Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โคตรเหลือเชื่อ ไก่หัวขาด แต่อยู่ได้เป็นปีๆ น่ากลัวมาก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชาแนล Who Askk นะครับ ตอนนี้คุณอยู่กับผมอีกครั้ง ลัก ครับ
นอกจากคำถามที่ว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันแล้วเนี่ย เรื่องของไก่ก็ดูจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลยเนอะ เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เราเห็นกันมาตั้งแต่เด็กยันโต หยิบจับมากินเป็นอาหารกันแทบทุกมื้อ ไม่ได้แปลกแหวกแนวน่าตื่นเต้นอะไรใดๆ ทั้งนั้น แต่วันนี้ Who Askk เราจะพาไปรู้จักกับตำนานบทใหม่ของเจ้าไก่กัน ที่บอกเลยว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ฟังต้องอึ้ง ทึ่ง และงงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านสามารถดูคลิปแทนได้เลยน้าาา : )
.
โดยไอตำนานบทนี้ของไก่เนี่ยมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัย 60 ปีก่อนนู้นเลยล่ะครับ แถมความน่ากลัว ปนความฉงนของมันยังนำพาตำนานบทนั้นให้โลดแล่นอยู่มาได้จนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวความพิลึกพิลั่นนี้เกิดขึ้นเมื่อ เจ้าไมค์ ไก่บ้านตัวนึงที่หน้าตา รูปร่าง ทุกอย่างก็เหมือนกับไก่ทั่วๆ ไป แต่ที่แตกต่างกันแบบเห็นได้ชัดก็คงจะเป็นพลังชีวิตของมันที่มากล้นจนเกินจะวัดได้
.
เพราะหลังจากที่เจ้าไมค์ โดนเจ้าของจับตัดหัวเพื่อมาทำเป็นอาหารมื้อเย็นในค่ำคืนนั้น ตัวมันเองกลับไม่ตาย และมีชีวิตอยู่มาได้นานถึง 18 เดือน!!! หรือปีกว่าๆ เลย ด้วยความงง และเหลือเชื่อ ของตำนานเรื่องนี้ทำให้ผู้คนที่รู้ข่าวได้จัดงานวันเฉลิมฉลองความเป็นตำนานที่โดนตัดหัวของมันขึ้นทุกวันที่ 17 พฤษภาคมนับแต่นั้นมา
.
จบ.... เป็นไง สั้นมะ ถุยยยยย ถ้าเล่าแค่นี้ไม่ต้องเล่ายังดีกว่า คืองี้ ตำนานบทนี้เนี่ยมันเกิดจากการที่ นายลอยด์ ซึ่งเค้าเป็นเจ้าของฟาร์มแห่งนึงใน อเมริกา แกได้เชือดไก่ของแกเพื่อเอาไปขายที่ตลาด และเอามาทำเป็นอาหารในค่ำคืนนั้นเหมือนปกติทุกวันๆ เนี่ยแหละ ทีนี้ไอเจ้าไมค์เนี่ยมันก็ดันเป็นไก่ผู้โชคดี โดนจับมาตัดคอเตรียมทำเมนูไก่ทอด ไก่ต้ม ไก่ตุ๋นอะไรก็ว่าไป 
แต่ความพีคมันเกิดขึ้นหลังจากที่นายลอยด์แกได้หั่นฉับ! เข้าที่หัวของเจ้าไมค์ เลือดงี้กระเด็น เปรอะ เปื้อน เลอะไปหมด เป็นภาพที่เห็นจนชินตา แต่สิ่งที่แตกต่างไปและทำให้นายลอยด์ต้องตกใจจนแทบแต๋วแตกคือ ไอไมค์ไก่ของแกแม่งดันไม่ตายซะอย่างงั้น
.
ไมค์ ไก่สู้ชีวิตมันกระโดดออกจากเขียงและพยายามวิ่งหนีแบบสุดกำลัง ในสภาพที่ไม่มีหัว และไม่ต้องถามนะครับว่า ทำไมไม่จับมันมาฆ่าให้ตายแล้วค่อยทำอาหารกิน คือ ถ้าเป็นเราจะมีสติขนาดนั้นป่าว หัวไม่มี แถมยังวิ่งหนีไปได้อีก มีอารมณ์มาไล่ตามจับก็บ้าแล้ว
.
ตอนแรกนายลอยด์แกก็แค่คิดว่า มันคงเป็นแรงฮึดของไก่ตัวนึงที่จะทำอะไรบ้าๆ ก่อนตายแหละมั้ง เดี๋ยวก็คงไปล้มลงหมดแรงเลือดหมดตัวตายในป่านอกฟาร์มเองแหละ แต่ความจริงกลับไม่ใช่เลยเว้ย เพราะเช้าวันต่อมา ไอเจ้าไมค์ไก่สู้ชีวิตมัน-เดินกลับมาอยู่ในฟาร์มซะเอง ในสภาพหัวขาด ไม่มีหัว ทำท่าคุ้ยเขี่ยอาหารเหมือนไก่ทั่วไปเป๊ะๆ แต่ต่างกันตรงที่หัวของมันไม่มีเนี่ยแหละ
พอเห็นแบบนี้ นายลอยด์ก็ตั้งสติได้ทันทีแล้วเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา โดยเค้าสงสัยว่า “เห้ย ไอไมค์ที่มันมีชีวิตอยู่ข้ามคืนมาได้ทั้งๆ ที่หัวขาดเนี่ย มันต้องมีพลังชีวิตที่อึดชิบหายมากแน่ๆ” อย่ากระนั้นเลย ขอทดสอบหน่อยเถอะวะว่ามันจะทนอยู่ไปได้นานแค่ไหน 
.
เค้ารู้ทันทีว่าไก่ไม่มีหัวมันก็กินอาหารเองไม่ได้ เค้าเลยต้องจับมันมาเลี้ยงไปเรื่อยๆ โดยให้อาหารมันผ่านทางที่หยอตตา เอาหยอดใส่หลอดอาหารของมันโดยตรงไปเลย 
.
แต่หนึ่งวันผ่านไปก็แล้ว สองวันผ่านไปก็แล้ว จนอยู่มาได้เป็นอาทิตย์ ไอไมค์นี่แม่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตาย สร้างความประหลาดใจให้ทั้งกับตัวนายลอยด์เอง และคนที่พบเห็นทุกคนอย่างมาก ชนิดที่ว่าถ้าอยู่เมืองไทยเนี่ย โดนจับชุบแป้งใบ้หวยแน่นอน 
.
ไอเจ้าไมค์นั้นดำเนินชีวิตตามวิถีไก่ที่ควรจะเป็นได้แบบไม่มีอะไรผิดปกติเลย ทั้งไปนอนอยู่บนขื่อสูง ทำท่าไซร้ขนกำจัดปรสิต แถมยังพยายามจะขันอีกนะ บ้าไปแล้ว อ่ะ ในเมื่อ-ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น งั้นลอยด์เองก็ทำบ้างละกัน โดยพี่แกก็เลี้ยงมัน หยอดอาหารให้มันไปเรื่อยๆ ชิลๆ ในทุกๆ วันจนเวลาล่วงเลยไปเป็นอาทิตย์แบบไม่รู้ตัว
สุดท้ายแล้วนายลอยด์แกก็คงทนไม่ไหวอ่ะครับ สงสัยอยุ่นานว่าเมื่อไหร่ไอไมค์มันจะตายสักทีวะ เลี้ยงมาเป็นอาทิตย์แล้วก็เห็นตายเลย แกเลยเอามันไปที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ ซึ่งห่างจากบ้านแกไป 400 กิโลแน่ะ เพื่อเอาไปตรวจดูว่ามันรอดชีวิตจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ยังไง
.
หลังจากอึ้งกันไปพักใหญ่ๆ นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพอตั้งสติได้ก็เลยทำการวิเคราะห์กันอย่างเต็มกำลัง แล้วก็ลงความเห็นว่า ที่มันเป็นแบบนี้ได้ก็อาจจะมาจากสาเหตุเดียวหลักๆ เลยคือ ตอนที่ลอยด์เอาขวานจามเชือดคอเจ้าไมค์ ขวานมันคงไม่ได้ไปตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ที่คอแน่เลย ทำให้เลือดแห้งและแข็งตัวไวมาก อุดปากแผลและไม่เสียเลือดตาย
.
และที่เจ้าไมค์หัวขาดแต่ไม่ตายก็เพราะ ไก่น่ะมันมีสมองส่วนใหญ่อยู่บนตัวของมัน ไม่ใช่หัวเหมือนคนเรา ซึ่งสมองจะสั่งให้เจ้าไมค์ทำสิ่งต่างๆ พื้นฐานได้อย่างปกติ เช่น การหายใจ หรือควบคุมการเต้นของหัวใจ และพวกปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ นั่นเอง 
ทีนี้แหละครับ พอทราบสาเหตุปุ๊บว่าไม่ใช่ไก่ผีสิงแต่อย่างใด พี่ลอยด์แกก็ปิ๊งไอเดียทำเงินขึ้นมาในหัวทันที เพราะไอเจ้าไมค์นี่มันมีตัวเดียวในโลกแน่ๆ ไม่มีไก่ที่ไหนจะหัวขาดและเดินได้แบบมันอีกแล้ว อย่ากระนั้นเลย จัดแสดงโชว์ไก่ไร้หัวมันขึ้นมาเลยแล้วกัน กับราคาโปรโมชั่นเบาๆ ค่าเข้าชมคนละ 25 เซ็นต์ 
.
แล้วแกก็ตั้งชื่อให้มันแบบเสร็จสรรพเป็นโชว์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องอยากเห็น ชื่อโชว์ว่า “ไมค์ มหัศจรรย์ไก่ไร้หัว” ซึ่งถ้าใครใจป้ำอยากจะซื้อเจ้าไมค์ไว้เลี้ยงเองแกก็ไม่ขัดนะ จัดราคาค่าตัวไปงามๆ ที่ 10,000 ดอลลาร์ หรือสัก 3 แสนกว่าบาท ซึ่งในสมัย 60 ปีก่อน เงินสามแสนนี่คือรวยล้นฟ้าอภิมหารวยเลยนะ เพราะก๋วยเตี๋ยวยังชามละบาทเองมั้ง 
.
และแน่นอนว่าเมื่อข่าวคราวแพร่สะพัดออกไป ผู้คนก็เริ่มสงสัยและสืบค้นหาความจริงเรื่องที่ไอไมค์สามารถรอดชีวิตได้ มันเป็นเพราะอะไร แล้วพอคนรู้เข้าเยอะๆ ก็แน่นอนว่าต้องมีคนที่อยากรวยทางลัด หวังทำตามนายลอยด์กันยกใหญ่ เพื่อที่ว่าเผื่อไก่ตัวเองจะรอดและเอามาเปิดแสดงโชว์กับเค้าบ้าง 
แต่สุดท้ายก็ไม่มีไก่ตัวไหนรอดเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากจริงๆ จะมีก็แค่ 1 ตัว ซึ่งก็มีชีวิตอยู่ได้แค่ 11 วันเท่านั้นก็ตายไป 
.
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยแล้วล่ะสิว่า แล้วไอไมค์นี่มันตายเพราะอะไรกันแน่ เพราะดูเหมือนชีวิตมันก็สุขสบายชิลจัดไปแล้ว ไม่น่าตายใน 18 เดือนเลย
.
อันนี้ต้องบอกว่าหักมุมชิบหายจนนึกว่าหนังไทย เพราะหลังจากเดินสายโชว์ตัวอยู่นาน ครั้งนึง ลอยด์กับไมค์ก็แวะพักที่โรงแรมอริโซน่า ซึ่งลอยด์ก็ป้อนอาหารให้ปกติเหมือนทุกครั้ง แต่ดันมีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้น เมื่อเม็ดข้าวโพด-ไปติดที่หลอดลม ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะลอยด์บอกว่า เค้าเจอปัญหานี้บ่อยมาก แต่ทุกครั้งก็ช่วยไมค์ได้สำเร็จ 
 แค่หนนี้มันเป็นวันสุดท้ายของเจ้าไมค์มันแล้วจริงๆ ลอยด์เลยช่วยไม่ทัน หาที่หยอดตาไม่เจอ สุดท้ายตำนานไมค์ ไก่ไร้หัวเลยต้องสิ้นสุดไปด้วยประการฉะนี้ ซึ่งสุดท้ายตำนานของไมค์ก็ได้รับการกล่าวขานถึงจน ผอ. เมืองที่ลอยด์อยู่ ได้กำหนดให้วันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันของ ไมค์ ไก่ไร้หัว ไปเลย แถมยังเอาเรื่องของเจ้าไมค์ไปเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ท้อแท้หมดหวังอีกด้วย 
.
แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับคิดยังไงกับไอเจ้าไมค์และนายลอยด์บ้าง คอมเมนท์มาบอกกันใต้คลิปนี้ได้เลย

แสดงความคิดเห็น

>