Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Google Maps ใกล้จะเปิดตัวฟีเจอร์นำทางผ่านระบบ AR

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อัพเดทข่าวเทคโนโลยีใหม่กันหน่อย ไม่หลงแน่นอน.. Google Maps ใกล้จะเปิดตัวฟีเจอร์นำทางผ่านระบบ AR จะเลี้ยวซ้าย-หันขวา ดูผ่านจอโทรศัพท์มือถือทันที



หลังจากที่ Google ได้ประกาศในงาน Google I/O 2018 เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ว่าจะใส่ฟีเจอร์นำทางด้วย AR มาให้ ซึ่งมันจะเพิ่มความสามารถในการนำทางของ Google Maps ได้ดีกว่าเดิม เพราะเมื่อเราส่องกล้องไปทางไหน ก็จะมีป้ายของสถานที่ หรือลูกศรนำทางขึ้นมาให้ดูแบบ Real Time ไม่หลงทิศกันอีกต่อไป หลายๆ คนมักจะประสบปัญหาเวลาเดินทางไปสถานที่ที่เราไม่เคยไป อย่างเช่น (ขอยกจากปัญหาชีวิตตัวเองเลย) เวลานั่งรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปโรงแรมหรือร้านอาหาร เมื่อลงจากรถไฟฟ้าแล้ว เปิด Google Maps เพื่อจะไปสถานที่ดังกล่าว มันก็จะบอกทิศทางตามปกติ แต่เราจะไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเราจะต้องเดินไปทางซ้ายหรือขวา อย่างน้อยๆ ก็ต้องเดินไปซักพักก่อนให้ลูกศรใน Map มันขยับตาม ถึงจะรู้ตัวว่า อ้าว! เดินผิดทางนี่หว่า.. แล้วก็ต้องเดินกลับไปอีก สุดท้าย Google ก็เลยเปิดตัวระบบนำทางด้วย AR แบบนี้ออกมาในงาน Google I/O 2018 นั่นเอง (แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปเลย)


ล่าสุดข่าวคราวของฟีเจอร์นำทางด้วย AR ดังกล่าวก็กลับมาอีกครั้ง เพราะตอนนี้ Google กำลังทดสอบฟีเจอร์นี้อยู่เพื่อเตรียมเปิดให้ใช้จริงแล้ว โดยการใช้งานจริงของฟีเจอร์ดังกล่าวจะเป็นฟีเจอร์เสริมที่อยู่ใน Google Maps เมื่อได้รับการอัพเดทแล้วจะมีปุ่ม Start AR ให้กดเพื่อเริ่มใช้งาน และเมื่อเรากดปุ๊บมันก็จะเปลี่ยนหน้าจอเป็นมุมมองกล้องหลังขึ้นมา ให้เราหันกล้องไปดูในทิศทางต่างๆ จากนั้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือก็จะมีข้อมูลของสถานที่ที่เราหันกล้องไป แสดงขึ้นมาแบบ Real Time

ซึ่งก่อนจะใช้งานเราก็ต้องหันกล้องไปรอบๆ ตัวเพื่อให้ Google Maps จดจำพื้นที่และสถานที่รอบๆ ให้ได้ซะก่อนถึงจะเริ่มนำทางได้ (ซึ่งสะดวกกว่าการเดินไปแบบลองผิดลองถูกเอาเองแน่นอน) ระบบนำทางแบบ AR ยังมีฟีเจอร์ประหยัดแบตเตอรี่ที่จะหยุดการใช้งานโหมด AR และเข้าโหมด Google Maps ธรรมดาเมื่อเราไม่ได้ยกมือถือขึ้นส่อง นอกจากนี้ระบบนำทาง AR จะสามารถใช้งานได้เมื่อเราใช้โหมดนำทางด้วยการเดินเท่านั้น

ตอนนี้ระบบนำทางด้วย AR กำลังอยู่ในช่วงทดสอบและจะเริ่มปล่อยให้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเร็วๆ นี้ และหลังจากนั้นอีกซักพักก็จะเริ่มขยายออกไปตามประเทศอื่นๆ ต่อไป.. อดใจรอกันอีกหน่อยนึงละกันนะครับ

ที่มา : https://technology.thaiza.com/

แสดงความคิดเห็น

>