[ชวนคุย]พระนางในเรื่องของคุณเขาง้อกันยังไง?
ตั้งกระทู้ใหม่
ส่งเพลงง้อ? ง้อด้วยคำพูด? พูดกันตรงๆ?
หรือเขาง้อกันยังไง
35 ความคิดเห็น
สำหรับของรี่ ลูบแก้ม ลูบหัวแล้วก็จุ๊บหน้าผากบแกฝันดีค่ะ
หู้ยยยย ของพี่รี่หวานเจี๊ยบจังเลยอะ
อิจฉาอะ~~~~~~~
ของเราน่ะเหรอ ทำเป็นเดินเข้ามาถามว่าเป็นอะไร ถ้าตัวพระเอกรู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร ก็จะง้อแบบสุดฤทธิ์ จับมือหอมแบบนี้ หรือไม่ก็โอบกอด พลางพูดไปด้วย ว่าผิดไปแล้ว หรือไม่ก็ มาดีกันนะ ประมาณนี้น่ะค่ะ555
ทำไมง้อแบบนี้แล้วดูอบอุ่นจัง น่ารักมากเลยค่ะ
แอบอิจฉานางเอกเบาๆนะเนี่ย 555555
เราเขียนออกมาให้ดูน่ารักหน่อยน่ะค่ะ555 คนอ่านจะได้ชื่นชอบ และก็เขินอายไปด้วย
เป็นเราก็เขินนะ จับมือหอมนี่คือแพ้สุดแล้ว งื้ออออออ
เห็นไหมล่ะ เห็นไหมล่ะ555
ดูเหมือนการง้อด้วยการส่งเพลงดูซอฟท์ๆไปเลยนะ
แต่ถ้าทำเพื่อขอโทษและง้อจากใจจริง ก็เขินนะ
ยอมแล้ว ไม่งอนแล้วจ้า
หึหึ ก็แหง่ล่ะ ใครเจอเข้าไป ใจอ่อนปั๊บทันที
ใครไม่ใจอ่อน คงใจแข็งพอสมควรเลยนะ
เขาอุตส่าห์ง้อขนาดนี้แล้ว 5555555
แล้วของคุณล่ะ เป็นยังไงบ้างอ่ะ
เท่าที่จำได้ไม่เคยแต่งให้พระนายงอนกันนะคะ
เลยไม่มีการง้อแบบน่ารักๆ แต่ถ้าที่เจอมาก็ส่งเพลงง้อนี่แหละ
(พี่อัศวินไงจะใครล่ะะะะะะะะ)
โอ้โหยยย! ถ้าเขามาเห็นนี่ จะทำยังไงเหรอคะ?!
เขาคงไม่น่ามาเห็น ตอนนี้น่าจะโดนงอนกลับอยู่น่ะค่ะ
แหะๆ
คู่เรานี่นร้าา ตอนที่เรางอนเขา เขามาง้อเราทางข้อความลับด้วยแระ อิอิอิ เราก็ไม่ได้ตอบเขาไปนะ
พี่ไม่ได้งอน คิดถึงมายด์ตลอดนะครับ
หยุดเลี่ยนเดี๋ยวนี้เลยนะ!
สำลักความเลี่ยนตัวเอง555
สำลักจนตายไปเลยยยยยยยยยยยย
ทำให้เป็นห่วงเก่งเนี่ย ชิ
แค่อำว่าเป็นมะเร็งเอง555 ถ้าทำให้เป็นห่วงก็ขอโทษนะคะ #จูบหน้าผาก
พระนางผมไม่เคยงอนกันอ่ะครับ แต่จะออกแนวปลอบใจกันเวลาเครียดๆมากกว่า
มีอยู่ตอนหนึ่งนางเอกกำลังจิตตก พระเอกไม่รู้จะชวนคุยอะไร เหลือบเห็นปืนที่เหน็บเอวนางเอกเลยชวนคุยเรื่องปืนจะได้หายจิตตก 55555
โอ้โห ชวนคุยให้หายเครียดหรือชวนเครียดหนักกว่าเดิมคะ55555555555
ต้องลองอ่านดูครับ 5555 คือสองคนนี้เขาถนัดปืนผาหน้าไม้ด้วยกันทั้งคู่ จะคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง
ทำดีด้วย ดูแล เอาใจใส่ แต่ด้วยความซึน
ส่วนใหญ่ก็ยังปากดีใส่เค้าเหมือนเดิมค่า ฮา
เชิงจิกกัดใส่กันประมาณนั้นเหรอคะ? แบบนั้นก็น่ารักดีนะ
ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่พระนางเราจะไม่ถูกกันมาก่อน
แต่เถียงกัน แกล้งกัน จนได้กัน ฮา
เขาว่า ยิ่งแกล้งกันยิ่งรักกัน ฮา
เห็นด้วยๆ ของเราก็แบบนี้เหมือนกัน :)
คงประมาณ
“สงสัยมีคนอยากถอนหมั้น” พูดแบบงอนๆ
อีกฝ่ายก็แบบ เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อไว้และคิดในใจ จะทำอย่างไรได้ก็คนมันรักไปแล้วนี่
อารมณ์แบบเห็นอีกฝ่ายงอนแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยจับชุดไว้ไม่ปล่อย จะเอ่ยปากก็ไม่กล้า
จับชุดไว้ละกันแทนการบอกกล่าวว่า ข้าจะติดตามเจ้าไปทุกที่
แต่บางทีก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ด้วย ใช้บ่อยก็ไม่ดี
อีกอย่างที่เลือกใช้คงเป็นถึงเนื้อถึงตัวเลย แต่ก็แบบกรุบกริบ ไม่ต้องมากแต่ให้พอมีลุ้น
ง้องอนกันพอหอมปากหอมคอสินะคะ น่ารักดีเหมือนกันนะ
**การง้อบ้าๆในนิยายแอ็คชั่นคอมเมดี้ฮะ**
“ก็บอกให้ไปกลับ จะได้ไม่ต้องค้าง” ไอซ์โพล่งขึ้นลอยๆเรียกสายตาทุกคนให้หันมามองเจ้าตัวที่ยืนหน้ากวนๆ
“นี่แน่ะ ไม่ต้องค้าง..ยังจะมีอารมณ์เล่น” คาลอสเขกหัวไอซ์ทำเอาเจ้าหล่อนช้อนสายตาเขียวขึ้นมามอง
“สร้างบรรยากาศครื้นเครงไง ไม่พอใจก็ไปเลยปะ”
“ไล่..อย่างร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกก็แล้วกัน” คาร์ลอสทำหน้าเหยียดๆ ไอซ์ยิ้มเผละและหยิบบางอย่างออกมา
“ยาหม่องตราถ้วยทอง ป้ายนิดๆ ปาดหน่อยๆ ก็แสบได้ใจ” ไอซ์ชูยาหม่องโบกไปมาและทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“เฮอะ! ผู้หญิง!” คาร์ลอสถบทพรืดและเดินขึ้นเครื่องไปทันที
“ได้อีกนะเมิง อารมณ์เนี่ย” มีนตบผัวะที่หัวไอซ์อีกครั้งทำเอาเธอหัวเกือบทิ่ม
“ตบกรูไมอ่ะ” ไอซ์ลูบหัวตัวเองและทำหน้าหงุด
“จะได้เข้าที่ สมองเมิงอ่ะ”
“กรูผิด..เหรอ?”
“ถูก..” กุ๊กเสริม “และไปเคลียร์ด้วย”
“ได้” ไอซ์ทำหน้ากวนๆและสไลด์ไปด้านข้างใกล้ๆกับที่นั่งคนขับที่คาร์ลอสนั่งทำหน้าหงุด “พี่คาร์ลอส! รักษาตัวด้วยนะจุ๊บๆ” ไอซ์ว่าพลางส่งจูบและหลุดฮาก๊าก
คาร์ลอสส่ายหัวอย่างปลงๆกับความบ้าตั้งแต่วินาทีแรกยันวินาทีสุดท้ายก่อนจะสะบัดนิ้วและยิ้มน้อยๆให้
**ง้อแบบเป็นผู้เป็นคนในนิยายแอ๊คชั่นแฟนตาซี**
บรรยากาศริม 2 ฝั่งข้างทางที่เธอไม่คิดจะสนใจ ภาพอันคุ้นเคยที่แล่นผ่านเข้ามาในหัว แล้วมันก็ต้องชะงักกับสิ่งแปลกปลอมที่อิงแอบแนบชิดกับต้นไม้
“ผีต้นไม้..” เฟียร์เอ่ยเสียงราบเรียบและหยุดกึก ใบหน้าออกอาการเซ็งอย่างเด่นชัด
“ฉันไม่ใช่ผี ปีศาจต่างหาก” เวอร์จิลพูดเนิบๆขณะที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ เขาอยู่ในชุดสีดำสนิทเป็นการไว้ทุกข์
ชิบหาย! เห็นเปล่าวะ! ชัวร์เลย! ช่างมัน! เราไม่เกี่ยวข้องกัน! ทำไมต้องสนใจเค้าด้วย!
“ถ้ากำลังคิดอยู่ว่าเห็นรึเปล่า..เห็นตั้งแต่ต้นนั่นแหละ” เวอร์จิลใช้น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่เฟียร์ไม่กล้าหันกลับไปมอง
“ก็แล้วไง คนเป็นคู่หมั้นกันนี่..ไม่ยักรู้นะ ว่าบุตรชายแห่งสปาร์ด้ามีงานอดิเรกแปลกๆในการแอบดูคนอื่น” เฟียร์ไหวไหล่พลางก้าวเดินต่อไป
“เฟียร์..” เขาเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบา
“อะไร?” เฟียร์หันควับกลับมาด้วยใบหน้าที่พยายามทำให้ดูไม่สบอารมณ์มากที่สุด
“ฉันขอโทษ…ที่ทิ้งเธอไว้…ขอโทษที่เลือกความแข็งแกร่งมากกว่าการจะเลือกเธอ..ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันต่อสู้เพื่ออะไร..”
“แล้วคุณทำเพื่ออะไร?” เด็กสาวถามด้วยสีหน้าจริงจังที่หาได้ยากยิ่ง
“ไม่มีจุดหมายในการต่อสู้ เฟ้นหาความแข็งแกร่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง..ฉันได้พบกับเธอ..เฟียร์” เวอร์จิลว่าพลางเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ
“เอ่อ..” เฟียร์พูดอะไรไม่ออกแล้วก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อเวอร์จิลซบหน้าลงกับไหล่มนของเธอ มือใหญ่โอบกอดที่เอว
“เธอน่ะ ชื่อสมตัวจริงๆนั่นแหละ เฟียร์..เธอทำให้ฉันหวาดกลัว กลัวว่าซักวัน…ฉันจะเสียเธอไป”
ประโยคต่อมาที่ทำเอาเฟียร์ค้างมากกว่าเดิม หยาดน้ำใสเริ่มพรั่งพรูออกมา ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในจิตใจของชายหนุ่ม สิ่งที่เด็กสาวอยากได้ยินมานาน…แม้จะไม่เคยได้ยินชัดแจ้งถึงความรู้สึกของเขา แต่สิ่งที่สัมผัสตอนนี้..มันเหมือน..เขากำลังบอก..บอกว่า..รักเธอ
เวอร์จิลเงยหน้าขึ้นมามองและพรมจูบที่เปลือกตาของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา ปลายลิ้นแตะสัมผัสเคลียร์หยดน้ำที่ยังคงรินไหลก่อนที่ริมฝีปากของชายหนุ่มจะประทับกับกลีบปากสีระเรื่อของเด็กสาว ลิ้นอุ่นที่ตวัดวาดลวดลายเข้าสู่ภายในทำเอาร่างบางเริ่มอ่อนลง
อ้อมแขนแข็งแกร่งกระชับเด็กสาวไว้แน่นเหมือนกับเป็นโซ่ตรวนรัดพันเธอไม่ให้ห่างกาย แขนเรียวบางของเธอโอบคล้องที่คอของชายหนุ่มและแนบชิดกว่าเดิม
จูบที่ยาวนานและหอมหวาน…เหมือนสรรพเสียงทุกอย่างจะหยุดนิ่ง ความวาบหวานอันแสนหวานที่ทั้งคู่อยากจะหยุดห้วงเวลานี้เอาไว้
หวานเจี๊ยบมากค่ะ
//ทุบโต๊ะด้วยความเขิน
อันบนหรืออันล่าง 555555
อันล่างสิ 55555555
นึกว่าอันบน เค้าก็ง้อกันหวานนะ
อันบนก็หวาน แต่หวานสู้อันล่างไม่ได้ไง555555
คัดมาไม่หวานมาก มีบทพระเอกเจ้าเล่ห์ด้วย ทั้งที่ปกติเป็นคนหน้านิ่ง ชอบส่งสายตาดุให้นางเอก เวลานางเอกเกรียนชอบบอกนางเอกเป็นเด็กดื้อ
พระเอกกับนางเอกนี่อายุห่างกันมากไหมคะ?
ทำไมดูพระเอกจะอายุเยอะกว่า ดูจากความที่ชอบบอกเด็กดื้อ+กับความหน้านิ่งเก่งนี้
ก็ความจริงเกมส์นี้พระเอกอายุไม่เยอะหรอก แต่ด้วยองค์ประกอบตอนมาแต่งฟิก พระเอกมันเป็นครึ่งปีศาจด้วย(มีพระเอกสองคน ฝาแฝดพี่กับน้อง) คนน้องจะกวนๆ แนวเพลย์บอย สายกวนทีนชาวบ้านและปีศาจ ในเรื่องพวกนี้เลยจะอายุค่อนข้างเยอะ ส่วนนางเอกก็ราวๆ 18-19 จ้า แต่เกรียนเป็นนิสัย ชอบยั่วความอดทนพระเอก
เรื่องนี้ 3P เหรอคะ? หรือเราแค่เข้าใจผิด
นางเอกก็แสบใช่ย่อยนะคะ กวนเก่ง
เดวๆ ไม่3P สิ 5555555 เค้ามีคู่กันอยู่แล้ว ทั้งสองคน แต่นางเอกที่คู่กับพระเอกคนพี่(คนดุ) ชอบจะจับคู่ระห่ำล่าปีศาจกับพระเอก(คนน้อง) เค้าจะเป็นคู่หูคู่เกรียนกัน จนบางทีพระเอก(คนพี่) ก็อ่อนใจ ดุทั้งคู่ก็ไม่สะท้าน
แอบสงสารคนพี่เลยอะ55555555555
//ก็บอกพระเอกมี 2 คน ก็นึกว่า 3P นิ!
ที่ห้องด้านข้าง ขณะที่เฟียร์ลืมตาตื่นนั้น เธอกวาดสายตาไปรอบห้องและมาสะดุดอยู่ที่ชายหนุ่มที่นอนฟุบหน้าอยู่ที่เตียง เฟียร์เอื้อมมือจะไปจับที่แก้มแต่ก็ถูกคว้ามือไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับการตื่นขึ้นของคนข้างตัว
“ตื่นแล้วเหรอ?” เวอร์จิลพูดขึ้น เฟียร์ไม่ตอบอะไรและไม่มองหน้าเขา “เป็นอะไรไปอีก?” เวอร์จิลถามพลางส่งสายตาดุ
“ไม่เป็นอะไร และก็ไม่ต้องมาทำตาดุใส่ เคยบอกแล้วนี่ว่าชินแล้ว” เธอบอกอย่างกวนๆ แต่สีหน้าของเธอไม่ได้บอกแบบนั้น
“เขินสินะ” คำกล่าวที่เล่นเอาเฟียร์อึ้งไปทันที พร้อมกับหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อย เวอร์จิลยิ้มเหมือนรู้ทันและดึงเธอเข้ามาใกล้ แต่เฟียร์รีบผลักเขาออกและวิ่งออกจากประตูไป
**ความหวานที่ไม่อาจมีในโลกจริง ....
เจ้าเล่ห์แกล้งน้องเฟียร์อะ 55555555555
เพราะนิสัยที่มันต่างกัน เราว่าเวลาแต่งแนวหวานมันเลยดูน่ารักปนเจ้าเล่ห์ ไม่มีความเลี่ยน บางทีมันก็ตัดอารมณ์ด้วยความกวนทีนของนางเอกได้ดี
อ๋าาาาาา แบบนี้นี่เอง
ทำให้เนื้อเรื่องสีสันดีนะ
ไม่หวานเกิน ไม่เลี่ยนไป
เน้นพอดีๆ
ถ้า-เรื่องท่อนบนจะหวานยากหน่อย ตัวละคร-ซะเยอะ (แล้วก็จะโดนเหล่าพระเอกใช้กำลังเล็กน้อย แล้วก็จบที่หวานปนฮา)
ส่วนเฟียร์น้อย เพราะบทในเรื่องนางก็พูดน้อย แม้จะไม่เท่าพระเอกของนาง แต่นางยังมีมุมเด็กๆเกรียนๆในบางที ส่วนพระเอกก็ผู้ใหญ่นิ่ง จนบางทีความอดทนก็หมดลงกับความยั่วประสาทของนาง จนหลุดมาดนิ่งกลายเป็นเจ้าเล่ห์ในบางที
พูดแต่กวนเยอะนะเนี่ยคนเนี่ยอะ พระเอกมีการหลุดฟอร์มตัวเองเลยเหรอ
เฟียร์แสบนะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย
มีหลุด ส่วนมากถ้าหลุดยิ้มก็แค่แบบมุมปาก หรือกระตุกยิ้มน้อยๆ เวลาปกติจะส่งสายตาดุนางเอกมากกว่า เวลานางทำอะไรเกินไป หรือเวลาหึงก็จะไม่พูดอะไรมาก ก็จะดึงนางเอกมานั่งข้างๆ ละตัวเองนั่งอ่านหนังสือ หรือโอบเอวไว้ด้วยใบหน้านิ่งๆ (ขี้เก๊กเกิน)
ยัยหนูเฟียร์ไม่คิดจะขัดขืนเลยเรอะ?
อยากให้มีเวลาแล้วยิ้มกว้างเลยได้ไหม เอ็นดูยัยหนูคนนี้เหลือเกิน
//พระเอกขี้เก็กจังเลยนะคะ มีมุมที่ไม่เก็กมั่งไหมมมม
ไม่ใช่ไม่ขัดขืนนะ...แต่ไม่ไหวกับสายตาเย็นชาพระเอก บางทีก็น่ากลัวจนนางไม่กล้าขยับ บางที่ก็โดนข้อหาแบบตัวเองไม่ได้ก่อ ด้วยความที่ไม่เคยจำใคร ขี้ลืมสุดๆ จำเฉพาะที่อยากจำ บางทีคู่หมั้นบ้าง เพื่อนเก่าปรากฏตัวบ้าง ก็ทำให้พระเอกหึง แต่นางยังจำคนที่ว่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
*****
“ว่าแต่...ไม่เจอกัน3ปีน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ มองดูมีชีวิตชีวากว่าเมือก่อนยิ่งชอบขึ้นไปอีก”อารอนยิ้มและจ้องมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนที่ทำให้คนข้างตัวเฟียร์มองค้อนด้วยความไม่พอใจมากขึ้น
“อารอน..เกรงใจคนข้างๆบ้างสิ” ซิลเวอร์บอกและพยักเพยิดไปที่เวอร์จิล อารอนหันไปทางเขาและพูดขึ้น
“ว่าแต่...คุณเป็นอะไรกับเฟียร์เหรอ...เป็นแฟนของเฟียร์รึเปล่า” คำกล่าวต่อมาของอารอนที่เฟียร์อยากอันตธารหายไปจากตรงนี้ทันที เธอหันไปมองดันเต้และเพิลที่อยู่ในครัวด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า‘ท่าพวกนายไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็โดนดีแน่’
“ทำอะไรเข้าซักอย่างสิเพิล น้องเธอเตรียมจะฆ่าพวกเราแล้ว” ดันเต้รีบหันไปขอแรงสนับสนุน
“ก็แล้วจะให้ทำยังไงเล๊า!” เพิลมีท่าทางลนรานทั้งที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
เวอร์จิลในตอนนี้หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขามองอารอนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย” เวอร์จิลพยายามสะกดอารมณ์อย่างเต็มที่ ส่วนเฟียร์นิ่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้และพยายามหาทางหนีออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
“ไม่เกี่ยวได้ไง เพราะผมเป็นคู่หมั้นของเธอนะ” คำบอกของอารอนตอนนี้ทำให้เวอร์จิลลุกขึ้นยืนทันที ตัวเขาเองก็ลุกตามเช่นกัน ส่วนซิลเวอร์กำลังสนุกสนานกับเหตุการณ์ตรงหน้าและหันไปทำท่าล้อเลียนเฟียร์ที่เอามือกุมขมับอย่างปลงๆ
**โกรธก็ยังเก๊กอะพระเอก ส่วนนางเอกต้นเรื่อง นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีคู่หมั้น
เฟียร์~~~~~
นี่เธอจะไม่จำอะไรสำคัญๆแบบนี้ไม่ได้นะ
//กุมขมับตามค่ะ
**แล้วพระเอกกับคู่หมั้นก็ฟัดกันยกนึง ยัยตัวแสนก็ห้ามแบบไม่ดูตาม้าตาเรือจนพระเอกงอล"
ทางด้านเวอร์จิลที่เข้ามาในห้องนอน เขาถอดเสื้อนอกออกเพื่อจะดูแผลที่แขน เพราะมันไม่สามารถหายเองได้ทันทีเหมือนกับที่เคยเป็น
“ดาบนั่น...ไม่ใช่ดาบธรรมดา” เขาบอกพลางจ้องมองเลือดที่ยังคงไหลไม่หยุด และแล้ว...เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นและถูกเปิดออก
“ฉันมาทำแผลให้” เฟียร์บอกด้วยน้ำเสียงที่เบาและถือกล่องยาเดินเข้าไปหาเขา เธอนั่งลงและจับแขนซ้ายของเขามาทำแผลให้
“ฉัน...ขอโทษแทนอารอนด้วยนะ” เธอบอกระหว่างที่กำลังใส่ยาให้ เวอร์จิลสะบัดมือออกทันที
“แก้ตัวแทนคู่หมั้นงั้นเหรอ?” เวอร์จิลพูดเชิงประชดประชันและไม่มองเฟียร์เลย
“คุณเป็นอะไรของคุณ?” เธอมองตามเขาอย่างงงๆและดึงแขนของเขามาเพื่อทำแผลต่อโดยที่เวอร์จิลไม่มีการขัดขืนอะไรแต่ก็ยังคงไม่มองหน้าเธอ
เมื่อเฟียร์ทำแผลเสร็จแล้วเธอรีบเก็บอุปกรณ์โดยไม่พูดไม่จาและเดินตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้
“บอกตามตรงนะ ฉันยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเกี่ยวข้องกับเค้ายังไง แล้วทำไม--ฉันต้องไปแก้ตัวแทนเค้าด้วย” พูดจบเธอเดินออกไปทันที
**ชิงความได้เปรียบกลับมาเป็นฝ่ายไม่พอใจแบบเนียนๆ
สองคนเวลากัดกันดูน่ารักดีแหะ คนนึงก็ใจร้อนขี้โมโหง่ายเกิ๊น
เฟียร์ก็ตามประสาคนแสบๆที่ซื่อๆอะ ทำไมน่ารักแบบนี้
**เฟียร์แสบ แสบมาก แต่แสบลับหลังซะส่วนมาก แม้เรื่องนี้นางจะเป็นตัวละครที่ีน่าสงสารที่สุด
**ความงอลของนางเอก ไม่พอใจพระเอกมีสาวตามติดเลย
เวอร์จิลที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ลงไปนั่งข้างๆเฟียร์ และมองด้วยสายตาเศร้าๆเล็กน้อย
“ไหวรึเปล่า?” เขาถาม เฟียร์ไม่ตอบอะไรและพยายามจะลุกขึ้นยืน เวอร์จิลยื่นมือจะไปพยุงเธอแต่ก็ถูกปัดออกไป
“ไม่ต้อง ฉันลุกเองได้” เธอลุกขึ้นโดยมีเพิลประคองอยู่ข้างๆ และเธอก็เสียหลักล้มลงไปอีกครั้ง เวอร์จิลรับไว้ได้ทันแต่เธอพยายามที่จะผลักเขาออกไป
“คงเพราะใช้พลังเยอะเกินไป เธออย่าลืมสิว่าต่อสู้นานๆไม่ได้..” เพิลบอกด้วยสีหน้าเป็นห่วง “รบกวนคุณเวอร์จิลไปส่งเธอหน่อยได้มั้ย?” เพิลถามหยั่งเชิง เวอร์จิลไม่ตอบอะไรและอุ้มเฟียร์ขึ้น
“ปล่อย..ไม่จำเป็น” เฟียร์บอกและพยายามดิ้นออกจากเขา
“เด็กดื้อ” เวอร์จิลพูดสั้นๆและออกเดินไป เฟียร์ไม่สามารถจะทำอะไรได้จึงต้องยอมทำตามแต่โดยดี เธอรีบหันมาพูดข้ามไหล่เวอร์จิลทันที
**บทพระเอกที่มีสีหน้าแบบอื่น แต่ยิ้มกว้างเนี่ย ไม่มีในภาคแรกๆ อย่างมากก็แค่กระตุกยิ้มบาง ยิ้มมุมปาก ยิ้มเจ้าเล่ห์เล็ฏๆ
งั้นแปลว่าภาคอื่นๆนางก็มีพัฒนาจากหน้านิ่งเป็นหน้าที่เริ่มมีชีวิตชีวาสินะ
เฟียร์ควรจะลดความแสบลงบ้างนะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมั่งหรือแย่ลง? เพราะเป็นตัวละครที่น่าสงสาร
**ภาคสองต้องบอกว่าเศร้าเลยแหละ 5555 บทอย่างในภาคแรกเนี่ยแทบจะไม่มีให้เห็น ด้วยความที่นางและพระเอกมีเส้นบางๆกลั้นอยู่ เลยเกือบจะไม่สามารถหันมาบรรจบกันได้
ทะเลาะกันหนักเหรอคะ? ทำไมถึงขั้นจะเลิกลากันเลยเหรอ
ทำไมดราม่าอะ ภาคสองดึงดราม่าเฉยเลยอะ 5555555
ต้องมีใครซักคนเสียน้ำตาแน่เลยในเรื่องใช่ไหมคะ?
**พระเอกยังคงต้องการพลัง ใฝ่หาความแข็งแกร่ง จนสามารถละทิ้งทุกสิ่ง แย่งชิงทุกอย่าง เพราะมีปมในใจถึงความอ่อนแอของตนเองในอดีต ตอนจบภาคแรกเลยตัดสินใจบางอย่าง (ก็บทเกมส์มันมาแบบนั้นด้วยอ่านะ ในเมื่ออ้างอิงก็ต้องให้สุด 5555 เพราะเกมส์มันไม่มีนางเอกอยู๋ล้ว)
อ๋าาาาาาาาาา ไปให้สุดค่ะ 55555
ช่าย นางรันทดก่อน ถึงจะไป Happy End(?) ในภาคจบ ซึ่งยังไม่ได้เขียน เพราะกำลังเขียนภาค 3 เพื่อปูสู่ภาคบทสรุป เพราะพอเกมส์นี้มันออกภาค 5 มา มันทำให้เราต้องปรับเนื้อเรื่องใหม่เลย แล้วก็ทำให้เนื้อเรื่องผูกแบบลงตัวและจบสวยๆได้
**นาางคือตัวละครที่เราวางไว้ว่าจะให้ตายตอนจบ แต่เพราะเกมส์ภาค 5 ทำให้เราต้องปรับทุกอย่าง แล้วกลายเป็นจบลงตัวกว่าเดิม
**ฉากเฟียร์น้อยคลั่ง**
เฟียร์ยิงเข้าใส่ท้องเขาอย่างไม่ยั้ง จนเลือดสดๆฟุ้งกระจายไปรอบตัวคนทั้งคู่ เวอร์จิลดึงเธอเข้ามาใกล้และกระซิบเบาๆ
“ตื่นซะที เด็กดื้อ!”
ว่าจบ เขาทรุดลงไปอย่างช้าๆจนล้มลงไปนอนกับพื้น เฟียร์ที่ยังสติไม่กลับคืนจ้องมองมือตัวเอง สีตาของเธอเริ่มเข้มขึ้น ตัวเริ่มสั่นเล็กน้อย เธอทอดสายตามองคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า
“ไม่น๊ะ!!!” เฟียร์ร้องตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงขณะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือของเธอจับอยู่ที่หัวเหมือนกับกำลังจะคุ้มคลั่ง เพิลผละออกจากดันเต้และรีบวิ่งตรงไปที่เวอร์จิล
เฟียร์เป็นตัวละครอีกตัวที่ค่อนข้างน่าสงสารนะเนี่ย
ดูมีมิติมากเลยนะ เราชอบตัวละครแบบนี้อะ มีมิติและมีเสน่ห์ในตัวมัน
ถ้านางตายจริงๆ คงต้องมีนักอ่านเสียใจกันเป็นแถบแน่เลย
ตัวเด็ดของเรื่อง55555555555
เนี่ย ชอบความมีมิติแบบนี้ของนางอะ
มีหลายๆมุมที่มาเรียงต่อกันเป็นนางขึ้นมา
เราชอบแบบนี้มากๆเลยอะ ขอบคุณที่แชร์เรื่องราวดีๆมาแบ่งกัน :)
ยินดีจ้า กะว่าถ้าจบฟิกเกมส์นี้แล้วก็จะจัดให้นางมีออริจินัลของตัวเองอยู่ จะได้มีพระเอกของนางจริงๆซะที ฮ่า ว่าแต่ก็ภาพแรกของการใช้เมาส์ปากกาครั้งแรกเลยวาดนางขึ้นมาด้วยฝีมือห่าๆมนี่แหละ
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้^^
ภาพเวอร์จิลในเกมส์ให้แพ่บ ฉากยิ้มมุมปาก
***เค้าปรับความเข้าใจกันค่ะ sis**
เวอร์จิลเดินเข้ามาในห้องโดยที่เฟียร์นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง เขาก้าวเข้ามาใกล้แต่เฟียร์กลับเปิดลิ้นชักและหยิบบางอย่างออกมาจ่อที่เขา
“อย่าเข้ามา... ไม่งั้น...ฉันยิงคุณแน่” เฟียร์พูดขึ้นทั้งที่น้ำเสียงสั่นเครือ มือข้างที่ถือปืนของเธอสั่นไหวน้อยๆ เวอร์จิลเดินเข้ามาและจับปืนจ่อที่หน้าอกตนเองแล้วพูดขึ้น
“ท่าจับปืนสั่นแบบนั้น จะยิงไม่โดนเอานะ” เวอร์จิลบอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด
เฟียร์ทิ้งปืนลงและเปลี่ยนเป็นทุบเขาเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจ เวอร์จิลจึงดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น
“ปล่อย...ปล่อยนะ” เฟียร์พยายามจะดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล
“ฉันขอโทษ ที่ทำให้เธอร้องไห้” เวอร์จิลพูดด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย แต่เฟียร์กลับร้องไห้ออกมา
“ฉะ..ฉัน..ต่างหาก..ที่ต้องขอโทษ..ที่ปิดบังคุณ เพราะฉันเป็นแบบนี้..ถึงทำให้คุณต้องมาเจ็บตัว” เธอพูดติดๆขัดและเริ่มร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
“ฉันไม่สนใจ...” เวอร์จิลบอก เหมือนเขากำลังตำหนิตัวเองที่ไม่ทำให้มันชัดเจนลงไป
“แต่ฉันสน ฉันเกือบจะฆ่าคุณ” น้ำเสียงเธอแผ่วเบา เวอร์จิลช้อนคางเธอขึ้นมามอง
“แล้วฉันตายรึยัง” เวอร์จิลจ้องมองเธอด้วยสายอ่อนโยน “จำได้รึเปล่าที่ฉันเคยบอกกับเธอ”
“เรื่องอะไร?” เธอถามอย่างงงๆ
“ที่ว่า ชีวิตเธอเป็นของฉัน เพราะฉะนั้น...อย่าหายไปจากฉันอีกนะ” เวอร์จิลกระชับเธอไว้แน่นขึ้นไปอีก
ก็ต้องเอาของที่นางเอกชอบไปให้สิ
หรือไม่ก็แสดงให้รู้ว่ารักมากแค่ไหน
โห แบบนั้นก็ดูน่ารักดีนะ
ง้อด้วยของกิน
//หรือว่าเพราะคนแต่งชอบกินก็ไม่รู้55555
วิธีเราก็ชอบนะ 5555555555
ยิ่งของกินที่ชอบยิ่งหายงอนไว
//ว่าแต่มาพูดเรื่องของกินทำไมเอาตอนนี้คะ!!!
เป็นสายกินกันเหรอคะเนี้ย เราเองก็เป็นสายกินเหมือนกันค่ะ
ไม่เชิงสายกินค่ะ แต่กินได้ตลอดเวลา
อ๋อค่ะ
ยิ่งดึกยิ่งต้องยั่วด้วยของกิน //เผ่น5555
ถึงเราจะเป็นสายกิน แต่พองอนเข้าจริงๆ ของกินไม่มีทาง ทำให้เราหายงอนได้เลยค่ะ ต้องความจริงใจเท่านั้น ถึงจะทำได้
นั่งจิบชาเล่นหมากล้อมดูภรรยาเอายาพิษกรอกปากน้องชายตัวเองค่ะ
ดูสายชิลล์ไปเลยนะคะเนี่ย //จิบชาด้วยคน
ขืนไม่นั่งดูเฉย ๆ ตัวเองก็ซวยไปด้วยน่ะสิคะ
ตายแล้ว 555555555
แต่นั่นน้องชายตัวเองนะ!
แต่ภรรยาสำคัญกว่า สงสารเลยอะ
น้องชายวางยาปลุกกำหนัดพี่ชายเพราะหวังให้พี่ชายได้สมหวังกับพี่สะใภ้ พี่ชายกับพี่สะใภ้ที่ตอนนั้นยังเป็นศิษย์อาจารย์กัน ก็เลยตัดขาดกันและหายตัวไปถึงสามปี ตอนหลังพี่สะใภ้มารู้ความจริงก็เลยกลับมาจัดการตัวต้นเหตุของเรื่องน่ะค่ะ
55555555555 ทำไมน้องชายร้ายเลยอะ
คนอย่างนางควรโดนมั่ง ทำคนอื่นเยอะ 55555
น้องชายเป็นรองประมุขพรรคมารค่ะ แต่นางเอกเราเป็นอะไรที่ร้ายกว่าพรรคมาร
ปกติพระนางจะนอนกอดกันแต่วันนั้นนางเอกโกรธ พระเอกเลยอ้อนขอนอนกอด วันต่อมาก็อ้อนอีกจนนางเอกยอม
#อ้อนเก่ง #ทำให้นางเอกโกรธเก่งด้วย 555555
พระเอกขี้อ้อนเก่งจนนางเอกยอมเลยอะ
น่ารักดีเหมือนกันนะคะเนี่ย
ยอมเพราะนางเอกรำคาญค่ะ 55555
ซะงั้น 55555555
เรื่องนึงกุหลาบช่อโต เรื่องนึงแหวนเพชร เรื่องนึงสร้อยพร้อมจี้ทำจากแก้วของมูราโน หนังสือภาพการ์ตูนหายาก...
พระเอกนางเอกวัตถุนิยมทั้งนั้นเลยแฮะ
...
...
ปล. ขำๆ ค่ะ มันก็ต้องวัตถุแหละ หลายอันเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องนิ
เอกลักษณ์ของเรื่องนี่เนอะ แต่แบบนั้นก็น่ารักดีเหมือนกันนะคะ
หวานมากเลยค่ะ น่ารักดีนะเนี่ยยยยยยยย
//ว่าแต่คุณนางฟ้าเคยลองทำแบบนี้กับคุณเจ้าหญิงไหมคะ
แซวกลับเก่งนะคะ
ไม่เคยทำแบบนั้นนะคะ แต่ตอนนี้โดนงอนอยู่ค่ะ
คงน่าจะไปนอนละ แหะๆ
ถ้าทำได้ก็ทำนะ555
//มองพร้อมถือมีดในมือ
แทงเลย แทงตรงหัวใจนี่ แต่มายด์ต้องทนเจ็บหน่อยนะ
จะเสี่ยวว่าเราอยู่ในนั้นใช่ไหม
ไม่ต้องเลยยยยยยยยยย
โอ้โหยยย นี่ยังไม่ลดรา วาศอกอีก
แนะ ทันอีก555 รู้ตัวเองด้วยรึ555
ก็เห็นคนเล่นกันจนชินตา ไม่รู้ทันก็บ้าแล้วมั้งบางที
เฮ้อออ ขอถอนหายใจแปบนึง
เอ้อ จะว่าไป กินไรยังครับที่รัก #อิจฉาอ่ะเด้!!!
กินแล้วครับ เรียกที่รักเลยเรอะ ไม่ชินเลยอะ //เดินถอยหนี
ถล่มคู่อื่นให้ยับ555 ส่วนในอนาคตไม่แน่ครับ #ขยิบตาให้กองอวย
ถ้าเรื่องที่เขียนอยู่ คนงอนน่าจะเป็นพระเอกค่ะ 555555 แต่แค่อีกคนเข้าไปกอดแขน ซบไหล่ แล้วขอโทษพร้อมอธิบายเหตุผลก็คงหายงอนแล้ว
แสดงว่ายังไม่ถึงฉากนี้ใช่ไหมเนี่ย
แต่ถ้าง้อแบบคนโดนง้อคงต้องใจอ่อนแล้ววววว
ตะไมรู้ 5555
ใช่แล้ววว ฉากนี้ยังอยู่แค่ในหัวค่ะ เพราะคนเขียนดอง...เอ้ย กำลังกลั่นกรองเรื่องราวมาเป็นตัวอักษรอย่างเชื่องช้า
นี่ครึ่งเรื่องแล้ว ค.สัมพันธ์ยังไม่ถึงไหน ถถถถถถ
ดองก็บอกดองสิ เราไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ
แต่ถ้านักอ่านมาเจอ เราไม่รู้แล้ววววววว
นักอ่านไม่เห็นหรอก.../ผิด
นักอ่านอาจจะปลง.../ผิดอีก
อย่าค่ะ อย่าเพิ่งปลง เราปั่นอยู่ด้วยความจริงจังและตั้งใจ แค่อาจจะช้าไปบ้าง นิดดด..หน่อย <3
เอาใจช่วยค่ะ เจ้าของเม้น สู้ๆนะจ๊ะ
งั้นสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้^^
ขอบคุณนะคะ :)
จ้าาา สู้ๆ ดึงแรงบันดาลใจของเรา เอาออกให้ได้! ฮึบๆ!
นางเอกของเราสายเกม+สายกิน ต่อหน้าเป็นคนไม่ค่อยกล้าพูด แต่พอได้พิมพ์แล้วก็ฝอย(ในเกม)ได้ไม่หยุด เรียกว่าเก่งแต่หลังคีย์บอร์ดค่ะ 555
พระเอกเราเลยหลอกนางไปกินชาบู ตอนที่นั่งกินกันอยู่พระเอกก็ถามว่า โกรธที่ผมxxxเหรอ (ไม่ใช่18+!!) นางตอบกลับว่า เปล่า ไม่ได้โกรธ พระเอกเลยแชตหานางทั้งๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้า นางก็หลบไปเข้าห้องน้ำแล้วก็พิมพ์ด่าพระเอกค่ะ 555 (น้องงง) พระเอกเลยแยกคำด่าออกมาทีละประเด็นแล้วก็อธิบายไป อันไหนผิดจริงก็ขอโทษค่ะ จากนั้นก็ถามนางเอกว่าไม่ชอบข้อไหนมากที่สุด พอนางเอกบอก พระเอกก็บอกว่างั้นจะปรับปรุงข้อนี้ให้ได้มากที่สุดแล้วกัน แล้วก็เรียกนางเอกออกมาจากห้องน้ำ แต่นางเขินที่ด่าไปเยอะ เลยหนีกลับบ้านค่ะ ตอนเช้าพระเอกเลยมาชวนไปวิ่งแล้วบอกว่า เมื่อคืนคุณยังกินไม่อิ่มเลย ถ้าวันนี้วิ่งครบสิบรอบ เย็นนี้จะพาไปกินอีก
อันนี้เรียกว่าง้อไหม
วิ่งครบสิบรอบ เพื่อไปกินชาบูให้คุ้ม
แงงงงงง5555555 ชอบบบบบบ
ความไม่กล้าพูดต่อหน้าแต่เก่งแต่ในแชท
นิยามของนางเอกเราคือ นักเลงคีย์บอร์ดค่ะ
คนหนึ่งเกี่ยวก้อย.. (วิธีเก่าๆที่เริ่มไม่มีคนใช้แล้ว5555) ไม่ก็ทำทุกอย่างที่ตัวเองพอจะคิดได้ตั้งแต่แบบปกติไปยังแบบฮาร์ดคอ ส่วนอีกคนช้อนตาอ้อน ทำตัวเป็นกระต่ายเชื่องๆ แค่นี้จบ...
...ความเท่าเทียมอยู่ไหนเนี่ย5555
แบบนี้ก็น่ารักนะ คนนึงก็แบบอ้อน อีกคนก็แบบอะไรก็ได้
เรื่องแรกนู้นนนนน พระเอกแกล้งทำเป็นงอนเพื่อสั่งสอนนางเอกที่เป็นคนใจร้อนด่วนสรุป
คุณเขาเมินข้ามวันจย้า~ ซื้อของกินให้ก็ไม่เอา นางอุตส่าห์ยอมรับผิดคุณก็สวนตูมกลับว่า'แล้วไง' ปล่อยนางตามง้อจนเหนื่อย พอนางถามว่ายังโกรธอยู่มั้ย คุณเขาตอบไป "พี่หายโกรธตั้งแต่เรามาขอโทษคำแรกนู่นแล้ว" หง่างงงงงง~~ 55555555
พระเอกร้ายนะคะเนี่ยยยยยยยยยยย
นั่งงอนตั้งนาน จริงๆคือหายตั้งนานแล้ว
นึกถึงเพื่อนที่ชอบแกล้งงอนใส่เลยอะ 5555555
มีอยู่นิดเดียวเองค่ะ ไม่ค่อยจะมีงอนกัน จะมีก็ช่วงแปปหนึ่งที่พระเอกโกรธเพราะเป็นห่วง แต่นางเอกตามมากังวลถามนู่นนี่นั่น ไม่นานก็หายแล้วค่ะ (แวบเดียวจริงๆ)
เป็นแวบเดียวที่น่ารักดีเหมือนกันนะคะเนี่ย
ของเราพระเอกทำนางเสียใจค่ะ แต่ไม่กล้าไปขอโทษตรงๆ ฟอร์มจัดมากๆ เลยส่งกระถางกล้วยไม้ฟาร์แลนนอฟสิสสีม่วงมั่ง แคทลียามั่ง กล้วยไม้สีขาวมั่งทยอยส่งไปให้ทุกวันสองวันพร้อมกับการ์ดแนบไปเล็กๆไม่ยอมบอกชื่อ....และ-บนการ์ดนั้นก็ถึงจะฟอร์มจัดแต่ก็แฝงความหวานนิดๆนะ....แบบนี้
..............................................(ตัดมาจาก ตอนที่ 25)
“ สงสารพี่จันทร์จัง...นางเงียบมากเลยนะช่วงนี้ไม่มียิ้มหัวเราะเลย ” อีกคนพูดขึ้น
“ ก็ไม่นะ มดเคยเห็นพี่จันทร์ยิ้มนิดนึง ตอนที่มีดอกไม้มานี่แหละ ” อีกคนที่นั่งข้างๆหันมาซุบซิบๆกันแล้วก็ยิ้มหัวเราะเบาๆ
“ ว่าแต่...ใครกันน้าที่แอบหลงรักพี่จันทร์...เป็นเราหน่อยไม่ได้ กรี๊ด...ตายเลย ” สองสาวนั่งเม้าท์กันสนุกปาก
ช่อดอกไม้ที่ว่าครั้งแรกก็เป็นดอกกล้วยไม้คัทลียาสีเหลืองสดใสแซมด้วยช่อดอกไฮอะซินท์สีม่วงจัดช่อเสียสวยงามโดยไม่แนบอะไรมาเลยสักอย่าง
ถัดมาอีก 2 วัน พนักงานคนเดิมก็มาส่งกล้วยไม้ฟาแลนนอฟซิสสีม่วงอมบานเย็นแต่คราวนี้มาเป็นกระถางปูนเปลือยผูกโบว์สีหวานแต่ก็ไม่ยอมบอกชื่อคนส่งเหมือนเคย มีเพียงการ์ดเล็กๆและอักษรเขียนหวัดๆด้วยลายมือผู้ชายแนบมาด้วยในกระถาง
“ วันนี้เหนื่อยไหม...” ทำเอาคนรับต้นไม้ทำหน้างงๆ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นรุ่นพี่ที่ห่วงใย แต่เมื่อโทรไปถามรายนั้นก็งุนงงบอกไม่รู้เรื่อง เลยยิ่งทำให้เธออยากหาตัวคนส่งมากขึ้น แต่พนักงานส่งของก็รักษาความลับลูกค้าเป็นอย่างดีเยี่ยมต่อให้เธอเพียรถามสักเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรหลุดรอดมาสักนิด
อีกสามวันต่อมาก็มีอีกกระถางหนึ่งตามมา คราวนี้เป็นฟาแลนนอฟซิสสีขาวล้วน พร้อมกับการ์ดเล็กๆแนบมาเหมือนเคย แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นใครอยู่ดี
“ถ้าไม่ดูเป็นการรบกวน ก็อยากชวนให้เธอยิ้มบ้าง...” ประโยคบนการ์ดนั้นทำเอาเธอหน้าแดง ขณะที่รุ่นน้องหลายคนเริ่มวี๊ดวิ้วทำท่าเขินอายแทน
“พี่จันทร์ต้องตอบเขามั่งแล้วล่ะพี่...ถ้าไม่เป็นการรบกวน ก็อยากชวนเธอมาร้ากกกกกัน ! ...” เจ้าปิ่นลูกน้องตัวแสบตะโกนขึ้นมาพร้อมทำนองเพลงดังของนักร้องรุ่นเก่าของค่าย ทำเอาหลายคนหัวเราะกันครืนใหญ่
........................
อะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ ^^
เฮ้ยยยยยยยยย น่ารักง่า
ชอบอันนี้ๆ ให้ดอกไม้พร้อมจดหมายแต่ไม่บอกชื่อ
ฟอร์มเก่ง ฟอร์มจัดๆเลยนะคะ
เคยอ่านภาษาดอกไม้ค่ะ เขาบอกว่ากล้วยไม้ แปลว่า "รัก Love"
บางคนก็แปลมันว่า "ฉันไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเธอได้"
ในเรื่องนี้ พระเอกจริงๆละมุนนะคะ แต่ชอบทำห้าวไปงั้นอ่ะ 555
นางก็ไม่รู้ว่าใครส่งมา นึกว่าเป็นอีกคนที่เรียบร้อยๆส่งมาให้ พัลวันพัลเกนี่เอง ^^
อ๋าาาาาาาาาาา
ชอบความละมุนของพระเอกมากๆเลยอะ
นี่ลองแอบไปเสิร์ชดู อิจฉานางเอกนะเนี่ย
ส่วนดอกไฮอะซินด์สีม่วง ภาษาดอกไม้แปลว่า "ผมขอโทษ โปรดให้อภัยผมด้วยนะ"
อันนี้พูดจริงนะ 555
ส่วนดอกคัทลียาสีเหลือง แปลว่า "คุณเป็นคนมีเสน่ห์"
ถ้าดูตั้งแต่กระถางแรก คือ เขาขอโทษนางตั้งแต่กระถางแรกแล้ว ง้อสุดๆ แต่นางไม่รู้หรอก 555
มีคนเขียนรู้อยู่คนเดียวว่าพระเอกอยากจะบอกอะไรนาง ^^
เนี่ยยยยย อิจฉาง่าาาาาาาาา
แค่ดอกไฮยาซินด์มาอันแรกก็ละมุนเว่อร์แล้วอะ
พระเอกเรื่องนี้ไม่คิดฟอร์มไปหน่อย คงหวานน่าดู :)
นางเป็นประเภทพวกปากไม่ตรงกับใจหน่ะ ไรท์ยังแอบหมั่นไส้พระเอกเลย
ร่ำๆหลายรอบจะเอาพระรองมาแทนแระ 555
ไม่ได้สิ ไม่เอาาาาาา
พระรองอยู่ส่วนของพระรองสิ
พระนางคู่นี้ต้องอยู่ด้วยกัน~~~
พูดถึงภาษาดอกไม้
กริ๊วววววดดดดวิ้ววววว คุณมิรันก็โรแมนติกกะเขาด้วย ^^
สำหรับบางคน...บ้านที่ไม่มีหัวใจของบ้านอยู่ด้วย...ไม่อาจเป็นบ้านได้ จริงไหมคะ
เพลง Home ดังขึ้นทันใด
"ดอกไม้ ประตูแจกัน ดินทราย ต้นไม้ใหญ่ ....
แก้วน้ำ จานชาม บันได โคมไฟที่สวยงาม
ขอบรั้วและริมทางเดิน ... ต้นหญ้าอยู่ในสนาม
บ้านนี้จะมีความงามได้ถ้ามีเธอ..."
โห พี่มิรัน เนื้อหาดีมากเลยอะ
เสียดายที่ทั้งสองไม่ได้ครองคู่กันอะ
แต่งดีมากๆเลยค่ะ ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
จูงมือไปคุยกันสองคน จบ.
เจ๋งแฮะ ถึงจะธรรมดา แต่เปอร์เซ็นต์การเคลียร์ใจสูงสุดเลยมั้ง วิธีที่จะผ่านไปกี่ร้อยปีก็ได้ผล
ง่ายๆแบบนี้ก็น่ารักดีนะ
ถ้าทะเลาะกันไม่หนักมากก็จะกอดกันแล้วขอโทษค่ะ แต่ถ้าทะเลาะกันหนักๆ เวลาคูลดาวน์เค้าจะจบกันบนเตียงง่ะ แบบเมคอัพเซ็กส์ไรงี้//ปิดหน้าเขิน 55555
ฉากนี้คือตอนแรกทะเลาะกันหนักมาก ดราม่ามากจนคนอ่านลำใยนางเอกค่ะ พระเอกน้อยใจเอง แต่สุดท้ายก็เป็นคนมาง้อเอง แบบ ตาพระเอก แบบนี้ก็ได้เหรอออ แกตื่นอะไรรรร 5555
มีลับลมคมในกับ "ตื่น" ของนาง
ตื่นอะไรรรรรรรรรร 555555
'ตื่น'นั้นแหละค่ะ เค้ามีโค้ดเนมลับของกันและกัน 555555555555555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?