[รีวิว] เตรียมตัวสอบ SAT โดยไม่เรียนพิเศษ 1100+ ในเวลา 1 เดือน
เกริ่นมานาน สรุปกระทู้นี้เราจะรีวิว หนังสือที่เราใช้ วีธีการอ่าน ลักษณะการการสอบ แล้วก็วิธีการเลื่อนการสอบโดยไม่ต้องเสียเงินเป็น 2 เท่านะคะะะะ
SAT คือ??
ก็มาเริ่มกันที่ทำความรู้จักข้อสอบกันก่อนนะคะ SAT คือ การสอบวัดความรู้เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่ง SAT สามารถใช้สอบเข้าต่อทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยSATถูกจัดสอบโดยหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาชื่อ College Board นั่นเองงง
- โครงสร้าข้อสอบมีอะไรบ้าง สามารถเข้าไปอ่านใน ลิงค์นี้ได้นะคะ
http://www.si-englishbkk.com/study-guide/why-do-you-need-sat/
- ตารางสอบหรือข้อมูลอื่นๆสามารดูได้ในเว็บของ College Bord เลยนะคะ
https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/register/dates-deadlines
หนังสือที่ใช้
เนื่องจากเรามีเวลาน้อยมากเราจึงเน้นเก็บวิชาเลขเพียงอย่างเดียวค่ะ ไม่ได้อ่านหรือเตรียมตัวในส่วนcritical thinking เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าเราก็พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษบ้างอยู่แล้ว เลยอาจจะฝึกได้เร็วขึ้นมานิดนึง แต่ถ้าไม่ได้ยังไงก็คงไม่ใช่ปัญหามาก ยังไงข้อสอบSATมันแนวเดิมๆอยู่แล้ว เราว่าแค่ฝึกโจทย์มากพอก็ทำให้ได้คะแนนดีได้
1. The official SAT study guide 2018 Edition
[ส่วนเนื้อหา]
https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/inside-the-test/study-guide-students
[ข้อสอบทั้ง 8 ชุดพร้อมกระดาษคำตอบและเฉลย]
https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/practice/full-length-practice-tests
2. Cracking the SAT 2018 Edition by Princeton Review
ในส่วนหนังสือSATนี่เราใช้แค่นี้จริงๆค่ะ คือเรามีเวลาน้อยมากจนแทบไม่ได้อ่านเลย ทำแต่โจทย์จริงๆ แต่ใครอยากอ่านที่รีวิวหนังสืออื่นๆ จากคนที่อ่านจริง เราแนะนำกระทู้นี้นะคะ ก่อนเราเริ่มอ่านเราก็ดูจากกระทู้นี้เนี่ยแหละ [https://www.dek-d.com/board/view/3770169/]
วิธีการอ่าน
Math
อย่างที่บอกว่าเราเตรียมแต่เลขนะคะ ขั้นแรกเราก็ไปหาดูว่าตัวข้อสอบออกบทไหนบ้าง ความยากประมาณไหน (เราว่ายากประมาณคณิตม.ต้นปกติอ่ะค่ะ)
บทที่ออก
1. Heart of Algebra พืชคณิต ระบบสมการเส้นตรง การตั้งสมการ + แก้สมการ สมการ วงกลม (ไม่ได้ลงลึก) พาราโบลา หาเศษเหลือ
2. การแก้โจทย์ปัญหา
3. วิเคราะห์ข้อมูล และนำข้อมูลมาตอบคำถาม
4. เรขาคณิต
5. ตรีโกณ
6. จำนวนเชิงซ้อน
ความยากจริงๆน่าจะเป็นเรื่องของคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์กับการทำโจทย์แข่งกับเวลามากกว่า คำศัพท์ไหนที่เจอในโจทย์แล้วไม่รู้ ก็จดออกมาท่องวนไปค่ะ จับเวลาทำข้อสอบให้น้อยกว่าเวลาที่ได้จริงก็ดีนะคะเผื่อเราลนด้วย ส่วนพาร์ทที่ใช้เครื่องคิดเลขก็ไม่ยากมากค่ะ พยายามใช้เครื่องคิดเลขให้น้อยน่าจะทำให้เร็วกว่าซะอีก บทไหนที่ไม่คล่องจริงๆก็ต้องไปอ่านเนื้อหามาให้เข้าใจก่อนนะคะ แล้วก็ทำสรุปโจทย์ที่ใช้บ่อยเอาไว้สักแผ่นก็จะดีค่ะ และด้วยความที่ข้อสอบนี้ในแต่ละปีไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงข้องสอบมากนัก บางครั้งจำสูตรลัดบางสูตรเข้าไปก็จะทำให้ยิ่งเร็วขึ้นค่ะ
เราชอบดูคลิปสอนเลขของ Khan Academy + ของพี่ปั้นsmart math pro
Khan Academy Live: SAT Math Class [https://youtu.be/AgcuSSiR5to]
สรุปสูตร SAT Math ที่ต้องรู้ก่อนสอบ [https://youtu.be/W09gyT1Dft8]
ส่วนพวกTipsเล็กๆน้อยๆในการทำข้อสอบเราชอบดูใน Youtube Channel >>> SupertutorTV เราว่าใช้ประโยชน์ได้จริงแล้วก็ดูเพลินๆดีค่ะ
ที่อยากแนะนำอีกอย่างนะคะ คือในเว็บของ Khan Academy เนี่ยมีการวางแผนอ่าน+ทำโจทย์ พร้อมมีโจทย์รายวันให้ด้วยค่ะ ถ้ามีเวลา + วินัย นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะ
>>https://www.khanacademy.org/mission/sat/overview
Reading&Writing
เป็นส่วนที่เราแทบไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยจริงๆค่ะ ตัวข้อสอบคือถ้าอ่านทุกอย่างทันก็บุญแล้วค่ะ555 บอกก่อนว่าเราเป็นคนท่องศัพท์มาตลอดอยู่แล้วนะคะ แต่เรามาท่องคำศัพท์สำหรับSATจริงๆก็ต้นปี2018นี่แหละค่ะ เราท่องแค่คำที่พบบ่อยนะคะ ตามในเว็บนี้เลยยยย
https://www.wegointer.com/2015/06/100-top-sat-words/
ตัวWritingนี่เราแทบไม่ได้เตรียมจริงๆค่ะ ดูแค่บางบท บทที่แนะนำก็ Punctuation ,Conjunction และ Word Analysis ใช้เวลาน้อยแต่เก็บคะแนนได้เยอะะะ ส่วนตัวเราว่าไม่ควรข้ามข้อแล้วกลับมาทำนะคะ เพราะคงกลับมาไม่ทัน5555 ตอบๆไปก่อนค่ะ ถ้าเวลาเหลือค่อยมาคิดใหม่ดีกว่า
ส่วนReading ที่อยากแนะนำคือ อย่าทำแบบเรียงบทความค่ะ คือบทความเนี่ยมันมีหลายแบบ หาแบบที่ตัวเองถนัดแล้วเอามาทำก่อนเถอะค่ะ เช่น เราชอบทำบทความพวกทางวิทยาศาสตร์ก่อน พวกที่มีตารางข้อมูลหรือกราฟมาให้ก็ทำให้ทำได้เร็วมากขึ้นด้วยค่ะ เทคนิคส่วนตัวของเราคืออ่านคร่าวๆแบบเร็วๆทีละParagraphแล้วหาประโยคสำคัญขีดเส้นใต้ไว้เลยค่ะ ทำครบทั้งบทความแบบเร็วๆมันจะทำให้พอเข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร แต่ละบทความสัมพันธ์กันอย่างไร แล้วไปอ่านโจทย์ก่อนค่ะ พอจะหาคำตอบจริงๆก็ค่อยอ่านแบบละเอียด
วันสอบบ!!!!
รายละเอียดเบื้องต้นของวันสอบจริง
1. อุปกรณ์การสอบที่ต้องพกไปในวันสอบได้แก่
- ดินสอ 2B ประมาณ 3-4 แท่ง (ในบางศูนย์สอบเขาอาจมีให้)
- กบเหลาดินสอและยางลบ (บางศูนย์สอบจะมีให้)
- เครื่องคิดเลข (อันที่จริงแค่แบบที่ใช้ในคาบเรียนฟิสิกส์ เคมีที่หา sin cos tan แล้วก็แปลงเศษส่วนเป็นทศนิยมไหวก็ใช้ได้แล้ว)
- บัตรประจำตัวประชาชน(หรือพาสปอร์ต) พร้อมด้วยบัตรสอบที่ปริ๊นท์มาจากในเว็บ College Board โดยทั้ง 2 อย่างนี้ ห้ามลืมเอามาเด็ดขาด!!!
- กระเป๋าสะพายขนาดกลาง ที่สามารถใส่น้ำและขนม โดยศูนย์สอบส่วนใหญ่จะให้นำกระเป่าไปวางไว้ริมห้อง/หน้าห้อง/ห้องฝาก
2. ควรมาถึงสนามสอบตั้งแต่ 7.00 - 7.20 โดยประมาณ ส่วนใหญ่จะเริ่มลงทะเบียนเวลา 7.40 โดยประมาณ แนะนำว่าศึกษาเส้นทางไปแต่ละสนามสอบดีๆด้วยน้าาา
3. ชุดที่จะแต่งมาแนะนำให้เป็นไปรเวทนะคะ ไม่ค่อยมีใครแตต่งชุดนร. เท่าไหร่ และอาจจะมีเสื้อคลุมกันหนาวด้วยก็ดีนะคะ
4. น้ำและขนมพกใส่กระเป๋ามาได้นะคะ ที่มหิดลให้ทานได้ และมีตู้กดน้ำให้ด้วยค่ะ (แต่สนามอื่นเราไม่แน่ใจนะคะ)
5. จะมีช่วงเวลาพักทั้งหมด 2ครั้ง รอบแรกหลังจากสอบพาร์ทแรกคือ Reading จบ และอีกครั้งคือหลังจากจบพาร์ท 3 คือพาร์ท Math no calculator จบ
6. จะสอบเสร็จเวลาประมาณ 12.00 ถ้าว่าไม้ได้ลง Essay แต่หากว่าลงสอบ Essay ด้วยก็จะเกือบๆบ่าย
การเลื่อนสอบบบบบ
อย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะ เราดันป่วยพอดีกับวันสอบ(May 5,2018)เป๊ะๆเลยค่ะ ไปสอบไม่ไหวเพราะอาหารเป็นพิษค่ะ ตอนนั้นเราหาวิธีการเลื่อนการสอบเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเคยรีวิว จนต้องหอบสังขารไปที่ศูนย์สอบเพื่อติดต่อขอเลื่อนค่ะ และพบว่าจริงๆมันสามารถเลื่อนได้ตั้งแต่ในเว็บไซต์อยู่แล้ววว เราก็เลยได้เลื่อนวันสอบค่ะแต่ไม่สามารถเลื่อนเป็นรอบที่ติดกันได้นะคะ เนื่องด้วยรอบต่อไปอาจมีคนเต็มแล้วหรือปิดรับสมัครไปแล้ว เราเลยได้เลื่อนไปรอบที่เร็วที่สุดคือ รอบOct 6,2018ค่ะ เราสามารถเลื่อนได้ทั้งๆที่เลยเวลาสอบรอบที่ลงตอนแรกไว้ได้นะคะ โดยเสียfeeแค่30.5$ค่ะ ถูกกว่าสมัครใหม่แน่นอน
ไปสอบนอกจากจะเตรียมด้านวิชาการก็อย่าลืมดูแลสุขภาพให้พร้อมด้วยนะคะะะะะ
แสดงความคิดเห็น