Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เราเป็าโรคซึมเศร้ากับโรคกลัวการเข้าสังคมTT_TT

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
(มันก็จะยาวหน่อย ใครไม่ชอบข้ามไปเลย)เรารู้ตัวว่าเรามีอาการตั้งแต่ม.3แล้ว ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบที่คนเยอะ ไม่อยากทำความรู้จักกับใครโดยไม่จำเป็น เวลาที่ต้องพูดกับคนแปลกหน้ามักจะประหม่า หัวใจเต้นแรง บางครั้งก็เสียงสั่น หน้าชาหน้าซีดไปเลยก็มี กลัวและคิดว่าอีกฝ่ายจะพอใจกับเรามั้ย เราจะทำอีกฝ่ายขายหน้าหรือเปล่า(ด้วยนิสัยดป็นคนตรงๆกเวยแล้ว) ไม่ชอบสบตาคน เวลาเจอเรื่องอะไรก็จะกังวล เครียด ความจำไม่ดี ตอบรับไปซะทุกอย่าง ร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล นอนไม่หลับต่อเนื่อง คิดอยากตายๆไปซะเวลามีคนมาว่าเราไม่เอาไหน ไร้ประโยชน์ตอนเด็กๆมักโดนพ่อแม่ต่อว่าเรื่องการพูดจาและการเข้าสังคมมาก ตอนเด็กเราเป็นเด็กขี้อาย ถูกคนว่าว่าเป็นไข่ในหิน เราไม่รู้ว่าเราควรพูดอะไรยังไงกับใครแบบไหน เราก็พูดของเราไปเรื่อย และไม่เคยโดนพ่อแม่ต่อว่า จนเรียนม.ต้นนั่นแหละเราถึงรู้ว่าทั้งหมดเกิดจากตัวเรา แต่มันก็สายเกินแก้ไขแล้วเราเป็นคนเรียนไม่เก่งโดยเฉพาะเลข ติด0 ทีนี้อาจารย์ฝ่ายวิชาการก็เชิญเราและพ่อแม่เราไปคุย ตอนนั้นรู้สึกขายหน้าและเกลียดยัยครูคนนั้นมาก แถมเรายังโดนพ่อแม่ตำหนิยกใหญ่ นอนร้องไห้ทั้งคืน เคยพยามคิดฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ เพื่อนทั้งห้องก็ไม่เอาเรา งานกลุ่มก็ไม่มีใครอยากรับเข้า เพื่อนส่วนใหญ่ที่คบเพราะสงสารมากกว่า(ปล.ร.รหญิงล้วนในอยุธยา) ส่วนเรื่องแก้0 ยัยครูบอกเราปลอมลายเซ็นเขาในใบแก้ทั้งที่เขาเซ็นเองกับมือไม่ถึงอาทิตย์ บอกปากกาหัวใหญ่ไม่ใช่ปากกาของฉัน(ก็หล่อนเอาปากกาฉันไปเซ็นไง!!!) กว่าจะจบเรื่องก็จบม.3พอดี เคลียร์กันตั้งแต่ม.2 โชคดีที่มีเพื่อนแท้คอยช่วย ซึ่งมีแค่คนเดียวต่อมาพอเข้าอาชีวะ ทุกอย่างมันก็ปกติดี จนกระทั่งเราโดนbullyเพราะอีกฝ่ายเข้าใจเราผิดเอง ตอนนั้นไม่อยากไปเรียนเลย เราเป็นคนไม่พยามขอความช่วยเหลือจากใคร แต่ตอนนั้นจำเป็น เราเลยให้พ่อเราจัดการ ซึ่งมันก็ผ่านไปได้ และเราก็ติด0อีก!!! ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ความผิดเรา ติดภาษาไทยเพราะจารย์ทำข้อสอบเราหายทั้งที่เราส่งคนแรก(มารู้ทีหลังว่าจารย์ต้องการสอนซัมเมอร์เพื่อหาเงินรักษามะเร็งมดลูก มีติดทั้งห้องก็มีซึ่งบ้ามาก) อีกวิชาคืออังกฤษ ไม่เคยเข้าสอน ถึงเวลาก็ไปอยู่สนามบาส ไปกินข้าวยันบ่าย2ทั้งที่มีเรียนบ่ายโมง แล้วเราได้มีโอกาสคุยกับเด็กสาขาอื่น จึงรู้ว่าพวกเขาก็โดนแบบเรา(สุ่มตก) อยากจะบ้าตาย!!!  ตอนฝึกงานเราฝึกที่พิซซ่า ก่อนออกจากงานเพื่อเตรียมตัวเข้ามหาลับจนเราเข้ามหาลัย ความวิตกกังวลเรามากขึ้น... พ่อแม่เราหย่ากันตอนเราเรียนอาชีวะปีแรกแล้ว ทั้งคู่ไม่คุยกัน แยกกันอยู่ และเราต้องเป็นคนกลางเอาใจทั้ง2ฝ่าย เราต้องโกหกทั้งคู่ในสิ่งที่พวกเขาทำ มันทำให้เราอยากตะโกนแล้วระบายโดยใช้ความรุนแรง แต่โชคดีที่เรายังพอคุมสติได้ปี2 เราถูกพ่อบังคับให้หางานทำ เราเครียดมากจนลองไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา เราปล่อยโฮตรงนั้นเลย และด้วยอหตุนี้มันจึงทำให้เราเครียดจัด กังวลอะไรหลายๆอย่างจนกระทั่งเราติดFสองตัว(ภาษาจีน) เราก็พยามบอกที่บ้านแล้ว แต่เขาไม่สนใจ แถมต่อว่าเราอีก บอกโรคซึมเศร้าอะไร แค่ข้ออ้าง เราบอกอย่างนี้หลายครั้งและโดนต่อว่าทุกครั้ง บอกแม่แม่ก็เห็นเป็นเรื่องตลก บอกให้สวดมนตร์ลูกเดียวทั้งที่เราอธิบายแล้วว่ามันไม่ใช่ ขอเงินไปรักษาก็ไม่ให้ บอกเอาไปทำบุญเมดีกว่า(WTF!?!) บอกพ่อพ่อก็ว่าเรามันขี้เกียจเอง ไปได้เป็นอะไรหรอก ขนาดเอาแบบทดสอบสุขภาพจิตให้ดูยังไม่เชื่อเลยว่าเป็นโรคซึมเศร้า ปัจจุบันนี้แทบไม่อยากคุยด้วยแล้ว คุยแล้วเครียดทุกครั้ง (จะโดนด่าอะไรมั้ยวันนี้) ไม่เคยสนับสนุนความชอบของลูก ทำดีไม่เคยชม ทำผิดครั้งเดียวโดนด่าแล้วไม่คุยเป็นวันตอนนี้เราอยู่กับพ่อ แม่ไปอยู่ที่อื่นแต่ส่งเงินมาให้เป็นค่ากินอยู่และค่าเทอม ทีนี้พ่อเราก็มักหยิบยืมเงินเราทีละเล็กละน้อย แถมพอเงินใกล้หมดยังให้เราบอกแม่ว่าส่งเงินมาเพิ่มที บอกต้องกินต้องใช้ ทั้งที่วันๆเราแทบไม่กินไม่ใช้อะไรเลย ตัวเองกินเบียร์2ขวดทุกวันก็ร้อยกว่าแล้ว บอกให้เลิกก็ไม่เลิก แถมยังเป็นนักเลงมือถือ มีตัวไหนใหม่ราคาถูกจะรีบคว้า แถมยังไซโครลูกให้เปลี่ยนมือถือทั้งที่ไม่จำเป็น พอใช้เกิน4ปี ไม่เปลี่ยนก็ด่า (อยากใช้มีไว้ครอบครองไว้ในบ้านก็พูดมา) เคยบอกให้เราลาออกจากเรียนแล้วไปหางานทำ ค่อยเรียนม.สุโขทัยเอาก็ได้ ทำงานโรงงานเอา ซึ่งแม่ไม่ยอมเพราะเคยเป็นสาวโรงงานมาก่อน ซึ่งพ่อกับแม่เราแนวคิดต่างกันโดยสิ้นเชิงขึ้นปี3ปิดเทอมใหญ่ โดนไล่ให้ไปหาพาร์ทไทม์ ในอยุธยาไม่ค่อยมีพาร์ทไทม์หรอก มีแต่ประจำ เราไปสมัครอยู่3ที่เท่าที่หาได้ว่าเขารับสมัคร แต่โดนปฏิเสธทั้งหมด บอกให้ไปโลตัสนอกเกาะเมือง แต่เราไม่ไปเพราะเลิกดึกและไม่มีรถกลับ เลิก4ทุ่มรถหมด3ทุ่ม เราไม่มีใบขับขี้ด้วย จะให้พ่อขับมอร์ไซต์ไปรับทุกคืนก็ไม่ไหว ได้อยู่ที่นึงแต่ทำได้แค่วันเดียวเพราะสูบบุหรี่จัดกันทั้งร้าน(ตอนเด็กเป็นหอบหืด) จนตอนนี้ปี4ก็ยังไล่ให้หางานอยู่เลย...ใช่ว่าเราไม่อยากทำ แต่พอจะไปแล้วมันพูดไม่ออก รู้สึกกลัวที่ต้องคุยเรื่องงานแม้ว่าจะเป็นคนที่รู้จักกัน คือกลัวที่จะต้องไปของานเค้า แล้วเขาทำร้านอาหาร ต้องการพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งคนอารมณ์แปรปรวนอย่างเราอ่ะนะ? แถมหน้าปกติของเราก็ดูเหมือนคนหยิ่งด้วย(ถ้าสนิทจะรู้ว่าเพี้ยน) หุ่นก็ผอม จะให้เป็นเด็กเสิร์ฟ? ตอนนี้ก็แต่งนิยายลงเว็บอยู่ และรับฟรีแลนซ์พิสูจน์อักษร แต่งนิยายไม่มีปัญหา แต่ฟรีแลนซ์เนี่ยสิ เวลาคนทักมาเราจะรู้สึกหน้าชา ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที อารมณ์แบบอยากได้งานแต่ไม่อยากคุย(กลัว)เรารู้ว่าเราเป็นอะไรและรู้วิธีแก้ไขด้วย แต่มันเหมือนมีตัวฉันอีกคนคอยฉุดเราอยู่ตลอด และมันทำสำเร็จ เราอยากโทรไปกรมสุขภาพจิต แต่เมื่อจะกดเบอร์ เราก็จะกลัว ไม่กล้าคุย ใจเต้นแรง สั่นไปหมดทั้งตัว แล้วก็ไม่ได้คุย ยิ่งถ้าพ่อแม่รู้ว่าเรากำลังมองหาจิตแพทย์ละก็ โดนบ่นหูชาแน่ ตอนนี้สิ่งที่กังวลจัดคือจะจัดการวิธีคิดของพ่อแม่ที่มีต่อโรคนี้ซึ่งเรากำลังเผชิญอยู่ยังไง??? บอกไปหลายรอบก็ไม่เข้าใจ หรือต้องให้แสดงอาการของโรคแบบจริงจังก่อนถึงจะเชื่อ ไม่ต้องถึงกับวิ่งแจ่นพาไปรักษาหรอก แค่ให้กำลังใจบ้างก็ยังดี

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

m13ss 19 พ.ค. 62 เวลา 20:39 น. 1

ผมว่าลองโทรสายปรึกษาปัญหาจิตก่อนดีไหมครับ มีสายอยู่ลองหาดูครับ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันต้องปรึกษากับจิตแพทย์ครับ ผมก็ไม่รู้จะพิมว่ายังไงดี การเปลี่ยนควาทคิดของพ่อแม่คุณคงยากแหละครับเพราะบางคนยังมองว่าเรื่องแบบนี้มันไร้สาระทั้งๆที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกที

0