคริสต์ก็เลยไม่สนใจพุทธ! ฉันนับถือพุทธก็ไม่ต้องแคร์คริสต์เหมือนกัน!"
"...." ยืนกอดอกพิงตู้เย็น
"ตอนเด็กๆยังไหว้พระสวดมนต์ประจำ! เดี๋ยวนี้มีคนตายไม่ทำบุญ! ถ้ามันสอนแบบนี้ก็ไม่ต้องไป! ศาสนาเปรxๆ!"
"....."
"อยู่บ้านเสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยจะเก็บกวาดตรงไหน! พอจะไปถึงมาเก็บล้าง! คริสต์เคยให้อะไรบ้าง! ต้องการเงินให้มั้ย! มีแต่ทำให้เสียเวลา! ถ้าคริสต์สอนให้แกเป็นคนใจดำแล้งน้ำใจก็ไม่ต้องไป!"
สักพักแม่ก็เดินออกมา
"อะไร?!"
"...."
"มีอะไร!!!?"
"เปล่าค่ะ..."
นึกว่าโกรธขนาดนั้นต้องรอให้ใจเย็นก่อน อธิบายก็คงไม่ไหว เลยกลับมาเข้าห้องตัวเอง
"เกินไปแล้วนะ!!! เกินไปแล้ว!!!! นี่ใคร!!!!"
"....ขอโทษค่ะ"
"คริสต์สอนให้แกไม่เคารพผู้ใหญ่เหรอ! มาถึงก็ยืนเก๊ก! เดี๋ยวไปอาละวาดถึงที่โบสถ์เลยนะ!!! ไปด่าพวกที่เผยแพร่ว่าสอนให้แกเป็นคนแบบนี้เหรอ!"
.
.
.
จำไม่ได้ว่าทำแม่โกรธขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เรานับถือสิ่งที่เราเชื่อ ทุกศาสนาสอนให้คนเชื่อและทำตาม ซึ่งเราก็เหมือนกัน 
เรื่องศาสนาคริสต์สอนให้แล้งน้ำใจไม่ทำบุญเลยนั่นมันไม่จริงสักนิดเดียว แค่มีกฏข้อห้าม ใน10 บัญญัติศาสนาคริสต์บอกว่า "จงนับถือพระเจ้าเพียงผู้เดียว" สวดมนต์,ถวายสังฆทาน,ตักบาตร พิธีของศาสนาอื่นจะมีส่วนร่วมไม่ได้เลย 
ที่โดนด่าว่า"มีแต่ทำให้เสียเวลา" เพราะทุกศาสนาในโลกจะมีศาสนสถานเป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ไปนมัสการพระเจ้า,สวดภาวนา ก็ไม่ต่างจากการเข้าวัดทำบุญเลย มันต่างจากการทำบุญตรงไหน
ส่วนที่จะยอมทำงานบ้านเยอะๆเฉพาะวันที่ไปโบสถ์เท่านั้นยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เพราะทุกวันนี้มีหลายครั้งที่ลืมทำหน้าที่ตัวเอง ปกติจะล้างจาน หุงข้าว พับผ้า ตอนเราทำดีไม่เคยจำ พอเริ่มทำแบบหวังผลก็ยกขึ้นมาด่า 
ทำไมแม่ถึงไม่คิดว่าความผิดไม่ได้อยู่ที่ศาสนา มันผิดที่เราขี้เกียจเอง 
ทำไมถึงโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของคำสอน ทำไมไม่คิดว่าเราผิดเองที่เอาแต่ใจ
ยิ่งตอนเห็นสีหน้าแม่ ตะคอกขึ้นเสียง ตวาดใส่ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง กังวลว่าแม่จะโกรธจนไม่อยากเห็นหน้า ชาวาบทั้งตัวจนทำอะไรไม่ถูก
พอหยุดด่า สักพักน้ำตาก็ไหลมาเอง ไม่ได้สะอื้น แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ อายุ18แล้วยังร้องไห้เพราะแค่ทะเลาะกับแม่อีก แต่ไม่ใช่แค่นั้น เรารู้สึกว่าคำพูดของแม่ เป็นการดูหมิ่น หยามเกียรติ ท้าทาย ลบหลู่พระเจ้าสูงสุดของศาสนาคริสต์ เสียใจที่พูดเหยียดหยามสิ่งที่เราเชื่อ ผิดหวังที่ไม่ยอมเข้าใจสิ่งที่เรานับถือ
เราลองสวดภาวนาอีกครั้ง
"ข้าแต่ในนามของพระบิดดา ขอพระองค์โปรดอภัยบาปของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าได้ละเมิดกฏ10บัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ (มีข้อนึงบอกว่า จงนับถือบิดามารดา) ข้าพเจ้ายอมรับว่าเป็นคนบาป ขอให้แม่ใจเย็นลง เดชะในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน"
ขอความคิดเห็นทุกคนหน่อยค่ะ จะนับถือคริสต์หรือพุทธก็ได้ คำด่าหรือคำดีจะเก็บมาคิดเยอะๆค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

26 ความคิดเห็น

มัณทนา 11 พ.ย. 61 เวลา 12:04 น. 1

ไม่ต้องไปสนใจค่ะ

เพราะมีคนพุทธทำตัวแย่ๆแบบนี้แหละ

ระรานคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ

กีดกันไม่ให้ลูกหลานเปลี่ยนศาสนา

พี่กับคนอื่นๆถึงเหินห่างศาสนาพุทธเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นหรือเป็นคนไม่มีศาสนากันหมด

0
kaeonat 11 พ.ย. 61 เวลา 14:56 น. 2

ศาสนาไหนก็ดีหมดครับ


ทุกศาสนามีสิ่งที่เหมือนกันคือ เป็นคนดี


กตัญญูต่อบุพการีครับ ถึงเขาจะร้ายแค่ไหนก็ตาม


ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา


นี้พูดเป็นกลาง


แต่ก็จะไปเกลียดแม่เราไม่ได้ เพราะแม่ยังไงก็แม่ครับ


เขาพูดอะไรไปเราก็ ไม่ต้องไปสนใจครับ นิ่งๆ


แต่ว่าต้องทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จก่อน รับผิดชอบ


เดี๋ยวพอนานๆไปแม่ก็จะชินเองครับ



0
ริชาร์จ 11 พ.ย. 61 เวลา 20:23 น. 3

ขึ้นอยู่แต่ละคนด้วยครับ ทุกศาสนาสอนให้เป็น

คนดีมีจริยธรรม ช่วยเหลือคนอื่นได้ควรช่วย

เพราะมนุษย์ควรเท่าเทียมกันครับ ในความเป็น

จริงแล้วมีแค่จริยธรรม กับ มนุษย์ที่อยู่ตรงกลาง


เท่านั้นแหลาะครับ ในยุคสมัยก่อนศาสนาล้วน

มีแต่พวกหัวรุนแรง ทั้งคริส และ พุทธ ศาสนา

มีนิกายโปแตสแตน ให้อิสระกับสาวกในการเข้า

หาพระเจ้า สมัยก่อนพวกหัวรุนแรงที่เข้าไปเผย


แพ่ศาสนาถ้าใครไม่นับถือ จับมัดเผาไฟเข่นฆ่า

คนบริสุทธิ์ เมื่อก่อนยังมีให้เห็นจับนักบุญศาสนา

เดียวกันมาฆ่า สำหรับความคิดเห็นของผมนะ

พระเจ้าตายไปแล้วครับ พวกหัวรุนแรงมีแทบทุก


ศาสนาครับ อย่าเชื่อถือให้มากนักครับ

0
ความหวังใจ 11 พ.ย. 61 เวลา 21:55 น. 4

จริง ๆ ถามในนี้อันตรายนะครับ คุณอาจจะได้รับคำตอบที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักการ เพราะคนที่ตอบไม่ได้มีความรู้พระคัมภีร์แบบที่คุณรู้ แน่นอนว่าตามหลักจริยธรรมคนที่มาตอบเขามี แต่มันเป็นจริยธรรมที่ตั้งบนพื้นฐานต่างกัน .. (หมายถึง พื้นฐานของแนวคิดที่มีพระเจ้าสูงสุดให้แคร์ กับ แนวคิดที่ไม่มีพระเจ้าสูงสุดให้แคร์)


คุณคิดถูกครับ พระเจ้าไม่ได้สอนให้เรา ไม่สนใจ !! พระเจ้าต้องการให้คุณนอบน้อมต่อบุพการีต่อไป ... และยังต้องแคร์พวกท่านด้วย


เรื่องนี้คุณอาจจะยังไม่ทราบ หรือ เคยทราบแล้วก็ตาม คริส - จะ คริสเตียน หรือ คาทอลิก ก็ดี มีจำนวนไม่น้อยเลยที่เคยประสบสถานะการณ์เดียวกับคุณ และมากมายในจำนวณนั้นยังคงประสบอยู่ !!! ... นั่นแปลว่า คุณไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้ลำพังนะ พี่น้องคริสตชน และ พระเจ้า อยู่เคียงข้างคุณ


สิ่งที่คุณควรทำคือ ... เอ๊ะ คุณไปเชื่อพระเจ้าเพราะอะไรนะ ?? ถ้ามันเป็นเรื่องของความรัก และ/หรือ เพราะพระลักษณะอื่นๆของพระเจ้าแล้วหล่ะก็ ... คุณก็ควรมีสิ่งเหล่านั้นในบ้านขอคุณเอง พระเจ้าที่คุณไปเชื่อ เป็นพระเจ้าแห่งความรัก เมตตา ไม่ประสงค์ร้าย ถ่อมใจ เชื่อฟัง ฯลฯ มิใช่หรือ เป็นพระเจ้าแห่งสิ่งดีๆทั้งสิ้น คุณจงแสดงพระลักษณะเหล่านั้นของพระเจ้าให้คนรอบข้างเห็นผ่านชีวิตประจำวันของคุณ


ผมจะบอกเลยว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนกันทันทีได้ ทั้งตัวคุณ และ คนที่บ้าน เรื่องพวกนี้ บางคนทนทุกข์เป็นสิบๆปี แต่พวกเขาไม่เคยสิ้นหวัง ยังคงอธิษฐานภาวนากับพระเจ้าทุกวัน ยังคงเผชิญเรื่องแบบนั้น ร่วมกับคุณ


และเพื่อให้กำลังใจคุณ ก็เอาข้อพระคัมภีร์ไปอ่านแล้วกัน ตามนี้เน้อ ...


(1โครินธ์10:13)


(1ยอห์น5:4-5)


(ยากอบ1:2-6)


และสำคัญมาก ๆ (ลูกา 14:25-33 ... อันนี้ไม่รู้ว่าคุณจะอ่านฉบับไหน จึงขออธิบายศัพท์ไว้ก่อนเลยเพื่อไม่งง ว่า ในข้อ 26 ตอนต้น คำว่า ชัง แปลว่า รักน้อยกว่า เท่านั้น ไม่ได้แปลว่า เกลียดชัง)

0
ริชาร์จ 11 พ.ย. 61 เวลา 23:18 น. 5

ให้ผมแนะนำคุณจขกทควรเคารพตนเอง และ

บุคคลที่ให้ประโยชน์ คุณควรตอบแทนพวกเขา

สั้นๆ ง่ายๆ ถามในนี้ ไม่น่ากลัวหรอกครับ เพราะ

บุคคลที่เคร่งครัดในจริยธรรม ส่วนใหญ่ศึกษา

มาแทบทุกศาสนา และ ให้ความเคารพสิทธิส่วน

บุคคลและทรัพย์สินของ แต่ละคนครับ ผมขอ


ยกตัวอย่างนะ นาย ก ตอนเป็นเด็กเติบโตสถาที

บ้านอุปถัมภ์ต้องเรียนหนังสือ ทำงานหาเงินเพื่อ

มาเลียงดูตนเอง ครอบครัวของเขาเลียงดู โดย

เอ็ม ผู้ดูแลบ้าน พอเขาเรียนจบมีงานทำเก็บเงิน

เอาไว้ดูตนเอง และ ครอบครัว ถ้าเขาไปเข้าโบสถ์

เขาอาจต้องบริจานเงินดูแลโบสถ์ สร้างคัมภรี

ต่างๆ ต้องบริจาคให้กับสมาชิกคนนั้น คนนี้ ไป

เรื่อย และ ส่งเงินให้กับพาร์เดย์


โดยที่คุณจขกท ไม่รู้เส้นทางการเงินเลยตรวจ

สอบก็ไม่ได้ นำเงินไปใช้อะไรก็ไม่ทราบ ชึ่งบัญชี

และ การเงินพาร์เดย์และเลขาต้องดูแล ไม่ใช้คุณ

จขกทดูแล ส่วนถ้านำหลักฐานอาจเป็นเป็นการ

เบียงเบนวัตถุประสงค์การเงิน ถ้าเป็นนักจริยธัม

สามารถไปบริจาคเงินช่วยสังคมได้ โดยตรง และ

ตรวจสอบได้ ผมและเพื่อนผมต่างก็รู้ไส้ รู้พุงคน


กลุ่มนี้ดีครับ นำมาทำธุรกิจส่วนตัว และ นำไป

หมุนทำพวกธุระกิจสีเทา เพื่อให้ได้เงินจำนวน

มาก ชื้อสินทรัพย์สินปิดบังอำพรางถ้าใคร มา

ตรวจสอบเสนอเงินสักหน่อย ถ้าไม่เอาก็ปิดปาก

ด้วยเหตุการณ์อื่นๆ กลบเกลือนข่าวได้อยู่แล้ว

มีสาวก มือขวา มือซ้าย แต่คนที่มีจริยธรรมพวก

เขาทำงานเลียงชีพตรงไป ตรงมา แม้แต่พระสงฆ์

บางรูปเดียวนี้ มีข่าวเสพยา มัวสาวๆ ถ้ายิ่งเข้า


กลุ่มยิ่งอันตราย มีคนมาคอยเฝ้าสังเกตุว่าตัวคุณ

จขกทเป็นอย่างไร อาจมาที่บ้านถามแม่ของคุณ

ว่าคุณจขกทสบายดีหรือไม่ ทำไมไม่อยากให้เข้า

กลุ่ม สถานที่ภายในโบสถ์บรรยากาศน่ามาเทียว

เปิดใจหน่อยน่า ที่นี้มีเรียนฟรีนะ หอเราก็มี คุณ

สามารถเข้ามาได้ แต่โบสถ์ทุกหลังอาจมีกำยาง

กลิ่นหอมดอกไม้ พวกเขาได้ผสมน้ำยากล่อมประ

สาท ต้องการควบคุมผู้คนไปในทิศทาง ต้องการ

ได้ บ่อยครั้งที่พวกเขามาปรึกษา คนใหญ่คนโต


ในโลกของพวกผม โดยการพยายามยื่นข้อเสนอ

กับตำแหน่งทางสังคม ให้เขามีชื่อเสียง ชึ่งกลุ่ม

พวกผมต้องพิจารณาว่าพวกเขามีจริยธรรม หรือ

ไม่ ทำให้พวกตนเองเดือดร้อน กับ คนอื่นๆ พวก

ผมแครอย่างหนึ่งมากกว่า คือ ลูกหลานประชากร

พลเรือนโดยการถูกรีดไถ หลากหลายแบบ เฮ้อ


โลกยุคนี้ น่าอนาจใจ อยากมีเงินเพิ่มสาวกคน ที่

ยอมสละตนเองเพื่อพวกเขา ผมนะ แคร์ประชาชน

พลเรือนมากกว่าพวกเขานะ คุณจขกทลองไป

คิดเอาเองเถอะ คนธรรมดาหนึ่งคนต้องการอะไร

สูงสุดในชีวิต เงินเหรอ ทองคำเหรอ เรื่อง _x_ งัน

เหรอ ชื่อเสียง ภาพพจน์ ความน่านับถือ หรือว่า

"ความสุข กับ อุดมการณ์" กัน อุดมการณ์ไม่แตก

ต่างกับศาสนาเลย


คนที่นับถือศาสนาอย่างคุณจขกท และ อีกหลายๆ

ท่าน คห ลองมาวิเคราะห์บนความเป็นจริง ว่า

อุดมการณ์ กับ ศาสนา ต่างกันอย่างไรบอกหน่อย

ซิ ถ้ารู้จริงนะ "สำหรับผมไม่ต่างกัน เอาแบบ "ออ

ฟรี ดอม" เลยครับ ลองมาปรึกษาหาข้อสรุป อย่า

ทะเลาะกันก็พอครับ แบบมนุษย์ชนนี้แหลาะครับ

0
ริชาร์จ 11 พ.ย. 61 เวลา 23:43 น. 6

สาเหตุที่ผมแนะนำ (บางคนอาจนำลักษณะการ

เขียนของผม ไปเลียนแบบก็มีครับ ถ้าพัฒนาทัก

ษะผมไม่ว่าหรอก ถ้าเป็นมิจฉาชีพแอบนำไปอ้าง

ได้ กลุ่มนี้ต้องระมัดระวังด้วยครับ) นิกายโปแตส

แตนในความเป็นจริง เป็นคนของกลุ่มนักวิชาการ

ด้านจริยธรรมและนักสังคมวิทยา ตั้งขึ้นเพื่อความ

สงบสุขให้กับพลเรือน หลังจากพวกกลุ่มหัวรุนแรง

สร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชน เรืองราวใน

คำภรีนะเมื่อก่อนพวกนักจิตวิทยา กลุ่มศาสนามา

ขอให้นักจริยธรรม และ นักสังคมวิทยา สมัยก่อน

มาขอให้แต่งเรื่องให้สอดคลอง และ กระจายหลัก

ฐานปลอมไปไว้สถานที่ต่างๆ ครับ


ครั้งนี้ผมขอ เซย์กูดบาย แต่ไม่ลาจากนะครับ


0
ใครน้อวว 12 พ.ย. 61 เวลา 08:33 น. 7

พระองค์สอนให้รู้จักการให้อภัย

ให้อภัยทุกคนที่ต่อว่าเรา

ให้อภัยทุกๆคนที่รังเกียจพวกเรา

หมั่นสวดอ้อนวอนให้พวกเขาเพื่อสักวันพวกเขาจะกลับใจ และเปิดใจให้คุณ มันเป็นบททดสอบศรัทธาในใจคุณนั้นและ

0
มันไม่ผิดหรอกนะ 12 พ.ย. 61 เวลา 09:22 น. 8

ขอแย้งเรื่่องนึงหลักๆเลยนะครับ...


ที่บอกให้นับถือพระเจ้าคนเดียว และจะทำพิธีทางศาสนาพุทธไม่ได้...


ศาสนาพุทธไม่มีพระเจ้านะครับ...

เป็น อเทวะนิยม

พิธีต่างๆเราไม่ได้ทำให้พระเจ้าหรือเทพเทวาองค์ใด เราทำให้คนที่เราเคารพนับถือที่เขาสามารถตั้งอยู่ในศิลได้ครับ ดังนั้น ศาสนาพุทธไม่ได้นับถือพนะเจ้าครับ เราแค่นับถือคนๆที่ถือศิลเท่านั้นเอง

2
Nova Harbinger 12 พ.ย. 61 เวลา 17:10 น. 8-1

ศาสนาคริสต์ไม่ให้ร่วมพิธีของศาสนาอื่น โดยทั่วไปถือว่ารวมหมดไม่ว่าศาสนาอื่นนั้น จะเป็นอเทวนิยมหรือเทวนิยมนะครับ

0
Twenty SIX 12 พ.ย. 61 เวลา 09:46 น. 9

ส่วนตัวผม ผมเชื่อว่าตัวเองสามารถเป็นคนดีได้ แม้ว่าผมจะไม่เชื่อศาสนาไหนๆก็ตาม

0
Hareki! 12 พ.ย. 61 เวลา 10:31 น. 10

ประเด็นเรื่องศาสนาในคนไทยนี่ผมว่าเข้าใจกันยากนะ ยิ่งคนที่ศรัทธามาก ๆ นี่หลายคนยอมประเคนทุกอย่างให้เลย
ผมว่าคุณแม่คุณนี่ก็ค่อนข้างศรัทธาในพุทธเกินไป แถมศรัทธาแบบค่อนข้างรุนแรงด้วย (เห็นว่าด่าคนต่างศาสนาแม้จะเป็นคนในครอบครัวผิดน่ะครับ)


เรื่องพิธีการของทางคริสต์ที่ว่าห้ามไปทำพิธีทางศาสนาอื่นผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ สมัยก่อนผมเคยเห็นเพื่อนอิสลามทำพิธีของพุทธได้เหมือนกัน ผมว่าตัวคุณลองถอยออกมาอีกนิด แล้วคิดว่าการไปทำกิจกรรมทางศาสนากับครอบครัวเป็นการทำกิจกรรมร่วมในครอบครัวแทนก็ได้ครับ


ส่วนคำดูถูก คำด่าเชิงดูถูกต่าง ๆ ที่ไม่มีผลดีต่อเรา (ผมหมายถึง"ติเพื่อก่อ"น่ะครับ) ก็อดทนไว้ครับ ผมเชื่อว่าครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัว อาจจะเข้าใจได้ในซักวันนึงแหละครับ


ปล. ผมไม่มีศาสนาครับ เลยแนะนำในมุมมองของคนที่เคยนับถือมาเท่านั้นแหละครับ 555 ก็ขอให้ฝั่งคุณแม่คุณเข้าใจได้ในซักวันนะครับ

0
..... 12 พ.ย. 61 เวลา 12:54 น. 12

เราไม่ได้มองในมุมของศาสนาอะไรเลยนะ

จะมองในมุมของคนธรรมดาๆ

เราชอบทั้งศาสนาพุทธและคริสต์เท่าๆกัน

เราชื่นชอบในทางสายกลางของพุทธ และหลักความรักของคริสต์


การที่คุณชื่นชอบ และศรัทธาในศาสนาคริสต์มากกกกขนาดนี้ นั่นทำให้ช่วงนี้คุณบกพร่องในหน้าที่อะไรบางอย่างหรือเปล่า หน้าที่ของลูกคนนึง ไม่ใช่ในฐานะคริสต์ศาสนิกชนหรือพุทธศาสนิกชน อย่าพึ่งทุ่มเทชีวิตทั้งหมดให้ศาสนา ถ้าคุณยังมีอย่างอื่นที่ต้องคอยแคร์

0
babypen 12 พ.ย. 61 เวลา 13:13 น. 13

คือ จขกท. ใจเย็นๆนะคะ

เราว่าที่คุณแม่โกรธอาจเป็นเพราะเรามีบางอย่างที่เปลี่ยนไปหลังจากหันไปนับถือคริสต์รึป่าวคะ

เช่นเมื่อก่อนคุณได้ไปทำบุญ ทำศาสนพิธีร่วมกันกับที่บ้านทั้งครอบครัว แต่ตอนนี้คุณเลือกที่จะไม่ทำ ด้วยเหตุผลว่าคุณไม่ได้นับถือพุทธอีกแล้ว คุณมีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง เพราะศาสนาเขากับเราไม่เหมือนกัน สิ่งที่จะทำก็เลยไม่เหมือนกัน คุณแม่เขาอาจจะกำลังกลัวว่าจะเสียคุณไปในทางใดทางหนึ่งที่ไม่ได้หมายถึงการเสียชีวิตนะคะ


แล้วอีกอย่างจากที่อ่านมาการกระทำของคุณจขกท.เองก็ไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้กับบุพการีนะคะ การหันหลังขึ้นห้องมาเลยในขณะที่เขากำลังโกรธ ทำเป็นไม่สนใจแบบนั้นจะยิ่งทำให้เขาโกรธนะคะ กรณีแบบนี้ต้องใจเย็นๆ ขอโทษเขาไปตรงๆว่าเราลืม เราขี้เกียจ แล้วก็พยายามไม่ทำแบบนี้อีก


เรื่องที่เขาไม่เข้าใจที่เราเลือกที่จะนับถือศาสนาอื่น มันต้องใช้เวลาในการค่อยๆอธิบาย ทำความเข้าใจกับพ่อแม่ ว่าทำไมเราถึงเชื่อแบบนี้ ซึ่งมันอาจจะหนักและนานเป็นหลายปี แต่เราต้องใช้ความใจเย็นเข้าสู้ค่ะ ตอนนร้จขกท.อาจจะยังอายุน้อย แต่เมื่อเราโตขึ้นเราอาจจะเข้าใจในการกระทำขอวเขา หรือเขาเองก็อาจจะเข้าใจในการกระทำของเรา ตอนนี้เมื่อพ่อแม่ไปวัด หรือทำบุญอะไรก็ทำตามท่านไปก่อนเถอะค่ะ คิดเสียว่าเพื่อพ่อแม่ของเรา เราไม่ได้ลืมพระเจ้า แต่พระเจ้าอยู่ในใจเราเสมอ อาจจะมีสวดภาวนาขออนุญาตเพื่อที่จะทำ

เราคิดว่าจขกท.อาจจะแสดงออกอย่างหักดิบ ทำให้เขาไม่เข้าใจและไม่พอใจที่เราเปลี่ยนไป กลับไปทำตามที่เขาตองการก่อน แล้วค่อยๆปลีกตัวออกมาจากกิจกรรมนั้นที่เราไม่อยากทำ อย่าใช้เหตุผลด้านศาสนามากนัก เพราะคนไทยเรามีความเชื่อที่รุนแรง เมื่อฉันเชื่ออย่างนี้แล้ว ฉันก็จะเชื่ออย่างนี้ต่อไป ความเชื่ออย่างอื่นนั้นไม่ถูกเท่าที่ฉันเชื่อหรอก


จากใจคนที่นับถือทั้งพุทธและคริสต์ในเวลาเดียวกัน


0
กระจกเงา 12 พ.ย. 61 เวลา 17:58 น. 14

จากที่อ่านดู เหมือนใจความจริงๆ จะอยู่ที่ "อยู่บ้านเสาร์อาทิตย์ไม่ยอมทำงานบ้านเลยโดนแม่ด่า" นะคะ ส่วนประเด็นเรื่องศาสนานี่ น้องอยากนับถือศาสนาอะไรก็นับถือไปเถอะ ไม่ต้องแคร์ แต่อยู่บ้านก็ช่วยแม่ทำงานบ้านด้วย ไม่ใช่มีอะไรก็โยนให้แม่ทำคนเดียวหมด



0
JJshinrain 12 พ.ย. 61 เวลา 19:26 น. 15

ถ้ารู้ว่าเราขี้เกียจก็ปรับปรุงซะนะคะ คุณรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตคุณแล้ว นับแต่นั้นคุณก็มีชีวิตใหม่ในพระองค์ เท่าที่อ่านเหมือนแม่จะจับประเด็นแค่เรื่องงานบ้าน ก็พยายามทำให้ทุกวันค่ะ ทำดี ใจเย็นๆ ให้คุณแม่เห็นพระลักษณะของพระเยซูในตัวเรานะคะ สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ ยังมีพี่น้องของเราอีกหลายคนที่เผชิญเรื่องราวคล้าย จขกท อยู่ ไม่ต้องกลัวนะคะ

0
Lord Art 12 พ.ย. 61 เวลา 19:42 น. 16

ให้อภัย และพยายามปรับความเข้าใจกับคุณแม่นะครับ อาจต้องไปปรึกษา (ถ้าเป็นคาทอลิกไปปรึกษาคุณพ่อหรือครูคำสอนนะครับ ถ้าโปรแตสแตนต์ปรึกษาศิษยาภิบาลนะครับ ไม่รู้ว่าจขกท.นับถือนิกายไหน)

* ข้อความพระคัมภีร์

- ลูกา 6:27-33 ความรักศัตรู

27”แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน  28จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน  29ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย  30จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป  31ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด  32ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย  33ถ้าท่านทำดีเฉพาะต่อผู้ที่ทำดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร  คนบาปก็ยังทำเช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วยกันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำนวนเท่ากัน  35แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืนfแล้วบำเหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยิ่ง ท่านจะเป็นบุตรของพระผู้สูงสุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย

- มาระโก 13:9-13 ความทุกข์จะเริ่มขึ้น

9“จงระวังตัวให้ดี เขาจะมอบท่านให้ศาล ท่านจะถูกทุบตีในศาลาธรรม และท่านจะยืนต่อหน้าผู้ว่าราชการและกษัตริย์เพราะเรา เพื่อเป็นพยานถึงเราต่อหน้าพวกเขา  10แต่ก่อนหน้านั้นข่าวดีจะต้องได้รับการประกาศให้ชนทุกชาติแล้ว

          11“เมื่อเขานำท่านไปส่งมอบนั้น จงอย่ากังวลเลยว่าจะต้องพูดอะไร แต่จงพูดตามที่พระเจ้าทรงดลใจในเวลานั้นเถิด เพราะผู้พูดนั้นไม่ใช่ท่าน แต่เป็นพระจิตเจ้า  12พี่น้องจะกล่าวโทษกัน พ่อจะกล่าวโทษลูก ลูกจะลุกขึ้นมากล่าวหาพ่อแม่เพื่อให้ถูกประหารชีวิต  13ท่านทั้งหลายจะเป็นที่จงเกลียดจงชังของทุกคนเพราะนามของเรา  แต่ผู้ใดยืนหยัดอยู่จนถึงวาระสุดท้าย ผู้นั้นก็จะรอดพ้น[/spoil]

- มัทธิว 10:17-25 ธรรมทูตจะถูกเบียดเบียน

17“จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาลgและเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา  18ท่านจะถูกนำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา 19เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง  20เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน

21“พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึงตาย

22“คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น  23เมื่อเขาจะเบียดเบียนท่านในเมืองหนึ่ง จงหลบหนีไปอีกเมืองหนึ่งhเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่านจะไปทั่วทุกหัวเมืองของอิสราเอล  บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จกลับมาแล้ว”i

24“ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ และผู้รับใช้ย่อมไม่อยู่เหนือนาย  25ถ้าศิษย์เท่าเทียมกับอาจารย์ และผู้รับใช้เท่าเทียมกับนาย ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ถ้าเขาเรียกเจ้าบ้านว่า ‘เบเอลเซบูล’ เขาจะเรียกลูกบ้านร้ายกว่านั้นสักเท่าใด”

- ยอห์น 15:18-19 บรรดาศิษย์และโลก

18ถ้าโลกเกลียดชังท่านทั้งหลาย

ก็จงรู้ไว้เถิดว่า โลกเกลียดชังเราก่อนแล้ว

19ถ้าท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายโลก

โลกก็คงรักสิ่งที่เป็นของตน

แต่เพราะท่านมิได้เป็นฝ่ายโลก

และเราเลือกท่านออกมาจากโลก

โลกจึงเกลียดชังท่าน

* โฟโคลาเร

https://youtu.be/yZ6cm4z86SI

ขอพระเจ้าสถิตกับจขกท. นะครับ

0
N.J.B 12 พ.ย. 61 เวลา 20:20 น. 17

ไม่ต้องไปสนใจนะ คนเรามันมีพื้นฐานความคิดที่ไม่เหมือนกันหรอก ใครอยากพูดหรืออะไรก็ปล่อยเค้าไปเราแค่ทำหน้าที่ของเราก็พอ จะนับถือศาสนาอะไรไม่สำคัญค่ะเราแค่เป็นคนดีก็พอ ตอนแรกๆเราก็จะมานับถือคริสต์เหมือนกัน มีปัญหากับแม่คล้ายๆแบบนี้แหละแต่เราไม่ค่อยสนใจเพราะชีวิตอ่ะมันเป็นของเรา เรามีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตตัวเองไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามต่อให้เราจะเปลี่ยนศาสนาไปแล้วแต่เราก็ยังเป็นแม่ลูกกันอยู่นะ ไม่ต้องคิดมากนะใช้ชีวิตทุกๆวันให้มีความสุข สู้ๆนะ

0
คาริชม่า 12 พ.ย. 61 เวลา 20:35 น. 18

ถ้าแม่เรื่องมากนัก ก็พาไปด้วยกันเลย จับแบกไปโบสถ์ด้วยกัน จับนั้งอ่านพระคำภีร์ซ้ะ นางจะได้รู้ไง เนอะ

0
Chok15032 12 พ.ย. 61 เวลา 23:17 น. 19

พี่ว่าน้องต้องวางใจในพระเจ้านะครับ นี้อาจเป็นเเค่บททดสอบเล็กๆ ว่าหนูจะเชื่อใครก่อน ถ้าพี่พูดเเบบนี้ใครอาจจะคิดว่าพระเจ้าไม่สอนให้รักเเม่ใช่ใหม เเต่ถ้าอ่านบัญญัติคือ (จงนับถือบิดามารดาของตน) ในไบเบิ้ลมีเขียนใว้ว่า(จงเเสวงหาพระเจ้าก่อน เเล้วพระองค์จะเติมสิ่งที่ขาดหายไปให้) สวดบทข้าเเต่พระบิดา เวลาเจอเรื่องทุกข์ใจหรืออะไรที่ไม่สบายใจ เเละ อธิฐานขอให้ลูกไม่ถูกทดลองอะไรก็ว่ากันไปครับ หรือ ถ้าไม่สบายใจลองคุยกับคุณพ่อที่โบสถ์ก็ได้นะ ขอคำปรึกษา ให้คุณพ่อช้วยสวดให้คุณเเม่ ขอพระเจ้าอวยพรนะครับhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.pnghttps://image.dek-d.com/27/0778/4223/127832354

0
Atimis 13 พ.ย. 61 เวลา 03:02 น. 20

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ศาสนาที่น้องนับถือ แต่ผู้ใหญ่บางท่าน อาจไม่เข้าใจ และไม่เปิดใจ

สิ่งที่น้องทำได้คือ นับถือในสิ่งที่น้องเคารพต่อไปค่ะ เวลาแม่ไปทำบุญ น้องไปด้วย ใช่ค่ะพี่บอกว่าให้น้องไปด้วย คริตส์เข้าวัดได้ค่ะ เหมือนไปเที่ยว แต่น้องไม่ต้องเข้าร่วมพิธีทางศาสนา หรือเข้าไปในพิธี แต่ไม่ต้องยกมือ สวดมนต์ กับแม่น้อง น้องค่อยๆอธิบาย ให้ท่านอย่างใจเย็นๆ ช้าๆ ว่าทำไมถึงนับถือพระเจ้า เราต้องค่อยๆเรียนรู้ และปรับตัว ทั้งตัวน้อง และแม่น้อง ให้คนที่ต่างศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจค่ะ พี่เชื่อว่าทำได้ แต่ต้องใช้เวลา ตัวพี่เองเป็นพุทธแต่ก็ศึกษาคำสอนต่างศาสนา ไปหมดทั้งโบสถ์ วัด มัสยิดก็ไป


ถ้ายังไม่สบายใจ ทักเฟสมาหาพี่ได้ค่ะ ยินดีให้คำปรึกษา

Sudatip Attachit


0