10 นักแสดงนำในหนังแอ็คชั่น ที่ทุ่มทุนการแสดงด้วยการไปเทรนยิงปืนและการต่อสู้ด้วยตนเอง Part 1
อันดับที่ 10 : Tom Cruise ในบทบาท Vincent มือปืนเลือดเย็น จากเรื่อง Collateral สกัดแผนฆ่า..ล่าอำมหิต (2004)
ก่อนแสดงสี่ถึงห้าเดือน ช่วงปลายปี 2003 หลังแกเพิ่งแสดงหนังเรื่อง The Last Samurai มา ทอม แกรับแสดงหนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของสุดยอดผู้กำกับหนังอาชญากรรมอย่าง Michael Mann จากเรื่อง Heat
แกต้องรับการฝึกการใช้ปืนพกอย่างจริงจังกับอดีตนายอำเภอของเมืองแอลเอ การใช้ปืนพกในรูปแบบการโจมตีต่างๆให้ดูสมจริงมากที่สุด รวมไปถึงการต่อสู้ระยะประชิดแบบ CQC กับอดีตทหารอีกด้วย
มาต่อกับ ทอม ครูซ กันต่อในเรื่อง The Last Samurai มหาบุรุษซามูไร (2003) อีกหนึ่งหนังดีขึ้นหิ้งของ ทอม ผลงานการกำกับของ Edward Zwick จากเรื่อง The Seige และ Blood Diamond
หนึ่งปีก่อนแสดงเรื่อง Collateral ทอม ครูซ แสดงในหนังเรื่องนี้ ด้วยบทบาท ทหารอเมริกัน ที่มาเข้าร่วมสงครามกับพวกนักรบซามูไรของญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆหนังเรื่องนี้เน้นดราม่ามากกว่าแอ็คชั่น แต่ก็มีหลายซีนที่
ต้องบู๊ ดังนั้น ทอม เลยไปฝึกการใช้ดาบซามูไรของจริงกับนักดาบญี่ปุ่น การศึกษากลยุทธ์นักรบโบราณเพื่อเวลาแสดงจะได้ดูสมจริง การขี่ม้าออกรบด้วยตนเองไม่ใช้สตั้น รวมไปถึงการฝึกพูดภาษาญี่ปุ่น
ทอม ครูซ ในเรื่อง Jack Reacher ยอดคนสืบระห่ำ (2012) ซึ่งหนังเรื่องนี้มีสองภาค ออกแนวสืบสวนสอบสวน ภาคแรกเขียนบทและกำกับโดย Christopher McQuarrie ผกก.คู่บุญของทอมจากเรื่อง MI Rogue Nation และ MI Fallout
ภาคสองมาในชื่อภาค Never Go Back (2016) กำกับโดย Edward Zwick ที่เคยร่วมงานกับทอมในเรื่อง The Last Samurai ซึ่งเรื่องนี้ทอมรับบทเป็นอดีตสารวัตรทหาร ที่เก่งเรื่องการสืบสวนสอบสวนหนังไม่ได้เน้นฉากแอ็คชั่น
แต่ก็พอมีให้เห็นบ้าง ทอมนั่นต้องไปฝึกการต่อสู้ระยะประชิดแบบทหารหน่วยรบ คือ เน้นอัดที่ข้อต่อกระดูก และเน้นใช้ศอกมากกว่ากำปั้น รวมไปถึงการฝึกใช้อาวุธปืนทั้งปืนสั้นและปืนยาวจากอดีตนาวิกโยธินอีกด้วย
อันดับที่ 9 : Robert De Niro จากเรื่อง Heat คนระห่ำคน (1995) โรเบิร์ต คือยอดนักแสดงคนหนึ่งในวงการฮฮลลีวู้ดจากเรื่อง Taxi Driver, The Godfather 2 แต่ในหนังแนวแอ็คชั่นแกก็แสดงไว้ดีจนเป็นตำนานอยู่สอง
เรื่อง อีกเรื่องคือ Ronin เรื่อง Heat แกรับบทเป็นหัวหน้ากล่มโจรปล้นธนาคารใส่สูทมาดผู้ดี ที่ในบทของแกนั่น ต้องมีฉากยิงปืนปะทะกับตำรวจบ่อยหลายฉาก ดังนั้น ก่อนแสดงจริง แกก็ไปรับการฝึกฝนเรื่องอาวุธปืนกับ
อดีตนายตำรวจคนหนึ่งฝึกยิงหลายเป้า ทั้งปืนพก 9 มม.และปืนกล M4 จนทำให้ฉากไล่ยิงกันกลางถนนของเรื่องเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงเป็นไอเดียฉากยิงกันในหนังแนวปล้นอีกหลายเรื่องเช่น The Town, Den Of Theives
Ronin 5 มหากาฬล่าพลิกนรก (1998) อีกหนึ่งหนังดังในอดีต กับฉากขับรถไล่ล่ากลางถนนที่เป็นตำนาน นำแสดงโดย โรเบิร์ต ในเรื่องนี้แกรับบทเป็นอดีตสายลับซีไอเอ ที่ก่อนการแสดงจริงแกได้ไปสัมภาษณ์ใกล้ชิดกับอดีต
สายลับซีไอเอจริงๆ ท่าเดิน บุคคลิก การพูดการจา เพื่อให้ดูเหมือนสายลับ รวมไปถึงการฝึกใช้อาวุธปืนต่างๆที่เห็นในเรื่อง แกฝึกซ้อมอยู่หลายเดือนเพื่อความสมจริงในฉากแอ็คชั่น
อันดับที่ 8 : Mark Wahlberg จากเรื่อง Shooter คนระห่ำปืนเดือด (2007) ผลงานสุดระห่ำของผกก. Antoie Fuqua จากเรื่อง Training Day และ Tears Of The Sun นำแสดงโดย มาร์ค ในบทอดีตหน่วยพลแม่นปืนของกองทัพเรือ
จ่า Bob Lee Swagger เรื่องนี้ในบทแกคือยอดมือสไนเปอร์ ฉะนั้นก่อนการถ่ายทำ มาร์คแกได้ไปเทรนการใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงชนิดต่างๆ ยิงจากระยะไกลหลายไมล์กับนาวิกโยธินสหรัฐ อยู่หลายเดือนรวมถึงการพรางตัวแบบทหาร
Lone Survivor ปฏิบัติการผ่าสมรภูมิเดือด (2013) หนังเรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริง มาร์คแกรับบทเป็นหนึ่งในหน่วยซีลที่ออกปฏิบัติการเด็ดหัวผู้นำกลุ่มก่อการร้ายตาลิบันในอัฟกันนิสถาน
เรื่องนี้ มาร์คและทีมนักแสดงในบทหน่วยซีลอีกสามคนต้องไปรับการฝึกฝนการใช้อาวุธปืนยาวของทหารและสัญญาณมือทางการทหารกับทหารผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์จริงในเรื่องนี้
Mile 22 คนมหาประลัยเดือดมหากาฬ (2018) หนังจากผลงานผกก. Lone Survivor เฮีย Peter Berg มาร่วมงานกับดาราคู่บุญอย่าง มาร์ค อีกครั้ง เป็นครั้งที่สี่นับจากเรื่อง Lone Survivor มา ถึงรายได้กับคำวิจารณ์เรื่อง
นี้ไม่ดีนัก แต่ฉากแอ็คชั่นยิงกัน ต่อสู้ระยะประชิดเดือดสมกับเป็นหนังของมาร์ค วอล์หเบิร์กจริงๆ เรื่องนี้แกรับบทเป็นหัวหน้าคุมปฏิบัติการของซีไอเอ หน่วย Overwatch ก่อนแสดงทีมงานรวมถึงมาร์คเองได้ไปสัมภาษณ์
กับอดีตสายลับซีไอเอจริงๆ เรื่องหน่วยข่าวกรอง การคุมปฏิบัติการลับ และการฝึกใช้อาวุธปืนในเรื่อง มีทั้งปืนพก Glock 17 และปืนกล HK416
อันดับที่ 7 : Denzel Washington จากเรื่อง Man On Fire คนจริงเผาแค้น (2004) ผลงานการกำกับของผกก.มากฝีมือผู้จากลาอย่าง Tony Scott จากเรื่อง Top Gun, Enemy Of The State, Spy Game เรื่องนี้ เดนเซลรับบท
เป็นอดีตสายลับซีไอเอที่ผันตัวมาเป็นบอดี้การ์ดคุ้มกันภัยเด็กน้อยคนหนึ่งแน่นอนเรื่องนี้อาวุธหลักของแกคือปืนพก Glock 34 และ 17 แกได้ฝึกยิงเจ้าสองกระบอกนี้บ่อยครั้งก่อนการแสดง รวมถึงท่าทางการเดินแบบสายลับ
The Book Of Eli คัมภีร์พลิกชะตาโลก (2010) เรื่องนี้ เดนเซล รับบทเป็นคนพเนจรผู้กุมหนังสือคัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มสุดท้ายของโลกเอาไว้ แน่นอนซีนบู๊เรื่องนี้ นอกจากการใช้ปืนแล้ว แกยังต้องไปฝึกการใช้อาวุธอีกหลาย
อย่างเพื่อมาแสดงในเรื่องนี้ ทั้ง ดาบ ธนู การต่อสู้มือเปล่าแบบ Krav Maga
Safe House ภารกิจเดือดฝ่าเส้นตาย (2012) หนังแอ็คชั่นทริลเลอร์แนวสายลับด้วยการตัดต่อภาพและการดำเนินเรื่องมาแบบเดียวกับหนังตระกูล เจสัน บอร์น ความสมจริงจึงต้องมาเป๊ะแบบบอร์น เรื่องนี้มีไรอัน เรย์โนล์ด
แสดงด้วย แต่ซีนแอ็คชั่นหลักๆมาตกที่ตัวของเดนเซล ในบทอดีตสายลับซีไอเอที่ถูกตามล่า เรื่องนี้แกมีฉากต่อสู้ระยะประชิดเยอะ ศาสตร์การต่อสู้แบบบอร์น อย่าง Kali ฝึกกับทีมงานสตั้นอยู่หลายเดือนก่อนถ่ายจริง
The Equalizer มัจจุราชไร้เงา (2014) ผลงานการกำกับของผกก.เรื่อง Training Day เจ้าเดิมที่มาร่วมงานอีกครั้งกับเดนเซลหลังเรื่อง Training Day เรื่องนี้แกรับบทเป็นอดีตสายลับซีไอเอ (อีกแล้ว)
Robert McCall เรื่องนี้แกมาสไตล์คนแก่ปลดเกษียนเงียบๆ ขรึมๆ ชอบกรุตัวอ่านหนังสือ แต่เอาเข้าจริงๆเก่งได้เรื่อง ด้วยความสามารถจับเวลาฆ่า ตาเปล่าสแกนหาสิ่งของรอบข้างมาใช้เป็นอาวุธได้ รวมถึงการทำกับดัก
เรื่องนี้แกเน้นสู้ระยะประชิดมากกว่าใช้ปืนดังนั้นแกจึงไปฝึกวิชาป้องกันตัวกับอดีตทหารเรือคนหนึ่ง ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดในสงคราม การปลดอาวุธออกจากมืออย่างรวดเร็วรวมถึงการฝึกมวยอย่างหนักแบบทหาร
หนังเรื่อง The Equalizer นั้นมีสองภาค ซึ่งเหนือความคาดหมาย ปกติตลอดระยะเวลาการแสดง 30 ปีของเดนเซล แกจะไม่รับแสดงหนังภาคต่อ แต่ด้วยกระแสฮือฮา หนังดังมากจนทางทีมงานและตัวนักแสดงนำอย่าง เดนเซล ต้องกลับมา
ในโปรเจ็กต์หนังเรื่องนี้อีกครั้ง ในภาคสอง บทหนังเน้นดราม่าเยอะกว่าภาคแรก ฉากแอ็คชั่นน้อยกว่าภาคแรก แต่ดูหนักแน่นกว่า มีซีนต่อสู้ระหว่างพระเอกกับพวกตัวร้ายอยู่สามฉากหลักๆ
ซึ่งในภาคนี้ เห็นได้ชัดว่าหลายฉากนั่น มีสตั้นแสดงแทน เดนเซล เนื่องจากตอนแสดงภาคสอง แกอายุ 63 ปีแล้ว แต่แกก็ยังไม่ทิ้งลาย ไปฝึกซ้อมการต่อสู้เพิ่มเติมจากภาคแรกโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นฉากแอ็คชั่นที่ไม่ดูโลดโผน
เกินไป แกก็จะแสดงเองครับ ในภาคนี้เราจะได้เห็นตัวละครอย่าง Robert McCall ต่อสู้ระยะประชิดเพิ่มขึ้นจากภาคแรก และแกยังคงจับเวลาฆ่าและแสกนตาเปล่าหาสิ่งของรอบข้างเป็นอาวุธเช่นเคย
ผมก็หวังว่าหนังเรื่อง The Equalizer จะมีภาคสามนะ เพราะภาคสองหนังเข้าฉายได้ไม่เท่าไหร่ก็ติดอันดับหนังทำเงินสูงสุดในรอบสัปดาห์ใน U.S. Box Office และเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดของเดนเซลไปด้วยดีใจกับป๋าแกด้วย
แสดงความคิดเห็น