Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ติดหมอใน 1 สัปดาห์ ฉบับคนขี้เกียจ ( #dek61 ถึง #dek62 )

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
กระทู้นี้เขียนขึ้นมา ตอนแรกจะลงแค่ใน IG  ค่ะ แต่มีคนอยากให้ตั้งเป็นกระทู้เลยนำมาลงเว็บ dek-d ด้วย ถ้าภาษางง ๆ ไปบ้าง หรือมีอะไรที่ดูไม่ค่อยเข้าใจได้ ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ
 
ช่วง เล่าประวัติชีวิต
          แนะนำตัวกันก่อน เราชื่อ...เอ่อ ขอไม่บอกละกัน (จะอุบอิบเพื่อระ? ทั้ง ๆ ที่หลายคนก็รู้กันมาตั้งนานแล้ว 55555) แต่จะแทนตัวเองในบทความนี้ว่า “เรา” นะ ด้วยเหตุผลที่ว่า dek62 ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่จบ ม.6 ปีนี้เท่านั้น และอีกเหตุผลก็คือคำว่าเราอาจจะดูเป็นกันเองมากกว่า...มั้ง เราคิดแบบนี้ 555555
            ว่าแต่ สรุปแล้วเราเป็นใคร? เราก็เป็น dek61 คนนึงที่ทำ studygram นั่นแหละ (อันนี้ทุกคนน่าจะรู้แล้ว) ปัจจุบันเป็นนักเรียนแพทย์ปี 1 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง​ ปีที่แล้วสอบเข้าแพทย์ผ่านรอบกสพท. ด้วยคะแนน 60 ต้น ๆ ...ดู ๆ ไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจป้ะ? ก็เรื่องธรรมดา ๆ ของ dek61 คนนึงอะ
            แต่ว่า เรื่องมันไม่ได้มีแค่นั้นจ้า (ก็คือจะเริ่มเข้าสู่โหมดพล่ามชีวิตตัวเองแล้ว 55555)
            ประเด็นแรกมีอยู่ว่า “เราไม่ได้เรียนจบม.ปลายจากโรงเรียน” คืองี้ เราสอบเทียบวุฒิ GED และลาออกจากโรงเรียน และไปยื่นสมัครสอบกสพท. (ใครตามข่าวจะรู้ว่าปีหลัง ๆ คือถ้าจะสอบกสพท.ด้วยกรณีนี้ ต้องไม่ได้อยู่ในรร.เนอะ) แต่จริง ๆ เราเคยเรียนม.ปลายอยู่ 1 ปีนะ แต่ด้วยปัญหาสุขภาพ ทัศนคติ และอะไรหลาย ๆ อย่างในตอนนั้น เราตัดสินใจออกมาเรียนเอง (**อย่างไรก็ดี ใครสนใจเรื่องสอบเทียบ อยากให้ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนนะคะ**)
            อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นสาเหตุหลักให้มาเล่าประสบการณ์ในวันนี้คือ “เราเป็นสุดยอดตัวขี้เกียจ” และเป็นคนที่มักทำอะไรไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้เลย แต่อันนี้ไม่ได้มาดราม่านะ 55555 จะมาเล่าว่า “จอมขี้เกียจคนนี้ใช้วิธีอะไรอ่านหนังสือถึงสอบติดมาได้ด้วยเวลา 1 สัปดาห์” ฟังดูเหลือเชื่อเนอะ เหลือเชื่อกว่านั้นคือ อย่างที่รู้ไปแล้วว่าเราไม่ได้เรียนในรร. เรียนแค่กวดวิชา อันที่จริงคอร์สเรียนพิเศษม.ปลายนี่คือเรียนเนื้อหาไปเกือบครึ่งนึงของทั้งหมด แล้วไปเรียนคอร์ส entrance เลยเพราะเวลาไม่ทันจ้า ดังนั้นเรียกได้ว่าความรู้ที่เรามีมันไม่ได้เยอะเลย น้อยด้วยซ้ำถ้าเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน นอกจากนี้เรายังขี้เกียจมาก ๆ อ่านหนังสือไม่ทันและไม่อ่านด้วย เพิ่งมาฮึดได้ตอนสัปดาห์สุดท้ายของการสอบ
            แล้วเราสอบติดมาได้ยังไง?
            ...มาร่วมหาคำตอบในนี้ได้เลยยยยยย! J
 
ประสบการณ์อ่านจนเกือบตายตอน week สุดท้าย
 
          อันที่จริงเราไม่ได้อ่านแค่ Week สุดท้ายหรอก 55555 (บางคนเริ่มด่าในใจละ โธ่) เราอ่านมาตลอดเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก แต่ดันพักนานไป พักไปพักมา ถึงเดือนสุดท้ายซะแล้ว​ สัปดาห์หน้าสอบ onet ...อ้าว เกือบทุกวิชายังอยู่บทนำ/ บทแรก ๆ อยู่เลย แล้วทำไงดี กลัว onet ไม่ผ่าน... ความถนัดแพทย์ก็ยังไม่จบ คอร์สเอนท์เพิ่งจบไปแบบจำไรไม่ค่อยได้ อย่าถามถึง 9 วิชานะ อันนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อสอบเป็นแบบไหน ทำไงดีล่ะทีนี้...
Wk1: ก่อนสอบ Onet
            ตอนนั้นเป็นวันสอบ gat-pat วันที่สอง ก็คือวันอาทิตย์ นับจากวันนั้นไปถึงวันสอบ onet วันแรก เราเหลือเวลาให้อ่านสอบ onet อีกราว ๆ 5 วัน 5 คืน สำหรับตอนนั้นคือลนมาก ๆ คิดว่ายังไงก็ไม่ทันแน่ ๆ บวกกับกลัว onet ไม่ผ่าน 60% (ทั้ง ๆ ที่เอ็งอยากเข้าหมอเนี่ยนะ?) (บอกก่อนว่านี่ไม่ได้สอบ gatpat นะ)
ด้วยความที่ชีวิตนี้แทบจะไม่เคยทำโจทย์เลย (เพราะไม่ยอมทำเองนั่นแหละ) สิ่งที่เราทำคือหยิบข้อสอบมาเปิดแล้วลองดูว่าทำข้อไหนได้บ้าง... สำหรับวิชาสายศิลป์อย่าง อังกฤษ ไทย สังคม พวกนี้ก็ชิว ๆ คิดว่าพอได้แหละมั้ง เอาจริงมีเครียดสังคมเพราะตอนนั้นเข้าใจผิดว่า 60% คือทุกวิชาต้องผ่าน (จริง ๆ สำหรับ onet มันคือทุกวิชารวมกันเกิน 60% ของคะแนนรวมทั้งหมดเด้อ 555555)
แต่แล้ว พอเปิดไปเลขกับวิทย์ก็ถึงกับตะลึงเลยจ้า (อันนี้ onet นะ ย้ำ ไม่ใช่ 9 วิชาเด้อ) ถามว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง ตอบตรง ๆ ก็คือทำไม่ได้ไง 555555555 อันนี้ตอบด้วยความสัตย์จริงนะเด้อ คือตามจริงมันเป็นแค่เลขกับวิทย์พื้นฐานใช่มะ ใช้ความรู้แค่พื้นฐานด้วยอะ ไม่ใช่ต้องลึกซึ้งอะไรมาก แต่ก็คือทำไม่ได้ไง...
ตอนนั้นเริ่มเครียดละ เวลาก็เหลือน้อยลง ๆ ทุกทีแล้ว สิ่งที่ทำได้คือหยิบสมุดขึ้นมาเล่มนึง อันนี้เหมือนตอนนั้นทำไปแบบไม่ได้รู้ตัวเท่าไรอะ แต่ก็ขอบคุณความไม่ได้ตั้งใจนั้นที่ทำให้เรามีวันนี้ 55555
อันดับแรกคือลองไปดูข้อสอบว่าออกอะไรประมาณไหน แล้วไปเปิดหนังสือดู สิ่งที่เราทำคืออ่านสรุปสูตรแล้วพยายามจำให้ได้ไปเลย (ไม่ได้ก็ต้องได้แล้วตอนนั้น) แล้วไปดูว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหน ลองทำโจทย์ไปบ้างสำหรับวิชาที่จำเป็น เช่น เลขกับวิทย์ ตรงไหนมีปัญหาจริง ๆ หรือตอนที่อ่านจนหัวบวม (หมายถึงให้อ่านเองต่อคือไม่ไหวละ) เราจะลองไปหาคลิปติวสอบใน youtube มาดู (***สำคัญมากจ้า เอาจริง youtube มีของเด็ดอยู่เยอะมาก มากกกกกกกกกกก)
ขอเวิ่นเรื่องวิชาเลขหน่อยละกัน คือจริง ๆ ตอนเราลองดูข้อสอบเลข onet ครั้งแรก คือทำได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำอะตอนนั้น 555555 แต่เราก็พยายามทำให้ “ตรงแนว” ที่สุด (ทำตรงแนวสำคัญมากนะจ๊ะ เดี๋ยวมีขยายความให้ในพาร์ทอื่นต่อจากนี้) ใช้เวลาประมาณ 5 วัน 5 คืนนั้น อ่านทุกอย่างที่อ่านได้เกี่ยวกับ onet สุดท้ายผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละ

 
Wk2: ก่อนสอบความถนัดแพทย์
            สารภาพว่าอันนี้ไม่รู้จะแนะนำอะไรจริง ๆ เพราะลืมไปเยอะแล้ว เหลือแค่ว่าหนังสือเล่มไหนดี คือเราว่า ถ้าพาร์ทเชาวน์ก็มี cu-best เล่มม่วง ๆ อะแหละที่ดูว้าว ๆ หน่อย ส่วนพาร์ทเชื่อมโยงก็คือเล่มตีแตกเชื่อมโยงฮะ (ทั้งสองเล่มมีแปะรูปไว้ให้ข้างล่างนะ) ส่วนพาร์ทจริยธรรมก็...ไม่ขอแนะนำหนังสือ 555555 รู้ ๆ กันอยู่เนอะ แต่ทริคจริยธรรมของเรามีอยู่นิดนึงคือต้องรู้หลักการบางอย่างที่จำเป็น และก็เป็นผู้ใหญ่ ใช้เหตุผล แค่นี้แหละ

ส่วนเรื่องที่จะเวิ่นก็คือ สัปดาห์นั้นตั้งใจไว้ดิบดีว่าจะอ่านความถนัด ฯ แค่ 1-2 วัน จากนั้นจะไปอ่าน 9 วิชาที่เนื้อหาเยอะมาก ๆ และยังไม่ได้แตะ แต่สุดท้าย...วันศุกร์ก่อนสอบฉันยังนั่งเรียนเฉลยโจทย์เชื่อมโยงอยู่เลย...
พอมาถึงวันสอบ คือตอนนั้นทำเชื่อมโยงไม่ได้ จริยธรรมหมดหวังสุด แต่มั่นกับเชาวน์มาก แต่สุดท้ายก็รู้ว่าข้อสอบเชาวน์ที่โดนหลอกกระจุยเลย 5555555 คะแนนก็ตามที่เห็น

 
Wk3: ก่อนสอบ 9 วิชาสามัญ
            มาถึงสัปดาห์ที่พีคที่สุด เด็ดสุดไรสุด เป็นไม่กี่วันที่ทำให้รู้ซึ้งถึงคำว่า “อ่านเจียนตาย” (แต่เอาจริงถ้าเทียบกับคนที่อ่านหนัก ๆ อยู่แล้วก็คือปกติของเขาอะ แต่สำหรับเรามันไม่ไหว ฮื้อ 55555)
            ตอนนั้นเป็นวันเสาร์หลังสอบความถนัด ฯ มา จำได้ว่าโทรไปหารุ่นพี่ที่รู้จักแล้วคุยอะไรสักอย่าง แล้วก็กลับมานั่งร้องไห้ด้วยความรู้สึกที่ว่า ”เหลืออีก 6 วันเอง จะอ่านทันได้ไง(ฟะ) แบ่งอ่านวิชาละวันยังไม่ทันเลย ฮือ” สุดท้ายพอได้สติก็กลับมาตั้งหลัก หยิบสมุดขึ้นมาเขียนแพลนชีวิตรายวัน ลงบันทึกว่าวันนั้น ๆ ต้องทำอะไรบ้าง โดยไม่เขียนอะไรที่เวอร์เกินไปแต่ก็จะไม่ดูถูกศักยภาพตัวเองเช่นกัน และก็มาเขียนอัพเดตทุกครั้งที่ว่างโดยลงเวลากำกับไว้ด้วย จะได้ประเมินตัวเองได้มากที่สุด
            ในสมุดเล่มนั้นมีหัวข้อที่ออกสอบและแนวข้อสอบของวิชาต่าง  ๆ ที่เราเขียนไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นด้วย เราคิดว่าตรงนี้สำคัญมาก ๆ คือในเวลาแค่นี้ จะเอาตัวรอดจากศึก(?)ได้ ต้องมีกลยุทธ์ที่ดี ต้องรู้เขารู้เรา (รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งจ้า ต่อให้ 5555555)
            ลืมเล่าไปนิดนึงว่าก่อนเตรียมสอบ onet เราลงคอร์ส upskill ของ ondemand ไว้ทุกวิชา แต่เรียนไปแล้วจริง ๆ นิดเดียวเลย 5555555 ก็คือเรียนพวกเนื้อหาไปส่วนหนึ่ง (สำหรับคอร์สที่มีทวนเนื้อหาให้ บางคอร์สเน้นลุยโจทย์) ดังนั้น ตอนสัปดาห์นี้ เราตั้งใจจะเก็บคอร์สให้ได้มากที่สุดและคุ้มค่ากับเวลาที่เหลือมากที่สุดด้วย ...จริง ๆ ต้องบอกว่าคอร์ส upskill เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสอบติดมาได้เลยก็ว่าได้
 อีกเรื่องที่อย่างเล่ามาก ๆ คือ ด้วยความที่เราเป็นเด็กเทียบวุฒิซึ่งอาจจะซิ่วไม่ได้ (ความเป็นไปได้ในตอนนั้น) เรายอมอดหลับอดนอนในสัปดาห์สุดท้าย ทำให้เต็มที่ที่สุด จากคนเคยนอน 9 ชั่วโมงต่อวันเป็นอย่างต่ำ สัปดาห์นั้นก็ไม่ได้ต่างกัน คือนอน 9 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่ต่อวันนะ ต่อสัปดาห์ 555555 เราคิดว่าแค่สัปดาห์เดียวคือไม่ตายหรอก อดทนไป แต่คืนก่อนสอบต้องนอนนะ(เว่ย) เอาจริงไม่ค่อยแนะนำให้ทำตามนะ เพราะหลังจากนั้นคือปัญหาสุขภาพตามมาเต็มเลย แต่สำหรับเราตอนนั้นคือมันไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริง ๆ อะ 5555555 อดทนนนนนน ฮึบบบบบบบ!
จนมาถึงวันสอบ 9 วิชา อ้าว จะไม่ยอมไปสอบจ้า ไม่ใช่เพราะอ่านมาไม่พร้อมนะ (แต่คือเอาจริงก็ไม่พร้อมอย่างแรง) แต่วันนั้นหงุดหงิดที่นาฬิกาไม่ปลุก ไม่ยอมตื่น ตื่นมาอีกทีคือจะถึงเวลาเข้าห้องสอบแล้ว ...แต่สุดท้ายเราก็ไปสอบ ต้องไปสอบอะ ไม่รู้จะพูดยังไง 5555555 เอาเป็นว่า “อย่าตัดโอกาสตัวเอง” ละกัน คือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ถ้าเราตัดสินใจไม่ไปสอบวันนั้น  เราคงไม่ได้เป็นนักเรียนแพทย์ในวันนี้
และจริง ๆ พอทำข้อสอบวิชาแรกผ่านไป ถึงจะทำไม่ค่อยได้ แต่มันก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะ (ขอไม่แปะคะแนนสอบ 9 วิชาด้วยเหตุผลส่วนตัวนะฮะ)
 
วิชาวิทย์ ๆ
***เน้นทำข้อสอบเก่า (ปีล่าสุดย้อนขึ้นไป สำคัญมากนะ!) และดูแนวโจทย์ บทที่ออกเยอะ แล้วเก็บตามนั้น***
เลข
วิธีการอ่าน
  • อ่าน concept ให้เข้าใจ   ไปทำโจทย์ *สำคัญมาก*
  • อ่าน concept ให้เข้าใจ เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ทำโจทย์แทนได้ โดยฝึกจากโจทย์จะเข้าเนื้อหาได้ดีขึ้นและได้ทักษะในวิชานี้ติดตัวไป
  • อ่านแค่บทที่ออกแน่ ๆ ก่อน (12 บท สำหรับ 9 วิชา) และบทที่เหลือถ้ามีเวลาจริง ๆ ค่อยเก็บ
  • เน้นทำข้อสอบเก่า***
ปัญหา&แนวทางแก้ไข
ปัญหา แนวทางแก้ไข
อ่าน concept ไม่เข้าใจ อ่านทฤษฎีแล้วพยายามนึกภาพตาม จินตนาการตามว่ามันเป็นแบบไหน เชื่อมโยงกับความรู้พื้นฐานที่เคยเรียนมาแล้ว ถ้าคิดไม่ไหวก็ลองเขียนสรุปตามที่เข้าใจ ถ้าสรุปแล้วยังไม่เวิร์ค...ก็จำหลัก ๆ แล้วไปทำโจทย์ด่วนเลย!
 
ทำโจทย์ที่คัดมาแล้วว่าดี/ ข้อที่ตรงแนวข้อสอบ
ทำไม่ได้คือเรื่องธรรมดา ถ้ามีเวลามากพออยากให้ลองคิดจนกว่าจะสุดแล้วจริง ๆ แต่ถ้าเวลาเหลือน้อย(ถึงน้อยมาก) ทำไม่ได้ก็ลองคิดอีกสักรอบสองรอบ ถ้าไม่มีไอเดียอะไรเลย...ไปเปิดเฉลยด่วน!
ทำโจทย์ไม่ได้/ เริ่มไม่เป็น ดูตัวอย่างไปก่อนสัก 2-3 ข้อ จะดีมากถ้าอ่านทฤษฎี(สั้น ๆ)จบแล้วไปดูตัวอย่างเลย แล้วลองทำโจทย์เอง
 
ฟิสิกส์
วิธีการอ่าน
  • วิธีอ่านเหมือนเลข แต่มีการจำบางอย่างเพิ่มไป เช่น เนื้อหาเพิ่มเติม/ข้อยกเว้น เงื่อนไขในการใช้สูตร
  • มี 18 บท  ประมาณ 7 กลุ่มเนื้อหา (กลศาสตร์ 1-3, สมบัติสาร, ไฟฟ้า, คลื่น, อะตอมและนิวเคลียร์)
  • เน้นทำข้อสอบเก่า ***สำคัญมากกกกก โดยเฉพาะปีล่าสุด***
  • ทำโจทย์แค่ที่ควรทำ ไม่ต้องทำเยอะมาก แค่ต้องเป็นโจทย์ดี “คนฉลาดคือคนที่แผนดีกว่า”
ปัญหา&แนวทางแก้ไข
ปัญหา แนวทางแก้ไข
ไม่เข้าใจ concept เวลาอ่านพยายามนึกภาพตาม *ฟิสิกส์สำคัญตรงที่จินตนาการได้* แต่ถ้าคิดในหัวไม่ไหว  วาดรูปเลย!!
จำสูตรไม่ได้ มีความเข้าใจสูตรจากการพิสูจน์สูตร (ไม่จำเป็นต้องจำได้ แต่ควรดูผ่านตาให้เข้าใจสักรอบ) จากนั้นต้องจำสูตรให้ได้ อาจใช้วิธีฮา ๆ ในการจำก็ได้นะ :3
 
ใช้สูตรไม่เป็น
 
ดูตัวอย่างไปก่อนสัก 2-3 ข้อ จะดีมากถ้าอ่านทฤษฎี(สั้น ๆ)จบแล้วไปดูตัวอย่างเลย แล้วลองทำโจทย์เอง
ทำโจทย์เองไม่ได้ นึกอะไรไม่ออกก็เอาตัวที่โจทย์ให้มาเขียนเรียงกัน แล้วนึกว่าอะไรที่ใช้สูตรนี้แก้ได้บ้าง (วิธีนี้ช่วยชีวิตเรามาแล้วเด้อ แต่ต้องไม่โดนข้อสอบหลอกนะ สติดี ๆ)  เปลี่ยนเป็นตัวแปลระบบเดียวกันอาจช่วยให้นึกง่ายขึ้นนะ
*หลักก็คือ “เชื่อมโยงสูตรได้” นั่นเอง*
 
เคมี
วิธีการอ่าน
เคมีบรรยาย
  • อ่าน concept ให้เข้าใจ และพยายามจำตามที่ควรต้องจำ (ตามแนวข้อสอบเป็นหลัก)
  • ทำโจทย์เยอะ ๆ จะจำได้ดีขึ้น และไม่ควรเป็นโจทย์ที่ยากเกินความจำเป็นเพราะสุดท้ายจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย
  • มี 7 บท
เคมีคำนวณ
  • อ่านและจำ concept ของตัวที่ต้องคิดได้ เช่น นิยามของ Molarity
  • ทำโจทย์เยอะ ๆ พยายามแกะเองก่อน (แต่ก่อนนั้นควรดูตัวอย่างโจทย์มาบ้าง)
  • มี 6 บท
ปัญหา&แนวทางแก้ไข
ปัญหา แนวทางแก้ไข
ไม่เข้าใจหลักการ/แนวคิดของวิชาเคมี พยายามนึกภาพตามเยอะ ๆ สำคัญมากคือต้อง จำหลักรวม&ข้อยกเว้น ให้ได้!
 
อ่าน concept ไม่เข้าใจ
 
สำหรับเรา เคมีเป็นวิชาที่คิดเป็นระบบ มีกฎที่ชัดเจน แต่ก็มีข้อยกเว้นเยอะมาก ๆ สำคัญคือต้องเชื่อมโยงความคิด&จำให้ได้
ทำโจทย์ไม่ได้ โดยเฉพาะพาร์ทคำนวณ ใช้ concept เยอะ ๆ เวลาทำโจทย์ในวิชาเคมี concept มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะพาร์ทคำนวณ (ทำเยอะ ๆ ระดับหนึ่งจะช่วยให้จับหลักได้เอง)
 
ชีววิทยา
ปัญหา&แนวทางแก้ไข
ปัญหา แนวทางแก้ไข
อ่านเยอะเกิน จับ concept ไม่ได้/จำไม่ได้ อ่านไปจำไป เวลาจำต้องเห็นภาพของแต่ละเรื่อง/บท & เข้าใจที่มาของสิ่งนั้น ๆ (บ้าง)
วิธี คือ ขีดไฮไลท์อย่างไม่ต้องเสียดายหนังสือ (แต่กระดาษต้องไม่ยุ่ยง่ายด้วยนะ ไม่งั้นจะหัวร้อนแทน 55555)
แนะนำ ในเวลาแบบนี้ ให้อ่านเตรียมสอบ 9 วิชาโดยใช้หนังสือ 1-3 เล่มเท่านั้น และควรเป็นสรุปเนื้อหาด้วย และจำให้ได้เท่าที่อ่านไปก็พอ (จำได้แบบนึกได้ว่าอะไรอยู่ส่วนไหนของหน้าเลย – ฟังดูยากแต่ทุกคนสามารถทำได้จริง ๆ นะ)
 
ไม่ทำโจทย์เพราะคิดว่าไม่จำเป็น
 
จริง ๆ แล้วการทำโจทย์วิชาชีวะเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ (และการทำโจทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกวิชา) ชีวะเป็นวิชาที่เนื้อหาเยอะมาก+ยิบย่อย มากขั้นที่ว่าแค่เปิดหนังสือมาก็ไม่รู้เลยว่าต้องจำตรงไหนเป็นหลัก ดังนั้น “อ่านผ่านโจทย์” จึงเป็นเทคนิคหนึ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ หลักการคืออะไรที่ออกสอบก็เหมือนเป็นแนวข้อสอบ และถ้าเราทำโจทย์ที่มีประเด็นนั้น ๆ ไป เราก็จะจำได้ดีขึ้น (เพราะรู้สึกได้เองว่ามันออกสอบจริง ๆ)
ทำสรุปมากเกิน ทำสรุปชีวะเป็นสิ่งดีที่ควรทำ...ถ้ามีเวลามากพอ (เวลาประเมินตนเอง ห้ามหลอกตัวเองนะ!)
คำแนะนำจากเราในการทำสรุปชีวะในเวลาที่เหลือน้อยคือ ห้ามสวย! เขียนให้อ่านรู้เรื่องพอ (ถ้ามีเวลาหน่อยก็เขียนให้เป็นระเบียบจะดีกว่า) และห้ามสีสันเยอะเกินเหตุ ใช้สีในกรณีที่จะเป็นประโยชน์ เช่น เห็นภาพ/ภาพรวมชัดขึ้น เข้าใจดีขึ้น
 
วิชาภาษา&สังคม
***เน้นจำได้ สร้างความเข้าใจ ใช้ให้เป็น วิเคราะห์ให้ดี***
 
ภาษาอังกฤษ
  • สารภาพตรงนี้เลยว่าเป็นคนไม่ชอบทำโจทย์อังกฤษ โจทย์ที่ทำไปรวม ๆ กันแล้วน้อยมาก
  • วิธีการอ่านให้ได้ประสิทธิภาพคือพยายามเข้าใจ จริง ๆ ก็ต้องจำนั่นแหละ แต่จำแบบสร้างความเข้าใจไปจับกับความรู้ตรงนั้นจะทำให้จำและนำไปใช้ได้ดีกว่ามาก
  • พยายามฝึกใช้บ่อย ๆ อันนี้เหมือนที่คนทุกคนต้องเคยแนะนำมาแล้ว และ “ของมันต้องใช้” จริง ๆ นะเธออออ
  • แต่เวลาก็เหลือแค่นิดเดียว จะทำยังไงได้บ้าง?
  • อันดับแรกเราจะดูแนวข้อสอบว่าออกอะไรบ้าง เน้นตรงไหน ซึ่งสำหรับ 9 วิชาก็คือพาร์ท reading นั่นเอง และเราจะดูว่า reading ต้องใช้ความรู้อะไรมาทำโจทย์บ้าง สำหรับเรามี 3 อย่าง ได้แก่ ทักษะความเข้าใจภาษา (หมายถึงความเข้าใจจริง ๆ รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอย่างไรบ้าง) ศัพท์ที่ต้องใช้ในการอ่าน และโครงสร้างประโยคซึ่งรวม grammar ไปด้วย แต่ถ้าจะเตรียมสอบ 9 วิชาในเวลาที่เหลือน้อย เราไม่แนะนำให้เก็บ grammar ไม่เลย ไม่แบบไม่เลย เพราะโครงสร้างประโยคส่วนใหญ่ใน reading เป็นแค่โครงสร้างพื้นฐาน ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ควรเน้นศัพท์มากกว่า
 
ภาษาไทย
  • ฝึกวิเคราะห์โจทย์อะ ไม่รู้จะพูดยังไงเพราะข้อสอบก็โจทย์แนวเดิมทุกปี แค่เปลี่ยนข้างใน
  • แนะนำให้ฝึกโจทย์แนววิเคราะห์บทความ ไม่ควรเน้นตรงหลักภาษามากเพราะออกไม่เยอะ
  • (ช่วง tie in) แนะนำหนังสือจาก อ.ธเนศ เวศร์ภาดา เป็นหนังสือเตรียมสอบภาษาไทย 9 วิชาสามัญ และ GAT เชื่อมโยง เล่มละ 60 บาทรวมส่ง สองเล่มก็ 120 ไปเลยยยย อันนี้ดีมากกกกกกกกนะ เป็นเล่มที่อาจารย์ใช้ในคอร์สเรียนเลยด้วย ไปตำโลดดด

 
สังคม ฯ
  • ไม่รู้จะพูดยังไงกับวิชานี้อะ 555555 เอาเป็นว่าอ่านเท่าที่จะอ่านได้ ทำโจทย์ไปด้วยก็ดีเพราะมันจะช่วยในการวิเคราะห์ต่าง ๆ
    แนะนำว่าให้จำเป็น concept ดีสุด แล้วค่อยไปจำรายละเอียดปลีกย่อยจ้า
 
สรุป (&คำแนะนำเพิ่มเติม)
 
            ที่ต้องมีสรุปเพราะรู้ว่าตัวเองพูดไม่รู้เรื่องมาก 555555 ยิ่งช่วงนี้มึน ๆ อยู่ก็ขอโทษด้วย เรานอนน้อย... (อ้างอีกละ)
            คือวิชาวิทย์ ๆ เน้นทำข้อสอบเก่าและอ่านตรงแนว (อ่านแบบคนมีกลยุทธ์) วิชาภาษา&สังคมเน้นจำได้ใช้เป็นและวิเคราะห์ได้
            ที่สำคัญคือ อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราเองยอมรับเลยว่าตัวเองติดมาได้เพราะคะแนนวิชาสายศิลป์ล้วน ๆ เลย แต่ทั้งนี้คืออย่าลืมนะวิชาสามัญจะต้องผ่าน 30% ทุกวิชา
            เวลาเข้าไปในห้องสอบ สิ่งสำคัญคือทำให้เต็มที่ เต็มที่ที่สุด เราไม่มีทางรู้ว่าจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรบ้างตอนไปสอบจริง (ปีที่แล้วเจอมาแล้ว เยอะด้วย 5555555) ดังนั้น การเตรียมความรู้และจิตใจ และการมีสติ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
            และเมื่อสอบเสร็จ วิชาที่สอบไปแล้วจะทำได้หรือไม่ได้ก็ช่างมันเลย โฟกัสที่วิชาต่อไปเท่านั้น
            สำหรับเรื่องอื่น ๆ เช่น ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรผู้มีพระคุณ หรืออื่น ๆ ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย (ตราบใดที่เรายังไม่ไประรานคนอื่นนะ) แต่อย่าลืมนะว่าเราเองก็ต้องทำให้เต็มที่ด้วย ส่วนตัวเราเวลาขอพระจะขอให้มีสมาธิอ่านหนังสือ&มีสติเวลาสอบ
            และสุดท้ายก็คือทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเราเอง...ทั้งหมดเลย หวังเพียงว่าคนอ่านจะนำไปปรับใช้และได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย  เราเองไม่ใช่คนเก่งอะไร แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์
            และก็ขอโทษที่เวิ่นเยอะไปหน่อย 555555555 มันอัดอั้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วละเธออออออ
            สำหรับเราในตอนนี้ เราเป็นนักเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งนาจา คะแนนสอบเข้ารอบกสพท.อยู่ที่ 60 ต้น ๆ ต้นมาก ๆ 55555555 ไม่ต้องถามนะว่าเท่าไร ม่ายตอบ แฮร่!
            นอกจากนี้ยังเป็นนักเรียนแพทย์ผู้เกรดเน่ามากด้วย 55555555 แต่ก็พยายามขยันอยู่ ๆ
 
            “เราจะสู้ไปด้วยกันนะทุกคนนนนน!!!”

แสดงความคิดเห็น

>

21 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

พิจารณ์ 27 ก.พ. 62 เวลา 10:57 น. 3

ลักษณะการพิมพ์(เขียน) อ่านง่ายดี

คะแนน 60 ต้น ๆ คณะแพทย์ ม.ไร อยากรุ้จริง

เหมือนเรียนพิเศษ แทนเรียนในโรงเรียน

แล้วเน้นเฉพาะวิชาที่ใช้สอบ 7 สามัญ

คะแนน onet อังกฤษดีมาก แสดงว่าชอบอยู่ก่อนแล้ว

คณิต ก็ถือว่าเก่งมาก เหมือนกัน ระดับนี้ต้องเก่งมาก่อน

วิชาเฉพาะ น้อยไปหน่อย แต่ก็พอใช้ได้

ดูรายละเอียดเยอะดี ไม่เหมือนโฆษณาสถาบันกวดวิชา

(แต่สถาบันกวดวิชาปัจจุบันเทคนิคสูงส่ง)

เป็นข้อสังเกตุเล่น ๆ นะ อย่าจริงจัง


4
Stdme 27 ก.พ. 62 เวลา 13:05 น. 3-1

ขอบคุณสำหรับคำติ-ชมมาก ๆ เลยค่ะ ตอนนี้อยู่ม.รัฐค่ะ ขอไม่บอกนะคะว่ามออะไร แหะ ๆ 555555 ถูกอย่างที่ว่าแหละค่ะ ไม่ได้เรียนในรร.เลยไปเรียนพิเศษแทน (แต่ก็ไม่แนะนำให้ใครทำตามนะคะ มันเป็นเส้นทางที่ลำบากกว่าที่คิดมาก) ที่คะแนน eng ดีเพราะค่อนข้างชอบเป็นทุนเดิมค่ะ คือทำได้ดีอยู่แล้ว ติดมาได้เพราะวิชาสายภาษา-สังคมเลยค่ะอย่างที่บอกไป 55555 ส่วนเลขนี่อันที่จริงไม่ค่อยได้ค่ะ หมายถึงทำโจทย์แบบที่เขาทำกันไม่ค่อยได้ แต่ข้อดีคือเรารู้หลักคิดพื้นฐานของเลขน่ะค่ะ วิชาเฉพาะได้คะแนนเท่านี้ก็ดีใจมากแล้วค่าา555555 และก็ไม่ได้รับจ้างมาจากสถาบันกวดวิชาที่ไหนแน่นอนค่ะ ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งนะคะะะะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-06.png

0
Kumigura Mewi 27 ก.พ. 62 เวลา 15:43 น. 3-2

เห็นเม้นท์นี้บอกว่าคะแนนความถนัดแพทย์น้อยไป ถ้ามาเจอของทางนี้...สปอยไว้เลยว่าต้องช็อคแน่นอนค่ะ 555 เดี๋ยวไว้จะมาตั้งกระทู้เล่าด้วยอีกคน

0
Well 2 มี.ค. 62 เวลา 11:14 น. 3-3

เด็กส่วนใหญ่ที่ได้คะแนนสูง ( 75 คะแนนขึ้นไป ) ก็ได้ 7 วิชาสามัญทั้งนั้นแหละค่ะ เพราะข้อสอบไม่ได้ยากมาก เน้นเรื่องความเข้าใจ ต่างจากความถนัดที่เราไม่รู่ด้วยซ้ำว่าที่ตอบๆ อะไรถูกกันแน่

อย่างเราก็ได้คะแนนความถนัดไม่ถึง เจ้าของกระทู้ด้วยซ้ำ แต่ดีที่ได้ 7 วิชาสามัญช่วย ( เปอร์เซ็นรวม 85 ) เลยทำให้คะแนนรวมออกมาดี เกือบ 80

คนที่คิดจะทิ้ง 7 วิชามาทุ่มกับความถนัด คิดผิดมากๆค่ะ (พูดเผื่อมีเด็กคิดจะทุ่มแค่ความถนัด)

0
Well 2 มี.ค. 62 เวลา 11:21 น. 3-4

อีกอย่างโอเน็ตนี่คือคิดว่าง่ายมากนะ สำหรับคนที่คิดจะเตรียมสอบแพทย์ เราไม่เคยฟิตโอเน็ตเลย แบบถ้าคิดจะเตรียมสอบแพทย์ แน่มากังวลจะผ่านเกณฑ์รึเปล่า อันนี้มันเริ่มไม่ใช่แล้ว

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

Stdme 27 ก.พ. 62 เวลา 13:08 น. 4-1

พิมพ์มาแบบนี้...ได้อ่านเนื้อหากระทู้บ้างรึยังคะ เราว่าเราบอกไปแล้วนะคะว่าเราไม่ได้เรียนม.ปลายในโรงเรียน อีกอย่างกระทู้นี้เขียนมาให้ dek62 ทุกคนที่กำลังเครียดอยู่ค่ะไม่ใช่เฉพาะเด็กโรงเรียนดัง เราต้องการสร้างกำลังใจให้ทุกคนค่ะ คุณทำแบบนี้เราจะถือว่าดูถูกความสามารถเด็กรร.ทั่วไปนะคะ แถมยังพาดพิงสถาบันอีก เรียกได้ว่า มือไม่พายเอาเท้าราน้ำที่แท้ทรู เลยนะคะ

0
Scansix 27 ก.พ. 62 เวลา 13:47 น. 4-2

ก็อ่านหมดแล้ว ก็พอรู้ว่ามาโฆษณาสถาบันกวดวิชา

0
ไปตายซะ 27 ก.พ. 62 เวลา 16:09 น. 4-3

Scansix อ่านดูก็พอรู้ว่าโฆษณา แบบหื้มมมมม ถามจริงแก555555555555555 แกโง่ขนาดแยกแยะอะไรไม่ออกเลยหรอ55555555555555555 โง่ขนาดนี้เล่นอินเตอร์เน็ตเป็นได้ไงเนี่ย 555555555555555555555555555

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

Scansix 27 ก.พ. 62 เวลา 20:36 น. 4-5

ควรจะสุภาพกันหน่อยนะครับ นักเรียนและผู้ปกครองมาอ่านกัน หยาบคายมันไม่ทำให้ดูดีเลย

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

AceAiden 28 ก.พ. 62 เวลา 17:27 น. 4-7

ทำไมเราอ่าน คห. นี้แล้วขำ รุนแรงกันจัง 55555555

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

นำรูปถ่าย หรือข้อมูลของผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะมาลง โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หรือมีลงเบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่จริง

Lameirr 28 ก.พ. 62 เวลา 20:08 น. 12

การโหมอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องดี

แต่ทำไงได้มันต้องใช้สอบนี่เนอะ

อย่าลืมดูแลสุขภาพหลังจากนี้ด้วยน๊าา

0
Minimock 1 มี.ค. 62 เวลา 13:00 น. 13

ขอตอบ ในฐานะน้องคนนึงที่รู้จักพี่ และไม่กล้าเม้นตอบในไอจีนะ อย่าไปแคร์คำพูดที่มันแย่ๆ ขนาดเหรียญยังมี2ด้านเลย อย่าเอาคำพูดร้ายๆมาทำร้ายจิตใจเลยพี่ พี่มีค่ามากกว่านั้น. รักเสมอ

1
Minimock 1 มี.ค. 62 เวลา 16:32 น. 13-1

เห็นนะว่าแคปไปลงในไอจี มีแรงไปอ่านนส.แล้วใช่ม่ะ555 ขอบคุณพี่เช่นกันสำหรับคำปรึกษาที่เยอะมากๆๆๆๆๆที่พี่เคยให้น้อง แม้ว่าช่วงนี้จะไม่ได้ทักไปก้เถอะ55

0
Pxnn 2 มี.ค. 62 เวลา 20:20 น. 14

เอาจริงไม่นึกว่าแกอ่านไม่ทันขนาดนี้ แต่ก็มีที่เรียนแล้ว ดีใจด้วยนะ นี่ก็ส่องไอจีแกอยู่เป็นครั้งคราว ขอให้มีความสุขกับชีวิตมหาลัยละกัน สู้ๆ*-*

ป.ล. คอมเมนต์ห่าๆ ก็ไม่ต้องไปสนใจ คนเม้นเค้าไม่รู้จักแก

0
armykurosaki 5 มี.ค. 62 เวลา 21:53 น. 18

นี่เป็นเด็ก 59 ยังไม่ได้เรียนเลย สมัครสอบนะเเต่ทำอย่าวอื่นจนไม่ได้อ่านหนังสืออะ ยังไงจะลองทำโจทย์ดูเท่าที่ทำได้อะ ขอเเค่ติดมศวก็พอใจเเล้ว ลองดูก็ไม่เสียหายเนอะ

0
MayVet81 17 ก.ค. 62 เวลา 15:07 น. 19

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีด้วยนะคะที่เข้าสู่สายหมอด้วยกันแล้วเนาะ(แม้เราจะอยู่คนละคณะนะ)

พี่อยากแนะนำว่า แม้จะเคยขี้เกียจมามากแค่ไหน แต่เข้ามาแล้วควรจะปรับพฤติกรรมนะ ในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีแค่การเรียน แต่ยังมีกิจกรรมที่ต้องทำด้วย แล้วยิ่งเราเรียนหมอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิชาท่องจำ จำเป็นต้องอ่านหนังสือเยอะมาก

ยังไงก็สู้ๆนะ จากDek60


0
Icekuki 10 ต.ค. 62 เวลา 20:20 น. 20

ขอบคุณนะคะ. พี่เป็นกำลังใจให้หนูมากๆคือตอนแรกๆหนูท้อและกลัวมากๆค่ะเพราะหนูเหลืิอเวลา4เดือน ขอบคุณะนะคะที่มาเล่าเรื่องราวดีๆเป็นกำลังใจให้หนูค่ะ

0