Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ระบายเรื่องเพื่อนในมหาลัย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
เรื่องทั้งหมดมีรายละเอียดเยอะมาก เรื่องที่เล่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งค่ะ
สวัสดีค่ะ ขอแทนตัวเองว่าเรานะคะ ตอนนี้เราเรียนอยู่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง อยู่ปี2แล้วค่ะ
ตอนปี1เรามีเพื่อนที่เจอกันจากการเป็นเมทกัน 2 คนค่ะ (ขอเรียกเมทคนแรกว่าเอ คน2ว่าบีนะคะ) เรากับเอและบี ตอนนั้นถือว่าดีมาก สนิทสนมกันดีค่ะ แต่เอกับบีจะสนิทกันมากกว่ากับเรา

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เอกับบีมีการโกรธกันบ้าง ซึ่งเราไม่รู้เบื้องลึกเพราะเป็นเรื่องของ2คน เรารู้เพียงเรื่องที่เขาบอกเราเองเท่านั้นค่ะ จากนั้นบีเริ่มเข้ามาคุยกับเราเรื่องเอ ซึ่งนี้คือจุดเริ่มต้นของการแตกหักระหว่างเพื่อน บีระบายความรู้สึกที่มีต่อเอทุกอย่างกับเรา และเราก็ระบายเช่นกัน และเกิดมีเรื่องมากมายที่เราและบีนั้นเห็นตรงกัน (เอชอบงอนบ่อย เราคิดว่าเป็นผลจากบี แต่บีเป็นคนไม่เคยรับความผิดที่ตัวเองทำ) ด้วยความที่เราไม่รู้เรื่องอย่างชัดเจน เราคล้อยตามบีอย่างง่ายดาย จนทำให้เราทั้ง3คน ไม่สามารถเดินด้วยกันได้อีก เอต้องเดินคนเดียวเวลาไปซื้อข้าว แต่มีเพื่อนเรียนนะคะ

เอตัดสินใจถามเราว่าเราเป็นอะไรและบีเป็นอะไร ทำไมไม่เหมือนเดิม บอกตามตรงคือเอนั้นมาขอให้ให้อภัยให้เอ และสัญญากันว่าเราจะเป็นเหมือนเดิมจากเราและบี ความรู้สึกของเราในตอนนั้นเข้าข้างบีอย่างเต็ม100% แต่ถึงยังไงใจเราตอนนั้นก็ยกโทษให้เอแล้ว แต่บีกลับไม่เป็นแบบนั้น บีกลับเย็นชา เมินเชย และตัดความสัมพันธ์อย่างเลือดเย็น ซึ่งเรานั่งมองอยู่ตรงนั้น เรารู้ดี บียังคงยึดติดกับความชังอย่างไม่สามารถถอนออกได้

หลังจากนั้นเมื่อเอมองดูแล้วว่า มันไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก เอจึงจากไป และนี้คือการจบความสัมพันธ์ที่ไม่สวยงามเลย เวลาผ่านไปเรื่อยๆ การเรียนจึงทำให้มีการกลับมาคุยกันของเราและเอบ้าง แต่ก็แค่คุยเรื่องงานเท่านั้น ส่วนเราและบียังคงเป็นเพื่อนกันมาเรื่อยๆ

และแล้วก็มาถึงวันที่เราไม่คาดฝัน คือเราและบีไม่สามารถเดินร่วมทางกันได้อีกต่อไป และเราขอบอกตรงนี้เลยว่า เราพิมพ์ด้วยความจริงใจที่สุด เรื่องที่เกิดเราไม่รู้จริงๆว่าทำไมบีถึงตีห่างจากเราไป เราไม่ได้ทำอะไรให้บี และนี้คือคำถามว่าเราทำอะไร ถึงได้ตัดเราอย่างเย็นชาขนาดนี้ เราเลือกบีในตอนนั้น แต่ตอนนี้บีกลับทิ้งเราอย่างไร้ความรู้สึก และกลับไปคุยกับเออย่างมีความสุข เราไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรให้บีมากมายขนาดนั้น เราทักไปถามแต่โดนตัดบท เราพยายามทำให้เป็นเหมือนเดิมแต่บีเธอคือคนที่เลือดเย็นที่สุด. เธอทิ้งเราอย่างไร้เยื้อใย ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรให้เธอจนต้องบาดหมางใจขนาดนี้

เรานั่งทบทวนวันเวลาที่ผ่าน แต่เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ ก่อนเกิดเรื่องบีเริ่มแปลกไม่มองหน้าเรา ไม่คุย ไม่ยิ้ม เราถามก็ไม่ค่อยอยากพูด ทุกคนเคยเจอแบบนี้มั้ยคะ การที่บีเป็นแบบนี้มันทำให้เราหงุดหงิดมาก เพราะเรายังไม่ทำไรให้ แต่กลับมาลงอารมณ์กับเรา เราคิดทบทวนดีแล้ว เราไม่ได้เหยียบใจบีแม้แต่น้อย

แต่บีเธอคือคนที่ไม่ควรเรียกว่าเพื่อนที่สุด เธอทำร้ายเออย่างเลือดเย็น ทำร้ายทางใจ ทำร้ายเราอย่างเลือดเย็นที่สุด และทำร้ายทางใจเช่นกัน

เราอยากขอโทษเออย่างจริงใจที่สุดที่ไม่ใช้หัวใจมองให้ดีก่อนจะตัดสินเอ ทำให้เอต้องเจ็บช้ำใจ จนมาถึงตอนนี้เรารู้เรื่องราวที่เกิดทั้งหมด นำมาประติดประต่อกัน บีเธอคือคนที่ไม่สมควรได้รับคำว่าเพื่อนจากใครทั้งสิ้น

ที่ผ่านมา เธอทำผิดแต่กลับไม่เคยยอมรับเลย กล่าวโทษคนอื่นเสมอ ทั้งเบะปากใส่เราหลายครั้ง แต่เราต้องทำใจไม่ถือสามาตลอด ทั้งการว่าแบบอ้อมๆมาตลอด แต่ทำไมถึงมองไม่เห็นความผิดของตัวเองบ้าง เธอทำร้ายจิตใจเอมาแต่ตอนนี้เธอกำลังลูบเอ เธอไม่รู้สึกผิดต่อการกระทำนั้นบ้างหรอ

ตอนนี้เราเดินคนเดียว ใช้ชีวิตไปเรียนคนเดียว เราคุยกับแม่ตลอดเพื่อบรรเทาทุกข์ในใจบ้าง เราหวังว่าบทเรียนนี้จะเป็นบทเรียนในการมองเพื่อนของเราให้ดีมากขึ้น

อยากจะฝากทุกคนว่า เหรียญมี2ด้าน ด้านที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มี คนดีแค่เปลือกนั้นมีมากมาย อย่าตัดสินใครเพียงแค่อารมณ์ชั่วขณะ มันอาจจะทำร้ายทั้งตัวเราและคนอื่นได้

เราขอวิธีระบายทุกข์ในใจนี้ออกไปทีค่ะ เราอยากได้ตัวเราเองกลับมา

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

ภิกษุนิรนาม 9 ม.ค. 62 เวลา 21:26 น. 1

ผมจะไม่"แนะนำวิธีคิดแบบคนอื่นเขานะ" มันไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่คนส่วนใหญ่"คิดว่าใช่" ทั้งๆที่ความจริงยิ่งคิดยิ่งฟุ้งไปเรื่อยๆ


"คนเราใช้ชีวิตระบบ auto คิดจะเดินมันก็เดินแล้ว" เพราะขาดสติสัมปชัญญะ และไหลไปกับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆเพราะขาดนี่แหละ


ให้ทดลองรู้สึกที่แขนขวา(เหมือนจะหยิบจับอะไรจะรู้สึกที่แขนข้างนั้นส่วนอื่นจะเหมือนกลวง) และตีไปที่แขนซ้ายจะไม่รู้สึกว่า "ทุกข์อะไรกับแขนซ้ายมันเป็นอะไรก็ช่างมัน" และให้ทดลองอีกรอบโดยรอบนี้เมื่อความเจ็บเกิดขึ้นให้ย้ายไปรู้สึกที่ความเจ็บ "จะพบว่ามันทุกข์ขึ้นมาเอง"


ดังนั้น การ"เพ่ง/ดู"(ไม่ได้หมายถึงตา) ไปที่ไหนรู้สึกที่นั่นที่นั่นเป็นตัวตนของเรา ก็อย่า"ไปอยู่กับความคิดให้มาก" นะครับ


ส่วนความเห็นที่เป็น "วิธีคิด" ควรตัดออกไปเลย "เพราะคิดไปไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์นะครับ"

5
Fish 9 ม.ค. 62 เวลา 21:50 น. 1-1

ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นสิ่งที่อ่านแล้ว ลึกซึ่ง ถึงแม้จะเข้าใจยากหน่อย แต่ก็สะบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

0
ภิกษุนิรนาม 9 ม.ค. 62 เวลา 22:12 น. 1-2

เป็นธรรมดา เพราะ คุณไม่รู้ความหมายของคำที่ผมพูด ที่ผมเรียกว่าเพ่ง ก็เพราะอาการมันเหมือนการเพ่ง หรือจะเรียกว่าตั้งสมาธิก็ได้


ส่วนสัมปชัญญะคือความรู้สึกตัว ซึ่งผมให้คุณได้ทดลองย้ายไปรู้สึกในจุดที่ต่างกันแล้ว


ดังนั้นคนปกติ "ไม่มีสติและสัมปชัญญะแน่นอน" เพราะเขาไม่รู้ว่า ณ ขณะนั้น "เขารู้สึกอะไร และเขาไปเพ่งที่ตรงไหน" แต่คนส่วนใหญ่ "มโนไปเองว่าเขามี" ทั้งๆที่เขายังไม่รู้จักคำว่า "สติและสมาธิจริงๆเลย" นั่นแลครับ

0
Fish 9 ม.ค. 62 เวลา 22:30 น. 1-3

หนูมองหาวิธีปลดทุกข์มากมาย ทั้งการเดินซื้อของเพื่อผ่อนคลาย ทั้งการฟังเพลงหรือดูหนัง สวดมนต์ก่อนนอน และอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่สามารถดับทุกข์ได้เลย แท้จริงความทุกข์เกิดจากจิตของเราที่คิดเรื่องนั้นตลอดเวลา ยึดติดกับเรื่องนั้นทุกขณะที่ดำเนินชีวิต จึงทุกข์ทุกขณะเช่นกัน และสติสมาธินั้นจะทำให้เรารู้สึกตัวทุกขณะ และมองเห็นทุกข์ หนูเข้าใจแบบนี้. ถูกต้องหรือไม่คะ. และขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ

0
ภิกษุนิรนาม 9 ม.ค. 62 เวลา 22:47 น. 1-4

ความจริงแล้วเข้าใจถูกต้อง "แต่เข้าใจอย่างเดียวไม่ได้" ต้องทำด้วย


ซึ่งการที่ผมให้ทำไปรู้สึกที่ไหนนั้นแค่ "ทดสอบว่าจริงหรือไม่" แต่ยังไม่สามารถ "สุขได้ตลอด" เพราะ "ไม่มีความรู้สึกตัว" นะครับ


หากอยากพ้นทุกข์จริงๆผมให้คุณลองทำตามนี้ แต่หากแค่อยากรู้เฉยๆก็ให้อ่านๆผ่านๆไปเลยนะครับ


วิธีทำ

1.หายใจเข้าให้ลึกๆแน่นๆ

2.ตรงจุดที่มีลมหายใจอัดแน่น จะเกิด "ความรู้สึกตรงจุดนั้นขึ้น(ในพระไตรเรียกเวทนา)

3.ให้คงความรู้สึกตรงจุดนั้นไว้ และหายใจออกให้หมด

4.เคลื่อนความรู้สึกตัวโดยการไหล(ความรู้สึกตัวมันเคลื่อนย้ายได้เหมือนที่หายใจเข้าจนรู้สึกนั่นแหละ) ไหลให้ "ทั้งตัวและทั่วตัว"

5.เมื่อทำได้ครั้งแรกจะพบว่าความรู้สึกตัวมันไม่เหมือนกันบางที่เบาบางบางที่หนาแน่น

6.ให้ทำให้มันเท่ากันทั้งตัวโดยลองควบคุมมันดูเอา

7.เมื่อทำได้แล้วจะพบว่าขณะนั้นไม่มี "ความคิด" ขณะนั้น ไม่ได้สนใจภายนอก "หรือที่เรียกว่า ฌาน"

8.ถ้าเราทำให้ความหนาแน่นของความรู้สึกทั้งตัวจางคลายลงเบาบางสบาย จะรู้สึก "สุข"

9.ถ้าเราทำให้ ความรู้สึกตัว กระจายออกไปภายนอก(เรียกว่าซ่านออกไป) นั่นคือปิติ

10.เมื่อทดลองกลับสู่ปกติจะพบว่า "ความรู้สึกตัวเริ่มกลับไปเป็นแบบคนปกติ" เพราะจิตมันส่งออกไปรับความรู้สึกจากภายนอก(กามาวจร)



เมื่อทำได้แล้วก็ให้ฝึกรู้ว่าขณะนั้น "อยู่ที่ไหน" และ "รับอารมณ์อะไรอยู่" จะทำให้ "มีสุขทั้งชีวิตหากมีสติสัมปชัญญะอยู่" นะครับ


ดังนั้น "จิตยึดสิ่งไหนรับความรู้สึกจากสิ่งนั้น" และ "จิตรับอารมณ์จากสิ่งที่ยึดอยู่" นั่นแลครับ


ดังนั้นเมื่อกลับสู่ปกติ (รับความรู้สึกจากภายนอก)แล้วให้ทดลอง กลับไปรู้สึกที่ความรู้สึกตัวดู หากทำบ่อยก็ สามารถ "อยู่และย้าย" ไปรับความรู้สึกจากสิ่งอื่นได้ หากอยากสุขก็ทำความรู้สึกตัวให้เบาสบาย หากอยากปิติก็ทำความรู้สึกตัวให้ปิติ หากอยากสุขมากๆก็ทำให้เบาสบายกว่าเดิมครับ




0
Fish 9 ม.ค. 62 เวลา 23:07 น. 1-5

หนูจะลองฝึกตามที่บอกไว้นะคะ ถึงหนูจะเจอเรื่องทุกข์ แต่หนูโชคดีมากกว่าที่เจอคำสอนนี้ และเจอในเวลานี้ ขอบคุณค่ะ. ️

0