Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[HOT!!] อดีตเด็กฝึกวง Girl Generation เปิดปาก เบื้องหลังความงาม K-Pop เกาหลี มันเจ็บปวดแค่ไหน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อดีตเด็กฝึกวง Girl Generation เปิดปาก เบื้องหลังความงาม K-Pop เกาหลี มันเจ็บปวดแค่ไหน

ชีวิตในวงการบันเทิงไม่เคยเป็นเรื่องง่ายดาย โดยเฉพาะในแดนกิมจิอย่าง “เกาหลีใต้” ที่เบื้องหน้าทุกสิ่งดูสวยหรู แต่เบื้องหลังที่สะเทือนอารมณ์กลับถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด

Stella Kim (สเตลล่า คิม) เป็นหนึ่งในสาวสวย เก่ง มั่น ฉลาด ที่หากใครติดตามวงการ Kpop มาก็จะทราบว่าเธอเคยเกือบได้ก้าวไปเป็นหนึ่งในสมาชิกวงระดับแถวหน้าของโลกอย่าง “SNSD” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Girls’ Generation” ซึ่งทำให้แฟนๆชาวไทยคลั่งไคล้ และยังคงชื่นชอบอยู่จนถึงวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวงที่มีรูปร่างหน้าตา มีความสามารถในระดับเพอร์เฟ็ค!

แต่แซ่บจี๊ดก็อดตกใจไม่ได้ เมื่อ Stella Kim ได้ออกมาเปิดความรู้สึกหมดเปลือกถึงเบื้องหลังความเพอร์เฟ็คเหล่านั้น ว่ามันไม่ได้สวยหรูแม้แต่น้อย ซึ่งคุณ “TON AMIE” ได้ถอดบทสัมภาษณ์ของ Stella Kim มาเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์พันทิปได้อย่างน่าสนใจ และเชื่อว่ามุมมองของ Stella Kim จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน

korea6

“สเตลล่าย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่สี่ขวบ แต่กลับมาที่เกาหลีช่วงปิดเทอมทุกปี เธอได้มีโอกาสไปออดิชั่นที่ค่าย SM แล้วทางค่ายติดต่อกลับมาให้เซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึก พ่อแม่ไม่อยากให้ไปฝึกแบบเต็มตัวเลยต้องบินไปฝึกแค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น พอปี 2007 ถึงเวลาที่ต้อง SNSD เดบิ้วท์ พ่อแม่ไม่สนับสนุนก็เลยไม่ได้เซ็นสัญญา (ตอนนั้นน่ายังเป็นผู้เยาว์อยู่เลยต้องแล้วแต่พ่อแม่) แต่การได้ทำงานในวงการบันเทิงเป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจของเธอมาโดยตลอด เธอบินไปทำงานพวกถ่ายแบบบ้าง จนเรียนจบก็บินกลับมาเกาหลี ได้พบกับ Agency หลายเจ้า สุดท้ายได้ไปเรียนการแสดงที่ YG อยู่ซักพัก แต่พอทางค่ายเสนอให้เซ็นสัญญาเธอก็รู้สึกไม่แน่ใจเลยไม่ได้เซ็น สุดท้ายก็กลับอเมริกา

ตอนเป็นเด็กฝึกที่เกาหลี ทุกสัปดาห์จะมีการถ่าย Profile Filming ซึ่งก็คือการที่เด็กฝึกจะโดนถ่ายรูปหลาย ๆ มุม แล้วก็จะมีคนบอกว่าหน้าฝั่งนี้เธออ้วนนะ อีกด้านสวยกว่า เวลาถ่ายรูปต้องหันทางนี้ แล้วก็จะมีการให้เด็กฝึกผู้หญิงยืนเรียงแถวกันไปชั่งน้ำหนัก แล้วก็จะขานน้ำหนักให้ทุกคนได้ยินกันหมด ถ้าอ้วนก็จะโดนตำหนิ (คหสต: กอดตาชั่งแน่นมากตอนดูคลิปถึงจุดนี้ TT) ตอนนั้นสเตลล่าช็อคมาก เพราะที่อเมริกาน้ำหนักไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ก็แค่ตัวเลข แต่ในอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีมีการแข่งขันสูงมาก ทุกคนจะผอมกันหมดแล้วก็มีการเปรียบเทียบเรื่องหุ่น เรื่องความงามกันตลอด สเตลล่าก็ตกอยู่ในวังวน เอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่ดีกว่า เธอคิดว่าการเป็นเด็กฝึกช่วงนั้นส่งผลต่อปัญหาจิตใจที่เธอมีอยู่กระทั่งโตพอสมควร เวลาไปหาหมอผิวหนังที่เกาหลีเพราะเธอมีผิวที่เป็นสิวง่าย หมอก็จะเชียร์ให้ทำหน้า ทำจมูก ตอนแรก ๆ เธอคิดว่าความคิดพวกนี้ประหลาดจริง ๆ แต่พอเวลาผ่านไปเธอก็เหมือนโดนครอบงำเพราะใคร ๆ ก็ทำ เคยคิดจะทำเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำซึ่งก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ทำ

korea2

ตอนกลับมาที่อเมริกา สเตลล่าเข้าเรียนที่ NYU เธอคิดเหมือน ๆ คนอื่นว่าพอเข้ามหาลัยชีวิตก็จะเปลี่ยนไป ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ซักที จะทำตัวเป็นใครก็ได้ เพราะตอนอยู่โรงเรียนมัธยม เธอรู้สึกเหมือนตัวเองมีหลายตัวตน พออยู่อเมริกาก็เรียน กลับเกาหลีก็ต้องทำตัวกระตือรือร้นมาก ๆ แล้วก็มีคนคอยแต่งหน้าแต่งตาเอาเสื้อผ้าสวย ๆ มาให้ใส่ การปรับตัวเลยยาก พอเข้ามหาลัยก็คิดว่าจะเป็นคนใหม่ มีเพื่อนใหม่ ออกไปเจอคนเยอะ ๆ ทำกิจกรรมนู่นนี่ แต่ที่ NYU มีนักศึกษาเกาหลีมาเรียนต่อเยอะ มีนักศึกษาเกาหลีคนนึงจำเธอได้แล้วก็เอาไปบอกคนอื่นว่าเธอคือ “คนที่เกือบจะได้เดบิ้วท์เป็น SNSD” ข่าวลือก็เลยแพร่ไปเรื่อย ๆ

korea3

เธอเคยเข้าไปซื้อกาแฟแล้วก็ได้ยินคนเกาหลีนินทาว่า “เนี่ย ดูสิ คนนั้นไง ไม่เห็นสวยเลย อ้วนก็อ้วน” เธอก็เลยกลายเป็นคนเก็บตัว อยู่แต่บ้าน เรียนหนังสือแล้วก็ไม่เจอผู้คนเท่าไหร่ ปัญหาในใจก็เลยหมักหมม คิดวนไปวนมา เธอเลยคิดไปว่าตัวเองเป็นแบบที่คนอื่นตัดสินจริง ๆ จนปัญหาสุขภาพตามมาและกลายเป็นคนมีปัญหาด้านการกินอาหาร (Eating Disorder) ภายในไม่กี่เดือนเธอน้ำหนักลดลง 20 ปอนด์ (ประมาณเก้ากิโลกรัมได้) ตอนนั้นเธอสูง 172 cm แต่หนักแค่ 40 นิด ๆ เอง ตอนนั้นเธอเหงามาก คิดว่าตัวเองต้องมีชีวิตตามที่คนคาดหวังให้เป็น ใคร ๆ ก็เอาแต่ถามกระทั่งตอนนี้ก็ยังมีว่าเสียดายไหมที่ไม่ได้เป็นคนดังที่เกาหลี แต่พอมองย้อนกลับไปตอนที่เรียนมหาลัย เธอก็ยอมรับว่าตอนนั้นใจก็ยังเฝ้าคิดถึงการได้อยู่ท่ามกลางแสงสีนั่นแหละ แต่พอโตขึ้นมาเธอก็รู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เธอไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น และขอบคุณพ่อแม่ที่วันนั้นไม่ได้ตกลงเซ็นสัญญา ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ได้อยากขัดขวางความฝันเธอหรอก แค่อยากปกป้องเธอเท่านั้น เธอมีเพื่อนที่ยังทำงานในวงการที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ต้องแบกรับความกดดัน ความคาดหวังจากคนอื่น

korea4

ช่วงที่เธอมีปัญหาเรื่องการกินอาหาร เธอถึงขั้นต้องดร็อปเรียนไปปีนึงแล้วบินกลับมาเกาหลี กลับมาอยู่กับพ่อแล้วหาตัวเองและรักษาตัวเอง พอมาอยู่เกาหลีเธอก็ซึมซับวัฒนธรรมเกาหลี โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เธอลองทำอาหารหลายอย่างกินเองที่บ้านแล้วก็พบเจอสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เธอได้กลับไปใช้เวลากลับครอบครัวและสานสัมพันธ์กันอีกครั้งผ่านการกินอาหารร่วมกัน พอกลับไปอเมริกาเธอก็เลยเปลี่ยนไปเรียนด้านโภชนาการและอาหารศึกษาแทน (ก่อนหน้านี้เธอเรียนด้าน Music Business) เธออยากจะใช้ความรู้ที่ได้ช่วยคนอื่น เพราะจิตใจเธอเองก็ดีขึ้นมาได้เพราะอาหารนี่แหละ เธออยากให้ผู้หญิงแต่ละคนรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น อยากแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น เพราะเธอเคยผ่านปัญหาพวกนี้มาแล้ว สเตลล่าได้ทำงานเป็นนักเขียนอิสระด้านความงาม เธออยากเผยแพร่แนวคิดเรื่องความสวยตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือการที่ผู้หญิงพอใจในความงามของตัวเองแทนที่จะซ่อนตัวเองไว้หลังเครื่องสำอางและครีมประทินผิวและหันมาปรับปรุงตัวเองเพื่อสร้างความมั่นใจในตัวเอง

ตอนนี้เธอเรียนรู้แล้วว่าเราควรต้องเคารพตัวเอง เพราะความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะเราเคารพตัวเองนี่แหละ นอกจากจะรักครอบครัวและคนสำคัญแล้ว คนเราก็ต้องรักตัวเองอย่างไร้เงื่อนไขเช่นกัน เพราะถ้าเราเอาแต่ใช้ชีวิตไปตามความคาดหวังของคนอื่น เปลี่ยนตัวเองและแสดงออกเพื่อให้คนอื่นพอใจเราก็จะไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ถึงเราจะมีจุดอ่อน แต่เราต้องอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเข้มแข็งขึ้นจะได้รู้สึกดีอยู่เสมอ :’)

บทสัมภาษณ์นี้ดีนะ ทำให้เห็นว่าหน้าฉากความสวยงามของอุตสาหกรรมเกาหลีนี่สาว ๆ แต่ละคนต้องทรมานทรกรรมกันขนาดไหน ไม่ใช่ว่าคนที่เลือกอยู่ผิด หรือเธอถูกที่ถอยออกมา แต่คนแต่ละคนก็มีจุดยืนกันคนละที่ ถ้ามีความสุขกับสิ่งที่เลือก ต้องอดทนกันหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มี ถอยออกมาก็ดีที่สุดแล้วนั่นแหละ

สนใจอยากรู้เรื่องราวของเธอต่อลองไปดูคลิปอื่น ๆ ได้ หรือจะไปตาม IG ก็ที่ https://www.instagram.com/sundayswithstella/ เลยค่ะ เธอไม่ค่อยลงรูปตัวเองเท่าไหร่นะคะ ส่วนใหญ่จะลงแต่อาหาร 555555 (เชื่อละว่าอาหารเปลี่ยนคนทกุข์เป็นสุขได้จริง ๆ)

korea5

แซ่บจี๊ดชอบมุมมองของสเตลล่า มากจริงๆ เพราะทุกวันนี้ไม่ใช่แต่เพียงในสังคมเกาหลีที่ความสวยได้กลายเป็นการแข่งขันไปแล้ว และนั่นก็ทำให้ใครหลายคนพร้อมจะเสียสละหลายสิ่ง เพื่อที่จะได้มีรูปร่าง ‘เพอร์เฟ็ค’ โดยอาจไม่ทันคำนึงไปว่า ความสุขที่แท้จริงของเรามันใช่แบบนั้นจริงหรือไม่

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : คุณ TON AMIE ,sundayswithstella และ https://www.zapjeed.com/

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น