เขาอยากให้เราล้มเลิกหรือเราแค่หมดหวังในตัวเอง??
ตั้งกระทู้ใหม่
ใช่ และมันก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น
เพราะความฝันของฉันมันแตกสลายไปตั้งแต่ มีความฝันใหม่มาแทนที่.....
ฉันเป็นนักเขียนนิยายที่เป็นหน้าใหม่เเละยังเด็ก ฉันมีอาชีพลับๆนั่นคือ เป็นยูทูปเบอร์ เเละนักเขียนนิยาย
ที่ฉันบอกว่าลับๆนั่นคือยังไม่มีใครรู้ว่าฉันทำอยู่นอกจากพี่สาวของฉัน
ตอนเด็กฉันวาดรูปข้างๆแม่ ตอนนั้นฉันยังเด็กมากๆอายุเท่าเด็กอนุบาลเลยทีเดียว ฉันโชว์รูปที่ฉันเเสนจะภูมิใจและตั้งใจมากๆ แต่มันก็เป็นแค่รูปก่างปลาที่ใส่ชุดธรรมดา เฉยๆ ในสายตาคนอื่น
ฉันเปิดปากพูดความฝันของฉันให้เเม่ฟัง
"โตขึ้นหนูจะเป็นนักวาดรูปล่ะ ฮิๆ"
ฉันพูดออกไปอย่างร่าเริง แต่แม่กลับคิดว่านั่นไม่ไม่ใช่ความคิดที่ดี
แม่จึงวาดรูปฉันใส่ชุดพยาบาลให้
"แม่อยากให้หนูเป็นพยาบาลดีกว่านะเรื่องรูปน่ะไม่มีหรอก"
คำพูดของเเม่มันทำให้ฉันแทบแตกสลาย ไม่คิด....
ว่าแม่จะพูดแบบนี้.. หลังจากนั้นความฝันจอมปลอมที่แม่อยากให้เป็นคือ
พยาบาล ฉันรับความฝันนั้นมาเพราะคิดว่า
"แม่น่ะ อาจคิดถูกแล้วก็ได้นะ....."
แต่ความฝันอื่นๆที่แตกสลายไปจากคำพูดของเม่ฉันเก็บเศษของมันมาประกบกัน และฉันจะทำตามความฝันของตัวเองและเเม่ด้วย แต่ฉันจะไม่บอกว่าตอนนี้ฉันมีอาชีพลับๆแล้ว........
ฮิๆๆ =P
เป็นไงบ้างคะสำหรับเล่า ประสบการณ์ที่อยากให้ทุกท่านคิด ฉันอยากรู้ว่า"เขาอยากให้เราล้มเลิกหรือเราแค่หมดหวังในตัวเอง"
มันดีหรือเปล่า แม่คิดถูกหรือปล่าวหรือฉันควรทำตามแม่กัน อยากรู้ว่าควรทำอย่างไรค่ะ
อันนี้อย่าหาว่า
"ถ้าจขกทจะเขียนยาวขนาดนี้ ทำไมไม่ได้เขียนนิยาย ซะล่ะ"
โอ้ยยย ไม่ใช่อย่างงั้นคร้า55555+ นี่ไม่ใช่ประสบณ์การตรงๆของฉันคร้าาาาแหมๆ
อยากรู้ว่าทุกคนจะคิดยังไงก็เท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้มาขายนิยายเเต่อย่างใจร้าาา
ขอให้ใช้คำสุภาพด้วยนะคะแล้วนี่แค่เรื่องสมมุติค่ะ หรือแค่คำถามในเรื่องเท่านั้นเอง
ไปนะคะแฮ่~~~ บัยยยยยยยย~
=3
16 ความคิดเห็น
เหมือนอ่านเรื่องของตัวเอง
มุมมองของพ่อแม่ เขามองกว้างกว่าเรา
เขาอยากให้เราเรียนในสิ่งที่สร้างอาชีพ
อาชีพในฝันของเด็กผู้หญิงคือพยาบาล
พ่อแม่ก็คิดเช่นนั้น
ในอดีต อาชีพนักเขียน .....ไส้แห้ง มีเปอร์เซนต์น้อยมากที่รวยจนเลี้ยงครอบครัวได้
ปัจจุบันมีหลายช่องทางที่จะไปตามจุดนั้น
อาชีพของลูกมั่นคง ท่านคงตายตาหลับ
เอาอาชีพนักเขียน เป็นงานอดิเรกก็ได้....//เราทำเช่นนั้น
ทำงานศิลปะเป็นอาชีพที่ต้องแข่งขันตลอดเวลา ถ้าหมดจินตนาการมันจะกดดันคุณจนแทบเป็นบ้า ถ้าอยากเป็นศิลปินก็ต้องพิสูจนตัวเองว่างานของคุณขายได้ เป็นที่ต้องการของสังคม
ไม่คิดอะไรหรอก
เพราะชีวิตจริงเราก็คล้ายๆแบบกระทู้นี้อยู่แล้ว
ตอนอายุ 13 วัยที่กำลังมีฝัน
เราเอานิยายที่แต่งเองเรื่องแรกให้แม่อ่าน
คำพูดที่ได้รับกลับมาคือ
"อะไรเนี่ย ไม่เห็นสนุกเลย อ่านไม่รู้เรื่อง เลิกทำเถอะ เสียเวลา ไปตั้งใจเรียนหรือทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ดีกว่านะ"
เราจำได้ดีจนทุกวันนี้เลยว่า นาทีนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองโดนลากไปตบหน้ากลางสี่แยกไฟแดงสะพานควายแค่ไหน
มันรู้สึกแย่...มาก
แต่พอมองย้อนดูไปแล้ว เราก็รู้สึกขอบคุณตัวเองในวัย 13 นะ เพราะแทนที่เราจะเลิกทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เราในวัยสิบสามกลับมีความคิดว่า "ที่แม่ว่าไม่สนุกเพราะแม่ไม่ชอบนิยายแนวที่หนูแต่งต่างหาก" แทน
แล้วก็นั่นเลย แต่งนิยายคนเดียวเงียบๆ มีแค่น้องที่รู้ ที่เหลือทั้งพ่อแม่ญาติรูมเมทเราปิดเป็นความลับหมด
...ความมาแตกตอนแต่งบทความเข้าประกวดแล้วชนะ ต้องเดินทางไปรับรางวัล...ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องในอีก 10 ปีต่อมาแล้ว
ปัจจุบันนี้ก็เขียนคอลัมน์กุ๊กกิ๊กตามแต่ค่าจ้าง หารายได้ขำๆเป็นงานอดิเรกควบคู่ไปกับเขียนนิยายลงเน็ตไปเรื่อยๆ เพราะมีงานประจำอยู่แล้ว มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รัก และมีเงินใช้ไม่ขาดตอน พ่อแม่ก็ไม่ยุ่งอะไรตั้งแต่นิยายออกขาย แล้วเห็นเม็ดเงินค่าลิขสิทธิ์ที่ได้มา
เนื่องจากชีวิตต้องการความมั่นคง พ่อแม่ก็คือเป็นห่วงนั่นแหละ ถ้างานเขียนเราไม่ดังเปรี้ยงระดับทมยันตีพนมเทียนเจเค หรือออกหนังสือปีนึงเป็นสิบเล่มแบบพี่ปองวุฒิ (นักเขียนประจำที่ทำอาชีพหลักเลยคือนักเขียน) ถ้าไม่ได้แบบนั้นเราอยู่ไม่ได้ เพราะงั้นก็ควรหางานประจำ และทำในสิ่งที่รักควบคู่ไป จะเรียกว่าทำสองอาชีพในชีวิตก็ได้
อาชีพที่ใช้เลี้ยงชีพ
และอาชีพที่ใช้เลี้ยงจิตวิญญาณ
เขาไม่ได้อยากให้เราล้มเลิกหรอก
เขาน่าจะอยากเห็นเราสบาย มีอาชีพมั่นคง เลี้ยงตัวเองได้ โดยที่เขาไม่ต้องมาห่วงอะไรเราอีกแล้ว
โดยส่วนใหญ่พ่อแม่ก็อยากเห็นลูก ๆ ประสบความสำเร็จ
และ อยากให้อยู่ในลู่ในทางที่พ่อแม่มองเห็นและเข้าใจได้
งานเขียนงานวาดรูป เอาเป็นหลักอาชีพไม่ได้หรอกค่ะ เราจะทำงานหายึดหลักด้วยค่ะ เราสามารถเขียนได้ทำได้ แต่ก็ต้องมีงานยึดหลักทำค่ะ แล้วแต่จขกท ว่าจะทำแล้วบอกพ่อแม่ไหม หรือจะทำเงียบไปดีกว่าค่ะ
ถ้าเป็นอาชีพในฝันเคยมีหลายอาชีพเหมือนกัน ซึ่งก็เปลี่ยนไปตามวัย สุดท้ายอาชีพปัจจุบัน คืออาชีพที่ฝันไว้ว่าจะทำเป็นงานอดิเรก ซึ่งไม่ใช่อาชีพนักเขียนค่ะ และก็ไม่ใช่งานอดิเรกในฝันเป๊ะ ๆ แต่เป็นสิ่งที่ตรงกับวิชาที่เคยเรียนมา และผู้ใหญ่บอกให้เลือกคณะนี้
เราทิ้งอาชีพในฝันไปมากมาย ถึงกับร้องไห้เลยก็มี
เพราะทำตามฝันไม่สำเร็จ ทว่าตอนนี้เราก็เปลี่ยนความฝันใหม่ได้แล้ว คือจะยึดทั้งอาชีพปัจจุบันและการเป็นนักเขียน (ซึ่งเป็นอาชีพที่เคยล้มเลิกความตั้งใจไป) ควบคู่กันค่ะ
ต้องคิดด้วยครับว่า งานที่เราชอบมันควรยึดเป็นหลักไหม ผมว่าคุณแม่พูดถูกนะครับ คือท่านให้เราไปเป็นพยาบาล แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามใช่ไหมว่า "ห้ามวาดรูป ห้ามยูทูบเบอ!" ลองตีลึกๆดูครับ อาชีพนักเขียน นักวาด ถ้ายึดของพวกนี้เป็นหลักแล้วไม่ดัง ไม่แจ้งเกิดบอกเลยครับว่า มีความสุขแต่เดี๋ยวก็ไม่มีความสุข
สรุปง่ายๆครับ
พยาบาล-งานหลัก
เขียนนิยาย วาดรูป-งานยามว่าง
ถ้าคุณยึดเอานักเขียนกับวาดรูปเป็นงานหลัก แล้วไม่มีอาชีพสำรองเลย มันก็ไปได้ไม่ไกลหรอกครับ (เงิน) แต่ถ้าคุณเป็นพยาบาลแล้วมีงานเขียน งานวาดเป็นงานอดิเรก
เกิดงานอดิเรกคุณดังขึ้นมา ลองคิดดูครับ พยาบาลเป็นงานแน่นอนมีเงินเข้า แล้ว-งานอดิเรกดันยังมีเงินเข้ามาทบอีก ไม่ต้องคิดไรแล้วชาตินี้ ชิวๆ
ยูทูบเบอเขาทำยูทูบเป็นงานอดิเรกครับ ทุกคนต้องมีงานหลัก ถ้ารวยแล้วค่อยมายึดยูทูบเบอเป็นงานหลักก็ไม่แย่ครับ (Pewdiepie , HRK)
นี่แค่เรื่องสมมุตินะคะ อืมม แต่ดูไปคุณก็ถูกไปอีกแบบเนาะ
คุณต้องเข้าใจบริบทของการเป็นนักเขียนในประเทศไทยก่อน
คนที่สามารถเลี้ยงชีพด้วยการเขียนอย่างเดียวน้อยมาก เราว่าอาจจะต่ำกว่า 1%ของประชากร
ถ้าคุณเกิดในประเทศที่พัฒนา ระหว่างที่รอแจ้งเกิดจากการเป็นนักเขียนคุณสามารถทำงานพิเศษเลี้ยงตัวได้สบายๆ พ่อแม่แก่ชราคุณก็ไม่ต้องเลี้ยง
ในเมื่อคุณเกิดในสังคมแบบนี้ วัฒนธรรมแบบนี้ ก็เลยต้องเป็นแบบนี้ คุณก็ต้องหาโอเอซิสของตัวเองไว้พักอกพักใจ อยู่ยังไงให้ทุกข์น้อยที่สุดอะนะ
กระทู้ยาวเกินไป ขี้เกียจอ่าน
ไว้ผมทำใจได้ผมจะมาบ่นให้ฟังนะครับ(ฮา)
ผมเคยอยากเป็นหมอ แต่แม่บอกผมไม่ละเอียด ผมไม่พร้อม ซึ่งก็จริง ผมไม่อยากพลาดทำเขาตาย ผมไม่กล้าพอจะแบกรับความเป็นความตายของผู้คน ผมรักษาใครไม่เก่งจริงๆ แล้วแม่ก็ชี้ทางใหม่ให้ผม
พ่อแม่ชี้ทางให้เราครับ ส่วนจะฟังไม่ฟังก็อีกเรื่อง555
ความฝันของใคร ?
พ่อแม่ย่อมต้องคิดทุกอย่างเพื่อ ลูก อยู่แล้ว
เพราะเขาคิดว่า มันคือสิ่งที่ดีที่สุด
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเดินตามหรือทิ้งไป
มันสามารถทำควบคู่กันไปได้
มีใครบ้างไม่อยากทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ
แต่บางครั้งอาจจะเหนื่อยหน่อย
แต่ถ้าเราคิดว่า ท่านก็เหนื่อยเพื่อเราเหมือนกัน
เท่านี้ก็มีพลังฮึดแล้ว
สรุป ไม่ว่าจะเป็นความฝันของใคร
อย่าลืมเพียงว่า มันก็เกิดจากความรักและหวังดีทั้งนั้น
ความรักและหวังดีไม่เคยทำร้ายใคร
มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่ทำตัวเอง
มีคนเคยบอกว่า การเลือกเรียนต่อคณะที่เรียนหนักๆ อย่างหมอหรือพยาบาล ไม่ได้แปลว่าต้องทิ้งความฝันของตัวเองทั้งหมด อย่างทางนี้เรียนต่อหมอแต่ยังวาดรูปกับแต่งนิยายอยู่ มีรับคอมมิชชั่นเป็นระยะด้วย เวลาที่เราเรียนมาเหนื่อยๆ ของพวกนี้มันใช้เป็นเครื่องผ่อนคลายความเครียดได้ แล้วก็เป็นรายได้เสริมเผื่อใช้ทุนแล้วเงินเดือนยังไม่ออกด้วยค่ะ ^ ^
งั้นผมจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องสมมติ ผ่านมาแล้วผ่านไป
หนูก็มีความฝันนะคะความฝันที่สักวันที่จะเห็นการ์ตูนของตัวเองไปฉายในทีวี แต่พอพูดไปใครๆก็ขำ แล้วบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฝันอยู่เหรอ ตื่นสักที สมองก็ดีทำไมคิดไม่เป็น คำพูดพวกนี้เงาได้รับมาหมดแล้วก็รู้สึกท้อ คิดว่าจะทำได้เหรอ พอมาเขียนนิยายในเว็บเงาก็ยิ่งท้อเข้าไปอีก บางครั้งก็มีคนบ้างประปราย คอมเม้นบางตอนก็ไม่มี คนอ่านก็ไม่มีทำให้เราคิดไปเองว่ามันไม่สนุก ความฝันคงไม่เป็นจริงจริงๆ บางทีเขาก็พูดถูกว่าคนที่จะทำแบบนั้นได้ก็คงมีแค่คนดังๆพรสวรรค์ดีๆ คนที่ฟ้าประทานมาเท่านั้น ล้มเลิกไปซะดีกว่า...
แต่พอทำไปทำมาเราก็กลับมาจับปากกามาจับดินสอ มานั่งแก้งานใหม่อีกเพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่บางครั้งก็รู้สึกขอบคุณคนที่ว่าเราเหมือนกัน เพราะเหมือนว่าเรายังพยายามไม่พอ
พ่อแม่เขาก็เป็นห่วงอนาคตของเรามักจะเลือกทางที่ดีไว้ให้แต่ถ้าเราแสดงให้เขาเห็นว่าทางที่เราเลือกมันมั่นคงและใช่สำหรับเราเขาก็จะไม่ว่าอะไร หรือเบื่อที่จะว่าไปเองก็ไม่รู้ 555
ความฝันตอนนี้ของเงายังไม่สำเร็จ และเงาก็ไม่ใช่เด็กมีพรสวรรค์ แต่ก็จะไม่ทิ้งความฝัน และก็ไม่ทำให้ใครเป็นห่วง หรือมาว่าได้
สุดท้ายนี้ก็สู้นะคะพี่นักเขียนทุกคน
ถ้าเลือกจะเขียนความกดดันก็จะตามมาเป็นเรื้องปกติ แต่อยู่ที่เราจะให้ความกดดันเป็นแรงกดให้เราอยู่กับที่ หรือให้เป็นแรง (ถีบ) ส่งให้เราไปข้างหน้า...
ก็ขึ้นอยู่กับเราเอง...
เงาพูดไม่เด่งแต่ก็สู้ๆนะคะทุกคน
ผู้ใหญ่ทุกยุคก็เหมือนกันค่ะ เจตนาของพ่อแม่ผู้ปกครอง อยากเห็นลูกมีอนาคตที่มั่นคง อาชีพที่มีรายได้แน่นอน สมัยก่อนคำว่าฟรีแลนซ์ของเขามันคือคนรองานประจำซะมากกว่าค่ะ ตามความคิดนะคะ คุณอาจจะยังลังเลใจกับตัวเองอยู่ก็ได้นะคะ คนจะเป็นนักวาดรูปอย่างไรเสียก็ทิ้งกระดาษกับดินสอไม่ได้หรอกค่ะ เห็นแล้วจะคันไม้คันมือ 555 เป็นพยาบาลก็วาดภาพได้นะ คุณหมอนักเขียนยังมี คุณหมอพิธีกรก็มี คุณหมอนักข่าวก็มี คุณหมอดาราก็มีอีก ถ้าเรามั่นใจว่าเราชอบทางนี้ ทำไปเลยค่ะ อาชีพลับๆ เป็นยูทูปเบอร์และนักเขียน ก็เป็นอาชีพสุจริตทั้งนั้นค่ะ...ถ้าพี่เป็นคุณแม่ พี่จะภูมิใจนะคะ ^_^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?