คุณนักเขียนมีแรงบันดาลใจยังไงให้แต่งนิยายต่อจนจบคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
จึงได้เริ่มแต่งเรื่องใหม่อีก ผู้อ่านก็ดูว่าจะชอบนะคะ แต่เราจู่ๆก็ดันตันจนเขียนไม่ออกซะงั้น มีคนเม้นอยากจะให้เขียนต่อ แต่เราก็หาทางไปไม่ได้ซักที จนตอนนี้ก็ร้างอีกแล้วค่ะ
ในที่สุดเราก็ได้เริ่มเขียนเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่ง ประมาณเดือนกว่าๆได้แล้วค่ะ เราคิดว่าเราจริงจังกับเรื่องนี้จริงๆ และวางแผนได้ดีมาก วางแผนยาวจนจนและทะลุถึงภาค2เลยค่ะ 55555+ (คิดไกลหนักมาก)
แต่ว่าถ้าเทียบกับยอดวิวของคนที่ติดtopแล้วมันช่างน้อยเหลือเกิน คนเม้นก็น้อย (แต่สำหรับคนที่เม้นนิยายเราจะดีใจมากเลยนะ รักคนที่มาเม้นว่ารอติดตามเราอยู่ เรารักที่สุดเลย) แต่เวลาที่ยอดติดตามหายไปเราจะใจหายทุกครั้ง เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอกันแต่มันก็อดเสียใจไม่ได้จริงๆ T^T
เราอยากจะทุ่มเทกับนิยายของเรามากๆ อยากจะทำให้ไปได้ไกลๆ อยากติดtopกับเค้าบ้าง (หวังไกลจริงๆนะ) แต่เพราะติดเรียนและสอบทำให้ไม่สามารถอัพนิยายได้รวดเร็วพอเท่าที่หวัง (เราคิดว่านิยายที่มีโอกาสติดtop ต้องแต่งดี เนื้อเรื่องน่าสนใจ และอัพอย่างสม่ำเสมอ) แต่มันก็ยากจริงๆเลยค่ะ ;-;
ขอโทษทุกคนที่ต้องอ่านคำบ่นของเราจนจบนะคะ แต่เรารู้สึกแย่จริงๆเวลายอดติดตามหายไป มันทำให้ท้อในใจนิดหน่อยค่ะ อยากจะถามทุกคนที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ว่า คุณมีแรงบันดาลใจ หรือแรงผลักดันอะไรที่ทำให้แต่งนิยายจนจบคะ?
หากไม่ว่าอะไร ก็อยากให้เข้าไปเยี่ยมชมนิยายของเราหน่อยค่ะ อยากจะถามด้วยว่าเราแต่งไม่ดีพอหรอ ทำไมถึงเลิกติดตามเรา (เราขี้น้อยใจเกินไปหน่อยไหมนะ5555)
17 ความคิดเห็น
คนอ่านค่ะ และเราก็สร้างมันแล้ว ก็ต้องเขียนไปต่อ
ให้จบให้ได้ค่ะ ไม่เช่นนั้น เราจะไปต่อ ถึงฝั่งฝันได้อย่างไรคะ
จะพยายามทำให้ดีที่สุดเลยค่ะ
สู้ๆนะจ๊ะ ขอให้เป็นดั่งหวังนะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ เราจะทำให้สมหวังเหมือนกับคุณให้ได้เลย
อืมๆ สู้ๆนะ ไฟท์ติ้ง!
สั้นๆ ค่ะ เงิน คือ เป็นกำลังใจสำคัญกว่าทุกสิ่งที่คุณว่ามาไม่ว่าจะยอดเฟบทหรือยอดเมนต์
ขอก็อบมาจากกระทู้นี้ละกันขี้เกียจพิมพ์ใหม่
https://www.dek-d.com/board/view/3900154/
ถ้าท้อใจจนเขียนไม่จบ สู้ฮึดเขียนให้จบแล้วแล้วเปิดขายติดเหรียญ ทำอีบุ๊คขายดีกว่า
คนเมนต์ให้แค่ชื่นใจ แต่คนที่เปย์ให้สิรักจริง
เป็นเราไม่เมนต์ไม่เป็นไรค่ะ เปย์เราก็พอ #สายพูดน้อยต่อยหนัก
ฮึดเอาอย่างนักเขียนบางท่านในนี้สิคะ เขียนนิยายเดือนละเรื่องจนเปิดขาย รายได้รวมๆปีที่แล้วก็อู้ฟู่ให้หน้าชื่นตาบานอยู่
สำหรับเราได้ค่ากาแฟสตาร์บัคส์สักแก้วยังดีกว่าม้วนเสื้อกลับบ้านไปพร้อมกับความท้อแท้ค่ะ
และที่สำคัญเราอินดี้ค่ะ เรามาเขียนเพราะอยากเขียนให้ตัวเองอ่านเพราะอยากอ่านแบบนี้ ที่เหลือผลพลอยได้ค่ะ
ชอบความอินดีของคุณMiran มากเลยค่ะ ทำให้ทัศนคติของเราเปลี่ยนไปเลย เงินคือสิ่งสำคัญที่สุดนี่เห็นด้วยเลยค่ะ จะเลิกคิดเล็กคิดน้อยในเรื่องแบบนี้แล้ว ขอบคุณสำหรับเม้นดีๆค่ะ
เงินนี่เอง
แรกๆผมก็เขียน แล้วก็ดองเพราะตันเหมือนกัน ทั้งๆที่วางพล็อตไว้ "หลายภาค" ด้วยความตื่นเต้นแท้ๆ แต่พอตันก็ ดรอป โยน ดองทิ้งขว้างงงง ; w ;
ปัญหาการตัน = เรื่องปกติ
แต่การจะก้าวข้ามความตัน มาเขียนต่อจนจบเรื่องที่ตั้งใจไว้ได้นั้น คือจุดตัดสิน ชี้วัดเลยว่านักเขียนคนนั้นเป็นมือใหม่ หรือเป็นนักเขียนที่เริ่มเข้าใกล้ความเป็นมืออาชีพ
ในความคิดผม นักเขียนมืออาชีพคือ นักเขียนที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ซึ่งผมก็ยังห่างไกลจุดนั้นอยู่ แต่ก็พยายามก้าวเดินไปในเส้นทางนักเขียนเรื่อยๆ วิธีที่เข้าใกล้ความเป็นมืออาชีพที่ดีที่สุดคือ เขียนนิยายให้จบสักเรื่อง
แรงบันดาลใจให้เขียนจบ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
สำหรับผม อยากอ่านนิยายตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ เลยพยายามเขียน คิดแค่ว่า เอาไว้อ่านเองนะ ไม่ต้องสนใจกระแสตอบรับมากนัก
เรื่องแรกๆ ก็เขียนไป อัพไป แต่พอเจอคอมเม้นแย่ๆ หรือไม่มีใครเม้นเลย กำลังใจหด แรงบันดาลเริ่มริบหรี่ จนมอดไปบ้าง
เรื่องหลังๆเลยปรับปรุงใหม่ เขียนอย่างน้อย 20 ตอนแล้วค่อยทยอยอัพดูกระแสตอบรับ ถ้าดี ก็เขียนต่อ ถ้าไม่ดี ก็หาทางตัดจบแบบสวยๆ เพื่อเขียนเรื่องอื่นต่อ (เอาแนวคิดมาจาก Bakuman อนิเมะ/มังงะที่นำเสนอชีวิตนักเขียนการ์ตูนJUMP ที่ละเอียด รู้ที่มาที่ไปของการเปิดเรื่องยาว และการตัดจบได้ดี)
คำแนะนำ : หาแรงบันดาลใจดีๆ ตั้งมั่น แล้วเขียนให้ได้วันละ 1 ตอน ตอนละ 2-10หน้า ขึ้นอยู่กับความขยัน วางพล็อตให้ดี กำหนดขอบเขตการเขียนให้มั่นคงไว้ แล้วทำตามกำหนดการไปเรื่อยๆ
เช่น กำหนดไว้ว่า 10 ตอนนี้จะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
แบ่งซอยย่อย 10 ตอนว่า 2 ตอนแรก slow life ขำๆ
ตอนที่3-4ปัญหาเริ่มเกิด
ตอนที่ 5-6 ช่วงกลาง คิดหาวิธีแก้ปัญหา
7-8 ไคลแมกซ์
9 ผ่อนๆ เฉลยปม
10 สรุปปัญหาในเหตุการณ์นี้
ลองทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม้อาจจะดูเป็น loop เดิมซ้ำๆบ้างถ้าทำติดกันหลายครั้ง แต่ก็จะช่วยให้เขียนออกมาได้บ้าง จากนั้นก็ปรับปรุงการกำหนดช่วงเหตุการณ์ของเราได้ตามใจชอบเลย
ก็ ประมาณนี้ครับ XD
อ่านตอนแรกนี่ตรงกับตัวเองมากเลยค่ะ 55555
พอลองอ่านคำแนะนำแล้วทำให้คิดเลยว่านิยายที่เคยอ่านไปก็มีเสต็พการวางแนวเรื่องแบบ10ตอนเหมือนอย่างที่คุณว่าเป๊ะเลย จะลองจำแล้วนำไปใช้ดูค่ะ ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆแบบนี้ค่ะ
ไม่รู้จะแนะยังไงดี
สำหรับเราถ้าเรามีอารมณ์เขียน วันนึงก็ได้สองสามตอน
ตอนนี้เพิ่งลงเรื่องแรก และก็แต่งจบไปแล้ว
ยังไงดีล่ะ เรื่องที่เขียนนั้นอย่าให้มันยากเกินไปหรือว่ามีปมมากเกินไปไม่งั้นตามแก้ไม่หมด พอแก้ไม่หมดมันก็ตันและขณะเดียวกันก็หมดไฟในการเขียน
เรื่องยอดวิวหรืออะไรนั้น เราว่ามันต้องสะสมบารมีและประสบการณ์ ยิ่งคาดหวังมากเวลาไม่เป็นไปตามนั้นมันก็บั่นทอนกำลังใจเราอีก
เพราะฉะนั้นคุณต้องตั้งเปหมายให้ชัดเจน
ว่าอยากเขียนจบจริงหรือไม่ เรื่องอื่นมันจะตามมาเอง
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ตอนแรกคิดแค่ว่าอยากจะแต่งเพราะชอบค่ะ เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ว่าจะแต่งให้จบเลยทำให้ตัน แล้วก็หาที่ลงไม่ได้ แต่จะนำไปปรับปรุงแก้ใขนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
อีกเรื่องที่อยากบอกก็คือ แม้นักอ่านจะน้อยแต่อย่าลืมนะคะ ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนอ่านอยู่
ของเรานักอ่านก็น้อยค่ะ แต่เราก็แต่งจบเพราะเราถือว่า ถ้าทำต้องทำให้จบ ถ้าคิดว่าไม่จบก็อย่าเริ่มทำมันเลยดีกว่า
ถึงคนอ่านจะน้อย แต่เค้าก็คือคนที่ติดตามนิยายของเราอยู่สินะคะ ;-; จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังค่ะ
ประมาณนั้นแหละค่ะ ต้นไม้ต้นนึงจะเติบโตได้ คุณคิดว่ามันไม่เคยเจอหนอนเจอแมลงเลยเหรอค่ะ คุณรู้คำตอบดี
ยอดเฟบ
ยอดวิว
คอมเมนท์
ตามลำดับ
เราถือเคล็ดว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เหมือนเวลาตกฟาก อิอิ
ถ้าเรื่องแรกเราคนอ่านเยอะ มีฐานแฟนคลับ ก็เป็นไปได้ว่า เรื่องต่อๆไปเราจะมีคนตามไปอ่านกันอะค่ะ เราคิดแบบนี้55
จริงด้วยสินะคะ (=0=) เราลืมคิดเรื่องฐานแฟนคลับไปเลย ถ้างั้นเราควรจะแต่งเรื่องใดเรื่องนึงจบให้ได้ก่อนถึงค่อยหวังเรื่องขึ้นtopทีหลัง...
นั่นไงคะ คุณลืมพวกเขาได้ยังไงกันคะ เรานะ กว่าจะได้แฟนคลับ ช่างเหนื่อยแสนยากลำบากมากมาย กว่าจะได้แต่ละคน ต้องฝ่าฟันมามากเท่าไหร่ คุณต้องใส่ใจกับแฟนคลับตัวเอง ให้มากเสียก่อน แล้วค่อยไปหวัง เรื่องติดท็อปนะคะ เราเองก็ใส่ใจกับทุกคนเช่นกันค่ะ จึงได้การตอบแทนมา อย่างนี้เลยค่ะ สู้ๆเน้อ
เพราะความอยากเป็นนักเขียนชื่อดัง
ทั้งผลักทั้งถีบเราจนมาถึงจุดนี้
จุดที่ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลยโว้ย
เป็นอะไรเหรอคะ คุณคะน้าขาาาาา เอาขนมจีบซาลาเปา แพ็คคู่ไหมคะ
ทั้งผลัก ทั้งถีบ จริงๆค่ะ 55555 ทำให้เราเดินหน้าไปได้แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเจ็บและจุกในเวลาเดียวกัน
ขอขนมจีบอย่างเดียวพอค่ะ๕๕๕ ซาลาเปาแป้งเยอะไป
ได้เลยค่ะ รับไป//
นักอ่านค่ะ ต้องมีสักคนในหลายร้อยคนที่ยังคิดถึงตัวละครของเราอยู่บ้าง
นั่นสินะคะ ถ้ามีผู้อ่านที่คิดถึงตัวละครของเรา เราคงดีใจสุดๆไปเลย
มันดีใจมากใช่มั้ยล่ะคะ^^ เค้านี่จากที่ตันๆอยู่ก็กลับมาพิมเพิ่มสักบรรทัดสองบรรทัดเลย555
ยังเขียนไม่จบหรอก แต่แรงผลักดันคือการนำเอานิยายที่เขียนไปยื่นเสนอทำเป็นภาพนนตร์ครับ ได้เงิน ได้ชื่อเสียง มีคนรู้จัก ยกย่องนับถือ กลายเป็นบุคลที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ปกครองโลก ยิ่งใหญ่เหนือจักรวาล ไปเอากาวมาอีก
ตอนแรกๆก็เห็นด้วยนะคะ แต่หลังๆเราว่าเริ่มไปกันใหญ่ละค่ะ 5555 //ยื่นกาวให้
เขียนเบอร์โทรติดมาด้วยครับ
นักอ่าน จุดจบ เเละความชอบ
เเม้ว่านิยายของเเป้ง 1 ตอนจะมีคนมาคอมเม้นต์ไม่ถึง 10 คน เเต่ดูจากยอดวิว ก็ยังมีคนติดตามอยู่ ทุกครั้งที่ท้อก็คิดว่านิยายเรายังมีคนติดตามอยู่นะ เพราะเราเป็นนักอ่านมาก่อน เราชอบนิยายเรื่องหนึ่งมาก เเต่นักเขียนท่านนั้นดองเป็นปีจนเเป้งเข้าใจว่าเลิกเเต่งไปเเล้ว เเป้งรอมาสองปี ปัจจุบันนี้ก็ยังรออยู่เเต่ไม่มีความหวังเเล้ว
สำหรับเเป้ง 'การรอคอย' มันเปี่ยมด้วยความหวัง เเต่ถ้าปล่อยไว้นานๆ จากความหวังที่มีเต็มเปี่ยม มันจะลดลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา
ฉะนั้นต้อง "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
ทั้งนี้เเป้งก็อยากเห็นจุดจบของนิยายตัวเอง เราเดินมาได้ครึ่งทางเเล้ว เดินต่อไปอีก ให้จบจะเป็นอะไรไป เราเป็นคนเริ่มมันเอง เราต้องไปจบมันด้วยตัวเอง นั่นจะถือว่าเรามี 'ความรับผิดชอบ' ทั้งต่องานเเละต่อใจนักอ่านค่ะ
เท่านี้เเหละที่อยากจะบอก ^_^
ขอบคุณคุณแป้งมากเลยค่ะ รู้สึกผิดกับนิยายตัวเองที่ปล่องดองเอาไว้เลย... คิดว่าถ้าแต่งเรื่องนี้จบจะกลับไปเคลียเรื่องที่คาไว้ค่ะ (T^T) รู้สึกผิดต่อผู้อ่านยังไงก็ไม่รู้
สู้ๆ นะ เเป้งเป็นกำลังใจให้คุณ ก้าวมาอยู่ในวงการนักเขียนเเล้ว ต้องอดทน ขยันพัฒนา เเละพยายามต่อไป (ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น)
เเป้งอ่านหนังสือ เขียนนิยาย ของรตชา ในหนังสือหน้า 34 บอกว่า "การเขียนนิยายเป็นการเรียนรู้ ค้นหา ประสบการณ์ที่พิเศษจริงๆ คุณมีโอกาสที่จะทดลองวิธีเขียน วิธีเล่าหลายๆ เเบบ มีโอกาสให้ทำผิดพลาดเพื่อหาหนทางค้นพบวิธีเขียนของคุณเอง คุณต้องจำไว้ว่าการเขียนที่ไม่ได้ลงตีพิมพ์ที่ไหนไม่ใช่ความล้มเหลว เเต่มันเป็นการลงทุนต่างหาก"
การเขียนนิยายครั้งเเรก มันก็เหมือนการลงทุน ^_^
เเป้งเองก็รู้สึกใจหายนะที่ยอดติดตามมันลดลง เเต่ตอนที่เเป้งอ่านบอร์ดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคนคอมเม้นต์บอกว่าเว็ปเด็กดีชอบรวน (ระบบรวน) มีขึ้นๆ ลงๆ เป็นปกติ
ฉะนั้นเราไปโฟกัสคนที่ยังอ่านของเราดีกว่านะ เเม้จะมีไม่มาก เเต่นั่นก็คือนักอ่านของเรา ^_^
ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จได้ถ้ายังไม่รู้จักความล้มเหลวสินะคะ คุณแป้งทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย คิดถูกที่ตั้งกระทู้นี้จริงๆ
พอดีไปแว้บดูนิยายของคุณมา
แต่มันไม่ใช่แนวเราชอบอ่าน
แต่อยากให้ไรท์สู้ๆ นะคะ
ไม่ใช่แนวก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่เข้าไปอ่านนะคะ >~<
อยากไปนั่งแจกลายเซ็นในงานหนังสือค่ะ ได้นั่งน่าจะสบาย
เพราะทุกที ต้องเดินตลอดด
การได้แจกลายเซ็นให้แฟนคงจะเป็นความฝันของนักเขียนหลายๆคนแน่เลย >0< (เราคือหนึ่งในนั้น) แต่มันเหมือนจะอยู่ห่างออกไปไกลเหลือเกิน
เราจะมีใจแต่งต่อเมื่อเห็นคอมเม้นท์ค่ะแม้เม้นท์นั้นจะเป็นแค่สติ๊กเกอร์ก็ตาม เรารู้สึกมีคนตามอ่านเราจริงๆ ค่ะมันทำให้เรามีไฟในการเขียนต่อ แต่ถ้าไม่มีคนเม้นท์เลยเราก็จะให้คนใกล้ตัวอ่านแล้ววิจารย์ให้เราค่ะ 555
เราเป็นพวกชอบการกระตุ้น
จริงค่ะ เม้นคือการกระตุ้นอย่างนึงที่ทำให้เรามีกำลังใจเขียนต่อ บางทีเรากะแค่อยากให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมหรือปรากฏตัวมาให้เห็นบ้างก็ดีใจแล้วค่ะ 5555
พี่เราบอกว่านิยายอ่ะให้สนใจยอดคนอ่านมากกว่ายอดคอมเม้นท์
แต่เราสนใจคอมเม้นท์มากกว่าเหมือนกันค่ะ เรารู้สึกเขามีตัวตนมีคนอ่านนิยายเราจริงๆ ไม่ใช่แค่กดเข้ามาแล้วกดออกอ่ะค่ะ
TT^TT
คิดเหมือนกันเลยค่ะ บางทีเราก็คิดนะว่า ต้องมีมากกว่าครึ่งเลยแหละที่แค่หลงเข้ามา
อืม... จะว่าไงดี555 เราชอบแต่งบทนำแล้วแต่งบทจบเลย--แค่ก// เป็นคนที่ไม่ค่อยแต่งบทกลางเรื่องอ่ะ555
แนะนำให้เปลี่ยนสถานที่แต่งค่ะ หาโมเม้นใหม่ไปเรื่อย~ สักพักมันจะเข้ามาในหัวเอง
(บางทีอยู่ๆเห็นฝนตกตอนกลับบ้าน เนื้อหาตอนต่อไปก็แวบเข้ามาซะงั้น555)
เราก็เพิ่งมาเปิดแอคใหม่นะ ของเดิมลืมหายไปหมดแล้ว แหะๆ >,<
แต่ว่าปัญหานี้เราก็เคยเจอ เราจะแก้ปัญหาด้วยการนึกถึงตอนจบที่เราคิดเอาไว้ แล้วไปอ่านเรื่องของตัวเองใหม่ตั้งแต่ต้น จนถึงตอนที่แต่งได้ตอนสุดท้าย และคิดว่าระหว่างทางที่จะไปหาตอนจบอยากให้มันเป็นยังไง แต่ถ้าอารมณ์ยังไม่ได้ ก็จะนั่งฟังเพลง ดูเอ็มวี ดูอะไรที่จะคลายเครียด ทำให้สมองโล่งๆ แล้วมันก็จะออกมาเอง
ซึ่งบอกตรงๆ ว่าแรงบันดาลลใจเรามีแค่ว่า...เราอยากให้มันจบ แค่นั้นเลยจริงๆ นะ
เคยพยายามหาทางจบเหมือนกันค่ะ แต่พอแต่งๆไปแล้วมันไปยาวเรื่อยเลย 5555+ คิดโน่นคิดนี่มาใส่เยอะจนคิดว่าจบยากแน่ๆ
ถ้าเลิกแล้วยังกลับมาแต่งต่อ นั่นแสดงว่าเรายังรักการเขียนอยู่ - ผมเชื่่ออย่างนั้นครับ
ัดังนั้มผมคิดว่าต้องทำได้แน่นอนครับ ลองหาแรงบัลดาลใจจากสิ่งต่างๆดู
หรือไม่ก็ลองลอกพล๊อตส่วนหนึ่งมาก็ได้นะครับ แต่ต้องระวังไม่ให้มันเหมือนกันจนขาดเอกลักษณ์ที่ทำให้เรื่องของเราแตกต่างจากเรื่องต้นแบบ
ผมก็ลองหลายๆวิธีให้มันแต่งต่อได้ครับ
ส่วนเรื่องแนวคิด ผมจะคิดว่า แต่งนิยายให้ตัวเองอ่าน แต่งเรื่องราวที่ถูกวาดไว้ในจินตนาการ หากมันดีแล้ว ผมเชื่อว่าจะมีคนที่ชอบเรื่องราวนั้นของเราค่อยๆเพิ่มขึ้นเอง
...
เรารักที่จะแต่งนิยายจริงๆค่ะ ถึงจะแต่งลงเว็บเมื่อ1ปีก่อนก็จริง แต่เริ่มเขียนนิยายลงสมุดตั้งแต่ประถมเลยค่ะ บางทีหลับคาสมุดเลยก็มี (ตื่นมาแล้วก็งงๆว่าตัวเองเขียนอะไรลงไปนะ อ่านไม่ออก) ตอนนี้กลับไปอ่านก็คิดอยู่เลยว่า ภาษาเราตอนนั้นทำไมมันทื่อขนาดนี้!! 5555+
แต่จะเขียนให้ดีและพัฒนาตัวเองให้เก่งนั้นยากเหลือเกิน บางทีเรียนๆอยู่ก็คิดเนื้อเรื่องออกซะดื้อๆ แต่บางทีขนาดนั่งคิดเป็นชั่วโมงยังทำได้แค่นั่นเหม่อ งงตัวเองเหมือนกัน
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะคะ
ถ้าคุณเขียนไม่เคยจบ คุณลองเข้าไปดูนิยายของเราสิ เราเริ่มเขียนนิยายมา ตอนนี้ครบสามเดือนแล้ว ในเด็กดีเราดันจบไปแล้วห้าเรื่อง ยอดวิวก็งั้น ๆ แหละ เรื่องละหลักร้อย ยังไม่ถึงพันวิวสักเรื่องเลยนะ ยอดคอมเม้นมีสองคอมเม้น ยอดขายสามเดือน ขายได้สามแพ็คเก็ต ยอดผู้ติดตาม ร้อยกว่า ๆ ถามว่ามันแย่ขนาดนี้ แล้วทำไมยังมีกำลังใจที่จะเขียนอีก
เหตุผลคือ ตัวเราเองชอบเขียนนิยายมาก ถ้าเราได้เริ่มเขียนแล้ว เราจะหาที่ลงให้ได้ หรือบางทีเรากลัวว่าเราจะเจอทางตันจนหาทางจบไม่ได้ เราก็จะร่างตอนเลย ร่างตอนตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ และเขียนย่อไว้ว่าตอนนี้จะให้เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง หลังจากนั้นเราก็เริ่มเขียนตั้งแต่ตอนแรกไปจนถึงตอนจบ ซึ่งเราคิดว่าถ้าเราทำแบบนี้ เราจะไม่มีคำว่าเจอทางตันเลยนะ
และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ยอดขายจ๊ะ เราไม่สนใจนักหรอกว่า นักอ่านจะคอมเม้นนิยายไหม แต่เราสนใจว่า เขาซื้อนิยายของเราไหม ถ้าเขาซื้อแสดงว่า นิยายของเราน่าสนใจนะ เขาถึงยอมซื้อ ตรงนี้เราให้ความสำคัญมาก ไม่ใช่ว่าให้ความสำคัญกับเงินมากมายขนาดนั้นหรอก แต่เราคิดว่า ถ้านักอ่านซื้อนิยายของเรา นั่นแสดงว่าเขากำลัวสนับสนุนเราอยู่ เขารักเราจริง เขาต้องการให้กำลังใจเรา จุดนี้ทำให้เรามีกำลังใจมากในการที่จะเขียนนิยายต่อไป
คุณคิดดูสิ ยอดวิวนิยายของเราไม่ได้ฮอทอะไรเลยจนเรียกได้ว่าห่วย แต่ตอนนี้เราก็ยังเขียนนิยายอยู่ เราตั้งเป้าเอาไว้ว่าเดือนนี้ เราจะปิดจบให้ได้อีกห้าเรือง แต่ที่เด็กดีมีแค่เจ็ดเรื่องเท่านั้น แต่ที่สำนักอื่นมีมากถึงสิบแปดเรื่องแล้วจ้าาาา และจบไปแล้วถึงสิบสามเรื่องจ้าาาา
ส่วนรายได้จากการขายนิยายของเราก็ไม่ได้เยอะอะไรเลย พูดตามตรงได้เดือนละไม่ถึงพันด้วยซ้ำ แค่ใกล้เคียง แต่ไม่ถึง แต่คือตอนนี้เรามีขาประจำแล้วไง
เราเขียนนิยายแบบไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจที่จะไปคิดว่า เราจะได้เป็นนักเขียนรึเปล่า เราจะได้ตีพิมพ์ไหม จะมีแมวมองซีรี่ย์มาขอซื้อลิขสิทธิ์ไหม แต่เราเขียนของเราไป เพราะใจเราอยากทำ เรามีความสุข เราสนุกกับสิ่งเราทำ เราอยากจะบอกเหลือเกินว่า ตอนนี้มีอยู่สองสำนักที่เราสิงสถิตย์อยู่อย่างแนบแน่น และเริ่มมีแฟนนิยายติดตามเรามากขึ้น และยอดคอมเม้นท์ก็เพียบ จนตอบไม่ทัน ยอดขายได้ขายทุกวัน แต่ก็ยังขายได้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่คือมันได้ขายทุกวันไง (ที่ยกตัวอย่างมาเนี่ย ไม่ใช่ที่เด็กดีหรอก หมายถึงอีกที่น่ะ)
เราเลยอยากบอกคนที่รักงานเขียนว่า เขียนไปอย่าคิดให้มันมาก หนักสมองเราเปล่า ๆ ยิ่งถ้าเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาเขียนเก่ง ๆ มันยิ่งจะทำให้เราท้อ เพราะฉะนั้น เราเขียนแข่งกับตัวเองดีกว่า เขียนตามจินตนาการของเรา แล้วเราจะมีความสุขมากกว่านะ
เราอยากเป็นกำลังใจให้คุณสู้ต่อไปนะ
จากนักเขียนอิสระ sundog
แนวคิดคุณsundog ดีมากๆเลยค่ะ มีความเป็นตัวของตัวเอง และยึดมั่นในเส้นทางของตัวเอง คำนิยามของนักเขียนที่เรานับถือ คือคนที่ยึดมั่นในเส้นทางอย่างแน่วแน่แบบนี้เลยค่ะ รู้สึกว่า เราอยากจะเป็นแบบเค้าจัง แต่ในใจลึกๆ มันก็ดันชอบเปรียบเทียบกับนักเขียนคนอื่นอยู่เรื่อย จนมักจะบั่นทอนกำลังใจของตัวอย่างปล่าวประโยชน์สุดๆ
จากคนๆนึงที่ไม่เคยทำผลงานหรือว่าลงมือทำเรื่องอะไรดีๆในชีวิตอย่างเรา กำลังเริ่มลงมือทำอะไรซักอย่างอย่างจริงจังก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะค่ะ พอลองอ่านแนวคิดของใครหลายๆคนทำให้เรารู้สึกว่า เรานี่ช่างเด็กจริงๆเลยนะ 5555+
ปมเรื่องนักเขียนแต่งไม่จบค่ะ ด้วยความเป็นนักอ่านและนักเขียนในเวลาเดียวกันจะเข้าใจคำว่าค้าเป็นอย่างดี
นิยายเราทุกเรื่องจบแน่ค่ะ แค่จะจบตอนไหนเท่านั้นเอง
เป้าหมายที่อยากจะทำให้เสร็จครับ สร้างโลกของเราให้สมบูรณ์แม้จะไม่มีคนมาอ่าน แต่เราก็อยากแสดงออกในสิ่งที่เรารัก ที่เราชอบให้ดีที่สุด เพื่อสักวันที่จะได้มีคนได้เห็นตัวตนของเรา
ผมแค่อยากสร้างสิ่งที่เราชอบออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด และตัวเราเองที่อยากจะทำความฝันให้สำเร็จ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?