Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[รีวิว] เตรียมตัวสอบ SAT โดยไม่เรียนพิเศษ 1100+ ในเวลา 1 เดือน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 สวัสดีทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

 
             เนื่องจากเราเคยบนไว้ว่าถ้าคะแนนsatเราเกิน1100จะมาเขียนกระทู้รีวิวการเตรียมตัวสอบsatของเรา ต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่ได้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์หรืออะไร(ดูคะแนนก็น่าจะรู้55555) เป็นเพียงเด็ก ม.6สายวิทย์-คณิตธรรมดาๆ แต่ด้วยความที่เราจะยื่นรอบportfolio ในคณะหนึ่งที่กำหนดคะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษไว้ แล้วเราก็เลือกที่จะสอบSATเพราะคิดว่ามีเลขช่วยน่าจะทำคะแนนเกิน 1000 คะแนนได้ แต่ด้วยความขี้เกียจของเราทำให้เริ่มอ่านจริงๆตอน 2 สัปดาห์ก่อนสอบ แต่วันสอบ(May 5,2018)เราก็ป่วยพอดี เลยเลื่อนวันสอบมาเป็นรอบ Oct 6,2018 ดูเหมือนมีเวลาเยอะแต่เราก็มาอ่านจริงจัง 2 สัปดาห์ก่อนสอบเหมือนเดิม(ความขี้เกียจนี้555) รวมเป็น 1 เดือน กับ 1100+ คะแนนที่ได้มา โดยไม่เรียนพิเศษแม้แต่คอร์สเดียววว (เราได้ Math 700+ reading 400+ไม่ได้ลงEssayนะคะ)

            เกริ่นมานาน สรุปกระทู้นี้เราจะรีวิว หนังสือที่เราใช้ วีธีการอ่าน ลักษณะการการสอบ แล้วก็วิธีการเลื่อนการสอบโดยไม่ต้องเสียเงินเป็น 2 เท่านะคะะะะ



SAT คือ??

   ก็มาเริ่มกันที่ทำความรู้จักข้อสอบกันก่อนนะคะ SAT คือ การสอบวัดความรู้เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่ง SAT สามารถใช้สอบเข้าต่อทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยSATถูกจัดสอบโดยหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาชื่อ College Board นั่นเองงง

- โครงสร้าข้อสอบมีอะไรบ้าง สามารถเข้าไปอ่านใน ลิงค์นี้ได้นะคะ

http://www.si-englishbkk.com/study-guide/why-do-you-need-sat/

- ตารางสอบหรือข้อมูลอื่นๆสามารดูได้ในเว็บของ College Bord เลยนะคะ
https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/register/dates-deadlines

หนังสือที่ใช้
      
          เนื่องจากเรามีเวลาน้อยมากเราจึงเน้นเก็บวิชาเลขเพียงอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้อ่านหรือเตรียมตัวในส่วนcritical thinking เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าเราก็พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษบ้างอยู่แล้ว เลยอาจจะฝึกได้เร็วขึ้นมานิดนึง แต่ถ้าไม่ได้ยังไงก็คงไม่ใช่ปัญหามาก ยังไงข้อสอบSATมันแนวเดิมๆอยู่แล้ว เราว่าแค่ฝึกโจทย์มากพอก็ทำให้ได้คะแนนดีได้


1. The official SAT study guide 2018 Edition
 

 
          แนวข้อสอบไหนจะดีเท่าแนวข้อสอบจากสถาบันจัดสอบใช่ไหมคะ เล่มนี้เนื้อหาครึ่งแรกจะมีการอธิบายข้อสอบ อธิบายการทำโจทย์ในแต่ละpart ตัวเฉลยก็เฉลยละเอียดดีด้วยค่ะ คือใครอ่านครึ่งแรกจบเราว่าreading ก็ไม่ต้องห่วงแล้วววว (ใช่ค่ะ เราอ่านไม่จบ เรียกว่าเปิดผ่านๆจะเหมาะกว่า555) เราทำข้อสอบทั้งหมดในเล่มนี้ค่ะ เราว่าตรงแนวข้อสอบอยู่นะคะ
แต่ถ้าใครไม่อยากซื้อเจ้านี่ สามารถไปโหลดเนื้อหาหรือโหลดข้อสอบมาทำได้เลยค่ะ

[ส่วนเนื้อหา]

https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/inside-the-test/study-guide-students

[ข้อสอบทั้ง 8 ชุดพร้อมกระดาษคำตอบและเฉลย]
https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/practice/full-length-practice-tests

2. Cracking the SAT 2018 Edition by Princeton Review
 

 
         เล่มนี้คล้ายๆกับเล่มแรกค่ะ แต่เราว่าอ่านง่ายกว่า เราเอามาอ่านในส่วนPunctuation ซึ่งเป็นคะแนนส่วนใหญ่ใน writing เราว่าเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ แต่ต้องบอกว่าส่วนอื่นๆเราไม่ได้อ่านค่ะ เรารีบ อ่านไม่ทันแล้วว555 ก็เหมือนเดิมค่ะ มาทำโจทย์ท้ายเล่ม แต่เราทำโจทย์เล่มนี้ไม่ครบค่ะ เพราะมันถึงวันสอบก่อน5555

         ในส่วนหนังสือSATนี่เราใช้แค่นี้จริงๆค่ะ คือเรามีเวลาน้อยมากจนแทบไม่ได้อ่านเลย ทำแต่โจทย์จริงๆ แต่ใครอยากอ่านที่รีวิวหนังสืออื่นๆ จากคนที่อ่านจริง เราแนะนำกระทู้นี้นะคะ ก่อนเราเริ่มอ่านเราก็ดูจากกระทู้นี้เนี่ยแหละ [https://www.dek-d.com/board/view/3770169/]


วิธีการอ่าน
       
Math      
        อย่างที่บอกว่าเราเตรียมแต่เลขนะคะ ขั้นแรกเราก็ไปหาดูว่าตัวข้อสอบออกบทไหนบ้าง ความยากประมาณไหน (เราว่ายากประมาณคณิตม.ต้นปกติอ่ะค่ะ)

บทที่ออก
1. Heart of Algebra พืชคณิต ระบบสมการเส้นตรง การตั้งสมการ + แก้สมการ สมการ วงกลม (ไม่ได้ลงลึก) พาราโบลา หาเศษเหลือ
2. การแก้โจทย์ปัญหา 
3. วิเคราะห์ข้อมูล และนำข้อมูลมาตอบคำถาม
4. เรขาคณิต
5. ตรีโกณ
6. จำนวนเชิงซ้อน

         
ความยากจริงๆน่าจะเป็นเรื่องของคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์กับการทำโจทย์แข่งกับเวลามากกว่า  คำศัพท์ไหนที่เจอในโจทย์แล้วไม่รู้  ก็จดออกมาท่องวนไปค่ะ  จับเวลาทำข้อสอบให้น้อยกว่าเวลาที่ได้จริงก็ดีนะคะเผื่อเราลนด้วย ส่วน
พาร์ทที่ใช้เครื่องคิดเลขก็ไม่ยากมากค่ะ พยายามใช้เครื่องคิดเลขให้น้อยน่าจะทำให้เร็วกว่าซะอีก บทไหนที่ไม่คล่องจริงๆก็ต้องไปอ่านเนื้อหามาให้เข้าใจก่อนนะคะ แล้วก็ทำสรุปโจทย์ที่ใช้บ่อยเอาไว้สักแผ่นก็จะดีค่ะ  และด้วยความที่ข้อสอบนี้ในแต่ละปีไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้องสอบมากนัก บางครั้งจำสูตรลัดบางสูตรเข้าไปก็จะทำให้ยิ่งเร็วขึ้นค่ะ

เราชอบดูคลิปสอนเลขของ Khan Academy + ของพี่ปั้นsmart math pro

Khan Academy Live: SAT Math Class [https://youtu.be/AgcuSSiR5to]

สรุปสูตร SAT Math ที่ต้องรู้ก่อนสอบ [https://youtu.be/W09gyT1Dft8]

ส่วนพวกTipsเล็กๆน้อยๆในการทำข้อสอบเราชอบดูใน 
Youtube Channel >>> SupertutorTV   เราว่าใช้ประโยชน์ได้จริงแล้วก็ดูเพลินๆดีค่ะ 

ที่อยากแนะนำอีกอย่างนะคะ คือในเว็บของ Khan Academy 
เนี่ยมีการวางแผนอ่าน+ทำโจทย์ พร้อมมีโจทย์รายวันให้ด้วยค่ะ ถ้ามีเวลา + วินัย นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะ
>>https://www.khanacademy.org/mission/sat/overview

Reading&Writing


   
   
เป็นส่วนที่เราแทบไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยจริงๆค่ะ ตัวข้อสอบคือถ้าอ่านทุกอย่างทันก็บุญแล้วค่ะ555  บอกก่อนว่าเราเป็นคนท่องศัพท์มาตลอดอยู่แล้วนะคะ แต่เรามาท่องคำศัพท์สำหรับSATจริงๆก็ต้นปี2018นี่แหละค่ะ   เราท่องแค่คำที่พบบ่อยนะคะ ตามในเว็บนี้เลยยยย
https://www.wegointer.com/2015/06/100-top-sat-words/

      ตัวWritingนี่เราแทบไม่ได้เตรียมจริงๆค่ะ ดูแค่บางบท บทที่แนะนำก็ Punctuation ,Conjunction และ Word Analysis ใช้เวลาน้อยแต่เก็บคะแนนได้เยอะะะ ส่วนตัวเราว่าไม่ควรข้ามข้อแล้วกลับมาทำนะคะ เพราะคงกลับมาไม่ทัน5555 ตอบๆไปก่อนค่ะ ถ้าเวลาเหลือค่อยมาคิดใหม่ดีกว่า

       ส่วนReading ที่อยากแนะนำคือ อย่าทำแบบเรียงบทความค่ะ คือบทความเนี่ยมันมีหลายแบบ หาแบบที่ตัวเองถนัดแล้วเอามาทำก่อนเถอะค่ะ เช่น เราชอบทำบทความพวกทางวิทยาศาสตร์ก่อน พวกที่มีตารางข้อมูลหรือกราฟมาให้ก็ทำให้ทำได้เร็วมากขึ้นด้วยค่ะ เทคนิคส่วนตัวของเราคืออ่านคร่าวๆแบบเร็วๆทีละParagraphแล้วหาประโยคสำคัญขีดเส้นใต้ไว้เลยค่ะ ทำครบทั้งบทความแบบเร็วๆมันจะทำให้พอเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร แต่ละบทความสัมพันธ์กันอย่างไร แล้วไปอ่านโจทย์ก่อนค่ะ พอจะหาคำตอบจริงๆก็ค่อยอ่านแบบละเอียด


วันสอบบ!!!!


รายละเอียดเบื้องต้นของวันสอบจริง 

1. อุปกรณ์การสอบที่ต้องพกไปในวันสอบได้แก่
- ดินสอ 2B ประมาณ 3-4 แท่ง (ในบางศูนย์สอบเขาอาจมีให้)
- กบเหลาดินสอและยางลบ (บางศูนย์สอบจะมีให้)
- เครื่องคิดเลข (อันที่จริงแค่แบบที่ใช้ในคาบเรียนฟิสิกส์ เคมีที่หา sin cos tan แล้วก็แปลงเศษส่วนเป็นทศนิยมไหวก็ใช้ได้แล้ว)
- บัตรประจำตัวประชาชน(หรือพาสปอร์ต) พร้อมด้วยบัตรสอบที่ปริ๊นท์มาจากในเว็บ College Board โดยทั้ง 2 อย่างนี้ ห้ามลืมเอามาเด็ดขาด!!!
- กระเป๋าสะพายขนาดกลาง ที่สามารถใส่น้ำและขนม โดยศูนย์สอบส่วนใหญ่จะให้นำกระเป่าไปวางไว้ริมห้อง/หน้าห้อง/ห้องฝาก

2. ควรมาถึงสนามสอบตั้งแต่ 7.00 - 7.20 โดยประมาณ  ส่วนใหญ่จะเริ่มลงทะเบียนเวลา 7.40 โดยประมาณ แนะนำว่าศึกษาเส้นทางไปแต่ละสนามสอบดีๆด้วยน้าาา

3. ชุดที่จะแต่งมาแนะนำให้เป็นไปรเวทนะคะ ไม่ค่อยมีใครแตต่งชุดนร. เท่าไหร่ และอาจจะมีเสื้อคลุมกันหนาวด้วยก็ดีนะคะ 

4. น้ำและขนมพกใส่กระเป๋ามาได้นะคะ ที่มหิดลให้ทานได้ และมีตู้กดน้ำให้ด้วยค่ะ (แต่สนามอื่นเราไม่แน่ใจนะคะ)

5. จะมีช่วงเวลาพักทั้งหมด 2ครั้ง รอบแรกหลังจากสอบพาร์ทแรกคือ Reading จบ และอีกครั้งคือหลังจากจบพาร์ท 3 คือพาร์ท Math no calculator จบ

6. จะสอบเสร็จเวลาประมาณ  12.00 ถ้าว่าไม้ได้ลง Essay แต่หากว่าลงสอบ Essay ด้วยก็จะเกือบๆบ่าย

การเลื่อนสอบบบบบ                           

           อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะ เราดันป่วยพอดีกับวันสอบ(May 5,2018)เป๊ะๆเลยค่ะ ไปสอบไม่ไหวเพราะอาหารเป็นพิษค่ะ ตอนนั้นเราหาวิธีการเลื่อนการสอบเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเคยรีวิว จนต้องหอบสังขารไปที่ศูนย์สอบเพื่อติดต่อขอเลื่อนค่ะ และพบว่าจริงๆมันสามารถเลื่อนได้ตั้งแต่ในเว็บไซต์อยู่แล้ววว เราก็เลยได้เลื่อนวันสอบค่ะแต่ไม่สามารถเลื่อนเป็นรอบที่ติดกันได้นะคะ เนื่องด้วยรอบต่อไปอาจมีคนเต็มแล้วหรือปิดรับสมัครไปแล้ว เราเลยได้เลื่อนไปรอบที่เร็วที่สุดคือ รอบOct 6,2018ค่ะ เราสามารถเลื่อนได้ทั้งๆที่เลยเวลาสอบรอบที่ลงตอนแรกไว้ได้นะคะ โดยเสียfeeแค่30.5$ค่ะ ถูกกว่าสมัครใหม่แน่นอน

      ไปสอบนอกจากจะเตรียมด้านวิชาการก็อย่าลืมดูแลสุขภาพให้พร้อมด้วยนะคะะะะะ

แสดงความคิดเห็น

>