ชีวิตมัธยมปลายดีที่สุดสำหรับหลายๆคน แต่ไม่ใช่กับเรา
ตั้งกระทู้ใหม่
"ชีวิตมัธยมดีที่สุด" สำหรัับหลายๆคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือความจริง แต่สำหรับเรามันไม่ใช่เลย อาจเป็นเพราะว่าเราไม่ชอบวิท-คณิต แต่ต้องทนเรียนถึง6ปี ตอนม.ต้นยอมรับว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีทั้งเรื่องเพื่อน และเรื่องการเรียน แต่พอขึ้นม.ปลาย การเรียนก็เข้มข้นขึ้น +กับกลุ่มเพื่อนสนิทตอนม.ต้นประมาณ5-6คน แยกย้ายกันไปหมด ต่อที่ร.รเดิมแค่2คนคือเราและเพื่อนอีกคน แต่อยู่คนละแผนการเรียนกัน ก็ไม่ต่างอะไรกับแยกย้าย เราต้องไปเริ่มต้นใหม่ในสถานที่เก่า ในห้องเรียนเกือบทุกคนมีกลุ่มเดิมมาจากม.ต้นกันเกือบหมด แล้วเราล่ะ เราต้องเข้าไปแทรกกลางกลุ่มของคนอื่น ซึ่งพวกเค้าก็ต้อนรับดีนะ ตอนแรกในกลุ่มก็มีความสุขดี ก็ข้าวใหม่ปลามันเนาะ โดยรวมนิสัยของเราเป็นคนง่ายๆ ใจเย็น อะไรก็ได้กับเพื่อน แต่ส่วนมากก็จะโดนเอาเปรียบ จนเป็นอีก1สาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด และไม่มีความสุข กลุ่มที่เราอยู่เป็นกลุ่มใหญ่เกือบ10คนมีคนมาเพิ่มจากกลุ่มอื่น และแตกออก มีคนมาเพิ่ม และแตกออกเป็นวัฏจักรมึนๆ และตอนม.5ก็เหลือ5คน จังหวะนี้เป็นช่วงกิจกรรมกีฬาสี ห้องเรามอบหมายให้กลุ่มเรา5คนดูแลขบวนพาเหรดของสีที่ได้รับผิดชอบ อ่านไม่ผิดค่ะ 5คนทำทุกอย่าง ตั้งแต่คิดธีม หาเด็ก หาชุด ทำอุปกรณ์ ไปจนถึงเดินในขบวนเอง พอมาม.6เทอม1เหลือ3 คนนี้ม.6เทอม2เกือบๆปลายเทอมเหลือเรากับเพื่อน2คน ที่ยังคุยและปรึกษากันอยู่จนถึงตอนนี้ สังคมในห้องก็น่าจะรู้กันจากเหตุการณ์์กีฬาสี ไม่ต่างจาการบูลลี่มากนักหรอก ในห้องเรามีเด็กประมาน39คน แตกออกเป็นกลุ่มหลายกลุ่มก็ธรรมดาใช่ไหม แต่เกือบทุกกลุ่มจะไม่ถูกกัน ชนิดไม่มองหน้ากันในบางกลุ่ม และบางทีกลุ่มเดียวกันอยู่ดีๆก็แยกกัน ไปอยู่กับกลุ่่มที่เคยมีเรื่องถึงขั้นตบตีกันมาก่อน สนุกไหมล่ะเห้ออ ตอนนี้เราก็หลุดพ้นมาได้ โดยมีเพื่อนข้างกาย เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา1คน จนตอนนี้ก็นอนรอมหาลัยเปิด คุ้มมากสำหรับชีวิตม.ปลาย
ในสังคมห้องของแต่ละคนเป็นไงกันบ้าง ลองมาแชร์กันดูค่ะ บางทีอาจเป็นเรื่องตลกร้ายของสังคมไทย
1 ความคิดเห็น
ไม่ต่างกันเลยค่ะ หลายคนบอกชีวิตมัธยมเนี่ยมีความสุขที่สุดแล้ว เราอยากมาขอยืนยันอีกเสียงว่าไม่จริง ถ้าถามเรา เราว่าช่วงประถมอะเป็นความสุขที่แท้จริงเลยแหละ 5555 มีเพื่อคอยอยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือ แถมยังไม่มีเรื่องอะไรให้คิดมากจนปวดหัวอีก วันๆก็เอาแต่คิดกับเพื่อนว่าพักกลางวันจะเล่นอะไรกันดีนะ สิ่งที่ทำให้คิดมากจนปวดหัวช่วงนั้นก็น่าจะมีแค่ลืมทำการบ้านกับลืมเอาหนังสือมา เพราะกลัวจะโดนครูตี 5555 ตั้งแต่เราขึ้น ม.ต้น มาเพื่อนเราที่อยู่กลุ่มเดียวกันสมัยประถมก็ย้ายโรงเรียนกันไปหมด เหลือเราอยู่คนเดียว วันแรกที่มาเรียนเราเจอเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ห้องเดียวกับเราตอนประถมแต่นางนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นคนชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น เอาแต่ใจ ขี้หงุดหงิดแล้วก็จะโวยวาย แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเรากลัวจะหาเพื่อนไม่ได้เราเลยชวนนางมาอยู่ด้วยกันก่อน และนี่แหละน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตช่วงมัธยมของเราพัง หลังจากเราชวนนางมาอยู่ด้วยกันแล้วก็มีเพื่อนเข้ามาอยู่ในกลุ่มเราอีก 2 คน เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันสมัยประถมเหมือนกัน แล้วก็มีเพื่อนใหม่เข้ามาขออยู่กลุ่มเราด้วยคนนึง นางนิสัยดีนะ แล้วก็เฟรนลี่มากๆ เราสนิทกับนางที่สุดในกลุ่มแล้วแหละ ด้วยความที่นางเป็นคนเฟรนลี่ เข้ากับคนง่าย กลุ่มเราเลยเป็นศูนย์รวมของคนที่ถูกเพื่อนไม่คบ (ฟังอาจจะดูแปลกๆแต่มันเป็นงั้นจริงๆนะ 5555) ในห้องเรามีเพื่อนที่เป็นตุ๊ดคนนึง ซึ่งเราไม่ค่อยชอบนางอะ เพราะนางจะชอบเล่นอะไรแรงๆ แล้วก็ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น แต่เพื่อนใหม่เราคนนี้ก็รับเข้ามาอยู่ในกลุ่ม ตอนแรกเราก็ไม่อะไรหรอก ถ้ามีเพื่อนใหม่คนนี้อยู่เราก็อยู่ในกลุ่มได้ แต่เหมือนฟ้าจะเล่นตลกอะไรกับเรา เพราะเพื่อนคนนี้ต้องย้ายรร.ตอน ม.2 เนื่องจากครอบครัวนางย้ายบ้าน หลังจากนี้แหละชีวิตของเราไม่มีความสุขอีกเลย ด้วยความที่เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด เราเลยโดนเพื่อนที่เป็นตุ๊ดแกล้งตลอด พอเพื่อนคนนี้เริ่มแกล้งเรา ทุกคนในกลุ่มก็ตามเพื่อนคนนี้ เหมือนเราเป็นตัวตลกสำหรับกลุ่ม จะทำอะไรกับเราก็ได้ นอกจากนี้เรายังโดนใช้ให้ทำงานสารพัด แล้วก็ยังโดนเอาเปรียบต่างๆนาๆ กลับบ้านมาเราร้องไห้ทุกวันเลย เราโดนแบบนี้มาตลอดช่วง ม.ต้น จนเรารู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า แต่เราไม่กล้าบอกแม่เราเลยทนมาตลอด เราคิดอยากจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ดีที่ใจเรามันไม่กล้าพอ ไม่งั้นป่านนี้คงไม่ได้มานั่งพิมพ์อยู่ตรงนี้แล้ว จนขึ้น ม.ปลาย กลุ่มเราก็แยกย้ายกันไปอยู่คนละห้อง เราดีใจมากที่ได้อยู่คนละห้องกับเพื่อนที่เป็นตุ๊ด แต่เราก็ยังได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนที่เอาเปรียบเราอยู่ดี ช่วง ม.4 เรารู้สึกเลยว่าเราไม่ไหวเลยตัดสินใจบอกแม่ไป เราขอให้แม่พาเราไปหาหมอ ตอนแรกแม่ก็เหมือนจะไม่พาไปเพราะเค้าไม่เข้าใจอาการของโรคซึมเศร้า แต่ตอนนั้นเราไม่ไหวแล้วจริงๆพูดกับแม่ก็ร้องไห้ไปตลอด แม่เลยยอมพาเราไปหาหมอ ก็กินยาอยู่ประมาณ 3-4 เดือน แม่ก็ให้เราหยุดกิน เพราะแม่บอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ตอนนี้เราก็้น่าจะหายแล้ว เราก็โอเคเพราะตอนนี้เราก็เริ่มดีขึ้นมากแล้วจริงๆ แล้วค่ายามันก็แพงด้วย เราไม่อยากให้แม่ลำบาก เราก็ใช้ชีวิตของเราปกติ แต่ด้วยความที่เรายังต้องเจอกับคนที่เอาเปรียบเราอยู่ตลอด ตอนนี้เราเลยรู้สึกเหมือนเราจะกลับมาเป็นอีกครั้งแล้ว แต่เราไม่กล้าบอกแม่ เพราะช่วงนี้ฐานะที่บ้านเราก็ไม่ค่อยดี แม่เราเพิ่งถูกโกงเงินไป บางทีเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไปทำกรรมอะไรไว้นักหนา แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้เราพยายามที่จะปลง อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อยากเอาเปรียบเรามากก็เชิญเลย หวังว่าสักวันฟ้าจะเข้าใจคนอย่างเราบ้างล่ะนะ ขอโทษที่พิมพ์ยาวไปหน่อยนะคะ พอได้พิมพ์ออกมาแล้วมันไปเรื่อยหยุดไม่ได้เลย 5555 เราก็ขอให้ชีวิตมหาลัยของจขกทเจอเพื่อนดีๆนะคะ ตอนนี้เราก็ใกล้จบ ม.6 แล้ว หวังว่าชีวิตมหาลัยของเราจะดีกว่านี้เหมือนกัน
สู้ๆนะคะ เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกเอาเปรียบดี เพราะเราก็โดน ก็มันปฏิเสธไม่เป็นนี่ แต่ตอนนี้เราขจบม.6แล้ว เรากำลังจะเริ่มต้นใหม่ในรั้วมหาลัย ขอให้ชีวิตมหาลัยของเรา2คน เป็นชีวิตที่ดีนะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?