Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว 4 ปีนิเทศศาสตร์จุฬาฯ กว่าจะจบมาเสียน้ำตาไปเย้ออออ EP 1 (เผื่อเล่าไม่จบ)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีน้องๆในบอร์ดเด็กดีทุกคนนะคะ
ไม่ได้เข้ามาเล่นในบอร์ดนานม๊ากกกตั้งแต่สมัยม.ปลาย (ซึ่งก็คือนานมากแล้ว)
ขอแนะนำตัวนะคะพี่ชื่อหวาน จบจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ
ไม่นับรุ่น ไม่บอกอายุเดี๋ยวรู้ว่าแก่ 5555 ไปสืบกันเองนะเอาเป็นพึ่งจบไม่นาน กิกิ



ที่เขียนกระทู้นี้เพราะตลอดเวลาที่เรียน มักจะมีรุ่นน้องเข้ามาถามกันเสมอ
ว่านิเทศเป็นไง อยากเข้าต้องทำยังไงบ้าง เรียนเป็นยังไง
หรือแม้แต่เข้ามาเรียนแล้ว เลือกภาคไหนดี แต่ละภาคแตกต่างกันอย่างไร
วันนี้เลยคิดว่า งั้นเรามาแชร์ให้น้องๆดีกว่า
เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับน้องๆที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นสมาชิก
ในบ้านหลังน้อยๆที่ชื่อว่านิเทศจุฬาฯของเรา 
พร้อมเทคนิคการเรียนที่เริ่มจากเกรด 2 แต่จบด้วยเกียรตินิยมของเรา
ซึ่งเอาจริงมันลากเลือดมาก แต่มันทำได้เว่ยแกเอาเป็นไม่พูดมากเนาะไปเข้าเรื่องกันเลย

นิเทศจุฬาฯ มีทั้งหมด 7+1 สาขาซึ่งปัจจุบันมีการอัปเดตหลักสูตรแล้วแต่คร่าวๆก็ได้แก่
- AD = โฆษณา
- PR = ประชาสัมพันธ์
- JR = วารสารสนเทศ
- PA = สื่อสารการแสดง
- MC = สื่อสารมวลชน/วิทยุและโทรทัศน์
- SP = วาทวิทยา
- Commarts = บริหารสื่อ(อินเตอร์)

พี่เรียนภาคไทยก็จะขอเล่าแต่การเรียนภาคไทยแล้วกันนะ ซึ่งการเรียนในคณะก็จะแบ่งเป็น 2 ส่วน
คือช่วงก่อนเข้าภาค และหลังเข้าภาควิชา ในรุ่นของพี่ปี1-2 จะเรียนรวม 
และเข้าภาคตอนปี 3 แล้วก็จะเรียนแบบแยกภาควิชาตั้งแต่ปี 3-4 จนจบจ้า



ก่อนเข้าภาควิชา (ปี1-ปี2)

สองปีแรกเป็นปีที่เราจะได้เรียนรวมกับเพื่อนทุกคนในชั้นปี โดยจะเรียนแบบที่พี่เรียกว่า 'ยำโฮะ!'
คือเราจะได้เรียนทุกรายวิชาพื้นฐานของทุกสาขา เพื่อปรับวิธีการคิด เพิ่มสกิลพื้นฐานทางการสื่อสารของเรา แถมยังมีการเรียนเลขด้วย! ฟังไม่ผิดนิเทศฯเรียนเลขนะทุกคน เราจะมีเรียนเลข 2 วิชาไม่ยากไม่ง่าย
นั่นก็คือ ECON หรือเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น และ STAT หรือสถิติเบื้องต้น
 
ทั้งสองวิชาเป็นวิชาที่เอามาใช้ในการทำงานเยอะมาก และจำเป็นมากๆในสาขา AD และ PR อื่นๆก็จะมีบ้าง
ลดหลั่นกันไปตามลักษณะงาน ซึ่งทั้งสองวิชาเป็นวิชาบังคับที่ทุกคนต้องเรียน ถึงแม้เราคิดแล้วว่าไม่อยากเข้า AD หรือ PR ก็ยังต้องเรียนแต่เชื่อเถอะว่าในอนาคตน้องๆอาจต้องใช้ในการทำงานไม่มากก็น้อยแน่นอน

มาถึงเรื่องวิชาเรียนช่วงปรับพื้นฐานปี 1 ปี 2 เราจะได้เรียนพวกวิชาที่พี่ขอเรียกว่า Level up your communication sense and skills ละกัน ทำไมถึงเรียกแบบนั้นมาดูกัน

เพราะว่ามันเป็นการเพิ่มสกิลที่แท้แกเอ๋ย ทุกวิชาคือเขียนตอบเกือบหมดซึ่งมันเป็นการตอบแบบที่ไม่เชิงว่ามีคำตอบตายตัววัดกันที่ว่าแกเขียนไปแล้วให้เหตุผลได้เหมาะสมหรือเปล่า เพราะงั้นแน่ๆละสกิลการเขียนทั้งเขียนเชิงเหตุผลและเชิงแถ(555+) จะอัปแบบยิ่งยวด 

แกจะได้อ่านหนังสือแปลกๆเช่นบทละครที่เสียดสีสังคมสุดๆหดหู่สุดๆ ดูหนังดีฟๆของฝรั่งเศส หรือเรื่องเล่าแปลกๆมากมายแบบเบอร์อาทิตย์ละเล่มในวิชา Language Communication และ Aesthetic Communication ก็คืออ่านจนตาลายอ่ะ แต่มันฟิลลิ่งอ่านนิยายบางทีอะมันเลยสนุกมาก แต่บางเรื่องมันก็ไม่สนุกเล้ยยยอ่านไปปวดตับไปก็ดี
ที่ต้องอ่านเพราะว่าเราต้องศึกษาวิธีการเล่าในหลากหลายรูปแบบ แถมยังต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมคนเขียนหรือหนังเรื่องหนังต้องเล่าแบบนั้น เพื่ออะไร ทำไมเหย๋อคนจะอินเพราะงี้หรอ อะไรประมาณนี้แถมอ่านสิ่งที่เรียนจบไม่ใช่ว่าแกจะสอบแล้วได้คะแนนดีเลยนะ เพราะว่าแกต้องการหนังสือประกอบอีกมากมายซึ่งบางทีหนากว่าบทความที่อาจารย์ให้อ่านอีก นี่แหละเกรดมันจะตกตรงขี้เกียจอ่านพวกตัวเสริมๆพวกนี้นี่แหละ เราเจอมาแล้วแง~

ต่อมาก็ยังมีพวกวิชาเขียนข่าวเขียน Headline สาแก่ใจมากสนุกมาก ฟิลลิ่งสวมบทเป็นไทยรัฐแล้วเขียนพาดหัวข่าวแบบจุกๆ สนุกมากยากมาก อาจารย์ตรวจโหดมากแต่ก็ใจดีมากเช่นกัน เราจะได้รวมกลุ่มกับเพื่อนในการเขียนข่าวๆนึงขึ้นมา คิดหัวข้อที่อยากทำแล้วไปสัมภาษณ์แหล่งข่าวแบบง่ายๆ เลือกประเด็นที่สนใจ  ไม่ต้องห่วงว่าหนูไม่เคยทำเลยจะเป็นอะไรมั้ย ไม่เป็นไรเลยเพราะว่าอาจารย์จะให้คำปรึกษาแก แล้วเราก็ยังมีเพื่อนร่วมทางที่ร่วมด้วยช่วยกันไปตลอดทาง และที่สำคัญคือเพราะว่ามันเป็นการเรียนในระดับพื้นฐานเพราะฉะนั้นมันก็จะไม่ตรวจได้โหดมาก เชื่อว่าทุกคนผ่านไปได้แน่นอน

แล้วก็วิชากลุ่มสุดท้ายที่เราจะมาแนะนำสำหรับปี 1 ปี 2 ก็คือกลุ่มการสื่อสารการตลาดหรือพวก AD PR นั่นแหละ ใครที่ชอบงานขาย สายแบบขี้เชียร์เพื่อนช้อปปิ้งในพารากอน หรือเปย์เครื่องสำอางค์ที่ Eve and boy ต้องชอบแน่นอน เราจะได้ดูงานโฆษณาแปลกๆแบบเฮ้ยคิดได้ไงอะ จะได้เรียนพวกวิธีการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง เช่นบริษัทโดนโจมตีเรื่องผู้บริหารมีชู้งี้เราจะทำไง (ตัวอย่างนะๆ) ซึ่งส่วนใหญ่จะได้เรียนในเชิงทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ ส่วนปฏิบัติก็คือเจอกันจ่ะตอนเข้าภาค 5555555555 (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่) 

ถ้าปฎิบัติก็จะมีวิชาที่ชื่อว่า Visual Communication ซึ่งเป็นวิชาที่จำเป็นสำหรับทุกภาคเลย มันคือการเปลี่ยนสิ่งที่เราอยากเล่าให้เป็นรูปภาพที่เข้าใจง่าย ซึ่งไม่ต้องห่วงว่าวาดรูปไม่สวยแล้วเป็นไรป่าว จริงๆคือเราสามารถใช้อะไรก็ได้มาเปลี่ยนเป็นภาพ จะวาดเป็นตัวก้างปลาก็ได้ถ้ามันสื่อสารออกมาได้ชัด เป็นวิชาที่เราชอบมากกกกก
แล้วก็เป็นอะไรที่ทำให้เราเข้าใจงานภาพต่างๆได้มากขึ้น ต่อยอดไปสู่การคิดงานในสาขาต่างๆมากๆ

ตัวอย่างวิชาหลักๆที่จะได้เรียนจะมีประมาณนี้คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพกันแล้วจริงๆยังมีวิชาสอนพูด สอนพรีเซนต์งาน ประวัติศาสตร์พัฒนาการสื่อสารในบ้างเรา เทคโนโลสื่อ ถ่ายภาพและอีกมากมายเลย หลักๆอย่างที่บอกว่ามันเป็นวิชาปรับพื้นฐานมันจึงมีวิชาที่เราจะถนัดและไม่ถนัดปะปนกันไปจ้า

การเข้ามาเรียนในช่วงปี 1 ปี 2 เป็นปีที่เสี่ยงต่อการเกรดตกอย่างยิ่งยวด เพราะว่าคณะเรากิจกรรมเยอะมากกกกกกก บวกกับเป็นการเรียนที่แตกต่างจากมัธยมอย่างสิ้นเชิง ไม่มีวิชาไหนเลยที่เราจะเคยมาก่อนในช่วงมัธยม(ยกเว้นเลขสองวิชานั่น)  ซึ่งถ้าใครแบ่งเวลาไม่ได้หรือจัดการตัวเองไม่ดีก็จะเกรดตกมากๆเหมือนเรา(เหลือ 2 นิดๆ TT) ไหนจะช็อคเรื่องวิชาเรียนเวลานอน แล้วยังสไตล์ของอาจารย์อีก อย่างที่บอกว่าวิชามันเป็นอะไรที่เราไม่เคยเรียนใช่ปะ ซึ่งแต่ละวิชาก็จะมีสไตล์การสอน สไตล์การเรียนที่แตกต่างกันก็ต้องปรับตัวกันดีๆ

ท้ายที่สุดก่อนจบพาร์ทนี้ไปอยากให้ทุกคนรู้ไว้ว่าเรายังมีเพื่อนๆร่วมชะตากรรมอีกกว่าร้อยคน เพื่อนนี่เราแหละที่จะพาให้เรารอดไปได้ด้วยกัน 555555 ที่สำคัญเลยการเรียนมหาวิทยาลัยเป็นอะไรที่ต้องอดทนและมีผลต่อการเลือกอาชีพของเราในอนาคต ซึ่งพี่หวังว่าการรีวิวนี้จะช่วยให้น้องๆตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เรียน 4 ปีเป็นอะไรที่ใช้พลังกายและพลังใจสูงมาก อยากให้น้องๆเตรียมใจแล้วดูว่านี่คือสิ่งที่เราอยากเรียนจริงๆมั้ย ตอบโจทย์เราจริงๆหรือเปล่า หรือรีวิวนี้จะช่วยตอบข้อสงสัยบางอย่างได้ไม่มากก็น้อย และก่อนไปขอขายของหน่อยค่าาาา รีวิวนี้มีฉบับคลิปวิดิโอด้วยนะใครอยากดูแบบเม้าแซ่บๆก็ไปดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างเยยฝากกดไลค์ กดแชร์กันด้วยน้า พาร์ท 2 จะได้มีกำลังใจตัด กำลังใจเขียนต่อ ขอบคุณค่า 55555555

สงสัยอะไรทิ้งคอมเมนต์ไว้ข้างล่างได้เลย ปั่นงานเสร็จแล้วจะมาตอบน้าาาาา โดนเรียกไปประชุมแล้วฮือ~
ถามได้ไม่ต้องเกรงใจตอบได้จะตอบ ตอบไม่ได้เดี๋ยวไปถามเพื่อนให้​น้า



smiley https://www.youtube.com/watch?v=fA-lB5UAlXc&t=396s

ทางลัดไป EP2 : เข้าภาคละมัน.....55555
https://www.dek-d.com/board/view/3918263/

 

คลิปเม้ามอย EP2 มาแล้วจ้าา ฝากด้วยน้าา

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

Paloyyy_ 5 เม.ย. 62 เวลา 19:40 น. 2

อยากรู้ว่าถ้าเรียนเอกโฆษณาจะไปทำงานอะไรได้บ้างอะคะ คือที่บ้านบอกว่าจบมาก็หางานยาก จบอย่างอื่นก็ไปทำงานสายนิเทศได้

1
Waanindyjibi 6 เม.ย. 62 เวลา 00:54 น. 2-1

เรียนโฆษณาจะนิยมทำงานในสาย Marketing Communication หรือสาย agency โฆษณาค่ะซึ่งเป็นงานสายตรงของสาขาเราเลย ซึ่ง Marcomm เป็นแผนกที่เกือบทุกบริษัทมีหางานไม่ยากจ้าา งานล้นต้องการคนค่อนข้างเยอะ รับเรื่อยๆเลยงานสาย Marcomm มันกว้างมากทำได้หลากหลายมาก ส่วนเรื่องว่าจะมีคนที่จบสาขาอื่นสมัครงานของสายเราได้มั้ย ขอตอบเลยว่าได้เพราะมันไม่ใช่สาขาแบบที่มีใบวิชาชีพเฉพาะเหมือนกฎหมายหรือบัญชี ซึ่งจริงๆแล้วตำแหน่งในสายงานของเรา บริษัทเค้ามักจะรีเควสว่าต้องจบสาย Marketing Comm หรือ MKT แล้วจะพิจารณาเป็นพิเศษจ้า เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหางานไม่ยาก มีทางเติบโตคับป๋ม

0
Waanindyjibi 25 ก.พ. 63 เวลา 14:28 น. 3-1

ถ้าตรงสายเลยคือเรียนภาค MC กับ JR ค่า ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อภาคแล้ว แต่ดั้งเดิมคือสองสาขานี้จ้า

0
Panya 2 เม.ย. 63 เวลา 03:01 น. 3-2

ชื่อภาคใหม่ชื่อว่าอะไรครับพี่พอจะรู้ไหมครับ

0
Sinnz_ 13 เม.ย. 62 เวลา 20:15 น. 4

ถ้าเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าแสดงออกจะเรียนได้มั้ยคะ แบบไม่ใช่เด็กกิจกรรมอะค่ะ ;-;

2
Waanindyjibi 13 เม.ย. 62 เวลา 23:02 น. 4-1

เรียนได้ค่าาา หลายคนก็ชอบทำงานเบื้องหลัง

แล้วก็มีพวกสายกลยุทธ์ สายธุรกิจไม่จำเป็นต้องเป็นงานเบื้องหน้าเสมอไปค่า


https://youtu.be/Rqif16o6uOc


ลองดูน้าาอันนี้เป็นคลิปใหม่ที่มาแนะนำว่าเรียนประมาณไหนค่า

0
Thidarat 29 เม.ย. 62 เวลา 23:48 น. 5

พี่คะ หนูอยากรู้ว่าสาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง ตั้งแต่ปี1จนถึงปี4 เรียนอะไรบ้าง พอถามเพื่อนพี่ให้ได้มั้ยคะ

1
Waanindyjibi 25 ก.พ. 63 เวลา 14:29 น. 5-1

มาตอบตอนนี้ทันมั้ยแหะๆ สาขาโฆษณาจะได้เรียนตั้งแต่เขียนบทไปจนถึงงานภาพคับป๋ม แต่หลักๆ เค้าจะเน้นที่ไอเดียการเข่ียนบทของเรามากกว่างานเชิงเทคนิคเช่นงานภาพ อันนั้นเป็นเรื่องที่การฝึกงานจะช่วยได้จ้า

0
Waanindyjibi 25 ก.พ. 63 เวลา 14:29 น. 6-1

อันนี้ไม่รู้จริงๆ ลองติดตามในบอร์ดเด็กดีดูน้าา

0
คณิศร 22 ส.ค. 62 เวลา 22:04 น. 7

พี่ค่ะจะเข้าจุฬาหนูต้องเก่งอังกฤษมากไหมค่ะ เเล้วเกรดหนูต้องเท่าไรค่ะ พอดีหนูอ่อนอังกฤษมากอะค่ะ

1
Waanindyjibi 25 ก.พ. 63 เวลา 14:31 น. 7-1

แนะนำว่าควรเก่ง เพราะชีทเรียนส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษจ้า ถึงจะเรียนภาคไทยก็เถอะ เอาตรงๆเลยส่วนใหญ่เพื่อนที่เข้ากันคะแนนแกทสูงกันพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเป๊ะเว่อเอาเป็นอ่านออก เขียนพอได้ก็พอจ้า

0