Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Dek63 ผิดไหมที่คิดอยากซิ่ว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ เรากำลังจะขึ้นม.6 สายวิทย์-คณิต เป็น dek63 ก่อนหน้านี้เราไม่เคยเก็บเนื้อหาแบบจริงจังเลย อ่านๆเพื่อสอบแบบพอถูๆไถๆได้ ไม่ได้เข้าใจแก่นแท้เนื้อหาเลย เรียนหน้าลืมหลัง เรายังไม่เห็นความสำคัญ ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไงดี เราเพิ่งมาจัดระบบความคิดเอาตอนปลายๆม.5 เมื่อได้เจอเพื่อนๆต่างร.ร. ว่าต้องสอบอะไรยังไงบ้าง แล้วคือเหมือนเราต้องเริ่มใหม่หมดเลย เรากลัวเก็บไม่ทันนั่นแหละค่ะ เราไม่อยากต้องมาเร่งอ่านแบบทุลักทุเล กลัวว่าจะได้คณะที่ไม่ชอบ มหาลัยที่ไม่โอเค หลายคนก็บอกนะคะว่าอีกตั้ง1ปียังไงก็ทัน แต่สำหรับเราคือไม่น่าไหว เราอยากเข้าคณะที่คะแนนสูงด้วย พวกสายวิทย์สุขภาพ อย่างเภสัช เทคนิคการแพทย์ ถ้าได้ซิ่วก็อยากเข้าแพทย์เลย อยากเรียนจิตวิทยาคลินิกด้วยค่ะ ตั้งแต่ม.ต้นเลย แต่ที่บ้านไม่ยอม เราชอบชีวะค่ะโดยเฉพาะระบบร่างกาย แต่ไม่ถนัดคำนวณ เคมีก็ไม่ค่อยไหว อังกฤษนี่ชอบมากค่ะ แต่ไม่เก่งเท่าเด็กในเมือง เราอยู่ร.ร.ชนบทค่ะ เราเป็นเด็กที่มีผลการเรียนค่อนข้างดี แต่ถ้าเทียบกับเด็กทั่วไปแล้วเทียบไม่ติดเลยค่ะ เราเรียนแค่พื้นๆมาก ช่วงปิดเทอมนี้ก็พยายามวางแผน+เริ่มอ่านหนังสือ มันก็จะขมๆหน่อย เครียดมาก เพราะไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาเท่าไหร่(โดยเฉพาะคำนวณ) เราไม่เคยเรียนพิเศษนะคะ ก่อนหน้านี้ก็อาศัยติวฟรีเอา อยากขอคำแนะนำค่ะว่าเราควรทำยังไงดี ตัดสินใจยังไงดี คุยกับทางบ้านยังไง เราไม่เคยปรึกษาใครเลยค่ะ คนรอบข้างไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ป.ล.ที่บ้านเราไม่ยอมรับถ้าคิดจะซิ่ว เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีฐานะ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

อาซาคุระ ฮาโอ 15 เม.ย. 62 เวลา 18:38 น. 1

สิ่งนึงที่พี่มองเห็นคือน้องกำลังเครียดและกดดันตัวเองอยู่นะคะ

น่าจะเครียดเพราะช่วงที่เกิดความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันในชีวิต ตอนนั้นพี่เองก็เครียดไม่ต่างกันค่ะ

แต่ไม่เป็นไรนะคะ เพราะสุดท้ายแล้วเราจะผ่านมันมาได้แน่นอน แต่ต้องค่อยๆแก้ไขทีละข้อนะคะ


สำหรับเรื่องบอกว่าอยากเป็นอะไร อยากเรียนด้านไหน

พี่มองว่านั่นคือสิ่งที่ดีแล้วที่เรามองเห็นมันค่ะ

แต่ปัญหาอยู่ที่การเรียนของเราใช่ไหม?

เริ่มแรกเรามองก่อนว่า คณะไหนที่ตรงกับสายงานของเราบ้าง

และที่มหาวิทยาลัยใดมีวิชานี้สอนค่ะ

ค่อยๆดูคะแนนสัดส่วนที่ปีก่อนๆ(อาจจะย้อน3-4ปี)มาเทียบดูว่าต่ำสุด สูงสุดเขาระดับใดนะคะ

และมาเทียบดูว่าเราสามารถทำได้สูงสุด น่าจะที่สุดใดและต่ำสุดเท่าใดค่ะ


ในส่วนของการที่ทางบ้านไม่สนับสนุน และไม่เห็นด้วย

ในส่วนนี้พอดีน้องไม่ได้บอก(หรือพี่ตาลายเองก็ไม่รู้)ว่าทางบ้านอยากให้ทำงานในด้านไหน

ตรงนี้พี่คิดว่าเราลองถามเขาก่อนไหมคะว่าอยากให้เรียนอะไร เพราะอะไร ทำไม?

เช่นสมมติ น้องอยากเป็นนักบิน แต่แม่อยากให้เป็นครู

เราก็ลองเปรียบเทียบว่าข้อดีของทั้ง2อย่างนั้นคืออะไร

และข้อดีของอะไรมีมากกว่า ลองมองในแง่มุมความเป็นจริง การแข่งขันในสายอาชีพ และความต้องการของตลาดแรงงาน

แต่สุดท้ายแล้วนั่นคือทางเลือกทั้งชีวิตของเรานะคะ

พี่ไม่ได้จะกดดันแต่อยากให้เราไตร่ตรองให้ดี เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีชีวิตดังฝัน



สำหรับการเตรียมตัวสอบ

การอ่านหนังสือ การฝึกฝนด้วยข้อสอบเก่าๆในเน็ต การเรียนรู้เพิ่มเติม

มีเพียงสิ่งนี้จริงๆค่ะที่จะทำให้เราผ่านพ้นมันมาได้

แต่ละคนมีทักษะการเรียนรู้ต่างกัน ใช่ว่าจะต้องไปเรียนพิเศษทุกคนเสียหน่อย

เราสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ค่ะ

โดยเฉพาะปัจจุบันที่เทคโนโลยีและสื่อต่างๆเข้าถึงง่ายมากขนาดนี้

เราเรียนรู้ ทบทวน ทำแบบฝึกหัด และตรวจคำตอบ

ทำแบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆและมันเหมือนจะเป็นการจดจำไปในตัว

ในข้อไหน ส่วนไหนที่เราผิดบ่อยๆก็อย่าไปใส่อารมณ์หรือโทษตัวเองค่ะ

คนเราผิดพลาดกันทั้งนั้น ไม่เป็นไรนะคะเราแค่เพิ่มความพยายามในการจดจำมันอีกนิดค่ะ


สำหรับภาษาอังกฤษพี่ว่ามันเป็นอะไรที่จำเป็นมากในชีวิตค่ะ

พี่เองก็ฝึกภาษาด้วยการฟังเพลง ร้องตาม(อ่านเนื้อร้องและร้องตาม)

คำศัพท์ก็ควรจำค่ะ ความหมายของเพลงแต่ละเพลงนั้นลึกซึ้งมาก

หรือปรับจากความชอบของเราค่ะ อย่างพี่ชอบอ่านการ์ตูน/นิยาย พี่ก็อ่านเวอร์ชั่นภาษาต่างประเทศค่ะ

มันจะพัฒนาทักษะนี้ของเรา

พยายามมากก็อาจจะเป็นการฝืนตัวเองจนเหนื่อย อย่าลืมพักผ่อนนะคะ


ในส่วนของการจัดแบ่งเวลาให้กับทุกอย่าง

พี่มองว่ามันขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของเราเลยค่ะ

อยากเล่นมือถือ อยากนอน อยากกิน อยากไปเที่ยว บลาๆ

เราทำได้ทุกอย่างค่ะ

แน่นอนว่าอนาคตของน้องก็ขึ้นอยู่กับทางเลือกและสิ่งที่น้องจะเลือกเอง

ไม่มีใครมาบังคับหรือสั่งให้เราทำอะไรๆได้นะคะ


พี่เป็นกำลังใจให้น้องนะคะ ในจุดนี้มันลำบากมากน่าดูที่ต้องเลือก ต้องพยายาม

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพี่ก็ขอยินดีล่วงหน้ากับเส้นทางของเรานะคะ

สู้ๆจ้ะ

1