Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอถามนักเขียนนิยายแนวดาร์กหน่อยครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือผมขอถามหน่อยนะครับ ว่าท่านนักเขียนแต่ละคนมีวิธีที่ทำให้เนื้อเรื่องหนักและดาร์กยังไงครับ ผมกำลังหาข้อมูลในการเขียนอยู่หนะครับ 

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ผ่านทาง 22 มี.ค. 62 เวลา 13:45 น. 1

ความจริงมันมีความดาร์กอยู่แล้วค่ะ แค่พูดความจริงแบบไม่พยายามปรับให้มันดูดีนิยายก็ดาร์กได้ แต่มันยากเพราะบางทีคนเราโกหกตัวเองจนชิน จนไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือโกหก


สำหรับเรา ความดาร์กที่พอดีมันคือความจริงแบบไม่ปรุงแต่ง ดีเกินความจริงคือพวกยูโทเปีย แย่เกินความจริงก็จูนิเบียวดาร์ก

4
Individualista314159 22 มี.ค. 62 เวลา 14:34 น. 1-1

คำตอบนี้มันใช่เลย!


แต่อยากเสริมอยู่นิดหนึ่งตรง


"แต่มันยากเพราะบางทีคนเราโกหกตัวเองจนชิน จนไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องจริง อะไรคือโกหก"


เราเห็นด้วยกับสองประโยคดาร์กนี้นะคะ แต่บางที ไม่ใช่ว่านักเขียนไม่อยากพูดความจริง หรือแยกแยะเรื่องจริงกับเรื่องโกหกไม่ออก แต่อาจเพราะกลัวคนอ่านรับไม่ได้ เลยเบียดเบียนความจริงเพื่อให้ตัวละครดูซอฟต์ลง คือคิดถึงจิตใจคนอ่านมากเกินไปหรือคิดแทนคนอ่านมากเกินไป จนมองข้ามความงดงามและความสำคัญของการทำให้ตัวละครอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงให้มากที่สุด


0
ผ่านทาง 22 มี.ค. 62 เวลา 15:11 น. 1-2

เรื่องกลัวนักอ่านรับไม่ได้เลยเปลี่ยนแปลงให้มันดูซอฟต์ลงนั่นก็มีส่วนค่ะ แต่ที่เราพูดถึงในที่นี้ "โกหกตัวเองจนชิน" มันคือเรื่องของการอุปทานหมู่ในสังคมที่กลายเป็นคำโกหกคำโต หลายคนก็ลืมมองไปว่าความจริงแล้วมันคือเรื่องโกหกเพื่อให้สังคมน่าอยู่ขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วความจริงมันดำมืดกว่านั้น คนหลายคนก็ปฏิเสธกันและไปเชื่อว่าคำโกหกเป็นความจริง


ยกตัวอย่างเช่นความสุขจากการที่เห็นคนอื่นมีความสุข คนธรรมดามักบอกว่าเวลาที่เห็นคนอื่นมีความสุข เราจะมีความสุขไปด้วย มนุษย์ชอบการเห็นคนอื่นมีความสุข แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ ในทางจิตวิทยา เราจะมีความสุขได้เมื่อได้รับรางวัล บางทีรางวัลนั้นอาจจะเป็นเงิน อาจจะเป็นของที่ชอบ แต่รางวัลในที่นี้เป็น "ความสุขทางใจ" ได้เหมือนกัน


มันอธิบายยากไปหน่อย แต่ถ้าปรับคำพูดให้เป็นแนวดาร์กๆ หน่อยให้เข้าใจง่ายขึ้น "มนุษย์ไม่ได้ชอบการเห็นคนอื่นมีความสุข มนุษย์แค่อยากให้คนรอบตัวปล่อยออร่าดีๆ ออกมา เพื่อที่ตัวเองจะได้มีความสุข มนุษย์เห็นคนอื่นมีความทุกข์ มนุษย์ไม่ได้ใส่ใจว่าเขามีปัญหาอะไร เขาจะมีปัญหาอะไรก็ช่างเขา มนุษย์แค่ต้องการให้เขายิ้ม ให้เขามีความสุขจากใจจริง เพื่อที่จะดูดกินออร่าดีๆ จากคนๆ นั้น ให้ตัวเองมีความสุข ถ้าอยากให้คนอื่นมีความสุข คิดถึงคนอื่นจริงๆ มนุษย์ต้องลงไปคลุกคลีกับปัญหาของพวกเขา ช่วยพวกเขา แต่มนุษย์รังเกียจการลงไปคลุกคลีกับปัญหาของคนอื่น เพราะมันอึดอัด มันน่ารำคาญ มันทำให้มนุษย์ไม่มีความสุข มันทำให้มนุษย์เครียด มนุษย์แค่บอกพวกเขา "นายต้องมีความสุข" เพราะมันทำให้มนุษย์ได้รับพลังงานความสุขจากพวกเขา มีความสุขไปด้วย เพราะมนุษย์เป็นแบบนั้น มนุษย์จึงไม่เคยใส่ใจความสุขของคนอื่นเลย พวกเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่กินความสุขของคนอื่นเป็นอาหาร เพื่อนำไปจุนเจือหล่อเลี้ยงกำลังใจของตัวเอง แต่ความจริงแล้วมนุษย์ไม่ได้หวังให้คนอื่นมีความสุขเลยแม้แต่นิด


อันนี้เป็นตัวอย่างอุปทานหมู่อย่างหนึ่ง อยากให้คนอื่นมีความสุข พอคนอื่นมีความสุข ตัวเองก็จะมีความสุขไปด้วย มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่กินความสุขของคนอื่นเป็นอาหาร ถ้าไม่ใช่คนขี้อิจฉา มนุษย์มักกินความสุขของคนอื่น ความสำเร็จของคนอื่นเป็นอาหาร เพราะมันรู้สึกดี สร้างกำลังใจได้ ไม่ใช่เพราะหวังดีอะไรจากคนอื่นเลย


นอกจากนี้ก็ยังมีอุปทานหมู่อย่างอื่นอีกพอตัว แต่นึกไม่ออก

0
Individualista314159 22 มี.ค. 62 เวลา 15:58 น. 1-3

ขอบคุณมากค่ะ ที่สละเวลามาตอบ พร้อมกับแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองใหม่ๆ

คุณเขียนดีจัง อ่านแล้วเราเข้าใจอะไรบางอย่างได้ดีขึ้น

และทำให้เห็นว่าอุปทานของคนหมู่มากบางทีมันก็เหมือนดาบสองคม และน่ากลัว

มันช่วยบิดเบือนความเป็นจริง แล้วถ้าสิ่งที่ถูกบิดเบือนนั้นกลายเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก กลายเป็นนอร์ม

แล้วอย่างนี้อะไรจริง อะไรไม่จริงล่ะ?

คงแล้วแต่ตัวผู้เขียนจะตีความหมายเอง...


อ่านคอมเมนต์ของคุณผ่านมาแล้ว เราคิดว่า จขกท รวมถึงคนที่ต้องการเขียนแนวดาร์ก

ควรศึกษาจิตวิทยามนุษย์ด้วยน่าจะเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ


ขอบคุณคุณผ่านมาอีกครั้งค่ะ

0
ผ่านทาง 22 มี.ค. 62 เวลา 19:44 น. 1-4

อันที่จริง ที่เรียนมาจากในวิชาจิตวิทยามันมีแค่เรื่องที่ว่ามนุษย์ชอบการให้รางวัลอะไรราวๆ นั้นเท่านั้นนะคะ ว่าพวกความสุขทางใจก็จัดเป็นรางวัลเหมือนกัน บางคนทำดีแล้วพอใจผลตอบแทนเป็นเงิน บางคนพอใจผลตอบแทนเป็นรางวัลทางใจ แล้วพอเป็นรางวัลทางใจแบบความสุข อะไรมันก็ดูเป็นเรื่องศีลธรรมเป็นความดีไปหมด ทั้งๆ ที่มันคือรางวัลเหมือนกัน น่าจะราวๆ นั้น เรียนมานานแล้วจำที่ครูเขาสอนแบบเพียวๆ ไม่ได้ คือที่เหลือมันเป็นความเข้าใจของเราเองล้วนๆ น่ะค่ะ รู้สึกเหมือนสอนเรื่องแย่ๆ กับคนอื่นเลย = ="


สนับสนุนให้เรียนจิตวิทยาเหมือนกันค่ะ ถ้าจะแต่งนิยายจริงๆ จังๆ มันเป็นประโยชน์แน่ ที่เหลือก็มุมมองส่วนตัว ซึ่งเราเข้าใจว่าบางคนมองโลกแตกต่างกันไป ของเราอาจจะมองดาร์กไปหน่อย อย่าลอกเลียนแบบหรือเห็นว่าที่เราคิดมันดีอะไรขนาดนั้นเลยค่ะ เหมือนสอนแนวความคิดผิดๆ กับคนอื่นเลย = ="

0
玉兰 22 มี.ค. 62 เวลา 14:12 น. 2

ความดาร์กมันอยู่ในทุกการแสดงออกของตัวละครอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปยัดเยียดอะไรเข้าไปเกินความจำเป็นค่ะ

0
Patantam 22 มี.ค. 62 เวลา 17:42 น. 3-1

เออผมรีไรท์แล้วครับ เป็นเอลฟ์สลอจเตอร์ ลองไปอ่านดูครั้งตอนแรกจะค่อนข้างหดหู่หน่อย แต่ไม่ต้องห่วงครับ เพระตอนต่อไปจะหดหู่กว่านี้มาก

0
Patantam 22 มี.ค. 62 เวลา 17:45 น. 3-2

เออผมรีไรท์ไปแล้วครับ เป็นเอลฟ์สลอจเตอร์ แต่จะใส่ความดาร์กไปมากกว่าเดิม

0
ปล่อยอึ่ง 22 มี.ค. 62 เวลา 17:57 น. 3-3

เดี๋ยวจะเข้าไปดูให้ใหม่


แต่เดี๋ยวก่อน

หลายคนก็บอกราวๆ ว่า "คนเรามีความมืดมนอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดลงไปมากก็ได้"


เพียงแค่ทำตัวละครให้มันออกมาเป็นคนได้ เราก็จะได้ตัวละครที่เป็นคนมืดมนจริงๆ แล้ว ถ้ามันออกมาแล้วไม่ใช่คน มันก็จะกลายเป็นเพียงแค่ตัวละครในจินตนาการเท่านั้น

0
massacre 22 มี.ค. 62 เวลา 23:51 น. 4

หาแสงสว่างให้ชีวิตตัวละครไม่ได้ค่ะ หรือถ้าเขามีก็ทำลายแสงนั้นซะ แค่นี้ก็มืดแล้ว

0
พี่ตุลา 25 มี.ค. 62 เวลา 15:52 น. 6-1

มันก็หลากหลายนะ อย่างเช่นการสร้างตัวละครให้อยู่บนยอดสูงๆเเล้วก็ถีบพวกเขาตกลงมา บางทีก็อาจจะเป็นการหลอกลวงอะไรประมาณนั้น อย่างเช่นว่าคนที่เราเชื่อใจที่สุดดันหักหลังเรา หรือกาานำพาความพังพินาจไปสู้คนรอบตัวในชีวิตของพวกเขา ประมาณว่าทำไมเรื่องเเบบนี้ต้องเกินกับฉัน หรืออาจจะเป็นการวนซ้ำๆ จริงเรื่องความทรมาณจากควาคิดการกระทำที่รู้สึกผิดก็น่าสนใจนะ การหลอกให้พวกเขาทำความดีเเต่มันคือสิ่งที่น่าขยะเเขยงก็น่าสนใจเหมือนกัน การบีบให้เขาพวกทำอะไรสักอย่างก็ดีนะ ส่วนมากเวลาเเต่คงจะชอบเเต่งให้มันเหมือนคลื่นลมสงบก่อนพายุจะเข้า วันที่สดใสอะไรประมาณนั้น ไม่ค่อยมีอะไรเเนวนี้เท่าไรมั้ง(?) ส่วนมากมันเป็นออกเเนวคุกคามมากกว่า..

0