Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ซ้อมแต่งนิยายผี คิดว่าเขียนตัวอย่างออกมาเป็นไงมั่ง ติชมหน่อย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
นี่ก็เป็นตัวอย่างนิยายผีที่เราแต่งเองนะ ยังไม่มีบทสนทนา เอามาลองซ้อมแต่งก่อนที่จะมีแพลนเปิดนิยายจริงประมาณต้นปีหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เลยอยากเอาตัวอย่างมาให้อ่านกันเล่นๆ ก่อน

“ลุงวิทย์อายุ 60 ปี แกมีอาชีพขับรถแท็กซี่ ทุกวันแกจะขับรถออกมาหาผู้โดยสารตั้งแต่เช้ามืด ตอนเช้าๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่ากลัว แต่ในช่วงเย็นถึงค่ำ ลุงวิทย์กังวลว่าผู้โดยสารที่ตัวเองรับจะมาก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์หรือพาไปทำอะไรไม่ดีหรือไม่ โดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องผีสางหรือสิ่งที่มองไม่เห็นสักเท่าไหร่

คืนหนึ่ง เวลาประมาณเที่ยงคืน ลุงวิทย์รับผู้โดยสารสาวคนหนึ่งจากผับย่านทองหล่อ โดยบอกให้ไปส่งที่บ้านพักแถวตลาดพลู เมื่อลุงวิทย์ขับรถไปส่งเธอถึงบ้านก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สิ่งที่ทำให้ลุงวิทย์ไม่เข้าใจก็คือ หญิงสาวได้บอกกับแกเอาไว้ก่อนที่จะเข้าบ้านว่า ขากลับไม่ต้องรับใครอีก ให้ลุงวิทย์ขับรถตรงกลับบ้านไปเลย ทางที่ดีควรจะติดป้ายงดรับจ้างเอาไว้ด้วย ลุงวิทย์สงสัยเพราะตั้งแต่ขับรถแท็กซี่มายังไม่เคยมีผู้โดยสารคนไหนมาห่วงแกเลย

เมื่อส่งหญิงสาวเสร็จ ลุงวิทย์ก็รีบขับรถออกจากซอยมุ่งตรงกลับบ้านโดยที่ลืมขึ้นป้ายงดรับจ้าง บรรยากาศในซอยตอนนั้นเงียบมาก จนกระทั่งมาหยุดรถเพราะมีคนยืนโบกเรียกอยู่ข้างทาง เป็นคนไทยเชื้อสายจีนแก่ๆ ผมหงอก อายุประมาณ 80-90 ปี แต่งยังดูแข็งแรงดี ท่าทางมีฐานะ ใส่สูทสีดำ ผูกเนคไท ตอนแรกลุงวิทย์ตั้งใจจะไม่รับแล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นคนแก่ก็คิดว่าคงไม่มีพิษมีภัยอะไร จึงตัดสินใจรับอากงคนนั้น

อากงบอกให้ลุงวิทย์ไปส่งที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นพระอารามหลวงย่านหัวลำโพง วัดนี้เป็นที่ตั้งศพสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลของบุคคลสำคัญหลายคน รวมทั้งบรรดาเจ้าของธุรกิจที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ และด้วยความที่วัดอยู่ใกล้กับไชน่าทาวน์ ทำให้คนไทยเชื้อสายจีนนิยมนำศพมาตั้งสวดพระอภิธรรมและทำพิธีตามประเพณีจีนที่วัดนี้ด้วยเช่นกัน คนที่จะเอาศพมาทำพิธีที่วัดนี้ได้ถ้าไม่ร่ำรวยในระดับหนึ่งก็จะต้องมีเส้นสายพอสมควร

เมื่ออากงขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ลุงวิทย์ก็เริ่มชวนแกคุยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่คนร้าย เพราะลุงวิทย์เองก็ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ถึงแม้ว่าแกจะแก่มากแล้วก็ตาม อากงคนนั้นเล่าว่า ตนมานอนค้างที่วัด 7 วัน 7 คืน พอครบกำหนดแล้วลูกหลานจะพาไปอยู่บ้านใหม่ที่บรรยากาศดีมาก แต่ตอนนี้คิดถึงลูกหลานเลยแวะกลับมาเยี่ยม

ลุงวิทย์ได้ยินแบบนั้นก็นึกสลด ทำไมลูกหลานถึงเอาผู้สูงอายุไว้ที่วัดแบบนี้ แต่อากงบอกว่าทำแบบนี้แหละถูกแล้ว ถ้ามันทำตรงกันข้ามสิถึงจะเรียกอกตัญญู แต่ลุงวิทย์ก็ยังไม่เข้าใจ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาขับรถต่อไปจนมาถึงวัด ก็ถามอากงว่าจะลงตรงไหน 

พอเลี้ยวเข้าประตูวัดไปก็เจอศาลาบำเพ็ญกุศลศพตั้งเรียงกันหลายหลัง ลุงวิทย์ชักใจคอไม่ค่อยดี ถามอากงว่าจะลงแถวนี้จริงๆ เหรอ แกก็บอกให้ไปอีกนิด จนมาเจอศาลาหลังใหญ่ที่จัดงานศพแบบจีน กระดานหน้าศาลามีข้อความเขียนว่า
สวดพระอภิธรรมศพ คุณพ่อเม่งเจี่ย แซ่กอ 
พิธีกงเต๊ก
พิธีคำนับศพ
เคลื่อนศพไปฝัง ณ สุสานแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี

อากงก็บอกอั๊วลงตรงนี้แหละ พร้อมกับยื่นค่าโดยสารให้ลุงวิทย์ เมื่อลุงวิทย์กำลังจะขับรถออกจากวัด ก็แปลกใจที่มองออกไปข้างนอกไม่เห็นอากงที่นั่งรถมาด้วยกันแล้ว แกหายตัวไปไหน? ระยะเวลาในตอนนั้นมันก็ไม่ถึงนาที คนปกติคงไม่มีทางไวขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนชรา

ลุงวิทย์คิดในใจว่างานนี้ Gu คงเจอดีเข้าให้ซะแล้ว แต่ก็ยัง 50-50 เลยตัดสินใจลงจากรถไปตามหาอากงคนนั้น เมื่อเห็นว่าอากงจะมาศาลานี้ เลยลองเข้าไปดูในศาลา ก็พบว่ามีการจัดงานศพแบบจีนซึ่งตกแต่งสถานที่ไว้อย่างสวยงามตามความเชื่อดั้งเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ลุงวิทย์ต้องช็อคก็คือ รูปหน้าศพในศาลาคืออากงคนเดียวกับที่เรียกแกให้มาส่งที่วัดแห่งนี้!!!

คราวนี้ลุงวิทย์รู้แล้วว่าตัวเองเจอกับอะไร รีบสตาร์ทรถแล้วขับออกจากวัดด้วยความเร็วสูง มุ่งตรงขึ้นทางด่วนกลับบ้านโดยไม่รับผู้โดยสารที่ไหนอีกเลย ทันทีที่กลับถึงบ้าน แกก็เอาเงินค่าโดยสารออกมานับ แต่แล้วก็เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก เพราะค่าโดยสารที่ได้มาจากผู้หญิงคนแรกก็ยังปกติดี แต่ที่อากงให้มา ตอนแรกก็ดูเหมือนเป็นเงินปกติ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นแบงค์กงเต๊กไปหมดแล้ว

วันรุ่งขึ้น ลุงวิทย์ออกมาขับรถรับส่งผู้โดยสารแค่ช่วงเวลากลางวันเท่านั้น ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน แกก็ติดป้ายงดรับจ้างแล้วรีบกลับบ้านทันที เอาเถอะ รายได้หดหายไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าเจอผู้โดยสารแปลกๆ ที่บางรายอาจจะไม่ใช่คน”

คิดว่าทั้งหมดนี้เขียนได้เป็นไงมั่ง สำหรับเนื้อเรื่องที่ยังไม่ใส่บทสนทนาลงไป แล้วพอแต่งจริงมีแนวทางหรือเทคนิคในการเขียนนิยายแนวสยองขวัญยังไงมั่ง ใครเคยเขียนแนวนี้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันหน่อย

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

Talkable Dust 9 ธ.ค. 61 เวลา 22:15 น. 1

เท่าที่ผมเคยอ่านการ์ตูนหรือเรื่องเล่าสยองขวัญมาจากหลาย ๆ เจ้า

รู้สึกว่าพล็อตคนขับรถรับผู้โดยสารที่เป็นผีนี่ออกจะแนวโหลไปหน่อยนะครับ

0
yurinohanakotoba 10 ธ.ค. 61 เวลา 00:00 น. 2

พล็อตมันเดาได้ อยากได้ความน่าติดตาม กับความคาดไม่ถึง ไม่ค่อยเข้าใจตอนลงจากรถว่าทำไปเพื่ออะไร ถ้าแกลืมกระเป๋าแล้วลงไปตามหาก็ว่าไปอย่าง แต่กลายเป็นสุดท้ายไม่ใช่กระเป๋าของอากง แต่เป็นของลูกค้าคนแรกอะไรแบบนั้น อาจจะดูมีที่มาที่ไปขึ้น


แล้วก็ช่วงอากงขึ้นรถไปจนลงรถ ผมว่าเขียนยากมาก "ไม่รู้คุณอยากให้คนอ่านเกิดความรู้สึกแบบไหน" และ "ทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกแบบนั้นได้สำเร็จไหม" ก็สู้ ๆ แล้วกันครับ

0
B 13 s.t 10 ธ.ค. 61 เวลา 05:47 น. 3

ผมเข้าใจว่า จขกท. คงได้ไอเดียในการเล่าเรื่องและตัวเนื้อเรื่องมาจากพวกรายการเล่าเรื่องผีที่เอาประสบการณ์ทางบ้านมาเล่าให้ฟังกันใช่ไหม?


ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์เจอผีของคนทั่วไปมันไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนอยู่แล้ว สวนใหญ่มักเป็นประมาณว่าไปสถานที่หนึ่ง และเจอผีเข้า ที่เหลือคือการหาคำตอบว่าผีที่ว่าคือใคร และจบไป ดังนั้นความตื่นเต้นความหักมุมมันน้อย แต่ที่มันน่ากลัวเพราะมันห้อยคำว่า "ประสบการณ์จริง" มาด้วย มันจะน่ากลัวน้อย น่ากลัวมาก ขึ้นชื่อว่าเรื่องจริง คนจะอินไปเองโดยธรรมชาติ


แต่ถ้าท่านบอกว่ามันเป็นเรื่องแต่งเมื่อไหร่ ความน่ากลัวนี้จะหายไปทันทีเพราะทุกคนรู้ว่ามันไม่จริง ฉะนั้นผมแนะนำว่าหากท่านอยากเขียนเรื่องสยองขวัญที่เป็นเรื่องแต่ง โดยใช้ลักษณะการเล่าแบบประสบการณ์เรื่องผี ผมว่าท่านต้องคิดเนื้อเรื่องให้มันเหนือกว่าประสบการณ์จริงทั่วไป ให้ซับซ้อน มีชั้นเชิง และมีความลุ่นระทึกเหมือนดูหนังสยองขวัญสักเรื่องไปเลย ไม่ต้องไปยึดติดเนื้อเรื่องแบบประสบการณ์ทางบ้าน เพราะของเรามันไม่ใช่เรื่องจริง ดังนั้นกระหนำจินตนาการเข้าไปให้เต็มที่ แค่ใช้เทคนิคการเล่าให้เหมือนเกิดขึ้นจริงก็พอ


แนะนำว่าลองไปฟังเรื่องแนวครีปปี้พาสต้าที่มีการเล่าไว้ในเว็บยูทูบหลายๆ เรื่องดูครับ เป็นแนวสยองของฝรั่ง ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับพวกตัวประหลาด แต่เล่าเหมือนประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เล่นเอาหลายคนในโลกเชื่อว่ามีอยู่จริงกันเลยทีเดียว ผมว่ามันช่วยได้ เพราะมันจะทำให้ได้เรียนรู้การแต่งเนื้อเรื่องที่มีชั้นเชิง เหนือจริง ซับซ้อนและทำให้คนเชื่อว่าจริงเป็นยังไง ขึ้นชื่อว่าเรื่องโกหก เราก็ต้องโกหกให้มันสนุก น่าติดตามและทำให้คนเชื่อที่สุดครับ

0