Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[UPDATE] ภาคสนาม รด.ปี 3 ผลัดที่ 2 อย่างละเอียด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีครับ นศท.ทุกนาย วันนี้ กระผมจะมาบรรยายการไปเข้าฝึกภาคสนาม ประจำปี 2561 ณ ค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เขาชนไก่ ในวันที่ 10-14 มกราคม 2562 มาให้เพื่อนๆพี่ๆ หรือน้องๆ ได้อ่านกันนะครับ
ผลัดที่ 2 กองพันปกครองที่ 32 ฉายา COBRA รวดเร็ว..รุนแรง..เรียบร้อย..เอี้ย..เอี้ย..เอี้ย..
ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัย มา ณ ที่นี้ ด้วย ก่อนอื่นก็ขอชี้แจงเรื่องสิ่งของที่ต้องเตรียมไปก่อนเลย

1.ชุดฝึก 2 ชุด
2.เสื้อยืดคอกลม/วี สีเขียวขี้ม้า 3-7 ตัว (จำนวนวัน+1)
3.เครื่องสนาม 1 ชุด (เป้สนาม,สายโยงบ่า, เข็มขัด, กระติกน้ำ)
4. เครื่องอาบน้ำ (ผ้าเช็ดตัว/ผ้าขาวม้า, สบู่, ยาสีฟัน/แปรงสีฟัน, ยาสระผม, )
5. เครื่องนอน (ยากันยุง, ผ้าพลาสติกปูรองนอน+ถุงนอน )
6. รองเท้าแตะ - ใส่ไปอาบน้ำ หรือเดินตอนกลางคืนก็ได้ ถ้าขี้เกียจใส่คอมแบท
7.กางเกงชั้นใน 3-7ตัว (จำนวนวัน+1)
8. รองเท้าผ้าใบ 1 คู่ (กอ.ฝึก แจ้งมาว่า ถ้าใครคอมแบทขาด สามารถใส่รองเท้าผ้าใบแทนได้)
9. แป้งตรางู ** ป้องกันแมลงต่างๆได้ดีครับ โรยรอบเต้นท์ก่อนนอน หรือไว้ใช้ทาตัวก็ได้
10. ถุงเท้าหนา 3-7 คู่
11. ช้อน 1 คัน (ส้อมไม่ต้อง เขาจะยึด เพราะถือว่า เป็นของมีคม)
12. สมุดพก 1 เล่ม ปากกา 1 ด้าม (สามารถไปซื้อที่กองพัน หรือ โรงอาหาร รร.รด.ก็ได้)
14. โรลออนดับกลิ่น
15. ยารักษาโรค+ยาประจำตัว (ยาอุดไม่ต้อง ถ้าปวดจริงๆก็ควรเข้าเถอะ ลำไส้จะได้ไม่มีปัญหา)
16. เสื้อกันหนาว+ผ้าห่ม
17. ผ้าปิดปาก (ช่วยได้เยอะเวลาจะเข้าห้องน้ำ หรือ ไว้กันฝุ่น ก็ทำได้เช่นกัน)
18. บัตรประจำตัวประชาชน และ บัตรนักศึกษาวิชาทหาร
19. บัตรทองรักษาทุกโรค บัตรประกันอุบัติเหตุ บัตรรักษาพยาบาลอื่นๆ (ถ้ามี)
20. Earplug ลดเสียง (เฉพาะ รด.ปี 3+4+5 ไว้ใช้ยิงปืน)
21.ไฟฉาย ** ไว้ส่องหาของในเต้นท์ หรือ ไว้ใช้เวลาเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้
22.Tag ติดกระเป๋า ** ค่อนข้างสำคัญ เพราะ เวลาลงรถไปวางของในกองพัน เขาจะให้เอากระเป๋ามารวม เวลาลงแล้วรีบอาจหายหรือหยิบสลับกันได้
23.ลูกอมเย็น ชื่นใจ คลายร้อนFisherman's Friend

ปล.ใครลืม บางอย่างมีขายที่ โรงอาหาร รร.รด.ศศท. นะครับ

Day 1 : เดินทางสู่สมรภูมิรบเขาชนไก่

รวมพลกันที่ รร.รด.ศศท. หรือศูนย์ใหญ่ รด.วิภาวดี โดยจะรวมพลช่วง 5.30 แต่ถ้าใครไปถึงก่อนก็สามารถทำภารกิจส่วนตัวได้ พอถึงเวลารวม ก็นั่งตามชั้นปี อยากนั่งรถกับใครก็เลือกกันได้เลย แต่ถ้ายืนเฉยๆระวังครูชุดเคลื่อนย้ายจับยัดแถวแล้วจะซวยไปอยู่กับใครก็ไม่รู้นะ หลังจากนั้น ครูก็จะประกาศรายชื่อผู้ที่ไม่มีสิทธิ์เดินทางไปฝึกภาคสนาม ระหว่างนี้ ครูชุดเคลื่อนย้ายก็จะวัดอุณหภูมิตามแถวหน้ากระดาน ถ้าใครอุณหภูมิสูง ก็จะต้องย้ายผลัดฝึกไป หลังจากนั้น ก็ปล่อยให้ ปี 3 ไปขึ้นรถ เริ่มตั้งแต่ คันที่ 1 (เรื่อยๆจนครบทุกคัน) ถึงรถ วางสัมภาระใต้ท้องรถ แล้วก็ออกเดินทางกันเลย
*** อย่าสลับรถนะครับ เพราะจะทำให้ครูชุดเคลื่อนย้ายเช็คยอดลำบาก ***
หลังจากนั้น คนในรถก็หลับเป็นตาย ไม่รู้เป็นเพราะตื่นเช้ากันหรือเปล่า เดินทางไปเรื่อยๆ จนถึงอุทยานประวัติศาสตร์ สงคราม 9 ทัพ ซึ่งหากจากเขาชนไก่ ประมาณ 20 km แล้วปล่อยให้ทำธุระส่วนตัวประมาณ 15 นาที แล้วก็เรียกรวมพลเพื่อกระทำพิธีสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท แล้วก็เดินแถวไปนั่งฟังบรรยายในห้องแอร์ และ แสตน เกี่ยวกับสงคราม 9 ทัพ ที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้

หมายเหตุ : ใครอยากนั่งฟังในห้องแอร์ ให้อยู่แถวตอนข้างๆ เขาจะคัดแถวให้เดินไปเอง  พอได้ฟังแล้ว ก็ได้ความรู้เดียวกับสงคราม 9 ทัพ แถมยังรู้สึกเลือดรักชาติพุ่งพล่านขึ้นมากันเลยทีเดียว


หลังจากนั้น เวลา 11 โมงกว่า ก็เดินทางไปยังเขาชนไก่ เอากระเป๋าเป้ลงไปวางที่กองพันปกครองที่ 32 ซึ่งจะต้องวางกองรวมกันเป็นคันรถ ตอนเย็นค่อยกลับมาเอา แล้วก็ขึ้นรถคันเดิมไปยัง สถานี 31 การยิงปืนด้วยกระสุนจริง ซึ่งจะมีครูกองพันรอรับพวกเราอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นครูที่คุ้นเคยจาก รร.รด.ศศท. นั่นแหละ ก็คือ ครูเสือ คว-เนื้อ ที่สูงๆผิวคล้ำๆ ครูมาโนชย์ ครูการ และพวกผมก็ต้องไปตั้งแถวที่บริเวณกลางแดดร้อนๆ และฝุ่นเยอะมว๊ากกก เพื่อทำการเซ็นชื่อ 7 ชื่อ (ชื่อ+นามสกุล 2 แผ่น/ชื่ออย่างเดียว 4 แผ่น) และก็เซ็นใบงบหลวงค่าข้าว 600 บาท โดยให้เซ็นในช่องหมายเหตุ หลังจากนั้น ก็ปล่อยให้กินข้าว มื้อแรกของเขาชนไก่ จากนั้น ก็ให้เข้าแถว อยากอยู่กับใครให้รีบเลือกในตอนนี้เลยนะครับ เพราะว่า การจัด กองร้อย และ หมวด จะยึดตามชุดยิงเป็นหลัก 1 ชุดยิง จะมี 60 คน โดยจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอด 5 วัน หลังจากนั้น ก็เข้าสู่การเรียนแบบบรรยาย การยิงปืน M16A1 ด้วยกระสุนจริง โดยจะมีการสาธิตให้ดูก่อน จากครูสถานี แล้วเราต้องปฎิบัติ จนเสร็จ แล้วก็นั่งพัก ครูประจำกองพันก็จะมารับ แล้วก็เลือก หัวหน้าหมวด หัวหน้ากองร้อย หัวหน้ากองพัน และมีการเก็บตังค่าผ้าพันคอ+ถุงใส่ของ แล้วก็เดินทางกลับกองพัน เพื่อทำพิธีเปิดการฝึกต่อไป หลังจากนั้น มีการยึดทิชชู่เปียก ผ้าอนามัย บุหรี่ และสิ่งของต่างๆที่ผิดกฎหมาย พอเสร็จแล้วก็อุ้มเป้เดินเข้าเต้นท์เป็นบัดดี้ โดยจะต้องนอนเป็นหมวดเท่านั้น ห้ามข้ามหมวดหรือข้ามกองร้อยโดยเด็ดขาด จากนั้นครูฝึกจะแจกถาดซึ่งต้องติดตัวรักษาไว้ตลอด 5 วัน เมื่อกินข้าวพักผ่อนเสร็จแล้วก็ฟังคำชี้แจงต่างๆก่อนนอน โดยวันนี้จะไม่มีการอาบน้ำ 5555 แล้่วก็ปล่อยทำภารกิจส่วนตัวตอน 21.00 แล้วก็เป่านกหวีดนอน ส่วนกองร้อยที่ต้องเข้าเวร ต้องอยู่ก่อน โดยแบ่งตามเต็นท์ แล้วเขาก็จะให้ท่องวิธีรายงานตัว แล้วก็บอกว่าของใครเข้าเวรกี่โมง เข้าเวรจุดไหน
ตับแรกสุดเริ่มที่ 21.00-23.00 ไล่ลงไปเรื่อยๆ กะละ 2 ชั่วโมง สถานที่ก็มีประมาณ เต็นท์พยาบาล กองพัน คลังอาวุธ ห้องน้ำ เดินตรวจตราเต้นท์(สายตรวจ1+2) ฯลฯ

หมายเหตุ : ครูกองพันเขาจะไม่ให้คอมแมนเข้าเวร เพราะว่าเดี๋ยววันต่อไปมันจะเริ่มหนักขึ้น แล้วจำทำให้แต่ละคนจะทำงานได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ต้องส่งเวร แล้วก็แนะนำการปฎิบัติ

Day 2 : เริ่มต้นการฝึกภาคสนามด้วยการยิงปืน


ครูเวรเป่านกหวีดตื่นตอน 4.50 น. ให้ทำภารกิจส่วนตัว 10 นาที แล้วรวมพล ปล่อยกินข้าว โดยเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็ทำการเคลื่อนพลไปที่สน.31 เพื่อทำการยิงปืนด้วยกระสุนจริง เมื่อถึงแล้วครูฝึกจะจัดชุดยิงขึ้นไปยังแนวยิง เรียงตั้งแต่ชุดที่ 1 ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้วคนที่ได้ชุดดแรกๆจะสบายที่สุดเพราะได้พักก่อนและอากาศยังไม่ร้อน การปฏิบัติต่างๆตั้งแต่นั่งรอจนไปถึงแนวยิงจะมีครูฝึกคอยบอก และให้เราทำตามอย่างเคร่งครัด เพราะนี่ไม่ใช่การยิงปืนเล่นๆเหมือนที่ทำในศูนย์ฝึก อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งนี้ถ้าใครลืมซื้อ Ear plug มา ที่นี่ก็มีจำหน่าย ประมาณ 30 บาท ถ้าใครไม่มีก็จะไม่ได้ยิงนะครับ เพราะขึ้นไปถึงแนวยิงแล้วเสียงปืนจะดังมาก ใครที่มีปัญหาเรื่องหูก็ต้องระวัง ข้อที่อยากจะแนะนำคือให้ตั้งใจฟังที่ครูสอนแล้วนำมาใช้ และเวลาจับปืนให้จับแน่นๆ เพราะปืนจริงจะถีบค่อนข้างแรง ขึ้นไปถึงแนวยิงแล้วสติเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ต้องรีบเรามีเวลาพอสมควร โดยท่าที่ใช้ในการยิงปืนเก็บคะแนนครั้งนี้จะมี 2 ท่า คือ 1.นอนยิง 5 นัด 2.นั่งราบเปิดขา 5 นัด (ไม่รวมซ้อมยิง อีก 9 นัด)

หลังจากนั้น ก็เดินไปส่งเป้าคืนครูสถานี แล้วปล่อยพัก จนเวลา 10.00 ครู-็มารับพวกเราเดินไปยัง สถานี เคมี ชีวะ รังสี นิวเคลียร์ เพื่อทำการฝึกต่อไป โดยสถานีนี้ จะเป็นการฟังบรรยายเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพ เคมีต่างๆ การใส่หน้ากาก ถอดหน้ากาก ปรับหน้ากาก โดยหน้ากากที่จะได้รับแจกจะมีสองแบบคือแบบ M15  และแบบ M17  จากที่ดูๆแล้ว M15  หลักๆจะแตกต่างกันที่หน้าตา และจุดสายรัด โดยมีการเข้าห้องรมแก๊สด้วย โดยเข้าแถวตอนเรียงสอง ถอดหน้ากาก แล้วเดินออกมา บอกเลยครับ ว่าแสบ แต่พยายามลืมตาแล้ววิ่งทวนลมด้วยนะครับ อย่าขยี้ตาหรือหลับตาโดยเด็ดขาด หลังจากฝึกเสร็จ หน.สถานี ก็จะสรุปการฝึกของสถานีนี้ โดยเราจะกินข้าวเที่ยงที่สถานีนี้


ตอนบ่าย เวลา 13.00 ก็เดินทางไปยังสถานีแผนที่-เข็มทิศ เพื่อฝึกการอ่านแผนที่และการใช้เข็มทิศ โดยช่วงแรกจะเรียนทฤษฎีก่อน พอเรียนเสร็จ ก็แยกหมู่ปฏิบัติ เดินเข็มทิศในเวลากลางวัน หาจุดที่ครูสถานีให้มา 3 จุด โดยในสถานีนี้ เราก็จะได้บุกป่าฝ่าดงกันอย่างเต็มที่ ระวังพลัดหลงกับเพื่อนในกลุ่มด้วย พอเสร็จแล้ว ก็ส่งผลที่เราหามาได้ ให้ครูสถานี แล้วก็นั่งพัก ทำภารกิจส่วนตัว ผมก็ซื้อน้ำมาดื่มคลายร้อนสักหน่อย แล้วก็นั่งคุยเล่นกับเพื่อนต่อ เพื่อรอเรียกเข้าที่รวมพล หน.สถานี ก็กล่าวสรุปการฝึก ครูกองพันก็มารับเรา เพื่อเดินกลับกองพันต่อไป

พอถึงกองพัน ก็ปลดเป้ที่ที่รวมพล เช็คยอด ครูเวร(วันผมไปครูมาโนตย์เป็นเวร) ครูเขาก็จะพูดนัดหมาย แล้วปล่อยกินข้าว ทำภารกิจส่วนตัว โดยเปลี่ยนเป็นชุดครึ่งท่อน โดยตอน 18.20 รวมพล เพื่อเดินไปฟังบรรยาย พลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย+อบรมเรื่องสิทธิและหน้าที่กำลังพลสำรอง+อุดมการณ์ความรักชาติ ที่ลาน สป. 2,4 (ใกล้ๆ กับ สน.โดดหอ) บอกเลยนะครับ ได้ความรู้ พร้อมกับความบันเทิงด้วยครับ จากง่วงๆกลายเป็นตาสว่างเลยทีเดียว ถ้าใครไม่ฟังก็แอบนอนได้นะครับ แต่อย่าคุยเสียงดัง จะโดนครูฝึกเรียกมาชาร์ตแบตด้านนอกเอา พอฟังบรรยายจบ ตอน 20.20 ครูกองพันก็มาชี้แจงสิ่งที่ต้องปฏิบัติเวลาถึงกองพัน คือ ต้องเข้าที่รวมพลเพื่อเช็คยอดก่อน อย่าพึ่งเข้าเต็นท์ แล้วก็ทยอยเดินกลับกองพัน ซึ่งไม่ไกลกันมากเท่าไหร่ หลังจากพอดำเนินการด้านธุรการเรียบร้อยเเล้ว(เช็คยอด) ครูเวรก็ปล่อยให้ทำภารกิจส่วนตัว วันนี้ ได้อาบน้ำแล้ว บอกเลยครับ ว่า ห้องน้ำแทบแตก เนื่องจากไม่ได้อาบน้ำมา 1 วัน เต็มๆ ช่วง 21.15 ครูฝึกก็เป่ารวม เพื่อนัดหมาย และชี้แจง สิ่งที่ต้องปฏิบัติในวันต่อไป หลังจากนั้น ก็แยกย้าย เข้านอน เตรียมตัวจัดของเข้าป่าในวันรุ่งขึ้นต่อไป วันนี้ นอนให้เต็มที่เลยนะครับ พรุ่งนี้ต้องเดินระยะทางไกลพอสมควรเลย

หมายเหตุ : ควรเอาของที่ไม่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำ และอื่นๆที่ไม่จำเป็นใส่ไว้ในถุงแล้ววางไว้ในเต้นท์เลย เพราะ ต้องเดินระยะทางไกลพอสมควร ถ้าขี้เกียจจัดตอนเช้า จะได้ไม่ต้องรีบตอนเรียกรวม

Day 3 : วันนึงฉันเดินเข้าป่า

การเป่าตื่น ตี 4.50 เช่นเดิม เหมือนวันที่ 2 โดยครูเวรจะให้ทำภารกิจส่วนตัว ให้เวลา 10 นาที ใครที่ยังไม่ตื่นก็ชิ-หายวายวอดไป จากนั้น ก็รวมพล ชี้แจง เช็คยอด ก่อนปล่อยกินข้าว พอกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย ก็ให้เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ปวดกลางทางจะเป็นหายนะ หลังจากนั้น ก็ให้เราไปรับปืน ปสบ.87 เพื่อใช้แบกติดตัวตลอดเวลาตลอด ห้ามหาย ถ้าหาย มีเหนื่อย หลังจากนั้น ก็เข้าที่รวมพล เพื่อออกเดินทางไปยัง สถานี 32 บุคคลทำการรบ การเดินก็จะเดินไปเส้นทางเดียวกับสถานี 31 แต่เราจะแยกไปทางซ้ายเพื่อเดินข้ามเขื่อน เมื่อสุดเขตเขื่อนแล้วจะเจอกับป่าจริงๆ มีไร่อ้อย บ้านคน ที่ครูฝึกพาเราลัดเลาะไปเรื่อยๆจนมาถึงสน.ฝึก เอาจริงๆสถานีฝึกไม่ได้อยู่ในป่าเขียวขจี มีเถาวัลย์ห้อยๆ แต่เป็นแค่ป่าไม้ต้นเตี้ยๆ ดินแดงแห้งๆเหมือนบริเวณอื่นบนเขาชนไก่ โดนที่เราจะซุกหัวนอนในวันนี้ก็คือเต้นท์เหมือนที่กองพัน แต่เป็นผ้าหนาๆแทนที่จะเป็นพลาสติก ทำให้ตอนกลางคืนหนาวกว่ามาก

หมายเหตุ : M1A1 Carbine ภาษาไทยเรียกว่า "ปสบ. 87" (ปอสอบอ แปดเจ็ด ย่อมาจาก ปืนสั้นบรรจุเอง นำเข้า เมื่อ พ.ศ. 2487)

พอถึงแล้ว ก็มีการเคารพธงชาติ ทำความเคารพ หน.สถานีฝึก เพื่อทำพิธีเปิดการฝึก แล้วก็แยกฝึก โดยสถานี 32 จะเป็นเป็น 5 สถานีย่อย คือ สน.321-325 ประกอบด้วย การพราง รูปขบวนหมู่ปืนเล็ก การเคลื่อนที่ในสนามรบ การดำรงชีพในป่า และบุคคลทำการรบในเวลากลางคืน โดย 3 สถานีแรกจะฝึกในตอนเช้า และ บ่าย ไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนปี 2 มาก แต่ไฮไลท์ของเช้านี้คือการเคลื่อนที่ในสนามรบ ระยะทาง 300 เมตร เพราะการฝึกจะให้เราเคลื่อนที่ด้วยรูปแบบต่างๆทั้งการโผ คลานสูง คลานต่ำ ลอดลวดหนาม จนไปถึงที่หมาย โดยมีเสียงปืนและระเบิดของจริงเป็นซาวด์เอฟเฟค บอกเลยว่าเหนื่อยจริงแต่มันส์มากก เป็นการเตรียมพร้อมไปสู่ สน.33 ในเช้าวันรุ่งขึ้น พอถึงเวลา 15.00 ก็เดินทางไปยัง สน.324 การดำรงชีพในป่า สนุก และ ฮามาก มีการหยอกล้อกับงู และการสอนขั้นตอนการหาอาหาร หาน้ำ จากเถาวัลย์ และต้นไผ่ ภายในป่า
และครูฝึกก็มีของกินมาแจกด้วย คือ กล้วย 1 เครือ โดยจะตัดเป็นหวีเพื่อให้ นศท.แบ่งกันกิน จากนั้นเราจะได้ประกอบอาหารกินเอง เพราะฉะนั้นใครกลัวแหลกไม่ได้ให้ตุนขนมปังหรือขนมมาก่อนเลย โดยเราจะได้ทำอาหารแยกเป็นหมู่ๆ โดยจะได้หม้อสนามมา 7 หม้อ ใช้จริง 5 สำรอง 2 ถังน้ำ 1 ถัง ต่อหมู่ ซึ่งครูฝึกจะแจก ไก่ หมู ข้าวสาร น้ำปลา(ขอได้ครับ) และเครื่องต้มยำให้  จากนั้นก็เป็นหน้าที่เราที่จะลงมือบรรเลงต่อ

เมนูที่ครูฝึกบอกให้ทำคือต้มยำ 2 หม้อ ข้าว 3 หม้อ แต่สำหรับผม จะแนะนำให้หุงข้าวแค่ 2 หม้อพอ แล้วก็เอาหมูไปลวกหรือผัดให้สุก โดยเขาให้เวลาในการทำแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อกินเสร็จแล้ว ก็มาสู่ สน.ย่อยที่ 325 คือ บุคคลทำการรบในเวลากลางคืน ซึ่งจริงๆแล้วก็แค่เดินไปตามทางที่ครูฝึกทำสัญลักษณ์ไว้เท่านั้นเอง ลักษณะจะเป็นการลาดตระเวนในเวลากลางคืน เวลามีเสียงระเบิดอย่าลืมหมอบนะครับ แต่สิ่งสำคัญคือความเงียบ ถ้าเสียงดังก็จะถูกครูฝึกโผล่มาจะโดนสั่งทำโทษกันไป ถือว่าสนุกดีครับ ตื่นเต้นดีว่าจะมีอะไรโผล่มารึเปล่า และก็มีการสอนวิธีการดูดาวด้วย แต่ที่ผมชอบคือการเปิดตัวสถานีครับ จะมีครูฝึกก็จะเดินขึ้นมาบนเวที ร่ายบทกลอนของขุนรัตนาวุธ วีรชนแห่งทุ่งลาดหญ้า ดังคำว่า “ มันแสนสี่ กูเจ็ดหมื่น หาญยืนสู้ ให้มันรู้ ว่ากูน้อย ไม่ถอยหนี ดาบต่อดาบ เลือดต่อเลือด เชือดร่างพลี แผ่นดินนี้ เพื่อลูกหลาน ขานถึงกู ” สิ้นคำสุดท้ายก็มีเสียงระเบิดดังตู้มมม สุดยอดมากไปเลยครับ นึกว่าอยู่ในคอนเสิร์ต 5555

สุดท้ายก็จบวันที่ 3 แต่เพียงเท่านี้การนอนก็เหมือนที่กองพัน แต่ห้องน้ำก็สภาพเป็นสังกะสี เข้าทีสบตากับเพื่อนได้เลย555555 คืนนี้ ก็ไม่มีการอาบน้ำ แนะนำว่าเอาแป้งตรางูมาโปะๆก็โอเคแล้ว เต้นท์ผมซวยหน่อยเพราะใกล้รังมด เลยต้องมานอนใต้ต้นไม้ บรรยากาศดีไปอีกแบบครับ หนาวจัง 555 คืนนี้ก็นอนให้หลับ ทำใจให้พร้อม เพื่อพรุ่งนี้จะได้เจอกับ Icon แห่งเขาชนไก่ ในตำนาน "ผู้กองนรก" นั่นเอง

Day 4 : คืนสุดท้ายกับบุรุษในตำนาน

หลังจากผ่านการนอนในเต้นท์มาแล้ว 2 คืนการนอนในป่าก็ไม่ต่างกันมาก บวกกับเมื่อวานฝึกหนักพอสมควร ผลคือก็หลับเป็นตายครับ5555 เหมือนเดิมเพราะนัดรวมตี 4 เผื่อเวลาไว้เก็บของ แต่งตัว เพราะเราจะเดินไปยัง สน.33 กันตั้งแต่ยังไม่สว่าง ทางเดินครูฝึกก็จะพาเราลัดเลาะเข้าไปในป่า โดยมีครูฝึกขี่จักรยานนำแล้วหยุดเป็นระยะๆ ผมก็ต้องตั้งใจเดินเพราะยังเบลอๆแล้วทางก็ค่อนข้างมืด แถมมีกิ่งไม้ และหิน ตามทาง อีกด้วย ระหว่างทางก็มีทางแยกบ้างถ้าไม่เกาะกลุ่มไว้มีหลงชัวๆ พอถึงที่หมายครูฝึกก็ให้เรานั่งรอเวลาที่รถข้าวมาส่ง ก็คือประมาณ 6.45 เมื่อกินข้าวเสร็จ ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ก็จะเข้าที่รวมพล เพื่อรอพบกับสิ่งที่ทุกคนรอมานาน บุรุษผู้เป็นตำนานแห่งเขาชนไก่ ได้ขี่มอไซค์คู่ใจของเขามา

คนนั้นก็คือ จ่านรกนั่นเอง (ครูเค้าได้เลื่อนเป็นผู้กองแล้วนะครับ แต่คนก็ยังติดเรียกว่าจ่าอยู่) ตามที่ได้ยินมาคือเขาจะขี่ชอปเปอร์เข้ามา สน.แบบเท่ๆ แต่ผลัดผมเหมือนว่าเขาจะมาแสตนด์บายรอเราอยู่แล้ว วินาทีที่เขาขึ้นมาบนโพเดียมก็รู้ทันทีว่าใช่แน่ๆ555555555 สิ่งที่จ่านรกชี้แจงกับเราก็จะเป็นการเข้าตีและตั้งรับว่าเราจะแบ่งเป็นสองกลุ่มแล้วสลับกันเช้าบ่าย ซึ่งบางคนคิดว่าเข้าตีตอนเช้าจะสบายกว่าเพราะไม่ร้อน แต่ความจริงคือสภาพร่างกายหลังจากผ่านจ่านรกมาแล้ว การวิ่งๆหมอบๆลุกๆคลานๆต่อทันทีก็ไม่ได้สบายเลย แต่ยังไงเราก็เลือกไม่ได้อยู่แล้วถือว่าทำใจไปละกัน55555555


พอชี้แจงเสร็จความมันส์ก็เริ่มขึ้น ณ บัดนี้ คือแกจะเล่าเรื่องมาก่อนว่า แกมีแฟนเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนเรา (ผลัดไหน รร.ไปเยอะ ก็จะบอกว่าอยู่ รร.นั้น พล็อตเดิม เปลี่ยนแค่ชื่อโรงเรียน55555 แต่ผลัดผม สาธิตราม โดนนะ 555 ) ระหว่างเล่าก็มีเรียกน้ำย่อยด้วยการ หมอบลุกแบบนันสต็อป ต้องมีการทวนคำสั่งด้วย ลุกครับ.. หมอบครับ จากนั้นก็เล่น 20 คำถามคือ คำใบ้ ดันพื้น 1 ที คำใบ้ที่ 2 ดันพื้น 2 ทีไปเรื่อยๆ ลักษณะ เป็นการดันพื้น 22 ที แต่ลักษณะจะเป็นแบบ
“1 ครั้ง”
“1 ครั้ง!!”
“เริ่ม”
“2 ครั้ง”
“2 ครั้ง!!”
“เริ่ม”
แล้วก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 22 ครั้ง
ถามว่าอู้ได้มั้ย ก็ได้แต่พยายามเนียนๆหน่อยเพราะถ้าโจ่งแจ้งไปเขาก็จะสั่งไปเรื่อยๆ ทีนี้พอดันพื้นจนเบื่อเสต็ปต่อไปคือแองกาลู โดยที่ถ้ามีคนอู้หรืออะไรนิดหน่อยก็เริ่มใหม่หมด แล้วก็นอนหงาย กางมุ้ง แล้วให้ตบเท้าพร้อมกับร้องพลง “ครางชื่ออ้ายแหน่”
จากนั้นก็สั่งให้คลานสูงไปยังต้นพุทรากลางสนาม ก่อนที่จะเปลี่ยนให้เป็นนอนหงายและไถไปตามพื้นดินทรายแข็งๆที่มีหิน และ ดอกหญ้า  จากนั้นเฮียแกก็สั่งให้กลิ้งไปยังต้นพุทรา (ไม่เจ็บแต่เละ 555+) จากนั้นหมวดแกก็บอกให้หยุด แกก็ตะคอกสักพัก ก่อนที่จะตะคอกใส่พวกเราว่า“กูนี่แหล่ะ จ่านรก!!” (ตอนนี้เป็นผู้กองแล้ว) พร้อมเสียงระเบิด ณ จุดนั้นบอกเลยกลิ้งเสร็จ ชุดรด.เขียวๆ กลายเป็นชุดลูกเสือไปในมันที ยิ่งใครเหงื่อออกเยอะๆด้วย ฝุ่นติดยันเดินกับกองพันเลยทีเดียวจ้า

พอจบการซ่อมแบบนันสต็อป ก็เริ่มแบ่งกลุ่มไปฝึกตั้งรับหรือเข้าตี โดยผมได้เข้าตีก่อน แต่ได้ครูใจดี คอยบอก เลยไม่ค่อยเหนื่อยมาก ซึ่ง การเข้าตีจะแบ่งเป็นหมวดๆ โดยในหนึ่งหมวดจะมีประมาณ 5 หมู่ถ้าผมจำไม่ผิด โดยหมู่ 1 เป็นกองบังคับการหมวด 8 นาย  หมู่ 2 เป็นหมู่ปืนกล M60 9 นาย หมู่ 3-5 เป็นหมู่ปืนเล็ก หมู๋ละ  11 นาย เพราะฉะนั้นหมู่ 1,2 จะฝึกสบายสุด เพราะเราไม่ต้องทำอะไรมาก คอยวิ่งตามหมู่ปืนเล็กอย่างเดียว

หมายเหตุ : กองร้อยเข้าตี คือ เสือดำ กองร้อยตั้งรับ คือ อินทรี

เวลาจะออกตีเขาจะมีคันตีเป็นจุดๆเป็น check point เมื่อไปถึงแล้วก็หมอบ โดยใช้การโผ หรือลวดลวดหนามจนไปถึงคันดิน และมีเสียงปืน เสียงระเบิดจริงเป็นซาวเอฟเฟคด้วย ทีนี้เมื่อถึงฐานของข้าศึก อีกกลุ่มนึงที่ตั้งรับอยู่ก็จะทำการถอนตัว เป็นอันเสร็จการฝึกในช่วงเช้า

ส่วนการตั้งรับในตอนบ่ายบอกเลยว่าชิลกว่ามาก มีการซักซ้อมวิธีการเล็กน้อย ทีเหลือก็ใช้เวลาไปกับการอยู่ในหลุม คุยกัน เล่นกันสนุกดี เป็นโมเม้นท์ที่ได้คุยกับเพื่อนในหมู่อย่างสนุกสนานหลังจากผ่านอะไรมาด้วยกัน555555555 พอจบการฝึกในช่วงบ่าย ก็รอเวลากินข้าวเย็น โดยเราจะกินข้าวเย็นที่สน. เลย หลังจากนั้นก็เหลือการฝึกอีก 1 อย่าง เป็นการฝึกสุดท้ายของภาคสนามนี้ นั่นคือการถอนตัวนอกความกดดัน พูดง่ายๆก็คือการเดินกลับกองพันนั่นแล แต่แค่ต้องเดินเป็นแถวไม่ขาดช่วงแล้วห้ามคุยเล่นกัน ระหว่างทางก็มีผ่านบางช่วงที่เป็นชุมชน มีบ้านแล้วก็โรงเรียน ซึ่งไม่รู้มาก่อนเลยว่าในค่ายจะมีชุมชนอยู่ด้วย เมื่อมาถึงจุดนัดพบ ซึ่งก็คือบริเวณเขื่อนที่นี่ครูกองพันจะมารับเรากลับ โดยก่อนกลับจ่านรกก็ได้มาให้ข้อคิดพร้อมกับอวยพร นศท. ก่อนจะนั่งรถออกไป เป็นอะไรที่เท่มาก เท่โคตรๆ 55555555 ถือว่าจบการฝึกด้วยดี ไม่ได้มีการโกรธเคืองกัน สุดท้ายจ่านรกก็เป็นแค่ครูคนหนึ่งเท่านั้นเอง

เมื่อมาถึงกองพัน ก็ส่งปืนที่เป็นภาระคืนคลังอาวุธ ครูฝึกก็ปล่อยให้เราไปพักผ่อน อาบน้ำ ซื้อขนมได้ โดยวันนี้ครูจะปล่อยเป็นพิเศษ ข้อแนะนำคือให้รีบไปอาบน้ำก่อนเลย เพราะอาจจะเจอกับการที่น้ำไม่พอ  จากนั้นก็รวมพล เช็คยอด ฟังนัดหมาย เสร็จก็เข้านอนเก็บของเข้าเป้ให้เรียบร้อย เป็นค่ำคืนที่มีความสุขมาก เพราะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาชนไก่แห่งนี้ แล้วก็ปล่อยนอน พรุ่งนี้ก็จะถึงเวลากลับ เวลาที่จบการศึกษาอย่างเป็นทางการ

Day 5 : โบกมือลา เขาชนไก่

ตื่นมาเวลาเดิมตี 4.30 เก็บเป้สิ่งของทุกอย่างกลับบ้าน ทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จ เรียกรวมพลคืนถาดหลุมคู่ใจให้กองพัน เป้และของต่างๆก็ตั้งไว้ที่รวมพลกองพันนั่นแหละ จากนั้นแยกย้ายไปกินข้าว กลับมารวมพลใหม่เพื่อไปเรียนสถานีสุดท้าย เดินออกจากกองพันไปไม่ไกล ไปเรียนที่เดิมตอนปี2วันสุดท้าย ตรงสนามหน้าอนุสาวรีย์ร.6 เรียนเรื่องการติดต่อสื่อสารทางสาย และการติดต่อสื่อสารทางวิทยุ  ใช้วิทยุส่งสารกัน ได้เล่นวิทยุลองใช้พูดคุยกันแบบทหารสนุกดี สถานีนี้ชิวมากกก จากนั้นเที่ยงๆก็เดินกลับกองพันรวมพลแยกย้ายกินข้าวเที่ยง เรียกรวมพลอีกครั้งเพื่อขึ้นรถบัส นำเป้สัมภาระของเราขึ้นรถบัส รถบัสมาส่งเราให้ไปทำพิธีปิดที่หน้าอนุสาวรีย์ร.6 วันนี้แดดแรงเอาเรื่องอยู่แนะนำโบกกันแดดแต่เช้าเลย ทำพิธีเสร็จก็ขึ้นรถบัสกลับ กทม. มาถึงกทม. 16.50 เป๊ะ! รวมพลที่โดมศูนย์ฝึกกล่าวคำปฏิญาณตน ว่า " ข้าพเจ้า จะปกป้องผืนแผ่นดินไทย ไว้ด้วยชีวิต (3ครั้ง ) " และก็แยกย้ายกลับบ้านเป็นอันจบ ปี 3 อย่างสมบูรณ์แล้วครับ

----- ภาพรวม -----
ความจริงคือผมไม่ได้ลำบากใจอะไรกับการไปเขาชนไก่อยู่แล้ว
ซึ่งการไปเขาชนไก่ในครั้งนี้ ทำให้ได้ประสบการณ์แล้วก็ความสนุกมามากมาย ตอนระหว่างการฝึกอาจจะมีท้อบ้างบางครั้ง หรือต้องการให้จบๆ ไปบางที แต่มันก็ไม่ได้ยากเย็นขนาดที่ร่างกายเราทนไม่ไหวเลย ทุกๆรั้งที่ครูฝึกทำโทษหรือแ-กเรา เขาทำไปเพราะมีเหตุผลจริงๆ ไม่ใช่เพราะอยากแกล้งเด็ก เราต้องย้อนกลับมาดูตัวเองด้วยว่าทำไมเราถึงโดนทำโทษ อาจเพราะคุยเล่น หรือไม่ทำตามกฎที่เขาตั้งขึ้นมา ทหารทุกคนมีความอ่อนโยนอยู่ในใจเสมอ ภายนอกเขาอาจจะแข็งกระด้าง แต่พอมีใครป่วยครูฝึกนี่แหละที่จะดูแลเราอย่างเต็มที่ พวกเขาห่วงเราเสมอ 

ประสบการณ์ในการไปอยู่ในที่ที่ลำบากขนาดนี้ จะมีอีกกี่ครั้งที่จะได้ไป หลังจากจบรด. แล้ว เราก็คงจะไม่มีทางเผชิญความลำบากอย่างนี้อีก ผมจึงถือว่าประสบการณ์นี้มีค่าสำหรับผมมาก และผมจะไม่ลืมมันเลย

คนที่ยังไม่ได้ไป และรุ่นน้องรุ่นต่อๆไปที่กำลังกังวล หรือกลัวที่จะเจอกับค่ายนี้ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกแบบนั้น พ่อแม่ที่เป็นห่วงลูกที่จะต้องไปเผชิญสถานการณ์แบบนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ น้องๆ และลูกๆ ของคุณจะเหนื่อยกาย แต่จะกลับมาด้วยความสุขใจได้จริงๆ

ถึงแม้จะเป็น 5 วัน 4 คืน แต่ประสบการณ์ที่ได้มานั้นนับไม่ถ้วนเลย

สุดท้ายนี้ ผมก็ขอขอบคุณ ครูฝึกทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นครูในกองพัน หรือตามสถานีฝึกต่าง
และที่สำคัญที่สุด คือ เพื่อนร่วมกองพันปกครองที่ 32 ผลัดที่ 2  ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่โรงเรียน
ไหน แต่ถ้ามาใช้ชีวิตร่วมกันในกองพันแล้ว ทุกคน คือเพื่อนร่วมสุขร่วมทุกข์ ด้วยกันหมด

ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันอีกนะทุกคน

จบแล้ว กับการเข้าค่ายภาคสนาม
เขาชนไก่ แล้วเจอกันอีกทีเมื่อชาติต้องการนะครับ

ใครที่อยู่ผลัดเดียวกันทักมาได้นะ ไม่ว่ากัน

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

MeltAway 18 ม.ค. 62 เวลา 20:47 น. 2

เขียนดีมากเลยครับผม พออ่านถึงตอนจบละก็สบายใจขึ้น แต่ก็ยังกังวลอยู่ประมาณนึง TT

1
Vexterz 20 ม.ค. 62 เวลา 11:28 น. 2-1

ครับผม ขอบคุณมากๆนะครับ สู้ๆไม่ต้องกังวลมาก ถ้าเราอยู่ในกฏระเบียบที่เขาตั้งเอาไว้ก็ไม่มีปัญหา



0
MeltAway 18 ม.ค. 62 เวลา 20:48 น. 3

แล้วพวกเวลาเข้าห้องน้ำเค้าจะปล่อยให้เข้าบ่อยมั้ยครับ กลัวปวดกลางทางจะซวย https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-big-03.png

2
Vexterz 20 ม.ค. 62 เวลา 11:29 น. 3-1

อันนี้พูดถึงตอนเดินไปตามสถานีฝึกใช่ไหมครับ

0
Vexterz 20 ม.ค. 62 เวลา 20:02 น. 3-2

ถ้าใช่ก็แนะนำให้ปล่อยข้างทางเลยครับ แต่ก็ไหว้เจ้าที่เจ้าทางนิดนึง

0
Vexterz 23 ม.ค. 62 เวลา 20:01 น. 4-1

ตรวจช่วงหลังยิงปืนเสร็จครับ เบอร์ 1 พอมีโอกาสรอด แต่ก็ไม่แน่นะครับ ทางที่ดี ยอมเกรียน ไว้ดีกว่า ปลอดภัยด้วย ถ้าไปตัดที่นู่นอาจจะได้ทรงอะไรมาก็ไม่รู้นะครับ

0
Pongsathorn 28 ม.ค. 62 เวลา 21:10 น. 5

ชุดที่ต้องเอาไประหว่างที่ชุดแรกส่งซักนี่ต้องมีชื่อหรือตราโรงเรียนไหมครับ

1
Vexterz 30 ม.ค. 62 เวลา 08:39 น. 5-1

ไม่จำเป็นครับ มีชื่อหรือไม่มีก็ได้ อันที่ส่งซักก็เป็นชุดที่เราคิดว่าจะใส่กลับบ้านในวันสุดท้าย

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น